เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 50 มาเถิด น้อมรับโทสะจากปฐมราชินีซะ (2)
เอ่อ…
ทุกคนในห้องโถงต่างก็ตกตะลึง! รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะฟังผิดไป
ต่อให้เป็นอินหลิวเฟิงที่เป็นผู้เฝ้ามองอยู่ ก็ต้องตกตะลึง แม้ว่าเขาจะเชื่อแน่ว่าเยี่ยนจื่ออวี๋ไม่ทางไม่สู้กลับ แต่การตอบโต้ด้วย ‘สี่คํา’ นี้ก็บ้าระห่ำเกินไป
แต่ความเป็นจริงนั้นบ้าดีเดือดกว่าที่อินหลิวเฟิงคิดไว้มาก เพราะทันทีที่เม่ยเอ๋อร์เคลื่อนไหว ยอดฝีมือที่ผู้อาวุโสเก้าพามาที่อยู่ใกล้นางที่สุด ฉับพลันนั้นเองเขาก็จมอยู่ในกองเลือด โดยไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้อง
“…”
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงตกตะลึง!
นี่มัน…
การกระทำนี้มันเกินความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง!
อย่างไรก็ตาม เม่ยเอ๋อร์ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคาดเดาได้หรือไม่ ในระหว่างที่นาง ‘เคลื่อนไหว’ อย่างต่อเนื่องนั้น! ยอดฝีมือที่อยู่ฝั่งผู้อาวุโสเก้าก็ล้มลงกับพื้นทั้งหมด โดยไม่หลงเหลือแม้เพียงผู้เดียว
รวดเร็วมาก! ทางด้านยอดฝีมือของราชสํานักที่ตะลึงงันได้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมาพร้อมกับคำรามเสียงก้อง “ลงมือพร้อมกัน จับผู้ร้ายนางนี้ให้ได้!”
พรึบ ยอดฝีมือของราชสํานักทั้งสิบนายกระจายตัวล้อมเม่ยเอ๋อร์ทันที และยอดฝีมือที่เหลือก็คุ้มกันเฉาหมิงเฉิงและคนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสเก้าก็รีบหลบตามเฉาหมิงเฉิงไปอย่างรวดเร็ว เขาก็กลัวเช่นกัน! เพราะหากไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาอันรวดเร็วของยอดฝีมือของราชสํานัก คนที่จะตายเมื่อสักครู่นั้นก็คงเป็นเขา!
…อึก ผู้อาวุโสเก้าที่กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เหงื่อกาฬผุดขึ้นตามตัว อีกนิดเดียวเท่านั้น เกือบตายแล้วเรา
เฉาหมิงเฉิงที่เพิ่งจะรู้สึกตัวในบัดนั้น เขาอุทานด้วยความโกรธว่า “บังอาจ! เยี่ยนจื่ออวี๋! ในสายตาเจ้ายังมีกฏระเบียบอยู่หรือไม่!”
น่าเสียดาย…
สิ่งเดียวที่ตอบคำถามเขาคือ ปัง! พลังที่เม่ยเอ๋อร์ระเบิดออกมา
“ไสหัวไป!” เม่ยเอ๋อร์ไล่อย่างเย็นชา จากนั้นก็ทำให้ยอดฝีมือของราชสํานักทั้งสิบคนลอยหวือ “หากยังกล้าแส่หาเรื่องอีก ข้าจะฆ่าไม่เว้น!”
“โอ้!” อินหลิวเฟิงเผลอหลุดปาก “สาวใช้คนนี้ดุร้ายเพียงนี้เชียวหรือ”
“นายน้อย ข้าน้อยบอกท่านแต่แรกแล้วว่าสาวใช้คนนี้ร้ายกาจมาก ให้ท่านเตรียมใจไว้ให้ดี” องครักษ์คนหนึ่งแสดงตัวว่าเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าสาวใช้คนนี้เก่งกาจมาก!
แน่นอนว่าอินหลิวเฟิงย่อมรู้ดี ว่าสาวใช้ของเยี่ยนจื่ออวี๋นั้นไม่ธรรมดา แต่นึกไม่ถึงว่านางจะไม่ธรรมถึงเพียงนี้! และเขารู้สึกได้ว่าสาวใช้ที่แข็งแกร่งเพียงนี้นั้นยังไม่ได้ออกแรงเต็มที่เท่าไรนัก?
เขาคิดไปเองงั้นหรือ
อินหลิวเฟิงฉงนสงสัย
เฉาหมิงเฉิงกลับรู้สึกถึงความยุ่งยาก เขาผ่อนปรนน้ำเสียงและพูดขึ้นว่า “เยี่ยนจื่ออวี๋ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันก่อน! นี่เจ้ากำลังจะทำให้ครอบครัวเจ้ามีโทษก่อกบฏอย่างนั้นหรือ”
“เม่ยเอ๋อร์” เยี่ยนอวี๋ที่เหมือนจะฉุกใจคิดขึ้นได้ “พักก่อน”
“บ่าวไม่เหนื่อยเจ้าค่ะ” เม่ยเอ๋อร์พูดอย่างตรงไปตรงมา นางเพิ่งจะเริ่มลงมือเท่านั้น “บ่าวยังอุ่นเครื่องไม่เสร็จ”
“…” เฉาหมิงเฉิงเกือบจะพูดแขวะขึ้นว่า “แม่นางอวี๋ เรื่องนี้เจ้าสังหารไปฝ่ายเดียวก็ไร้ประโยชน์ คนของข้า เมื่อสืบทราบเบาะแสแล้วไม่เพียงแต่จะส่งสาส์นมาให้ข้า แต่ยังงสาส์นไปถึงราชสำนักอีกด้วย ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องดำเนินการตามกฎของราชสำนัก”
“แล้วอย่างไร” เยี่ยนอวี๋ถามอย่างไม่แยแส
เฉาหมิงเฉิงกลับขี้ขลาดไม่กล้าพูด แต่เขายังรู้สึกว่าความขี้ขลาดอันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ช่างไร้เหตุผลนัก เขาจึงกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “บิดาของเจ้า รวมถึงพี่รองของเจ้าและคนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ทั้งหมดจะถูกควบคุมตัวกลับไปยังตี้ชิว”
“ก็มิใช่ว่าจะไม่ได้” เยี่ยนอวี๋พูดราวกับว่าเป็นเรื่องง่าย “ก่อนอื่นส่งสองคนที่อยู่ด้านหลังท่านออกมา ให้ข้าได้ชำระล้างสิ่งสกปรกเสียก่อน”
“เอ่อ…” เฉาหมิงเฉิงคิดไม่ถึงว่าเยี่ยนอวี๋จะตอบเช่นนี้!
เยี่ยนชิงถังกลับกระโดดกรีดร้องขึ้นก่อนว่า “เจ้าอย่าหวัง! เยี่ยนจื่ออวี๋! เจ้าอย่าได้หวัง! ข้าเป็นกุ้ยหนี่ว์ของราชวงศ์ เป็นผู้หญิงขององค์จักรพรรดิ! เจ้าอย่าหวังว่าจะทำเช่นนั้นได้!”
“จะลองดูก็ได้” เม่ยเอ๋อร์จ้องมองเยี่ยนชิงถังด้วยแววตาเย้ยหยัน ทันทีที่มีคําสั่งจากเยี่ยนอวี๋ นางก็พร้อมจะลงมือ! อันที่จริง นางอยากจะฆ่ามดปลวกที่ดีแต่กระโดดโลดเต้นคนนี้มานานแล้ว
เยี่ยนชิงถังกลัวจนตัวสั่นระริก รีบขยับเข้าไปใกล้เฉาหมิงเฉิงอีก ด้วยกลัวว่าจะถูกเม่ยเอ๋อร์ฆ่า แต่นางก็ยังกล้าส่งเสียง “เยี่ยนจื่ออวี๋! ช่วยดูแลสุนัขชั่วร้ายของเจ้าด้วย! นอกเสียจากว่าเจ้าอยากจะเป็นปรปักษ์กับราชสำนัก!”
“…ถูกต้อง” แม้ว่าเฉาหมิงเฉิงจะไม่อยากใส่ใจกับ ‘กุ้ยเหริน’ ผู้ที่จู่ๆ ก็บ้าระห่ำขึ้นมา แต่เขาก็จำต้องอธิบายว่า “ถึงอย่างไรเยี่ยนชิงถังก็เป็นกุ้ยเหรินที่ได้รับการบันทึกชื่อในราชวงศ์แล้ว นับได้ว่าเป็นคนขององค์จักรพรรดิ แม่นางอวี๋จะทำอะไรนางไม่ได้”
ทันทีที่เยี่ยนชิงถังได้ยินดังนี้ นางก็เกิดความรู้สึกโล่งใจ มีความยโสโอหังอยู่ในจิตใต้สำนึก สายตาจับจ้องไปที่เยี่ยนจื่ออวี๋อย่างเย้ยหยัน “ได้ยินแล้วหรือไม่! เยี่ยนจื่ออวี๋! เจ้าทำอะไรข้ามิได้ด้วยซ้ำ! แต่เจ้า เจ้ามีสายเลือดมนุษย์วานรหวาไหว ดังนั้นเจ้า! และมารหัวขนของเจ้า! รวมถึงครอบครัวของเจ้าทุกคน สมควร…”
“หุบปาก!” เฉาหมิงเฉิงแทบอยากจะเปิดสมองของเยี่ยนชิงถังออกมาดู ดูว่าในสมองนั้นเต็มไปด้วยขี้เลื่อยหรือไม่ นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ยังจะยั่วยุศัตรูยอดฝีมือให้เกิดโทสะขึ้นอีก? ช่างโง่เขลาสิ้นดี
อย่างไรก็ตามเยี่ยนอวี๋กลับไม่รู้สึกโกรธจากการยั่วยุนั้นเลย นางมองไปที่เฉาหมิงเฉิงและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นปรปักษ์ต่อราชวงศ์ ดังนั้นข้าขอพูดอีกครั้ง ส่งคนมา แล้วพวกเจ้าก็ออกไป”
“หึ” ผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเฉาหมิงเฉิงอยู่ตลอดเวลา! ชายชราร่างผอมที่ดูไม่ธรรมดายิ้มขึ้น “เจ้าคิดว่าอาศัยเพียงแค่สาวใช้ที่มีพละกําลังอันป่าเถื่อนของเจ้า แล้วจะสามารถทําอะไรได้ตามใจอย่างนั้นหรือ”
ทันทีที่คนผู้นี้เดินออกมา เยี่ยนชิงก็เลิกคิ้วขึ้น! ดึงบุตรสาวสุดที่รักมาไว้ข้างหลัง เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยอย่างระแวดระวัง เขารับรู้ได้ถึงความโหดร้ายจากอีกฝ่ายได้
อย่างไรก็ตาม เยี่ยนอวี๋ก็โน้มตัวออกจากด้านหลังของบิดาและพูดว่า “ใช่”
เยี่ยนชิง “…”
“เม่ยเอ๋อร์” เยี่ยนอวี๋ยกมือขึ้นโบกไปข้างหน้า นางไม่อยากพูดพร่ำอะไรอีกแล้ว
เม่ยเอ๋อร์ยิ้มกริ่ม แสงสีดํากระหายเลือดปรากฏขึ้นในแววตาของนาง! คนทั้งคนหายไปปรากฏตัวต่อหน้าชายชราร่างสูง ราวกับภูติผีปีศาจอย่างไรอย่างนั้น ความเร็วชนิดนั้นแทบจะทำให้หัวใจหยุดเต้น!
แต่ยังไม่นับว่าร้ายกาจแต่อย่างใด…
สิ่งที่ทําให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตะลึงใจมากที่สุดคือ…