เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 431 องค์หญิงเจ็ดที่ร่ำลือ VS ปฐมราชินีเยี่ยน!
ข้างหน้าค่ายกลย้ายมิติของสวรรค์ชั้นเก้าบังเอิญมีเงาร่างสีม่วงอร่ามปรากฏขึ้น
“องค์หญิงเจ็ด!”
ท่านเทพที่อยู่ใกล้เคียงค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติต่างประสานมือคารวะ ต่างรู้ว่าหญิงงามที่มีท่วงท่าและใบหน้าสง่างามงดเพริศพริ้งท่านนี้ก็คือ ตี้เซิน องค์หญิงเจ็ดผู้ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของสรวงสวรรค์ที่สุด
“อืม” ตี้เซินพยักหน้าอย่างเกียจคร้าน แสดงให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งขององค์หญิงผู้สูงส่งในราชสำนัก อีกทั้งรูปร่างผอมเพรียวตัวสูงกว่าเทพสตรีทั่วไป ท่วงท่าอ่อนช้อยและสง่างามอย่างเป็นธรรมชาติในทุกอิริยาบถ ทำให้เทพหนุ่มไม่น้อยหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น
เสียดายที่เทพธิดาไม่สนใจ ตั้งแต่ที่ตี้เซินเติบใหญ่มา ไม่รู้ว่าซีเหอคัดเลือกราชบุตรเขยให้นางไปแล้วกี่คน แต่นางก็ไม่ชอบเลยสักคน ทำเอาเทพหนุ่มที่มีความสามารถไม่น้อยถึงกับยินยอมมาเป็นองครักษ์ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ เพื่อ ‘พบ’ องค์หญิงเจ็ดโดยบังเอิญบ้าง
แต่จะทำอย่างไรได้ พวกเขายังไม่ทันเริ่มบทสนทนา เทวรถที่หายวับไปจากตำหนักสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นข้างหน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ ท่านเทพอี้หยางและนางฟ้าของนางก็ลงมาจากรถอย่างร้อนรน
“เทวรถของเสด็จแม่?” ตี้เซินเลิกคิ้วเล็กน้อย
ท่านเทพอี้หยางคารวะอย่างรวดเร็ว “องค์หญิงเจ็ด”
ตี้เซินจำท่านเทพอี้หยางได้ “เจ้าเป็นอะไรหรือ เหตุใดจึงร้อนรนเช่นนี้”
“ทูลองค์หญิงเจ็ด ท่านเทพของหม่อมฉันได้รับข่าวว่าบุตรชายสุดที่รักของหม่อมฉันถูกเทพเถื่อนจากแดนมนุษย์ที่ฝ่าประตูสวรรค์มาแทงเข้าจนตาบอด ท่านเทพจึงเสียมารยาทเช่นนี้ องค์หญิงเจ็ดโปรดทรงอภัยด้วยเพคะ” นางฟ้าภักดีของอี้หยางกลัวว่าองค์หญิงเจ็ดจะลงโทษจึงตอบคำถามแทนท่านเทพอี้หยางในทันที
ท่านเทพอี้หยางก็เข้าใจความห่วงใยของนางฟ้าภักดี น้ำตาที่คลอเบ้าก็ไหลรินลงมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป นางพูดสะอึกสะอื้นว่า “อี้หยางทำให้องค์หญิงขุ่นเคือง องค์หญิงเจ็ดโปรดทรงอภัยเพคะ”
“เทพเถื่อนงั้นรึ” ตี้เซินเลิกคิ้วอีกครั้ง “ฝ่าประตูสวรรค์? แทงเจ้าเมืองเยี่ยนจนตาบอด?” น่าสนุกจริงๆ นางยังไม่เคยพบเจอเทพเถื่อนที่โหดร้ายเช่นนี้
ครานี้ตี้เซินก็ไม่สนใจว่าท่านเทพอี้หยางรีบร้อนหรือไม่ นางถามว่า “เท่าที่ข้าทราบ ตั้งแต่ที่สวรรค์เก้าชั้นฟ้ามิได้ผนึกเทพไว้ ตลอดหนึ่งแสนปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเทพเถื่อนปรากฏขึ้นในโลกมนุษย์อีก”
ตั้งแต่ที่สวรรค์เก้าชั้นฟ้ายกเลิกการผนึกเทพ ช่วงแรกในโลกมนุษย์ยังมีนักฝึกฌานแข็งแกร่ง พรสวรรค์อันทรงพลังของเขาทำให้เขาสามารถสัมผัสถึงแดนเทพได้ ดึงดูดทัณฑ์สวรรค์และเขาก็สามารถผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ทะยานขึ้นสู่สวรรค์เก้าชั้นฟ้า แต่เนื่องจากผนึกเทพในแดนมนุษย์ถูกปิดตัวลงแล้ว ดังนั้นเหล่าเทพชั้นยอดที่ขึ้นมาจากแดนมนุษย์จึงได้รับสมญานามว่า เทพเถื่อน
เทพเถื่อนอยู่ร่วมกับเทพสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้ยาก เพราะถึงอย่างไรตำแหน่งเทพก็มิได้ขาดแคลน แต่เนื่องจากพรสวรรค์ที่โดดเด่นของพวกเขา เทียนตี้จึงบัญชาให้เก็บเทพเถื่อนเหล่านี้ไว้เป็นผู้ชิงตำแหน่งเทพ ตำแหน่งสูงกว่าเทพชั้นผู้น้อยที่ขึ้นเป็นเทพจากเส้นสายเล็กน้อย แต่เนื่องจากไม่มีคนคอยหนุนหลัง จึงอยู่ร่วมกันได้ไม่ดีนัก
อีกทั้งแสนปีที่ผ่านมานี้ ก็ไม่มีเทพเถื่อนฝ่าประตูสวรรค์มาอีก วันนี้จู่ๆ ปรากฏตัว ฟังแล้วเหมือนจะโหดเหี้ยมกว่าเทพเถื่อนที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้ ตี้เซินจึงรู้สึกสนใจมาก “ดังนั้นสิ่งที่พวกเจ้ากล่าวคือความจริง?”
“แน่นอนเพคะ สารนี้ยังเป็นสารที่เทียนโฮ่วเหนียงเหนียงเป็นผู้แจ้งท่านเทพของข้าน้อยเอง ดังนั้นท่านเทพของหม่อมฉันจึงร้อนรนเช่นนี้ องค์หญิงโปรด…” นางฟ้าภักดีท่านนี้ของอี้หยางก็สู้สุดใจ ขาดเพียงไม่ได้พูดไปตรงๆ ว่าอย่าขวางทางเลย
ตี้เซินก็ไม่สนใจความผิดเล็กน้อยเช่นนี้ แต่กลับกล่าวอย่างสนใจว่า “ได้ ในเมื่อเป็นข่าวจากเสด็จแม่ของข้า เช่นนั้นก็คงไม่ผิดแล้ว ข้าจะไปกับพวกเจ้าเอง”
“เพคะ?” ท่านเทพอี้หยางตะลึง น้ำตาหยุดไหลในทันที นางฟ้าข้างกายนางก็ชะงักเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่คิดว่าองค์หญิงเจ็ดผู้เลื่องลือว่ารับมือด้วยยากท่านนี้จะไปพร้อมกับพวกนางด้วย
นี่มัน…
ท่านเทพอี้หยางตั้งสติได้อย่างรวดเร็วจึงน้อมคารวะแสดงความขอบคุณ “ขอบพระทัยองค์หญิงเจ็ดเพคะ เช่นนั้นเราไปกันตอนนี้เลยไหม”
ท่านเทพอี้หยางรู้ดีว่า หากมีองค์หญิงเจ็ดร่วมออกโรงด้วย หลายๆ เรื่องก็คงง่ายกว่าเดิม!
“ได้” ตี้เซินหันหลังกลับไปยังค่ายกลย้ายมิติอย่างเด็ดเดี่ยว สงสารท่านเทพที่รอนางมาหลายปี แผนพังอีกแล้ว
ในขณะเดียวกัน ชื่อฝานเทียนอ๋องที่ยังอยู่บนสวรรค์ชั้นเก้าก็ได้ข่าวแล้วเช่นกัน แต่เขามิได้รีบกลับไป เท่าที่เขาดูแล้ว ในเมื่อน้องสาวกลับไปแล้ว การจัดการเทพเถื่อนเหล่านั้นย่อมไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้นเขาจึงมิได้กลับไปยังสวรรค์ชั้นหนึ่ง ยังคงสนทนากับมหาเทพท่านอื่น
ท่านเทพอี้หยางที่มีองค์หญิงเจ็ดเดินทางไปด้วย พวกนางมาถึงสวรรค์ชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว แต่พวกนางเพิ่งจะออกมาจากค่ายกลย้ายมิติ ก็มีเสียงรายงานด่วนดังขึ้น…
“รายงานท่านเทพขอรับ เมืองไป๋เฟิงถูกปิดลงแล้ว! ลือกันว่าก่อนปิดเมืองเจ้าเมืองเยี่ยนก็เสียชีวิตแล้วขอรับ” ผู้ดูแลตำหนักอี้หยางที่อยู่ข้างหน้าค่ายกลย้ายมิติก็ร้อนรนจนอยู่ไม่เป็นสุข แต่เดิมเขาอยากจะขึ้นสวรรค์ชั้นเก้าเพื่อรายงานข่าวสำคัญนี้ แต่บังเอิญพบท่านเทพอี้หยางเข้าก่อน
“อะไรนะ!” ท่านเทพอี้หยางสีหน้าซีดเผือด “เจ้าบอกว่าชื่อเฟิงเป็นอะไรนะ!?”
ท่านเทพอี้หยางในบัดนี้ไม่มีใจจะสนใจองค์หญิงเจ็ดแล้ว ศีรษะของนางจะระเบิดอยู่แล้ว แต่ผู้ดูแลของนางจำเป็นต้องพูดว่า “ท่านเทพ เกรงว่าจะเป็นเรื่องจริง เป็นไปได้มากว่าเจ้าเมืองเยี่ยนถูกสังหารแล้วขอรับ!”
พรวด! ท่านเทพอี้หยางกระอักเลือดออกมาเพราะความเศร้าโศกและความโมโหสุดขีด!
“ท่านเทพ!” นางฟ้าที่ประคองอี้หยางไว้รีบป้อนยาวิเศษให้นางทันที ฝ่ายหลังกลับปัดยาวิเศษออกไปโดยไม่คิดจะกลืนมัน ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา “ชื่อเฟิงถูกสังหารหรือ ไม่! ไม่ๆๆ… เป็นไปไม่ได้! ข้าทิ้งพลังจิตไว้ที่ตัวเขา มันปกป้องเขาได้ พลังจิตของข้ายังไม่ถูกปลุกเร้าออกมาเลย ชื่อเฟิงต้องยังมีชีวิตอยู่! มีชีวิตอยู่!”
“ข้าน้อย… ก็เพิ่งทราบข่าวเมื่อครู่นี้ บัดนี้ก็มิอาจตรวจสอบอีกครั้งได้ เพราะเมืองไป๋เฟิงปิดลงอย่างสมบูรณ์แล้ว เกรงว่าแม้แต่มหาเทพก็เข้าไปไม่ได้ขอรับ” ผู้ดูแลตำหนักอี้หยางเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแล้ว
“ปิดอย่างสมบูรณ์หรือ” ตี้เซินที่ฟังถึงตรงนี้ก็เลิกคิ้วอีกครั้ง “เจ้าหมายความว่า ไม้โบราณไป๋เฟิงถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์ เมืองไป๋เฟิงถูกปิดล้อมทั้งหมดแล้วหรือ”
“ใช่ขอรับ!” ผู้ดูแลตำหนักอี้หยางขานตอบอย่างมั่นใจ แต่เขาไม่รู้จักองค์หญิงเจ็ด จึงยังไม่รู้ว่าผู้ที่ถามคือตี้เซิน องค์หญิงเจ็ดหรือพระธิดาผู้สูงศักดิ์แห่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
“น่าสนใจ” ดวงตาตี้เซินประกายแสงเจิดจ้า “ทหาร ถ่ายทอดคำสั่งของข้าไป เชิญผูถีเทียนอ๋องส่งเทพต้นไม้มายังสวรรค์ชั้นหนึ่งเพื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมข้า เทพเถื่อนจากที่ใดถึงเหิมเกริมเช่นนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ค่ายกลย้ายมิติสวรรค์ชั้นเก้าที่ได้รับคำสั่งก็ส่งสารไปที่จวนผูถีเทียนอ๋องแล้ว
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนอวี๋ที่อยู่ในเมืองไป๋เฟิงก็กำลังค่อยๆ คลายการปิดล้อมเมืองไป๋เฟิง “เม่ยเอ๋อร์ มัดพวกเขาไว้กับปู่จิ่ว เราไปตำหนักสวรรค์กัน”