เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 455 ต้าซือมิ่งจอมยั่วยวน! เหล่าเทพเซียนอันดับหนึ่ง!
- Home
- เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน
- ตอนที่ 455 ต้าซือมิ่งจอมยั่วยวน! เหล่าเทพเซียนอันดับหนึ่ง!
เยี่ยนอวี๋มองไปทางทะเลสาบสือซ่าไห่ทันที นางเห็นได้ว่าทะเลสาบที่แต่เดิมซ่อนอยู่ในความมืดมีแสงสีฟ้าหม่นค่อยๆ ไหลออกมา “เริ่มขึ้นแล้วหรือ”
“พลังค่ายกลเริ่มอ่อนแรงแล้วหรือ” อินหลิวเฟิงถาม “เช่นนั้นเราออกเดินทางกันตอนนี้เลยหรือไม่”
“ไม่! ไม่ได้!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้อนรน เขาลุกนั่งขึ้นมาทันที “เป่ายังไม่ได้กิน ข้าวข้าว!”
เยี่ยนอวี๋ลูบเด็กน้อยพูดว่า “จ๊ะ รอเสี่ยวเป่ากินเสร็จแล้วค่อยไป ไม่รีบ กว่าพลังจะหายสิ้นต้องใช้เวลาอีกนาน”
“เช่นนั้นหยวนสื่อเทียนจุนควรมาแล้วหรือไม่” อินหลิวเฟิงตื่นเต้น “ข้าชื่นชอบเขามาก!”
“ตามหลักก็ควรมาแล้ว” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงยังไม่มา”
“หรือว่าตายไปแล้วขอรับ” เอ้อร์เหมาพูดขึ้นจากข้างๆ
อินหลิวเฟิงตบกะโหลกเขาไปทีหนึ่งทันที “หุบปากเสียๆ ของเจ้าซะ!”
“สู้นายท่านน้อยมิได้หรอก ท่านน่ะพูดอะไรเป็นจริงทุกที” เอ้อร์เหมายอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ
อินหลิวเฟิง “…”
เขารีบปิดปากทันที! ไม่พูด ‘สิ่งที่ไม่ดี’ ของหยวนสื่อเทียนจุนเด็ดขาด
เยี่ยนอวี๋กลับมั่นใจว่าหยวนสื่อเทียนจุนยังมีชีวิตอยู่ มันเป็นความรู้สึกอันคลุมเครือ อธิบายยาก แต่นางมั่นใจเช่นนั้น ทว่าสิ่งที่เยี่ยนอวี๋ไม่รู้คือทะเลสาบสือซ่าไห่ในบัดนี้กลายเป็นเรื่องอึกทึกในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เมืองชั้นหนึ่งต้าจ้างฟูที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบสือซ่าไห่ที่สุดและเมืองอื่นที่ทราบข่าวต่างเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว!
ตี้เซินยังพาคนไปยังทะเลสาบสือซ่าไห่!
เมื่อเด็กน้อยเริ่มทานซุบไก่ฉีกแสนเอร็ดอร่อยก็มีสิ่งมีชีวิตกำลังเคลื่อนไหวบริเวณทะเลสาบสือซ่าไห่แล้ว เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วอีกครั้ง “เม่ยเอ๋อร์ เจ้าไปสำรวจดูว่าผู้ปรากฏกายคือใครกัน”
“เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่” เม่ยเอ๋อร์รับคำสั่งก่อนจะหายตัวไป
เยี่ยนเสี่ยวเป่าอ้าปากรอป้อน เขาทานอาหารที่ท่านพ่อของเขาเป็นคนป้อนทีละคำอย่างเอร็ดอร่อย และยังไม่ลืมขอ “ขนมข้าวเหนียว!”
“กินซุปหมดแล้วจะให้เจ้ากินชิ้นหนึ่ง” ต้าซือมิ่งให้สัญญา
เยี่ยนเสี่ยวเป่ายื่นฝ่ามือทั้งห้านิ้วออกไปอย่างไม่พอใจนัก “ห้า! ห้าชิ้น!”
“ครึ่งชิ้น”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าชะงัก “หนึ่งชิ้น…” เขาเห็นลูกไก่กินไปสามชิ้นแล้ว ทำไมเขาได้กินแค่ชิ้นเดียว! เป่างอแงแล้วนะ…
เยี่ยนอวี๋ที่กำลังทานขนมข้าวเหนียวอยู่เช่นกันก็ลูบศีรษะโล้นๆ ของเด็กน้อย พูดปลอบว่า “ท่านพ่อเจ้าก็หวังดีกับเจ้า เจ้ายังเล็ก ขนมข้าวเหนียวย่อยยาก”
“น้องไก่เล็ก เล็กกว่า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ยอม
“ครึ่งชิ้น” ต้าซือมิ่งพูดอีกครั้ง
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลืนซุปไก่ฉีกลงไป ก่อนจะพูดอย่างน่าสงสารว่า “ชิ้นเดียวก็ ชิ้นเดียว”
แม้เยี่ยนอวี๋รู้สึกสงสารเด็กน้อย แต่นางก็ไม่ได้ช่วยเด็กน้อยคัดค้าน นางแค่รู้สึกว่าการที่เด็กน้อยทานเก่งออกจะดี ในเมื่อเขาชอบก็ให้ทานมากหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
แต่ต้าซือมิ่งก็มีเหตุผลของตนเอง “ค่อยๆ กินไปทีละช่วงอายุ เพื่อดื่มด่ำกับอายุและรสชาติชีวิตที่แตกต่างกัน” เขากำลังให้เด็กน้อยทานอาหารที่เด็กอายุเท่านี้ควรทาน ค่อยๆ ป้อนอาหารให้เด็กน้อยทานต่อ
เยี่ยนอวี๋ที่เริ่มเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งในคำพูดของชายคนนี้ นางรู้ว่าเขาต้องการลิ้มรสชาติของ ‘อายุ’ ที่แตกต่างกันเช่นนี้และเติบโตไปพร้อมๆ กับเด็กน้อย ทุกๆ ปี ทุกๆ เดือน ทุกๆ ช่วงอายุล้วนแตกต่างกัน ล้วนมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง
เมื่อเด็กน้อยโตขึ้นแล้วนึกย้อนกลับมาก็จะไม่รู้สึกว่าตนเองโตอย่างรวดเร็ว หากแต่คือการค่อยๆ เติบโต ได้รอคอยที่จะได้ทาน ‘อาหาร’ ที่แตกต่างกันตั้งแต่ครึ่งขวบ แปดเดือน หนึ่งขวบ…
จู่ๆ เยี่ยนอวี๋ก็รู้สึกว่าชายคนนี้ใส่ใจในรายละเอียดและวางแผนอย่างรอบคอบมาก ต่อไปเด็กน้อยจะต้องจำได้แม่นว่าในช่วงอายุไหนท่านพ่อของเขาให้เขาทานอาหารใหม่ๆ บ้าง…
ทว่าเด็กน้อยในยามนี้ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย เขาอยากจะให้ตนเองโตไวๆ! จะได้ทานขนมข้างเหนียวเยอะๆ เพราะว่าขนมข้าวเหนียวที่ท่านพ่อของเขาทำนั้นเคี้ยวแล้วหนึบหนับ เพลิดเพลินกว่าขนมไหน่เกามาก!
“เช่นนั้นข้าที่โตเช่นนี้กินอะไร” จู่ๆ เยี่ยนอวี๋ก็ถาม
ต้าซือมิ่งที่กำลังป้อนเด็กน้อยก็ตอบว่า “ข้าไง”
เยี่ยนอวี๋ “…”
ชายผู้นี้เจ้าชู้นัก!
“แค่ก!”
อินหลิวเฟิงที่ได้ยินก็เงยหน้ามองฟ้า แสร้งทำเป็นตนเองฟังไม่รู้เรื่อง กลับอดคิดในใจไม่ได้ว่า ไม่คิดเลยว่าต้าซือมิ่งที่ดูแล้วละเว้นจากเรื่องกาม อันที่จริงร้ายไม่เบา! คำพูดเกี้ยวพาเช่นนี้ยังกล้าพูดออกมาได้
ทว่าเม่ยเอ๋อร์กลับมาแล้ว “คุณหนูใหญ่”
“ว่าอย่างไรบ้าง” เยี่ยนอวี๋รีบถาม แต่ใบหูแดงหมดแล้ว
เม่ยเอ๋อร์รีบรายงานว่า “ผู้ที่มาได้ข่าวว่าในอีกสองสามวันนี้จะมีทรัพย์สมบัติปรากฏในทะเลสาบสือซ่าไห่ พวกเขามาเพื่อล่าสมบัติ”
“อะไรนะ” จางเจ๋อเหองงงัน “ทะเลสาบสือซ่าไห่มีสมบัติ? คำพูดเหลวไหลเช่นนี้ก็มีคนเชื่อด้วยรึ!”
เยี่ยนอวี๋กลับรู้สึกได้ถึงปัญหา “ข่าวแพร่ออกไปอย่างไร ทะเลสาบสือซ่าไห่เป็นเขตอาคมของสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามาโดยตลอด พวกเขาแอบมาหรือว่าอย่างไร”
“เหมือนกับว่าจะแพร่ไปทั่วทั้งสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้ว ได้ยินมาว่าหัวเมืองใหญ่รวมถึงเทพแต่ละชั้นฟ้าอาจจะมากันหมดเจ้าค่ะ” เม่ยเอ๋อร์เองก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล “อาจจะเป็นเรื่องที่องค์หญิงเจ็ดคนนั้นทำหรือไม่เจ้าคะ ก่อนหน้านี้ที่ท่านพูดถึงทะเลสาบสือซ่าไห่ พวกเขาคงจะได้ยินเข้า”
“แต่ทะเลสาบสือซ่าไห่เป็นเขตแดนต้องห้าม เว้นแต่หยวนสื่อเทียนจุนอนุญาต มิเช่นนั้นเทพใดๆ ก็ไม่ควรมา!” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเป็นปม รู้สึกว่าสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามีปัญหามากมายเหลือเกิน
ดูท่าหลังจากกำจัดพลังจิตเทพตกสวรรค์ในทะเลสาบสือซ่าไห่เสร็จแล้ว นางคงต้องรีบกลับตำหนักสวรรค์ ดูซิว่าเทียนตี้กำลังเล่นตลกอะไร เหตุใดจึงปกครองสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจนกลายเป็นแบบนี้ไปได้
…
วันต่อมา
เนื่องจากบริเวณทะเลสาบสือซ่าไห่นั้นมืดมิดมาก ไม่สามารถแยกแยะเวลาด้วยท้องฟ้าได้ ดังนั้นเทพที่มารวมตัวกันที่นี่อย่างต่อเนื่องล้วนใช้ความจำในการคำนวณเวลา
“น่าจะใกล้แล้ว!” เทพไม่น้อยที่รู้สึกว่าใกล้ถึงเวลาแล้วถามเพื่อนร่วมเดินทาง “ตามเวลาที่ได้ข่าวมาน่าจะเป็นช่วงเวลานี้ใช่ไหม”
“น่าจะใช่ อย่างช้าสุดก็อีกหนึ่งถ้วยชา พลังผนึกทะเลสาบสือซ่าไห่ก็จะหายไปอย่างสิ้นเชิง เทพที่มีตบะเซียนก็จะเข้าไปในทะเลสาบสือซ่าไห่เพื่อค้นหาสมบัติได้”
“น่าจะใกล้แล้วล่ะ…”
เทพจากทั่วสารทิศต่างจับตามองทะเลสาบสือซ่าไห่ที่เห็นชัดเป็นสีฟ้าขึ้นเรื่อยๆ ด้วยสัญชาติญาณ
เพียงแต่ว่าขณะที่พวกเขามองนั้นก็พบว่า “กลุ่มเทพที่สวมชุดมงคลที่จู่ๆ ปรากฏอยู่ข้างหน้า เหตุใดจึงรู้สึกคุ้นจังเลย”
“นั่นไม่ใช่…” เหล่าเทพที่คิดถึงคำสั่งหมายจับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่เพิ่งประกาศก็เบิกตาโพลง พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่ากลุ่มคนที่ถูกหมายหัวเหล่านี้จะมาแย่งสมบัติกับพวกเขาอย่างเปิดเผยเช่นนี้!?
ในครานี้เอง ขบวนเยี่ยนอวี๋ที่ปรากฏข้างหน้าสุดต่อหน้าเหล่าทวยเทพ พวกเขายังคงไม่รู้ว่าพวกเขาถูกหมายจับของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้ว
เด็กน้อยยังเดินด้วยตนเองอย่างดีอกดีใจ เมื่อซวนเซกำลังจะล้ม จิ่วอิงก็รีบคาบเขาไว้ เขาก็หัวเราะ ฮ่าๆ ขึ้นมา “อิงอิง!”
จิ่วอิงที่กลายเป็นพ่อเลี้ยงไปโดยปริยายไม่ได้รู้สึกโมโหกับคำเรียกขานที่แก้อย่างไรก็แก้ไม่ได้นี้แล้ว มันเพียงแค่คาบเจ้าตัวน้อยขึ้นไปบนหลังอย่างไม่สบอารมณ์นัก
เด็กน้อยก็รีบปีนขึ้นไปบนศีรษะที่อยู่ตรงกลางของจิ่วอิง ก่อนจะทำท่าขี่ม้าพลางส่งเสียงอย่างมีมาด
จิ่วอิง “…”
เอาเถิด เล็กขนาดนี้อย่าถือสาเลย
ทว่าอินหลิวเฟิงที่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เขาก็อดพูดไม่ได้ว่า “กูไหน่ไน เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเทพทั่วสารทิศกำลังมองพวกข้า เป็นเพราะพวกเราแทรกแถวหรือ”
“นั่นน่ะสิ!” เทพไร้ประโยชน์องค์หนึ่งอดพูดไม่ได้ว่า “อีกทั้งแม้แต่ข้าและหลินอวี่ก็ยังถูกมองด้วย หรือว่าพวกเรามีจุดเด่นยอดเยี่ยมอะไรน่าสนใจ”
ก่อนหน้านี้เทพไร้ประโยชน์สององค์ไม่เคยเป็นจุดสนใจ ไม่เคยถูก ‘มอง’ เช่นนี้มาก่อน แต่บัดนี้รู้สึกไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะเมื่อพบว่าจางเจ๋อเหอที่เห็นเหล่าทวยเทพของเมืองตนเอง เขาก็รู้สึกขนลุกไปหมด “ทางนั้น เหล่าเทพเมืองเซวียนหยวนของข้า สายตาที่มองมาแปลกพิลึกมากเลย!”
“เหมือนกำลังเห็นทองแท่ง” เอ้อร์เหมาตัดสินอย่างเฉียบขาด
เยี่ยนอวี๋เองก็รู้สึกถึงความผิดปกติ แต่นางไม่ทันได้ครุ่นคิด เสียงบรรเลงเพลงสวรรค์ก็ดังมาแต่ไกล นกกระเรียนและนกสีขาวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นพร้อมกัน ทำเอาเด็กน้อยร้อง ว้าว “แม่! นั่นคืออะไรขอรับ”
“นกกระเรียนและนกสีขาว! นี่คือความร่ำรวยของราชวงศ์เมืองต้าจ้างฟู เมืองเทพอันดับหนึ่ง!” จางเจ๋อเหอที่รู้ดีกว่าใครรีบแย่งตอบคำถามนี้ทันที
เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้อง ว้าว อีกครั้ง ดวงตาโตของเขามองนกกระเรียนและนกสีขาวรวมถึงเทวรถสีขาวกลุ่มหนึ่งตาไม่กะพริบ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ หมดความสนใจ เพราะมันไม่แพรวพราวระยิบระยับเลย…
“เมืองต้าจ้างฟูจริงๆ ด้วย!” จางเจ๋อเหออุทานไม่หยุด ยังจำได้ว่าผู้ที่นั่งอยู่ข้างหน้าสุดในเทวรถคือองค์ชายใหญ่แห่งเมืองต้าจ้างฟู
ครานี้จางเจ๋อเหอจึงเริ่มแนะนำให้เยี่ยนอวี๋พวกเขารู้จักแล้ว “ท่านเทพเมืองต้าจ้างฟูท่านนี้มีนามว่าท่านเทพเฮ่าเทียน เป็นผู้ติดตามตัวยงอันดับต้นๆ ขององค์หญิงเจ็ด! หน้าตาใช้ได้”
“อัปลักษณ์!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองปราดหนึ่งก่อนจะวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามเพิ่งเดินลงมา ทำให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครา ไม่ใช่ประเภทที่เจ้าตัวน้อยชอบ
ท่านเทพเฮ่าเทียนเหมือนกับจะได้ยินคำวิจารณ์ของเด็กน้อย ดวงตาเฉียบแหลมดุจเหยี่ยวของเขาจึงกวาดมองมา! แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง…
“องค์หญิงเจ็ดเสด็จ!”
“ก่วงมู่เทียนอ๋องเสด็จ!”
“องค์ชายใหญ่เสด็จ!”
“…”
เหล่าเทพรุ่นเยาว์จากตำหนักสวรรค์และ ‘ผู้พิทักษ์’ ที่ทรงพลังและยิ่งใหญ่ของพวกเขาต่างออกโรง และเมื่อพวกเขาปรากฏตัว ย่อมจำกลุ่มคนเยี่ยนอวี๋ได้ก่อนผู้ใด