เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 325 ปฐมราชินีเยี่ยนล้มสวะ
ตอนที่ 325 ปฐมราชินีเยี่ยนล้มสวะ!
เยี่ยนอวี๋ตอบตกลงโดยที่เสียงวิพากวิจารณ์ของฝูงชนยังไม่เงียบลง อีกทั้งนางยังผายมือออกเป็นสัญญาณว่า ‘เชิญ’ นางให้ชิงเหอเซิ่งเริ่มก่อน?!
นี่มัน…
“ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนมีความสามารถจริงๆ หรือว่าหยิ่งผยองและโง่เขลากันแน่นะ” ผู้ชมมากมายไม่เข้าใจ เพราะว่าเยี่ยนอวี๋แสดงทีท่าสงบนิ่งเกินไป ทว่าสิ่งที่นางต้องเผชิญนั้นมิใช่ศิษย์วัยเยาว์สำนักชิงเหลียน แต่คือเจ้าสำนักแห่งสำนักชิงเหลียน ผู้คร่ำหวอดในวงการมานานหลายปี! แต่ท่าทีเช่นนี้ของนางช่าง…
“แม้แต่สำนักคุนอู๋หากต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักสำนักชิงเหลียนก็คงไม่สงบนิ่งเช่นนี้ ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนแสดงท่าทีเช่นนี้ทำให้ข้ารู้สึกปลอมเกินไป!”
“นั่นน่ะสิ ข้ายังเดิมพันไว้ว่าสำนักชางอู๋จะท้าชิงสำเร็จ ข้าคงแพ้แล้วสินะ แต่ก่อนชื่อเสียงของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนก็คือสตรีเสเพลหยิ่งผยอง เหมือนกับว่า…”
“โง่เขลาไปหน่อย ใช่หรือไม่” คนมากมายที่เดิมพันไว้ว่าสำนักชางอู๋จะท้าชิงชนะได้เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เพราะว่าเยี่ยนอวี๋ดูแล้วเหมือนกับกำลังเล่นละคร ไม่มีความจริงจังเลย
ทว่าพวกเขาก็รู้ในไม่ช้าว่า สำหรับการสู้กับชิงเหอเซิ่งแล้ว เยี่ยนอวี๋ไม่จำเป็นต้องจริงจังจริงๆ ทว่าบัดนี้หลายๆ คนที่บ้างกำลังส่ายศีรษะถอนหายใจ บ้างกำลังรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น บ้างก็กำลังแสดงสีหน้าเคร่งขรึม! ฝ่ายหลังส่วนใหญ่เป็นคนที่เป็นห่วงเยี่ยนอวี๋ ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มใด ก็ไม่รู้ว่าเยี่ยนอวี๋มีความสามารถเก่งกาจเพียงใด
…
ในขณะเดียวกัน ชิงเหอเซิ่งก็ปล่อยแสงสีครามที่ถูกรวมไว้กลายเป็นดอกปทุมสีครามที่บริสุทธิ์และงดงามบนลานสนามประลอง
“ปทุมกำเนิดร้อยแดน!” เยี่ยนหงชวนหรี่ตาลง “นี่เป็นเคล็ดวิชาลับอันเลื่องชื่อของชิงเหอเซิ่ง ว่ากันว่าในกลีบบัวแต่ละกลีบจะมีโลกเสมือนจริงอยู่ใบหนึ่ง! หากนักฝึกฌานหลุดเข้าไปในดินแดนที่เขาสร้างขึ้น จะไม่มีวันกลับออกมาได้อีก”
เยี่ยนชิงหน้าดำหน้าแดงทันที “ข้าบอกแล้วว่าห้ามให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไป!”
“แม?” เมื่อเด็กน้อยฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงถามว่า ท่านแม่ตกอยู่ในอันตรายหรือ
ทว่าต้าซือมิ่งยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กน้อยเพื่อบอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว
ในขณะเดียวกัน รอบกายเยี่ยนอวี๋ก็แผ่ซ่านแสงสีรุ้งเจิดจ้าปัดเป่าหมอกสีครามเหล่านั้นที่วนเวียนอยู่รอบกายนาง
ทว่าชิงเหอเซิ่งก็ตะโกนขึ้นในขณะเดียวกัน “ผลิ!”
ดอกปทุมสีครามขนาดใหญ่นั้นก็ผลิบานอย่างเกรี้ยวกราดภายใต้การเร่งเร้าของชิงเหอเซิ่ง กลีบดอกปทุมพันร้อยกลีบงอกเงย และมันก็พุ่งเข้าไปพันเยี่ยนอวี๋ไว้ กลายเป็นภาพชวนฝันไปชั่วขณะ!
ทว่าทุกคนรู้ว่าความฝันอันงดงามนี้แฝงไปด้วยอันตรายทั่วทุกอณู เพราะว่าชิงเหอเซิ่งที่ยังคงนั่งขัดสมาธิ เขาก็เข้าไปอยู่ในทุกแห่งของความฝันที่เขาสร้างขึ้นแล้ว
จิตอยู่แห่งใด กายอยู่แห่งนั้น นี่เป็นความสามารถที่มีเพียงนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ทำได้ กระทั่งสามารถลอบเข้าไปในสติของผู้คนอย่างไร้สุ้มเสียงและทำลายวิญญาณได้
“ชิงเหอเซิ่งสู้สุดใจจริงๆ!” ตี๋อูหวนเจ้าสำนักสำนักเนี่ยผานแสดงสีหน้าเคร่งขรึม เพราะว่าเขารู้ดีว่าประลองฝันที่นักอัญเชิญวิญญาณระดับตำนานท้าคือการเผยร่างวิญญาณของตนให้คู่ต่อสู้เห็น หากล้มเหลวก็เท่ากับว่าทำลายตัวเองทิ้ง
จวินอั้นเทียนที่อยู่ไม่ไกลจากตี๋อูหวนก็เข้าใจเรื่องนี้ดี สีหน้าเขาจึงดูไม่ค่อยดีนัก “พลังจิตใจที่สั่งสมมาเกือบร้อยปีของชิงเหอเซิ่ง แม้ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนจะมีความสามารถไม่ธรรมดาเพียงใดก็คงจะ…”
“ไม่หรอก!” จวินอั้นหยวนรีบพูดแทรกขึ้น เขามองเยี่ยนอวี๋บนลานประลองด้วยสีหน้าวิตกกังวล เพราะว่าอันที่จริงเขาเองก็กลัวเหมือนกัน! เพราะเยี่ยนอวี๋ในตอนนี้ถูกกลีบดอกบัวห้อมล้อมอย่างแน่นหนา แสงสีรุ้งที่แต่เดิมเจิดจ้าก็ราวกับกลายเป็นสีครามไปแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงการถูกความฝันกัดกร่อน!
ฉากเช่นนี้… ทำให้เยี่ยนชิงอดร้องเรียกไม่ได้ “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์!”
พี่น้องตระกูลเยี่ยนสองคนกำหมัดแน่น ต่างก็กลัวว่าน้องสาวเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาจะเป็นอะไรไป
แต่แล้วเหมือนว่าพวกเขาจะกังวลมากเกินไปเอง
วิ้ง!
วิ้ง!…
แสงสีรุ้งรอบกายเยี่ยนอวี๋ที่แต่เดิมหม่นหมองลงก็แผ่ขยายเข้าไปในกลีบบัวราวกับสายฟ้าผ่า
“นี่มัน…”
“นางกำลังเข้าไปในฝันด้วยความฝัน!” ตี๋อูหวนตะลึงจนร้องออกมา เพราะว่าเขารู้ว่านี่หมายถึงแม่นางเยี่ยนกำลังสู้กับชิงเหอเซิ่งด้วยวิธีเดียวกัน
ความจริงก็เป็นดังเช่นนั้น เพราะว่าเยี่ยนอวี๋หลับตาลงแล้ว พลังจิตใจของนางก็คือแสงที่นางแผ่ซ่านออกมา มันกำลังเข้าไปในความฝันของชิงเหอเซิ่ง
“ลวง!”
ในขณะนั้นเอง เสียงของชิงเหอเซิ่งกลับดังขึ้นจากทั่วทุกบริเวณที่ดอกปทุมครอบคลุม กลีบดอกบัวก็กลายเป็นสิ่งก่อสร้างต่างๆ เช่น ศาลา ถนนซอกซอย กระทั่งโรงเตี๊ยมในชนบทในทันที
หนึ่งกลีบหนึ่งโลก! นี่ก็คือปทุมกำเนิดร้อยแดน!
มันสามารถผสานตัวกับแสงที่เยี่ยนอวี๋แผ่ซ่านเข้าไป กระทั่งกลืนกินและทำลายแสงเหล่านั้น! เพราะว่าระดับชั้นของโลกที่ชิงเหอเซิ่งสร้างขึ้นอยู่เหนือชั้นกว่าแสงอันบริสุทธิ์ของเยี่ยนอวี๋ มันสามารถกลืนกินแสงทุกชนิดได้
ในขณะเดียวกัน!
“เปลี่ยน”
เสียงไพเราะดั่งเสียงเพลงของเยี่ยนอวี๋ดังขึ้นกลางอากาศ ภายใต้การปลุกเร้าของนาง แสงสีรุ้งงดงามของนางก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตทั้งห้า อันได้แก่ซีหวังหมู่แห่งธาตุทอง ต้นอู๋ถงแห่งธาตุไม้ มังกรอิงหลงแห่งธาตุน้ำ หงส์เพลิงแห่งธาตุไฟ มังกรเทพแห่งธาตุดิน ทุกๆ องค์ล้วนเป็นวิญญาณในตำนาน อีกทั้งพวกมันยังแผ่ซ่านกลิ่นอายดั้งเดิมอันศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลา ทำเอาเหล่าผู้แข็งแกร่งแต่ละสำนักตะลึงจนลุกขึ้นยืน! “นี่มัน…”
“เบญจมหาภูติรูป! นางเป็นนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ธาตุทั้งห้าหรือ!” ตี๋อูหวนตะลึงร้องเสียงหลง เพราะว่าอสูรในตำนานที่เยี่ยนอวี๋อัญเชิญออกมาทั้งห้าธาตุนั้นเหมือนจริงเกินไป นี่อาจจะหมายความว่านางสามารถอัญเชิญอสูรในตำนานห้าธาตุได้!
ไม่เพียงเท่านี้…
“ทลาย”
เยี่ยนอวี๋ที่ควบคุมอสูรในตำนานห้าธาตุก็ควบคุมโครงสร้างของโลกในดอกปทุมได้ นางทำลายโลกในกลีบบัวเหล่านั้นทันที ในขณะเดียวกันก็กลืนกินแสงสีครามจนหมดสิ้น
ทว่าชั่วขณะที่ชิงเหอเซิ่งกำลังจะพ่ายแพ้ก็ตะโกนขึ้น “อัญเชิญ!”
กรรร!
อสูรมังกรสีครามที่แม้จะมีร่างเลือนรางแต่เต็มเปี่ยมด้วยพลังน่าเกรงขาม มันสถิตลงมาที่แท่นลานประลองก่อนจะพุ่งตัวไปเขมือบเยี่ยนอวี๋
“อ้ะเนะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าตกใจจนเกือบจะกระโดดออกไป! ทว่าเยี่ยนชิงที่อุ้มเขาไว้กำลังกอดเขาไว้แน่นเพราะความตื่นเต้น เด็กน้อยจึงกระโดดออกไปไม่สำเร็จ
แต่ว่า…
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์!”
เยี่ยนชิงและคนอื่นๆ พร้อมจะทะยานตัวไปช่วย! ไม่มีใครคิดว่าชิงเหอเซิ่งในฐานะที่เป็นถึงเจ้าสำนักกลับคิดแผนการอย่างอื่นไว้ ทั้งที่สัญญาว่าจะสู้กันด้วยวิธีประลองฝัน! เขาตั้งใจจะอัญเชิญมังกรสีครามอสูรในตำนานออกมาตั้งแต่แรกแล้ว
แม้แต่หยางถิงซานเองก็คิดไม่ถึง ทว่าพวกเขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นดีใจแล้ว เพราะหากชิงเหอเซิ่งฆ่าเยี่ยนอวี๋ได้ เช่นนั้นคนที่ต้าซือมิ่งจะเคืองแค้นก็จะกลายเป็นสำนักชิงเหลียน จะไม่เกี่ยวข้องกับสำนักคุนอู๋พวกเขาแล้ว!
แต่แล้ว…
วิ้ง!
ชั่วขณะที่เยี่ยนอวี๋สะบัดแขนเสื้อ นางก็ใช้ฝ่ามือหยุดมังกรสีครามที่พุ่งเข้ามาสังหารนางไว้แล้ว
ใช่แล้ว! เพียงแค่ฝ่ามือเดียว ฝ่ามือเรียวงามของนางหยุดมันไว้แล้ว ไม่เพียงเท่านี้…
“ลงมา”
ขณะที่เยี่ยนอวี๋วาดแขนไป อสูรมังกรสีครามเลือนรางที่เลื้อยไปทั่วลานสนามประลองก็ถูกนางจูงไปทางบริเวณที่นั่งของสำนักคุนอู๋ ครานี้เอง…