เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 346 มองผู้ชายของข้า ควักลูกตาเจ้า ปฐมราชินีเยี่ยนจอมโหดเหี้ยม
- Home
- เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน
- ตอนที่ 346 มองผู้ชายของข้า ควักลูกตาเจ้า ปฐมราชินีเยี่ยนจอมโหดเหี้ยม
ตอนที่ 346 มองผู้ชายของข้า ควักลูกตาเจ้า! ปฐมราชินีเยี่ยนจอมโหดเหี้ยม!
ทันใดนั้นเอง…
ตู้ม!
โหวเผยเฉิงที่ลอบจู่โจมเยี่ยนจื่อเยี่ยก็ลอยกระเด็นออกไปอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่เพียงเท่านี้ โหวเผยเฉิงยังกระอักเลือดตลอดทาง ชีพจรของเขายังปริแตก ไอเลือดกระเซ็นรอบกาย ทำเอาเจ้าสำนักแห่งสำนักนิรนามรีบทะยานตัวไปรับบุตรชายไว้ทันที
“เจ้าสำนักน้อย!” ผู้อาวุโสสำนักนิรนามกลุ่มหนึ่งต่างตื่นตกใจ กลัวว่าเจ้าสำนักน้อยของพวกเขาจะสิ้นชีพ พวกเขาจะร้องไห้แล้วจริงๆ
แต่แล้วถึงแม้เจ้าสำนักแห่งสำนักนิรนามจะออกมาช่วยไว้ทัน ทำให้โหวเผยเฉิงยังไม่สูญเสียพลังจนหมดสิ้น แต่อาการของเขาก็น่าเป็นห่วง ต่อไปคงต้องทิ้งโรคข้างเคียงไว้ เกรงว่าพลังของเขาก็คงยากที่จะพัฒนาได้อีกแล้ว
“เฉิงเอ๋อร์!” เจ้าสำนักแห่งสำนักนิรนามที่รู้เรื่องนี้ดีรู้สึกปวดใจนัก แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขายอมแพ้แต่โดยดี “การประลองครานี้ สำนักนิรนามของข้ามิอาจสู้ได้”
“แค่ก…” โหวเผยเฉิงที่รู้สึกผิดทำท่าจะพูดอะไร เจ้าสำนักแห่งสำนักนิรนามกลับส่ายศีรษะห้ามปรามเขา “เจ้าพักผ่อนเถอะ”
แม้เหล่าผู้น้อยใหญ่สำนักนิรนามจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็จำต้องยอมจำนนแต่โดยดี เพราะความสามารถของเยี่ยนจื่อเยี่ยอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาจริงๆ เขาถึงกับอัญเชิญร่างอสูรในตำนานออกมาได้!
“…ตระกูลเยี่ยนนี่น่ากลัวจริงๆ”
“นั่นน่ะสิ ไม่ต้องกล่าวถึงปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน แค่คุณชายใหญ่เยี่ยนก็เป็นถึงนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์สองธาตุแล้ว ซึ่งหาได้ยากในประวัติศาสตร์ต้าซย่า!”
“สำนักชางอู๋ผงาด สิ่งใดก็ขัดขวางไม่ได้จริงๆ!” เหล่าผู้แข็งแกร่งที่รู้สึกสะท้านใจอีกครั้งพูดได้เพียงว่า อดีตสำนักชางอู๋มีผู้มีพรสวรรค์น้อยเกินไป ตอนนี้กลายเป็นเพียงอดีตไปแล้วจริงๆ
สำนักชางอู๋ในยามนี้ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ชั้นยอดเจ็ดสิบสองนายในสำนัก หรือคุณชายใหญ่เยี่ยน หรือแม้แต่ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนผู้ประเมินค่ามิได้ท่านนั้น ล้วนหมายถึงสำนักชางอู๋จะกลายเป็นผู้นำของเจ็ดสำนักคนต่อไปแล้ว
การที่สำนักหนึ่งจะผงาดขึ้นอีกครั้ง ไม่เพียงต้องการผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ ยังต้องการศิษย์สำนักรุ่นใหม่ที่มีการพัฒนา และสำนักชางอู๋เองก็เพียบพร้อมไปด้วยสองข้อนี้ ฉะนั้นการผงาดของสำนักแห่งนี้มิอาจมีสิ่งใดมากีดขวางได้
ทว่าใครจะไปคิดว่า สำนักที่รุ่งโรจน์เช่นนี้ เมื่อครึ่งปีก่อนเพิ่งจะเผชิญกับหายนะ พวกเขาเกือบจะต้องสูญเสียวิถีและรากฐานของตนอยู่แล้ว
“สมแล้วที่ปฐมราชินีเยี่ยนเป็นเทพธิดา นางนำพาความโชคดีมาให้สำนักชางอู๋” ตี๋อูหวนทอดถอนใจ
ผู้อาวุโสสำนักเนี่ยผานเองก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว หากไม่มีเทพธิดาเยี่ยน สำนักชางอู๋คงไม่มีวันนี้”
“แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมือนเจ้าสำนักเยี่ยนที่คอยปกป้องอดีตบุตรสาว ‘ไร้ประโยชน์’ คนหนึ่งได้ประหนึ่งไข่ในหิน ทุกอย่างถูกลิขิตไว้แต่แรกแล้ว สาธุ” เจ้าสำนักแห่งสำนักพุทธะก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้
…
ในขณะเดียวกัน ติ้งซีอ๋องก็ประกาศผลการประลอง “นักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักนิรนามพ่ายแพ้แก่สำนักชางอู๋ ติดลบสองคะแนน สำนักชางอู๋ได้รับเพิ่มสองคะแนน รวมเป็นเก้าคะแนน รอบต่อไปสำนักนิรนามสามารถเลือกที่จะท้าต่อหรือข้ามไปก่อน ค่อยกลับมาท้าใหม่ได้”
“สำนักข้าขอข้ามไปก่อน” เจ้าสำนักแห่งสำนักนิรนามกล่าว เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ศิษย์สำนักได้สงบอารมณ์ เพื่อเรียกคืนขวัญกำลังใจอีกครั้ง
แต่แล้วเมื่อติ้งซีอ๋องประกาศให้สำนักเหยาไถเซียนส่งคำท้าได้ กู้หยวนหมิงก็ขอท้าสำนักนิรนาม เขาไม่ปล่อยให้พวกเขามีโอกาสได้ฟื้นขวัญกำลังใจเลย
เรื่องนี้ทำให้เยี่ยนจื่อเสาที่เพิ่งจะแสดงความยินดีกับพี่ใหญ่เสร็จก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าชุนซิ่นจวินเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับพวกข้านะ”
“เขาคงรู้สึกผิด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะชดใช้ให้อย่างไรจึงเลือกใช้วิธีนี้” เยี่ยนจื่อเยี่ยดูออก และเขาก็รู้ว่ากู้ต้าหลางคนนี้มีนิสัยดี
เยี่ยนอวี๋เองก็พยักหน้าเห็นด้วย เพียงแต่ครั้นนางกำลังจะมองไปบนเวที นางก็สบตาของเด็กน้อยเข้า เพราะว่าท่านพ่อของเขาอุ้มเด็กน้อยมายืนข้างหน้านางแล้ว
“แม…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหาว ท่าทางอยากจะนอนแล้ว
เยี่ยนอวี๋จึงถูกเด็กน้อยดึงความสนใจไปอย่างสมบูรณ์ “ง่วงแล้วหรือจ๊ะ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้า เขาพิงแผ่นอกของท่านพ่อท่าทางงัวเงีย แต่กลับยังยื่นมืออวบอ้วนข้างหนึ่งไปคว้าท่านแม่ไว้
เยี่ยนอวี๋เห็นดังนั้นก็ยื่นมือไปลูบขนอ่อนน้อยบนศีรษะของเด็กน้อยเบาๆ อย่างรู้ใจ “นอนเถอะ”
เด็กน้อยจึงกอดมือของท่านแม่และพิงแขนของท่านพ่อ นอนหลับไปอย่างสบายใจ
“เจ้าหมอนี่” เยี่ยนชิงจำต้องยอมรับว่าหลานชายน้อยคนนี้ของรักเดียวใจเดียวจริงๆ คอยช่วยเหลือว่าที่ลูกเขยใกล้ชิดเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อยู่ร่ำไป
เมื่อกู้หยวนหมิงสู้กับสำนักนิรนาม เยี่ยนอวี๋ก็มักจะถูกต้าซือมิ่งเบี่ยงเบนความสนใจไป นางจึงได้ดูเพียงเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
ทว่าเอ้อร์เหมาผู้มีสายตาเฉียบแหลมก็กระซิบกระซาบกับนายน้อยของเขาว่า “นายน้อย โชคดีที่ท่านรู้ตัวถอนตัวออกมาก่อน มิเช่นนั้นด้วยความหึงหวงของต้าซือมิ่ง ไม่ช้าก็เร็วท่านคง…”
“ข้ามีญาณทัศนะรู้ตัวดี ใครจะไปโง่เขลาเหมือนเจ้า” อินหลิวเฟิงข่มเขา
เอ้อร์เหมากลับพูดแทงใจดำว่า “ของท่านนั่นเรียกว่าน้อยเนื้อต่ำใจไม่ใช่หรือขอรับ”
อินหลิวเฟิง “…”
ช่างเถอะ เขาไม่ถือสากับลูกน้องคนนี้หรอก! ดูชุนซิ่นจวินสำคัญกว่า
ผ่านไปเพียงไม่นาน กู้หยวนหมิงก็ชนะ “ขอบคุณที่ออมมือ”
“แค่ก” ศิษย์สำนักนิรนามที่พ่ายแพ้เดินกำหมัดลงจากเวที
กู้หยวนหมิงก็ไม่ได้ท้าสำนักใดอีก ดูท่าทางหนักแน่นมาก
หลังจากนั้นการประลองก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงคราวของสำนักจวินจื่อ จวินฮวนที่ลงประลองก็ท้าชือปี้เหลียน “ธิดาศักดิ์สิทธ์ชือ เชิญ?”
ชือปี้เหลียนสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่นางยังคงปฏิเสธว่า “ขออภัย ข้าไม่รับคำท้า ชือจ่างเอินมือดาบสำนักข้าประลองกับคุณชายได้”
จวินฮวนไม่พูดอะไร แต่ติ้งซีอ๋องพูดเตือนขึ้นว่า “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ชือ ตามกฎกติกาแล้ว หากเจ้าปฏิเสธรับคำท้าสามครั้ง ก็จะไม่มีสิทธิ์ร่วมแข่งขันอีก”
“…ปี้เหลียนเข้าใจเจ้าค่ะ” ชือปี้เหลียนตอบ
จวินฮวนจึงไม่ได้เชือดเฉือนดอกปทุมทำให้เม่ยเอ๋อร์ดีใจนัก “ไม่มีใครได้สู้กับนางเลย ดีจริงๆ”
เยี่ยนจื่อเสาไม่เข้าใจ “แล้วเจ้าไม่หวังว่าจะมีคนฆ่านางทิ้งหรือ”
“ข้าอยากกำจัดนางเอง!” เม่ยเอ๋อร์คิดว่าถึงแม้รอบสุดท้ายจะฆ่านางไม่ได้ สักวันก็ต้องมีโอกาสอยู่ดี ตราบใดที่ชือปี้เหลียนยังไม่ตาย ท้ายที่สุดก็ต้องตายด้วยดาบเล่มใหญ่ของนาง
“…ก็ได้” เยี่ยนจื่อเสาไม่แสดงความเห็นใดๆ อีก
แต่จะทำอย่างไรได้หลังจากสำนักจวินจื่อแล้ว สำนักเนี่ยผ่านก็ท้าชือปี้เหลียนอีกครั้ง!
ครานี้เอง… สีหน้าของเม่ยเอ๋อร์ไม่แย่ไปกว่าชือปี้เหลียนเลย ทำเอาเยี่ยนจื่อเสาไม่รู้จะทำอย่างไรดี “สำนักเนี่ยผานถือว่าเป็นคนพวกเดียวกันกับพวกนางแล้ว พวกเขาย่อมไม่ฆ่าชือปี้เหลียนจนตายหรอก เม่ยเอ๋อร์เจ้ายังมีโอกาส”
“ถ้าพลั้งเผลอล่ะ” เม่ยเอ๋อร์ไม่พอใจอยู่ดี
เยี่ยนอวี๋จึงไม่เข้าใจถามว่า “เม่ยเอ๋อร์อยากฆ่าชือปี้เหลียนด้วยตัวเองหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ นางชอบมองผู้ชายของคุณหนูใหญ่ น่ารำคาญจะตาย!” เม่ยเอ๋อร์ผู้ตรงไปตรงมาก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา
เยี่ยนอวี๋เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ควักลูกตาก่อน”
“เจ้าค่ะ!” เม่ยเอ๋อร์ดีใจจนเนื้อเต้น!
พ่อลูกตระกูลเยี่ยนทั้งสาม “…”
หมายความว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์หึงแล้วหรือ!?
ต้าซือมิ่งจึงโอบเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์น่ารักน่าชังเข้ามาข้างกาย ดวงตาเป็นประกาย แววตาแฝงรอยยิ้ม
เมื่อชือปี้เหลียนที่กำลังจะขึ้นเวทีเห็นภาพชายหญิงแสดงความรักใคร่กันเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้นางเดือดดาล! ทว่าหลังจากนางขึ้นเวทีแล้ว นางก็ยอมแพ้ทันที “ข้าชือปี้เหลียนขอยอมแพ้”
สำนักเนี่ยผ่านทำอะไรไม่ได้ ติ้งซีอ๋องเตือนอีกครั้ง “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ชือ แม้การยอมแพ้ไม่ใช่การปฏิเสธคำท้า แต่ก็ถือเป็นการเลี่ยงท้า หากรอบต่อไปเจ้ายังคงไม่ลงประลอง เจ้าก็จะหมดสิทธิ์ร่วมการแข่งขันเช่นกัน”
“…เจ้าค่ะ” ชือปี้เหลียนขานตอบก่อนจะเดินลงเวที นางอดมอง…ต้าซือมิ่งที่ยืนอยู่ข้างกายเยี่ยนอวี๋ไม่ได้
ครานี้เยี่ยนอวี๋สังเกตเห็นแล้ว นางรีบมองกลับไปทันที นัยน์ตาของนางสงบไร้คลื่นราวกับกำลังหลุบตามองมดตัวหนึ่ง
เมื่อต้าซือมิ่งเห็นท่าทีหยิ่งผยองของนาง มุมปากของเขาก็ยกขึ้น “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์วางใจเถอะ ในสายตาข้ามีเพียงเจ้า”
“ข้างดงามกว่านาง” เยี่ยนอวี๋พูดความจริง
“ต่างกันราวฟ้ากับเหว” ในเสียงสำทับของต้าซือมิ่งเจือปนไปด้วยรอยยิ้มจางๆ ราวกับว่ามีรอยยิ้มมากมายกว่านี้ซ่อนอยู่ในใจเขา เสียงสะท้อนก้องกังวานอยู่ข้างใน
เยี่ยนอวี๋จึงต่อยหน้าอกเขาไปทีหนึ่ง!
“ฮึ” หรงต้าซือมิ่งที่หัวเราะออกมาก็จับกำปั้นของปฐมราชินีเยี่ยนไว้ก่อนจะบรรจงจูบลงไป “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์งามที่สุด เจ้าคือผู้เลอโฉมแห่งสวรรค์ชั้นเก้า ไม่มีผู้ใดในใต้หล้าเทียบได้”
เยี่ยนอวี๋อมยิ้ม เห็นได้ชัดว่านางชอบคำชมนี้!
ต้าซือมิ่งก็หัวเราะออกมา เขาจูบลงไปที่หน้าผากของนางอย่างไม่สนใจสายตาผู้คน ทำเอาชือปี้เหลียนและหยวนคังฮ่องเต้ปวดแสบปวดร้อนไปหมด!
จากนั้นเมื่อถึงคราชือปี้เหลียนท้า นางก็ประกาศกร้าว “ข้า ชือปี้เหลียน ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิเซิ่งเหลียนขอท้าเยี่ยนจื่อเสาแห่งสำนักชางอู๋”
เมื่อสิ้นเสียงนาง…
“ข้ารับคำท้า!” เยี่ยนจื่อเสาลุกขึ้นและรับคำท้าทันที
เม่ยเอ๋อร์ร้อนรน “เหลือศีรษะนางไว้ให้ข้าน้อยด้วย! อย่าฆ่านาง!”
แต่เยี่ยนจื่อเสาก็ไม่ได้ฟังนางเลย เขาเดินดุ่มๆ ขึ้นไปบนเวทีแล้ว เพราะเขารอเวลานี้มานานแล้ว! แต่เยี่ยนอวี๋กลับมองชือปี้เหลียนอย่างไม่สบายใจ ชือปี้เหลียนเองก็กำลังมองเยี่ยนอวี๋อยู่พอดี นางจึงแสยะยิ้มชั่วร้ายให้เยี่ยนอวี๋ และยังทำท่าปาดคอก่อนจะพูดยั่วยุว่า “รอเก็บศพพี่รองของเจ้าเถอะ! นังสารเลว!”