เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 426 ผู้ใดสบประมาทภรรยาข้า ผู้นั้นตาย!
จิ่วอิงปราดสายตาดุร้าย “บังอาจ!” กล้าดีมารังแกเด็กน้อยอันเป็นที่รักของครอบครัวเขาต่อหน้าจิ่วอิง วอนหาเรื่องตายชัดๆ!
เพียงแต่น่าเสียดายที่จิ่วอิงยังไม่ทันลงมือ
ตึง!
ค้อนจิ๋วขนาดเท่าบ๊ะจ่างที่ยังลอยอยู่กลางอากาศก็ทุบลงบนกรงเล็บที่ท่านเทพซ่านเฉิงเงื้อมมาจับเจ้าตัวน้อยทันที
แต่หลังจากที่มันทุบลงไปแล้วก็กลายเป็นเส้นแสงสีดำกระจายกลับเข้าไปในร่างกายของเด็กน้อย ทำเอาเด็กน้อยงุนงงยิ่งกว่าเดิม เขาลูบลำตัวของตนเองตามสัญชาติญาณ “เป่า ค้อนๆ”
ท่าทีน่าเอ็นดูนั่นทำเอาเยี่ยนอวี๋อดเดินเข้าไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาไม่ได้ นางยังจูบศีรษะโล้นๆ ของเขา “ใช่! เสี่ยวเป่าทุบเอง ช่วยท่านพ่อของเจ้าจัดการคนเลว ตอนนี้ค้อนจิ๋วกลับเข้าไปในร่างของเสี่ยวเป่าแล้ว เสี่ยวเป่าเก่งที่สุด!”
“ว้าววว” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารู้สึกตะลึงในความเก่งของตนเอง เขาเหม่อมองมืออ่อนนุ่มของตนเองพลางพูดอย่างจริงจังว่า “ค้อน ค้อนออกมา เล่นกับเป่า!”
แต่จะทำอย่างไรได้ ค้อนจิ๋วอันนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลย ทำเอาเด็กน้อยที่รออยู่ร้อนรนใจ “ค้อนค้อน?”
“ไม่ใช่เรียกแบบนี้แล้วจะออกมานะ” ต้าซือมิ่งเดินขึ้นไปรับตัวเด็กน้อยมา “พ่อเคยบอกเจ้าไม่ใช่หรือว่าต้องคิดถึงมัน มันจึงจะออกมา”
“คิด ไม่ออกมา!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าบอกว่า “เมื่อ เมื่อครู่นี้ขว้างไปก็ออกมา!”
“เช่นนั้นเจ้าคิดไม่ถูกต้อง”
“ถูก!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าคิดว่าตนเองไม่ผิดแน่นอน!
“เช่นนั้นเจ้าลองอีกครั้งสิ” ต้าซือมิ่งสอนเด็กน้อยทันที
เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็คิดถึงมันอย่างตั้งใจ “ค้อน ค้อน!”
วิ้ง!
‘ค้อนบ๊ะจ่าง’ ที่ย่อขนาดเล็กเท่าลูกอมเม็ดหนึ่งปรากฏในมือนุ่มนิ่มของเด็กน้อยอีกครั้ง ทำเอาเด็กน้อยดีอกดีใจ “ออก ออกมาแล้ว!”
แต่เด็กน้อยยังอยากรู้อีกว่า “แล้ว แล้วทำไมครั้งที่แล้วไม่ ไม่ออกมาขอรับ”
ต้าซือมิ่งที่พอจะเดาบางอย่างได้ก็อธิบายอย่างใจเย็นว่า “นั่นอาจจะเป็นเพราะพ่อทำให้เจ้าเสียสมาธิ เจ้ามองค้อนของพ่อแล้วคิดถึงค้อนของตนเองใช่หรือไม่”
“ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้า ถามต่อว่า “ไม่ได้?”
“แน่นอน ของเจ้าก็คือของเจ้า ของพ่อก็คือของพ่อ” ต้าซือมิ่งที่สอนเด็กน้อยพลางศึกษาค้อนจิ๋วของเขาก็พบว่าค้อนของเด็กน้อยไม่เหมือนกับของเขาซะทีเดียว
เพียงแต่ว่าต้าซือมิ่งยังไม่ทันได้ศึกษาอย่างละเอียด เยี่ยนชื่อเฟิงที่อยู่ตรงข้ามก็เดือดดาล “ท่านเทพซ่านเฉิง! ยังรออะไรอยู่อีก ฆ่าพวกเขาซะ!”
ในอดีตเยี่ยนชื่อเฟิงไม่เคยได้สัมผัสถึงการถูกผู้อื่นรังแกถึงที่ ถูกทำให้ตาบอดและยังถูกสบประมาททุกทางเช่นนี้มาก่อนว่าเป็นความรู้สึกอย่างไร เพราะเขาเป็นคนรังแกผู้อื่นเช่นนี้มาโดยตลอด แต่วันนี้เขาได้สัมผัสถึงความรู้สึกนั้นอย่างแจ่มชัดแล้ว
และเมื่อเยี่ยนชื่อเฟิงพูดจบ ท่านเทพซ่านเฉิงที่อันที่จริงกำลังรวบรวมพลังอยู่ตลอดเวลานั้นก็ระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างไสวไปทั่วท้องฟ้า พลังศักดิ์สิทธิ์ของทั้งเมืองก็ถูกเขารวบรวมเข้ามา
“ตายซะ!”
แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ราวกับดาบเล่มใหญ่ผ่าลงมาก็เฉือนฟันอากาศจนเกิดประกายไฟภายใต้การควบคุมของท่านเทพซ่านเฉิง ในสถานที่ที่มั่นคงเช่นสวรรค์เก้าชั้นฟ้าถูกฟันจนเกิดประกายไฟเช่นนี้ได้ แสดงให้เห็นว่าการจู่โจมครั้งนี้ทรงพลังอย่างมาก!
ดังนั้นชาวเมืองไป๋เฟิงต่างก็รู้สึกว่า “พวกเขาจบเห่แน่ๆ!”
แต่แล้ว…
“ออกไปซะ!”
เม่ยเอ๋อร์ชูดาบเล่มใหญ่ออกมา ทุ่งอสุรีและเสียงผีสางโหยหวนที่ระเบิดออกมารอบกายนางก็กวาดล้างเมืองไป๋เฟิงในทันที ทำให้เมืองไป๋เฟิงที่มีท้องฟ้าแจ่มใสหลายหมื่นลี้กลายเป็นนรกอสุรี
ทันใดนั้นเอง…
วิ้ง!
แรงระเบิดของแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเทพซ่านเฉิงปล่อยออกมาก็ถูกทุ่งอสุรีของเม่ยเอ๋อร์สะเทือนจนมลายหายสิ้น! มันระเบิดเป็นลำแสงสีขาวเจิดจ้าแสบตาบนท้องฟ้าเหนือเมืองไป๋เฟิง
ในขณะเดียวกัน เหล่าองครักษ์ที่คิดจะฉวยโอกาสสังหารเยี่ยนอวี๋เพื่อสร้างคุณงามความดีก็ถูกจิ่วอิงกัดจนแขนขาขาด ล้มระเนระนาดบนพื้นร้องห่มร้องไห้ทันที
“เฮ้ย!”
ชาวเมืองไป๋เฟิงที่ดูถึงตรงนี้ก็นิ่งงันเป็นไก่ไม้ไปแล้ว! พวกเขาถึงกับตามดูไม่ทัน แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการนิ่งงันเป็นไก่ไม้ของพวกเขา เพราะไม่ว่าจะเห็นฉากไหนก็เพียงพอที่จะลบล้างสามทัศนะของพวกเขาได้
และในขณะนี้เอง ท่านเทพซ่านเฉิงที่ในที่สุดก็รู้ถึงความแข็งแกร่งที่มิอาจโค่นได้ของฝ่ายตรงข้ามก็รีบคว้าตัวเยี่ยนชื่อเฟิงหายตัวไปด้วยความไวแสง “ไป!”
น่าเสียดาย…
“ลงมา!”
ปฐมราชินีเอ่ยปาก ปลดพลังศักดิ์สิทธิ์ของท่านเทพซ่านเฉิงออกจนหมดเกลี้ยงทันที
ตุบ!
ท่านเทพซ่านเฉิงที่จับตัวเยี่ยนชื่อเฟิงไว้ก็ล้มลงบนพื้นรับประทานอุจจาระพร้อมเยี่ยนชื่อเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย
ทำเอาท่านเทพซ่านเฉิงตกใจหน้าซีดเผือด “เร็วเข้า! รีบส่งสาส์นไปขอความช่วยเหลือ!”
เพียงชั่วจังหวะเมื่อครู่นี้ ท่านเทพซ่านเฉิงสัมผัสถึงชัดเจนว่ามีพลังสูงส่งหยุดยั้งและควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในร่างกายของเขาไว้ ทำให้เขามิอาจต่อต้านได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะหนีไป
ท่านเทพซ่านเฉิงจึงเพิ่งเข้าใจว่าผู้ที่มามิใช่เทพเถื่อนแต่อย่างใด เป็นไปได้มากว่าจะเป็นยอดมหาเทพที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวตน! และเจ้าเมืองของพวกเขาก็เพิ่งกล่าววาจาล่วงเกิน จะแย่งนางมาเป็นฮูหยินเจ้าเมือง!
“…” ท่านเทพซ่านเฉิงจะร้องไห้แล้ว
เยี่ยนชื่อเฟิงที่ตาบอดยังดึงดันหาเรื่องต่อไปว่า “เจ้าสารเลว! เจ้าหาเรื่องตาย! นี่เจ้ากำลังหาเรื่องตายอยู่นะ รอมารดาข้ามาก่อนเถอะ! ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองความรู้สึกถูกข่มเหงจนตาย!”
ทันทีที่คำพูดนี้ดังขึ้น…
ต้าซือมิ่งที่ปรากฏตัวตรงหน้าเยี่ยนชื่อเฟิงก็มองเยี่ยนชื่อเฟิงที่มีสภาพอนาถราวกับมองมดแมลง แสงสีม่วงรอบกายของเขาเต็มไปด้วยความเฉยเมยและเย็นชา! ทำเอาท่านเทพซ่านเฉิงตกใจจนพูดตะกุกตะกัก “จะ เจ้าจะทำอะไร ยะ อย่าบุ่มบ่าม เจ้าเมืองของพวกเราแค่พูดไปเช่นนั้นเอง เขาเป็นถึงละ ลูกของท่านเทพอี้หยางเชียวนะ!”
“แล้วอย่างไรหรือ” ต้าซือมิ่งกล่าวอย่างนิ่งเรียบ สายตาของเขามองไปยังท้องฟ้า
ในขณะเดียวกัน เสียงตะโกนทุ้มต่ำดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง “ฮึ! แล้วอย่างไรหรือ! ข้าอยากจะรู้เหลือเกินว่าใครบังอาจแตะบุตรของอี้หยาง!”
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น เยี่ยนชื่อเฟิงก็ดีใจทันที “ท่านพ่อ!”
จากนั้น… ก็ไม่มีจากนั้นอีก
“ข้าเอง”
ต้าซือมิ่งตอบก่อนจะซัดเยี่ยนชื่อเฟิงด้วยฝ่ามือเดียวจนตายต่อหน้าท่านเทพผิงเฉิงที่ปรากฏกายขึ้นกลางอากาศ ไม่ใช่ทำลายแก่นเทพ แต่คือใช้ฝ่ามือซัดจนตาย!
ครานี้เอง… ทุกอย่างเงียบงัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ท่านเทพผิงเฉิงที่ได้เห็นเยี่ยนชื่อเฟิงตายตาไม่หลับ ใบหน้ายังแสดงความดีใจที่ได้พบบิดา ดวงตาของผู้เป็นบิดาก็เบิกโพลงจนแทบจะทะลักออกจากเบ้า “ชื่อเฟิง!”
ในขณะเดียวกัน ท่านเทพอี้หยางที่ยังอยู่บนสวรรค์ชั้นเก้าจู่ๆ หัวใจก็สั่นไหว นางกุมหน้าอกไว้ทันที “ชื่อเฟิง!”