เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 345 พรสวรรค์ควบไม่ธรรมดาของตระกูลเยี่ยนซัดศัตรู
ตอนที่ 345 พรสวรรค์ควบไม่ธรรมดาของตระกูลเยี่ยนซัดศัตรู!
นี่มัน…
หลายๆ คนอึ้งเพราะคาดไม่ถึง! ถึงอย่างไรแม้ก่อนหน้านี้สำนักนิรนามจะไม่รู้จักความอาจหาญของเม่ยเอ๋อร์ แต่บัดนี้ก็ได้เห็นการประลองของนางและกู้หยวนหมิงไปแล้ว พวกเขาควรจะรู้ตัวดี! แต่สำนักนิรนามยังดึงดันจะท้าสำนักชางอู๋?! ความกล้าหาญเช่นนี้พวกเขาได้แต่ใดมา!? พวกเขายังระบุตัวคุณชายใหญ่เองด้วย!?
ทว่าไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เม่ยเอ๋อร์ก็อยากจะลงประลองเอง “คุณหนูใหญ่ ข้าขอลงเองเจ้าค่ะ!”
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่คิดเลยว่าสำนักนิรนามจะท้าพี่ใหญ่ เพียงแต่ว่า… เยี่ยนอวี๋ยังไม่ทันครุ่นคิด เยี่ยนจื่อเยี่ยก็ลุกขึ้น “ข้ารับคำท้า”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ ข้าน้อยขอรับเอง!” เม่ยเอ๋อร์ร้อนรน
เยี่ยนจื่อเยี่ยยิ้มเล็กน้อย “ให้เจ้าสู้อยู่คนเดียวไม่ได้หรอก ข้าเองก็อยากยืดเส้นยืดสายสักหน่อยเหมือนกัน”
“ให้พี่ใหญ่ลงเถอะ เม่ยเอ๋อร์นั่งลง” เยี่ยนอวี๋เคารพการตัดสินใจของพี่ใหญ่
เม่ยเอ๋อร์นั่งลงอย่างไม่พอใจนัก “สำนักนิรนามไร้ยางอาย เมื่อครู่นี้ยังไม่กล้ารับคำท้าอยู่เลย ครานี้กลับส่งคนมาท้าสำนักข้า ทำไมเมื่อครู่นี้เจ้าสำนักน้อยคนนี้ไม่ออกมาสู้กับข้านะ มีเพียงชุนซิ่นจวินค่อยยังดีหน่อย”
“นั่นน่ะสิ เท่าที่ข้าดู ชุนซิ่นจวินฝีมือพัฒนาขึ้นมากเลย ทั้งท่วงท่า พลัง และบารมีนั่น… อย่าหาว่าข้าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ในต้าซย่าแห่งนี้นอกจากข้าและต้าซือมิ่งแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดโดดเด่นอีกเลย”
เอ้อร์เหมาเงียบ เขาถอนหายใจ
“เจ้าเป็นอะไรน่ะ” อินหลิวเฟิงไม่เข้าใจ
เอ้อร์เหมาทำท่าจะพูด แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจต่อ
อินหลิวเฟิงถีบเขาไปทีหนึ่ง “พูด!”
“นายน้อยรู้ตัวหรือไม่ว่า ช่วงนี้ท่านดูชอบชุนซิ่นจวินเป็นพิเศษ จนท่านไม่ได้ออกไปเกี้ยวพานหยอกล้อสาวงามเลย ท่านคงไม่ได้ชอบชุนซิ่นจวินจริงๆ ใช่หรือไม่ขอรับ” เอ้อร์เหมาพูดจบก็หนักใจ
ตุบ! พัดของอินหลิวเฟิงตกลงบนพื้น เขาอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อตั้งสติได้ก็รูดแขนเสื้อขึ้นเตรียมจะกระทืบลูกน้อง “ไอ้คนปากเสีย!”
เอ้อร์เหมารีบตะบึงหนี “นายน้อยท่านอย่าหงุดหงิดสิขอรับ แต่เรื่องนี้จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ ท่านคิดดูสิท่านเป็นถึงนายน้อย ท่านอ๋องอนุญาตให้ท่านแต่งกับหญิงเช่นคุณหนูใหญ่ที่มีลูกติดได้ แต่ท่านอ๋องต้องไม่ยอมให้ท่านแต่งกับชายที่มิอาจสืบสกุลได้หรอกนะขอรับ!”
“หุบปาก!” อินหลิวเฟิงหมดคำพูด เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นบ้า เพราะว่าบัดนี้ทุกคนรอบทิศมองมาที่เขาแล้ว คงเป็นเพราะพวกเขาได้ยินสิ่งที่ลูกน้องสารเลวพล่ามแล้ว!
ทว่าต้าซือมิ่งก็รู้สึกมหัศจรรย์นัก “ที่แท้นายน้อยอินชอบแบบนี้นี่เอง”
เยี่ยนอวี๋ยิ้มเล็กน้อย มิได้แสดงความเห็นใดๆ
ทว่าไม่รู้ว่าอินหลิวเฟิงคิดอย่างไร เขาวิ่งไปหาเยี่ยนอวี๋พูดว่า “กูไหน่ไน ท่านอย่าฟังที่เอ๋อร์เหมาพูด! ไอ้สารเลวนั่นมันไร้สมอง พรุ่งนี้ข้าจะไปขอท่านพ่อเปลี่ยนตัวลูกน้อง ข้ายืนยันได้ว่าข้าไม่ได้ชอบอะไรแบบนั้น! ข้าชอบหญิงงาม!”
“นั่นมันก็เรื่องของเจ้า” เยี่ยนอวี๋กวาดตามองอินหลิวเฟิง “ชุนซิ่นจวินก็ไม่เลว”
อินหลิวเฟิง “…”
เขาจะร้องไห้แล้ว!
“ใช่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับสำทับ “ดี…”
“ดีอะไรเล่า พ่อคุณทูนหัว ชุนซิ่นจวินหน้าตาดีอย่างไรก็เป็นเพียงผู้ชาย จะดีเท่าท่านแม่เจ้าได้อย่างไรเล่า” อินหลิวเฟิงยิ้มเจื่อน เขาไม่ได้ชอบผู้ชายจริงๆ
“แม! ดี!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากล่าวอย่างมีความสุข “แมข้า! ดี…สุด! ของเป่า…พ่อ!”
ต้าซือมิ่งลูบเด็กน้อย ก่อนจะอมยิ้มมองอินหลิวเฟิง “ใช่แล้ว ท่านแม่ของเสี่ยวเป่าเป็นของเสี่ยวเป่าและพ่อ”
อินหลิวเฟิงพลันสั่นระริก เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตนพูดไม่ถูก ทว่าเขายังคงยืนกรานว่า “ข้าไม่ได้ชอบชุนซิ่นจวินจริงๆ!”
“แล้วช่วงนี้เจ้าดื่มสุรากับใครหรือ” เยี่ยนจื่อเสาถามขึ้น
“ชุน…” อินหลิวเฟิงสะอึก
เยี่ยนจื่อเสาหัวเราะ “นี่ไง! ช่วงนี้เจ้าดื่มสุรากับชุนซิ่นจวินทุกวัน เจ้ายังบอกว่าเจ้าไม่ชอบเขาอีก”
“ไม่ใช่…” อินหลิวเฟิงรู้สึกตนเองยิ่งพูดยิ่งแย่
เยี่ยนจื่อเสาก็ไม่ได้เย้าแหย่ต่อ เขาเพียงแค่ยิ้มแล้วพูดว่า “เอาเถอะ เรื่องนี้เจ้าค่อยกลับไปอธิบายกับท่านพ่อของเจ้า ข้าคิดว่าท่านอ๋องคงกำลังจับตามองเจ้าแล้ว จงสร้างบุญกุศลไว้ให้มากเถิด”
“จะว่าไปแล้ว เจ้าและจื่อเยี่ยก็ควรจะแต่งงานได้แล้ว ชอบพอแม่นางตระกูลไหนหรือไม่” นานๆ ทีเยี่ยนชิงจะเป็นห่วงบุตรชาย
เยี่ยนจื่อเสาปฏิเสธความห่วงใย “ท่านพ่อ ท่านเป็นห่วงเรื่องงานสมรสของน้องและว่าที่น้องเขยก่อนเถิดขอรับ ส่วนเราสองคนน่ะ ปล่อยไปตามเวรตามกรรมเถิดขอรับ”
“พูดบ้าอะไรน่ะ! พรุ่งนี้ข้าจะนัดหมายให้เจ้าและพี่เจ้า”
“อย่าเลย! ท่านพ่อ! ท่านเป็นพ่อปลอมๆ ต่อไปเถอะ” เยี่ยนจื่อเสารู้สึกปวดศีรษะ เขาเปลี่ยนเรื่องทันที “เราดูพี่ใหญ่ก่อนเถอะ พวกเจ้าดูสิ โหวเผยเฉิงเขา…”
เยี่ยนจื่อเสาสะอึก เขาเห็นว่าโหวเผยเฉิงแห่งสำนักนิรนามกำลังอัญเชิญอสูรร้ายในตำนานนั่นก็คือวิญญาณแห่งฉงฉี[1] นี่มัน…
กรร! ระหว่างพิธีอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ของโหวเผยเฉิง โครงร่างอันเลือนลางของวิญญาณอสูรดุร้ายฉงฉีก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น มันปลดปล่อยรังสีอำมหิตอันน่าสะพรึงออกมา
จิ๊ด! ลูกหนูน้อยตื่นเต้น จิ๊ดๆ!
เยี่ยนเสี่ยวเป่าบีบลูกหนูน้อย เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย “ลุง! อ้ะเนะเนะ!”
“ไม่ต้องกลัว” เยี่ยนอวี๋ลูบเด็กน้อย อันที่จริงนางเองก็กำลังมองไปที่ตรงกลางลานต่อสู้อย่างเป็นห่วงเช่นกัน
เพราะว่าฉงฉีอสูรร้ายในตำนานที่โหวเผยเฉิงอัญเชิญออกมามีพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ มันเป็นสัตว์ดุร้ายที่มีพฤติกรรมต่ำช้ามากเช่นกัน เคยถูกนางกำราบหลายครา แต่ก็ยังคงมิอาจแก้พฤติกรรมเหล่านั้นได้ ต้องมีคนคอยจับตาตลอดเวลา
แม้แต่บรรพบุรุษยังเป็นเช่นนี้ ทายาทคง…
เยี่ยนอวี๋ไม่ต้องคิดมากก็มั่นใจได้ว่าทายาทฉงฉีที่โหวเผยเฉิงอัญเชิญมาองค์นี้มีพฤติกรรมเลวร้ายยิ่งกว่า
กรร…
ฉงฉีที่กำลังปรากฏตัวก็ปลดปล่อยกลิ่นอายกระหายเลือดคละคลุ้ง อีกเพียงเล็กน้อยก็จะปรากฏตัวชัดเจนแล้ว! และในระหว่างนี้เพราะว่าโหวเผยเฉิงเป็นนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานแล้ว ไม่มีผู้ใดลอบจู่โจมเขาได้ ทว่า…
“แค่ก!”
หลังจากที่โหวเผยเฉิงอัญเชิญวิญญาณออกมาสำเร็จ เขาก็นั่งขัดสมาธิลงพลางกระอักเลือดออกมา เขาจึงรีบทานยาตามลงไป ดูท่าสำหรับเขาแล้วการอัญเชิญวิญญาณครั้งนี้คงสูญเสียพลังไปไม่น้อย
แต่ในขณะเดียวกัน…
โฮก!
อสูรร้ายฉงฉีปรากฏตัวแล้ว รูปร่างเหมือนเสือดุร้าย แต่กลับมีปีกกระดูกสีแดงฉานคู่หนึ่ง ราวกับเพิ่งปีนป่ายออกมาจากบ่อโลหิต กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายไปทั่ว ทำเอาทุกคนตะลึงงัน
เม่ยเอ๋อร์ไม่พอใจ นางจ้องโหวเผยเฉิงเขม็ง
อึก เยี่ยนจื่อเสารู้สึกประหม่า “พี่ใหญ่ไหวหรือไม่”
เยี่ยนจื่อเยี่ย ไหวหรือไม่
ทุกคนก็กำลังคิดเช่นนี้เช่นกัน หลายๆ คนกระทั่งตั้งตารอให้เยี่ยนจื่อเยี่ยอัญเชิญวิญญาณอสูรออกมาเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น เขายังคงสงบนิ่งไม่ไหวติงราวกับต้นสนตั้งแต่ที่ขึ้นมายืนบนเวที
ทำให้หลายๆ คนคาดเดาไปต่างๆ นานาว่า “หรือว่าคุณชายใหญ่เยี่ยนจะต่อสู่กับอสูรวิญญาณร้ายฉงฉีนี้ด้วยพลังของตนเอง”
“คงไม่ใช่หรอก นี่มันเป็นวิญญาณอสูรในตำนานเชียวนะ เว้นเสียว่าเขาอยู่ระดับขั้นถอดจิตแล้ว!”
“นั่นมันอสูรในตำนานทั่วไป แต่นี่เป็นถึงอสูรร้ายฉงฉีเชียวนะ เกรงว่าแม้แต่วรยุทธ์ขั้นถอดจิต มันก็ฆ่าได้! นี่มัน…”
ผู้คนไม่น้อยต่างคิดว่าเยี่ยนจื่อเยี่ยประมาทเกินไปแล้ว แต่เนื่องจากเขาเป็นศิษย์สำนักศึกษา และยังเป็นศิษย์รักของอีอิ่นจึงอดคิดไม่ได้ว่าหรือว่าเขามีความสามารถเช่นนั้นจริงๆ
โฮก!
ไม่ว่าผู้คนรอบตัวจะคิดอย่างไร อสูรร้ายฉงฉีก็คำรามใส่เยี่ยนจื่อเยี่ยแล้ว นัยน์ตาของมันเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมกระหายเลือด คลื่นพลังอำมหิตรอบกายกลายเป็นสีแดงเลือด
ทันใดนั้นเอง…
ฟ้าว!
อสูรร้ายฉงฉีกางกรงเล็บซัดลงไปที่เยี่ยนจื่อเยี่ย กรงเล็บแหวกว่ายกลางอากาศจนเกิดการเสียดสี ทำเอาติ้งซีอ๋องรีบสั่งให้ผู้แข็งแกร่งราชสำนักคุมพื้นที่โดยรอบให้เสถียร อย่าให้ทลายลง
แต่เยี่ยนจื่อเยี่ยกลับยังคงนิ่ง และจังหวะนั้นเอง ภายใต้สายตาตะลึงงันของทุกคน เขาก็ปล่อยหมัดออกไป เขากำลังใช้วิชากำลังกายของตนต่อสู้กับกรงเล็บอสูรร้ายฉงฉี?!
“นี่มัน! เป็นไปไม่ได้!” บางคนร้อนรนแล้ว!
โฮก!
อสูรร้ายฉงฉีเองก็คำรามใส่ราวกับกำลังเย้ยหยัน
แต่แล้ว…
ตู้ม!
ในขณะที่หมัดของเยี่ยนจื่อเยี่ยซัดใส่อสูรร้ายฉงฉี รอบกายของเขาก็ปรากฏภาพอิงหลงตนหนึ่ง และหมัดของเขาก็กลายเป็นกรงเล็บมังกรในทันที กรงเล็บทั้งสองเชือดเฉือนกันอย่างดุเดือด
โฮก!
อสูรร้ายฉงฉีคำรามเสียงดังกึกก้องด้วยความเกรี้ยวกราด กรงเล็บของมันพยายามดึงเยี่ยนจื่อเยี่ยเข้ามาข้างหน้ามันเพื่อจะกลืนกินเขาลงไป
“ไสหัวไปซะ!”
รอบกายเยี่ยนจื่อเยี่ยระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์อิงหลงออกมา เขาหนักแน่นดั่งขุนเขา มือข้างหนึ่งกลับจู่โจมกลับ ดึงทึ้งอสูรร้ายฉงฉีอย่างเหี้ยมหาญ อสูรร้ายฉงฉีถูกจับก่อนจะถูกทุ่มลงไปกระแทกพื้นอย่างแรงต่อหน้าต่อตาทุกคน!
โฮก!
กรร!
เสียงคำรามของมังกรอันดุร้ายและเสียงครางของอสูรร้ายฉงฉีก็ทำเอาทุกคนในสนามอ้ำอึ้ง ไม่มีใครคาดคิดได้ว่าเยี่ยนจื่อเยี่ยจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งเพียงนี้!?
นอกจากต้าซือมิ่ง เยี่ยนอวี๋เองก็คาดคิดไม่ถึงเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กน้อย ทว่าเขาก็ส่งเสียงกู่ร้อง ว้าว ว้าววว ไม่หยุดแล้ว
แต่ในขณะที่เยี่ยนจื่อเยี่ยจู่โจมอสูรร้ายฉงฉีกลับนั้นเอง โหวเผยเฉิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิรักษาตัวอยู่นั้นจู่ๆ ก็กระโดดขึ้นมาจากข้างหลังเขาพร้อมกับชูกระบี่ยาวสีดำทมิฬเล่มหนึ่งออกมา ก่อนจะเสือกกระบี่แทงลงไปที่แผ่นหลังของเยี่ยนจื่อเยี่ย!
“พี่ใหญ่!”
“จื่อเยี่ย!”
“ไม่!”
เสียงตื่นตระหนกดังไปทั่วทั้งลาน แต่เสียงของทุกคนก็เร็วสู้การลอบจู่โจมของโหวเผยเฉิงไม่ได้! ก่อนที่ทุกคนจะอุทาน กระบี่ของเขาก็แทงลงไปที่แผ่นหลังของเยี่ยนจื่อเยี่ยแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เขาแค่แกล้งอ่อนแอ! อันที่จริงนี่คือท่าไม้ตายของเขาต่างหาก! เขาไม่ปล่อยโอกาสให้เยียนจื่อเยี่ยได้ยอมแพ้ด้วยซ้ำ รวดเร็วมากจริงๆ!
แต่แล้ว…
ซู่!
ต้นอู๋ถงต้นหนึ่งกลับงอกเงยตั้งสูงตระหง่านจากร่างของเยี่ยนจื่อเยี่ยด้วยตนเอง!
[1] ฉงฉี เป็นสัตว์ในนิยายปรัมปรา เทพแห่งความชั่วร้าย ว่ากันว่ามีรูปร่างของเสือ มีหัวของวัว มีปีกของอินทรี มีขนของเม่น มีหางของงู และยังมีเขาสีทองของมังกรอยู่บนศีรษะ