เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 401 ปริศนาสายเลือดเสี่ยวเป่า! กลับสู่จุดสูงสุด!
เยี่ยนอวี๋กังวลขึ้นมาทันใด “มีปัญหาอะไรหรือ”
“ตามหลักแล้วเสี่ยวเป่าไม่น่าจะเป็นเช่นนี้ พูดอย่างไรดี ประมาณว่าอยู่โดยพึ่งจมูกของข้าหายใจน่ะ” ต้าซือมิ่งที่ยังคงสัมผัสอย่างตั้งใจก็ลูบศีรษะที่กลับไปโล้นอีกครั้งของเจ้าตัวน้อย “แต่นี่น่าจะเป็นเพราะ ข้าไม่อยู่ข้างกายเจ้าตอนที่เจ้าตั้งครรภ์”
“?” เยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจ “เจ้าไม่ใช่คนตั้งครรภ์เสียหน่อย เกี่ยวอะไรกับเจ้าอยู่หรือไม่อยู่”
“สำหรับเด็กทั่วไปแล้วก็คงไม่เป็นอะไร แต่สำหรับเสี่ยวเป่าของพวกเราแล้วมิใช่เช่นนั้นเสมอไป” ต้าซือมิ่งชี้แจง เมื่อเขาลูบตัวของเด็กน้อยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
“มีปัญหาอะไรอีกหรือ” เยี่ยนอวี๋สงสารบุตรชายมาก
“ผอมจริงๆ” ต้าซือมิ่งที่สงสารเด็กน้อยก็คิดว่ากลับไปต้องขุนเด็กน้อยเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นตัวผอมแห้งกลับไปเช่นนี้ พ่อตาคงคิดว่าเขาทารุณเด็กน้อยแน่ๆ
เยี่ยนอวี๋ถอนหายใจโล่งอก “ข้าคิดว่ายังมีปัญหาอย่างอื่นอีกเสียอีก แต่เรื่องผอมนี่ก็ไม่ได้ผอมเกินไปหรอก ยังพอมีเนื้อหนังอยู่บ้าง แต่ผมนี่สิไม่รู้จะงอกหรือไม่”
“…ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บำรุงให้กลับมาก็ได้แล้ว” ต้าซือมิ่งที่มองไปทางอื่นด้วยท่าทีจริงจังก็เปลี่ยนเรื่อง “ข้าเก็บกวาดแดนมืดเสร็จแล้วเรากลับกันเถอะ ปัญหาของต้าซย่ายังต้องแก้ไขให้สิ้น”
“อืม” เยี่ยนอวี๋ก็ยังจำเรื่องสำคัญนี้ ทว่า… “เจ้าต้องเก็บอะไรอีกหรือ มหาอสูรโบราณของที่นี่ถูกเจ้ากลืนไปแล้วนี่”
“พลังบางอย่างน่ะ” ขณะที่ต้าซือมิ่งตอบ เขาก็รวบรวมจิตวิญญาณของเขาเพื่อเชื่อมต่อกับขุมนรกแห่งความมืด เรียกคืนพลังทั้งหมดของตนเองที่อยู่ในขุมนรกแห่งความมืดกลับเข้ามาในร่างกาย
เยี่ยนอวี๋กะพริบตาปริบ เมื่อชายคนนี้เสร็จธุระแล้วค่อยถามเขาว่าร่างกายของเขาเป็นอย่างไรกันแน่ เหตุใดจึงเก็บพลังไว้ทุกที่แล้วก็คำถามที่สำคัญที่สุดคือเขาได้คืนความจำทั้งหมดแล้วหรือยัง
…
“จิ๊บ!”
ในขณะที่ต้าซือมิ่งและปฐมราชินีเยี่ยนจู๋จี๋กันอยู่นั้น ท้ายที่สุดลูกไก่ก็อดสงสัยไม่ได้ มันบินข้ามตี้อั้นขึ้นมาและมองไปที่เยี่ยนอวี๋และต้าซือมิ่งแล้ว จากนั้นมันก็เห็น “ก็แค่กอดกันเฉยๆ นี่!”
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าดูไม่เป็นมากกว่า บอกแล้วว่าอย่าดู” ตี้อั้นฉุดลูกไก่ลงมา
ทว่าลูกไก่บินไปใกล้ๆ เยี่ยนอวี๋แล้ว ตี้อั้นห้ามไม่ทัน ทำเอาตี้อั้นพูดไม่ออก “ถึงอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าพยายามเต็มที่แล้ว พวกเจ้าวางตัวให้ดี! อย่ากระทำเรื่องไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก!”
“จิ๊บๆ!” ลูกไก่ที่เห็นต้าซือมิ่งเรียกคืนพลังที่หลงเหลือ มันก็อุทานอย่างตะลึง “นายท่านเก่งจังเลย! แสงสวยจังเลยยย”
ตี้อั้นรู้สึกว่าคำพูดนี้ ‘ลามก’ อย่างไรไม่รู้ มันกำลังจะเตือนเยี่ยนอวี๋และต้าซือมิ่ง แต่มันก็พบว่ารอบกายของมันมีแสงเป็นจุดๆ เหมือนดาวลอยล่อง
เดี๋ยวนะ หมายถึงแสงจริงๆ หรือ ไม่ใช่ ‘เปลือยๆ’[1] อย่างที่เข้าใจหรือ
ตี้อั้นหันศีรษะไปอย่างระมัดระวังและมันก็พบว่าสองสามีภรรยาใสสะอาดมาก ไม่เพียงสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย และยังเหมือนกับว่ากำลังทำธุระสำคัญด้วย! มันเองที่คิดมากไป
“เป็นเพราะอสูรในแดนมืดเปิดกว้างเกินไปแท้ๆ!” ตี้อั้นได้แต่พึมพำ ในขณะเดียวกันมันก็สังเกตเห็นว่าทั้งขุมนรกแห่งความมืดมีแสงหลากหลายกำลังไหลเข้าไปในร่างกายของต้าซือมิ่ง
ความเคลื่อนไหวนี้ แม้แต่พิกซีที่อยู่บริเวณทางเข้าของขุมนรกแห่งความมืดก็รับรู้ได้ และมันยังพบว่าชั้นแสงสีเลือดที่สกัดกั้นมันเข้าไปในขุมนรกค่อยๆ จางหายไป
พิกซีที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งยังคงไม่ลงไป มันยังคงเฝ้าที่ทางเข้าขุมนรกต่อไป รอจักรพรรดิอาจจะเรียกเข้าพบหรือความเป็นไปได้อย่างอื่น
คิเมียราที่กลับมาก็มีข่าวมาแจ้งว่า “พิกซี ข้าพบว่าผนึกก้อนนั้นที่ผนึกแดนสวรรค์และแดนมืดของพวกเราไว้เหมือนจะคลายลงเล็กน้อย หรือว่าเราจะได้ออกไปแล้ว”
“คลายหรือ” พิกซีตกใจ “เจ้าพบเมื่อใด”
“เมื่อครู่นี้ ตอนที่ข้าออกไปจัดการพวกข้างนอก ข้าถือโอกาสไปวนรอบแดนมืดน่ะ” คิเมียราไม่ได้คิดมาก “จักรพรรดิอสูรเลื่อนขั้นอีกแล้วหรือไม่ก็เลยถือโอกาสทะลวงผนึก”
“ไม่รู้สิ รอฝ่าบาทออกมาแล้วค่อยทูล” พิกซีเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก “คลายมากหรือไม่”
“มากเหมือนกันนะ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผนึกที่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ของยมโลก ถือว่าค่อนข้างอ่อนเลย อสูรน้อยชั้นต่ำบางตัวมุดออกไปแดนสวรรค์ได้แล้ว แต่อสูรน้อยข้ามไปก็มีแต่ตายเท่านั้น พลังของแดนเทพไม่ค่อยเป็นมิตรกับมารนัก”
“เช่นนั้นคงไม่เป็นอะไรมากหรอก อีกทั้งคงถูกแก้ไขได้เร็ว” พิกซีส่ายศีรษะ “ยมโลกที่เหมาะสมกับแดนมืดของเราถึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของพวกเรา”
“ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะพาพวกเราออกไปได้เมื่อไร” คิเมียราพูดอย่างตั้งความหวัง
พิกซีกลับรู้สึกเฉยๆ “ออกได้ก็ดี ออกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แดนมืดใหญ่เช่นนี้ อีกทั้งในตำราโบราณยังบันทึกไว้ว่าออกไปก็ไม่ได้ดีเช่นนั้น นอกเสียจากว่าจะสามารถหลอมทั้งสามโลกให้กลายเป็นดินแดนเช่นแดนมืดได้ มิเช่นนั้นเผ่ามารเช่นพวกเราไม่ชินหรอก”
“ก็จริงนะ…” คิเมียราคิดพลางอดพูดไม่ได้ว่า “ข้าแค่อยากรู้ว่าเนื้อคนกับเนื้อเทพอร่อยมากแค่ไหน”
“ตอนนี้เจ้ายังต้องกินพวกนี้อยู่อีกหรือ” พิกซีถามกลับ
“ก็แค่อยากรู้น่ะ! ในตำราบอกว่าอร่อยไม่ใช่หรือ!”
“เจ้าเคยอ่านตำรากี่หน้ากัน”
“สามหน้า”
พิกซี “…”
มันหมดอารมณ์จะแขวะต่อไปแล้ว ทว่าแสงที่เป็นจุดในขุมนรกก็สลายไปแล้ว จากนั้น…
จู่ๆ กลิ่นอายที่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้แต่เพียงพอที่จะทำให้คิเมียราและพิกซีคุกเข่าลงก็แผ่ซ่านออกมาจากขุมนรกอย่างไร้สุ้มเสียง ทำเอามหาอสุรกายทั้งสองคุกเข่าลงพื้นทันที “ฝ่าบาท! ยินดีต้อนรับฝ่าบาทออกจากขุมนรกพ่ะย่ะค่ะ”
แต่จะทำอย่างไรได้ ต้าซือมิ่งยังไม่ได้ออกมา เขาเพียงแค่เก็บพลังที่หลงเหลืออยู่ในขุมนรกแห่งความมืดกลับเข้ามาในร่างกาย ถือว่า ‘ฟื้นตัว’ อยู่ในระดับจักรพรรดิอสูร
ส่วนกลิ่นอายที่คิเมียราและพิกซีสัมผัสถึงนั้น เป็นเพียงชั่วจังหวะที่ปรากฏพลังไร้รูปร่างออกมาขณะที่เขากำลัง ‘ฟื้นตัว’ เท่านั้น อันที่จริงมันบางเบามาก แต่คิเมียราและพิกซีที่เคยถูกกระทืบก็อ่อนไหวกับการรับรู้เช่นนี้มาก พวกเขาที่ไม่เชื่อฟังในครานั้นเกือบจะถูกต้าซือมิ่งกลืนกินแล้ว!
เน้นว่ากลืนกิน! ไม่ใช่ฆ่าทิ้ง นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้พวกมันชื่นชมและเกรงกลัวมากที่สุด และนี่ก็คือ ‘สุดยอดคัมภีร์’ ในการฝึกฝนของมหาอสุรกายที่ไม่ได้พึ่งการฝึกฝนหรือความเข้าใจ แต่พึ่งการกลืนกินเพื่อเลื่อนขั้น ดังนั้นเมื่อครั้นแดนมืดยังไม่ถูกผนึก เผ่ามารที่มีร่างวิญญาณเป็นปรปักษ์สวรรค์แทบจะรวมแต่ละโลกเป็นหนึ่ง เสียดายที่ปฐมราชินีหยวนชูฆ่าพวกมันจนถอยกลับรังเดิมเสียก่อน
ในขณะนี้เอง เยี่ยนอวี๋พบว่าสีของดวงตาต้าซือมิ่งเปลี่ยนไปอีกแล้ว กลายเป็นสีดำเหมือนกับขุมนรกแห่งความมืด แต่กลับเป็นขุมนรกที่ประดับประดาไปด้วยดวงดาวสว่างไสว “นี่มัน…”
———————————————
[1] ในภาษาจีน คำว่าแสงและคำว่าเปลือยใช้คำเดียวกัน