เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 400 หวานจนฟันร่วง! ต้องตัดคำว่า ‘ว่าที่’ ออกแล้ว!
- Home
- เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน
- ตอนที่ 400 หวานจนฟันร่วง! ต้องตัดคำว่า ‘ว่าที่’ ออกแล้ว!
“พอแล้ว เลิกดูได้แล้ว” ตี้อั้นที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งก็บดบังสายตาของลูกไก่ไว้ “ไม่เหมาะสมสำหรับทารกน้อย”
ลูกไก่ไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ” ก็แค่เจ้านายเข้าไปกอดนายท่านมิใช่หรือ ทำไมดูไม่ได้เล่า
“บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้” ตี้อั้นไม่คิดว่าเทพบรรลุนิติภาวะทั้งสองแค่กอดกันหรอก พวกเขามีลูกกันแล้ว ไม่แน่ว่าจะทำอย่างอื่นอีกล่ะ ถึงแม้อาจจะแค่นัวเนียกัน ทารกน้อยก็ไม่ควรดูมากเกินไป อย่างเช่น… จูจุ๊บอะไรพรรค์นั้นน่ะห้ามดูเด็ดขาด ต้องเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงจะดูได้!
ตี้อั้นที่เห็นได้ชัดว่ารู้มากและยังมีสามทัศน์ที่ถูกต้องก็ไม่ยอมให้ลูกไก่ดู มันใช้วิธีมากมายบดบังสายตาของลูกไก่ไม่หยุด ลูกไก่รู้สึกสนุกสนานขึ้นมาก็เลย ‘เล่นด้วย’
…
ในขณะเดียวกัน หลังจากเยี่ยนอวี๋กัดต้าซือมิ่งเสร็จ นางก็ปล่อยปากของนาง ต้าซือมิ่งที่ถูกกัดจนชะงักไปเล็กน้อยไม่ได้จู่โจมกลับ เพราะเขาในบัดนี้รู้สึกเคลิบเคลิ้มใจยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าลอบดีใจจะตายแล้ว
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางก็แตะหน้าผากของต้าซือมิ่งด้วยหน้าผากของตนเอง ‘เตือน’ อย่างจริงจังว่า “ต่อไปเจ้าห้ามทำเช่นวันนี้อีก ไม่บอกแผนการและไม่แสดงพลังของเจ้าให้ข้ารู้ก่อน ทำให้ข้าเป็นห่วง มิเช่นนั้นข้าจะจัดการเจ้าจริงๆ”
ต้าซือมิ่งมือข้างหนึ่งอุ้มเด็กน้อย มืออีกข้างกอดภรรยาไว้ก็ย่อมไม่คัดค้าน ทว่าเขามิได้พูดอะไร เพราะเขาประกบริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากของภรรยาปลาน้อยฟันแหลมคมที่เปื้อนไปด้วยเลือดเขาแล้ว
เขาอยากจะจูบนางที่หน้าอก หัวใจ และแขนขา… จึงจะบรรเทาความรู้สึกที่เขาเผลอถูกนางกระโดดขึ้นมากัดอย่างแรงได้
แม้จะเพียงแค่การกระทำเดียว แต่นี่คือครั้งแรกที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเขาเข้ามาหาเขาและจูบเขาอย่างเผด็จการก่อน กระทั่งดูดเลือดของเขา!
เพียงแค่จูบนี้… ทำให้เขารู้และสัมผัสได้อย่างแจ่มชัดว่าเขาสำคัญสำหรับนางเพียงใด เหมือนกับว่าอยู่ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจนาง เขาทำให้นางกังวล เป็นทุกข์เป็นร้อน กระทั่งหวาดกลัวการสูญเสีย
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะนางเห็นเขาเป็นคนสำคัญมากในชีวิต ในที่สุดนางก็เห็นเขาเป็นผู้ชายของนาง ไม่ใช่เพียงแค่พ่อของเสี่ยวเป่า ไม่ใช่เพียงความเคยชิน และก็ไม่ใช่เพียงความหวั่นไหวที่รู้สึกดีเท่านั้น นางเป็นห่วงเขามากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ อาจจะเหมือนกับที่เขารู้สึกกับนางแล้ว…
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์…” หรงอี้ที่จูบเสร็จก็กอดคนในอ้อมอกแนบแน่นกว่าเดิม เขากระซิบข้างหูนางว่า “ไม่ว่าอะไรที่เจ้าอยากรู้ ข้าจะบอกเจ้าทั้งหมด”
เยี่ยนอวี๋ก็กอดชายคนนี้ไว้แน่น หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตอบเสียงเบาว่า “แต่ข้าคงคิดไม่ได้มากมายเช่นนั้น เจ้าต้องบอกข้าเอง เช่นว่าเจ้ามีพ่อแม่หรือไม่ เจ้ามาจากที่ไหน เจ้าคือใคร”
“ฮึ” ต้าซือมิ่งที่ในที่สุดก็รอจนถึงวันที่เจ้าปลาน้อยตัวนี้อยากรู้จัก ‘ครอบครัว’ ของตนเอง เขาจูบหูที่แดงเรื่อจนดูน่ารักของนางก่อนจะตอบว่า “ข้ามี ข้ามาจากนอกสามภพ ข้าคือหรงอี้ ว่าที่สามีของเจ้า พ่อของเสี่ยวเป่า”
เยี่ยนอวี๋กอดชายคนนี้ไว้แน่นกว่าเดิม “กลับไปเอา ‘ว่าที่’ ออก”
“ได้เลย” ต้าซือมิ่งจูบคอระหงขาวนวลของนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “แล้วแต่ภรรยาจะจัดการเลย ถึงครานั้นเราค่อยไปหาครอบครัวของข้า จัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่อีกรอบหนึ่ง”
“อืม” เยี่ยนอวี๋ตกลง “พวกเขาก็อยู่นอกสามภพหรือ”
“ใช่”
“ข้าไม่รู้ว่านอกสามภพนอกจากแดนมืดแล้วยังมีที่อื่นอีก ไปยากมากหรือไม่”
“อืม”
“เช่นนั้นเสี่ยวเป่าคงคิดว่าย่าคือขนมไหน่เกาไปอีกนาน” เยี่ยนอวี๋พูดอมยิ้ม
ต้าซือมิ่งไม่เข้าใจมุขนี้ เขาเลิกคิ้วทันที “ทำไมหรือ”
เยี่ยนอวี๋จึงขายมุขของเด็กน้อยให้ท่านพ่อของเขาด้วยสีหน้าขบขันและยังสรุปในตอนท้ายว่า “เสี่ยวเป่าคงคิดว่าท่านย่าเหมือนกับขนมไหน่เกาที่หวานนิ่มกินได้ ท่านแม่ของข้าไม่อยู่แล้วด้วย ข้าอธิบายยาก”
“ถ้าเขากล้ากัดท่านย่าของเขาจริงๆ ท่านพ่อของข้าคงไม่ปล่อยเขาไปแน่” ต้าซือมิ่งกล่าวอย่างรู้ดี แต่ว่า…
“ทำไมเสี่ยวเป่าตัวหดลงเล่า” ต้าซือมิ่งสนใจเรื่องนี้มากกว่าเรื่องไปเจอครอบครัวของเขา “หดลงไปแทบจะเท่ากับตอนที่ข้าเพิ่งเจอที่โยวตูเลย”
พูดถึงเรื่องนี้ เยี่ยนอวี๋ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย “เขาปรากฏ ‘ความผิดปกติ’ เช่นนี้หลังจากที่เขาจับอักษรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า ตอนแรกเปล่งประกายแสง จากนั้นก็ร้องบอกว่าคันไปทั้งตัว หลังจากนั้นร่างกายก็มีหมอกสีเลือดไหลออกมา ผมก็หายไป ทำเอาเขาเสียใจอยู่นาน แต่เสี่ยวเป่าเสกบ๊ะ… อืม… ค้อนจิ๋วอันหนึ่งออกมา บอกว่าเหมือนของเจ้า เจ้าก็มีหรือ ทำไมข้าไม่เคยเห็นเลย”
“ค้อนลายมังกรหรือ” ครานี้เองต้าซือมิ่งก็วางใจลง “ในเมื่อค้อนออกมาแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ ส่วนของข้าน่ะ เพราะว่ายังไม่ได้ใช้ เจ้าก็เลยยังไม่เคยเห็น”
“แต่เสี่ยวเป่าเคยเห็นนะ” เยี่ยนอวี๋โพล่งพูด
ต้าซือมิ่งเงยหน้ามองมนุษย์ที่พิงบนไหล่ของเขา อมยิ้มพลางพูดกึ่งเย้าแหย่ว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์หึงหรือ”
เยี่ยนอวี๋เบือนหน้าหนีไม่พูดอะไร เพราะนางรู้สึกเขินเล็กน้อย! แต่หลุดพูดออกไปแล้ว แม้นางจะเป็นปฐมราชินีก็คืนคำไม่ได้
ต้าซือมิ่งหัวเราะ เสียงหัวเราะทุ้มเสนาะหู “ครั้งหน้าให้เมียดูคนเดียว ไม่ให้เสี่ยวเป่าดู”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางก็ไม่ได้ต้องการเช่นนั้น ทำเสียอย่างกับนางอายุสามขวบ เล็กกว่าลูกอีกทว่าต้าซือมิ่งยังดึงดันซักไซ้ว่า “ดีหรือไม่”
เยี่ยนอวี๋ปิดปากชายคนนี้อย่างหงุดหงิด ไม่ได้พูดอะไร
ต้าซือมิ่งกลับหลงรักสุดใจ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่เขินอายและบอบบางเช่นนี้ เขากัดมือของนางเบาๆ ด้วยความอ่อนโยนจนเจ้าของมือเสียวซ่านจนสะดุ้ง รีบหดมือกลับ เขาจึงพูดว่า “ต่อไปเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก็ห้ามบุ่มบ่ามเช่นวันนี้อีก หากข้าตื่นมาช้ากว่านี้ เจ้าคงอัญเชิญกระบี่ไท่ชางมาแล้วใช่หรือไม่”
“แล้วทำไมหรือ” เยี่ยนอวี๋หันศีรษะกลับมาเลิกคิ้วถาม “เจ้าถูกรังแก ข้าอัญเชิญกระบี่ไท่ชางออกมาจะทำไม แม้ที่นี่คือแดนมืด ข้าเองก็ยังไม่ฟื้นตัว แต่ก็ไม่ไร้ประโยชน์ถึงขั้นต้องถูกข่มเหงเช่นนี้”
เพียงแค่ประโยคนี้… ต้าซือมิ่งพบว่าเขาไม่สามารถโต้แย้งใดๆ ได้ ไม่สามารถแม้แต่จะห้ามนางทำเช่นนี้ในวันข้างหน้าเพราะว่านางคือปฐมราชินี นางมีความโอหังและบุคลิกเช่นปฐมราชินีของนาง
ในจักรวาลนี้ ไม่มีพลังใดๆ คนใดๆ หรืออำนาจใดๆ สามารถทำให้นางก้มหัวได้ เพราะว่านางคือผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดในโลกใบนี้! นางไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้สิ่งใด
ส่วนเขา… ก็ย่อมไม่ให้นางก้มหัว
ดังนั้นเมื่อต้าซือมิ่งจูบเบาๆ ที่ตาของนางเสร็จก็ยอมรับผิดว่า “ใช่ ข้าคิดมากไปเอง เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเราเก่งที่สุด ต่อไปปกป้องข้าให้ดีด้วยนะ”
“เจ้ารู้ก็ดี” เยี่ยนอวี๋จูบคางของเขากลับ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าสมแล้วที่ชายคนนี้เป็นพ่อของเด็กน้อย หน้าตาดีจริงๆ ทว่าเยี่ยนอวี๋ยังมีอีกหนึ่งคำถาม “เจ้าร่วมฝึกฌานกับลูกได้อย่างไร”
“ข้าร่วมฝึกกับเจ้าก็ได้” ต้าซือมิ่งพูดอย่างมีความนัย
เยี่ยนอวี๋มองค้อนใส่เขา ปฏิเสธรับมุขต่อ กลับเข้าที่ประเด็นเดิม “เพราะว่าเขาจับอักษรของเจ้าและมีค้อนเหมือนเจ้าหรือ แต่ข้าไม่เข้าใจ ทำไมค้อนนั่นจึงเล็กเช่นนั้น ของเจ้าก็เล็กเช่นนี้หรือ”
“ของข้าใหญ่แน่นอน” ต้าซือมิ่งตอบอย่างเด็ดขาด
เยี่ยนอวี๋รู้สึกว่าคำตอบของเจ้าคนนี้ฟังดูทะแม่งๆ แต่นางก็คิดไม่ออกว่าแปลกตรงไหน ยังพูดต่อว่า “ก็ใช่ หากของเจ้าเล็กเช่นนี้คงไม่พอใช้”
ต้าซือมิ่งที่รู้สึกว่าภรรยาช่างน่ารักน่าชังก็อดจูบริมฝีปากของนางไม่ได้ “ใช่ วันข้างหน้าถ้าเจ้าเห็นก็จะเข้าใจเอง”
“มันคือค้อนอะไรหรือ” เยี่ยนอวี๋ยังคงอยากรู้ “ลวดลายพิเศษดี”
“พลังสืบทอดสายเลือด มาจากท่านปู่ของข้า อันที่จริงมันปรับขนาดได้” ต้าซือมิ่งพูดอย่างจริงจัง “ส่วนเรื่องของข้าและลูก ค่อนข้างพิเศษ”
“พิเศษอย่างไรหรือ” เยี่ยนอวี๋ถาม เยี่ยนอวี๋ไม่รู้หลายๆ เรื่องเกี่ยวกับชายคนนี้ แม้แต่เรื่องของเด็กน้อย นางก็ไม่เข้าใจแล้ว
ต้าซือมิ่งจึงเหลือบมองเด็กน้อยตัวหดที่กำลังนอนหลับปุ๋ย “ข้าขอสัมผัสสักครู่”
“ได้” เยี่ยนอวี๋จะผละออกจากต้าซือมิ่งให้เขาทำธุระ
ทว่าต้าซือมิ่งไม่ได้ปล่อยมือ แต่อนุสติของเขาสำรวจข้างในร่างกายของเด็กน้อยแล้ว ราวกับว่าเด็กน้อยจะรับรู้เช่นกัน เขายังพึมพำในความฝันว่า “พ่อ…”
“อื้ม” ต้าซือมิ่งขานตอบ เขายังลูบศีรษะโล้นๆ กล่อมเขา เขาสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและลูกใกล้ชิดขึ้นมากอีกเล็กน้อย กระทั่งมีความรู้สึกร่วมที่ลึกซึ้ง เหมือนกับว่า… เด็กน้อยมีชีวิตอยู่โดยอาศัยเขา!?
สัญชาติญาณนี้ทำให้ต้าซือมิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เยี่ยนอวี๋ที่เห็นดังนั้นก็กังวลขึ้นมา “ทำไมหรือ หรือว่าเป็นเรื่องไม่ดี”
และความจริงคือ…
“มีปัญหาจริงๆ ด้วย” หรงอี้ยืนยัน