เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 52 ตัวแทนของปฐมราชินี (1)
เสียงดังสนั่นจากฟากฟ้า ในทันใดนั้นเอง! ทำให้ความเคลื่อนไหวทั้งหมดในห้องโถงตกอยู่ในความสงบ เรียบนิ่งและทรงพลัง แข็งแรงและยิ่งใหญ่
หลังจากนั้น ก็ได้ยินน้ำเสียงชราดังก้องราวกับเสียงจากสวรรค์ดังออกมาจากทุกทิศทางของห้องโถง “ด้วยคําสั่งจากปรมาจารย์วิญญาณของสำนักชางอู๋ ขอสั่งให้สำนักชางอู๋! ปกป้องคุ้มครองเยี่ยนชิงทั้งครอบครัว”
ทันทีที่เสียงนี้ดังก้องออกมา!
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างรู้สึกราวกับถูกอสุนีบาตฟาดลงกลางตัว!
ทุกคนต่างก็ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม…
ชายชราคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีเขียวเข้มของสำนักชางอู๋ จู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ใจกลางห้องโถง และรอบๆ กายของเขายังมีเปลวเพลิงส่องแสงจ้า! มีเงาของต้นอู๋ถงอยู่เลือนลาง ซึ่งเปล่งแสงระยิบอยู่ข้างหลังเขาตลอดเวลา
นี่มัน…
“ท่านเจ้าสำนักสูงสุด!”
นัยน์ตาของผู้อาวุโสรองสั่นระริก แล้วรีบคุกเข่าคำนับทันที “เฉินหมิงเสียน คำนับท่านเจ้าสำนักสูงสุด”
ผู้อาวุโสเก้ามึนงง แต่เขาจำต้องคุกเข่าคำนับเช่นกัน “คำนับท่านเจ้าสำนักสูงสุด!”
“คำนับท่านเจ้าสำนักสูงสุด…” เยี่ยนชิงและคนของสำนักชางอู๋คนอื่นๆ ต่างก็คุกเข่าลงคำนับ ท่านผู้นี้ก็คือ บรรพบุรุษอาวุโสที่ได้รับการเคารพบูชาในหอปรมาจารย์
เยี่ยนหงชวน ผู้เป็นท่านเจ้าสำนักชางอู๋รุ่นก่อน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นวีรบุรุษผู้ที่เปลี่ยนพลิกสถานการณ์ของต้าซย่า เขาไม่เพียงแต่เป็นผู้อาวุโสของสำนักชางอู๋เท่านั้น แต่ยังเป็นท่านปู่ของเยี่ยนชิง และเป็น ‘ท่านปู่ทวด’ ของเยี่ยนอวี๋อีกด้วย
แม้จะมีความสัมพันธ์เช่นนี้ แต่ทุกคนในสำนักชางอู๋กลับไม่มีใครกังขาในการตัดสินใจของเยี่ยนหงชวนเลย เพราะเขาคือบุคคลสำคัญของสำนักชางอู๋! บรรพบุรุษผู้เป็นดั่งร่มโพธิ์ร่มไทรของสำนัก
เพียงแค่เขาไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมานานมากแล้ว นานจนกระทั่งผู้คนมากมายต่างก็ลืมไปเสียแล้วว่าเขายังคงอยู่ และคิดว่าเขาได้ตายไปแล้ว หรือไม่ก็ชราภาพเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง
ใครจะคาดคิด…
เขาไม่เพียงยังไม่ตายเท่านั้น!
แต่เห็นได้ชัดว่าเขายังแข็งแกร่งขึ้น!
และทรงพลังมากด้วย!
ทรงพลังพอที่เฉาหมิงเฉิงอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดหวั่น “เยี่ยนหงชวน!”
“ขอบคุณที่ราชสํานักยังจำข้าได้” เยี่ยนหงชวนมองเฉาหมิงเฉิงเนิบๆ “ข้าเยี่ยนหงชวนไม่ทราบจริงๆ ว่าสายเลือดของข้าเกี่ยวข้องกับมนุษย์วานรหวาไหวตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“เจ้า…” เฉาหมิงเฉิงเกร็งใบหน้า “ไม่ว่าอย่างไร ลูกหลานของเจ้าก็ฆ่ากุ้ยเหรินแห่งราชวงศ์ นี่คือความจริง”
“เพียงแค่ชำระล้างสิ่งสกปรกเท่านั้น” เยี่ยนหงชวนตอบ
เฉาหมิงเฉิงสะอึก แสงรอบตัวเขาเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เขารู้ว่าไม่มีความจําเป็นต้องอยู่แล้ว มิเช่นนั้นเขาอาจถูกชำระล้างอีกคนก็เป็นได้!
แต่สุดท้าย เฉาหมิงเฉิงจำต้องพูดว่า “เยี่ยนหงชวน! การตัดสินใจของเจ้า เกรงว่ามันจะนําความพินาศมาสู่สำนักชางอู๋! เจ้าคอยดูเถอะ!” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อำนาจของราชสำนักจะอ่อนแอไปมิได้”
และแล้ว…
“ไสหัวไป!” เม่ยเอ๋อร์ผู้เดือดดาล ตบไล่เฉาหมิงเฉิงอย่างมิอาจควบคุมอารมณ์คุกรุ่นได้! อีกฝ่ายตกใจกลัวจนต้องรีบกระตุ้นค่ายกลและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ปัง ฝ่ามือพิฆาตถูกส่งออกไป รวมถึงควันหลงของค่ายกล แสดงให้เห็นว่า หากไม่ใช่เพราะเฉาหมิงเฉิงหนีไปเร็ว ไม่แน่ เขาอาจจะไปไม่ถึงราชสำนักอย่างราบรื่น อาจจะตกลง ณ ที่ใดที่หนึ่งก็เป็นได้…
“หึ” เม่ยเอ๋อร์ส่งเสียงในลำคออย่างเย็นชา คล้ายกับว่าไม่เห็นเฉาหมิงเฉิงอยู่ในสายตา
ผู้อาวุโสเก้าที่เห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความเจ็บปวดว่า “เวรกรรม! เวรกรรมจริงๆ! หรือว่าสำนักชางอู๋เราจะเป็นปรปักษ์กับราชสำนัก เป็นโจรก่อกบฏแล้ว?”
ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ออกไป สายตาของเม่ยเอ๋อร์ก็จ้องมองเขาทันที ท่าทางอันโกรธแค้นนั่นทําให้ผู้อาวุโสเก้าหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรอีก ทําได้เพียงก้มโขกศีรษะต่อเยี่ยนหงชวน “ท่านเจ้าสำนักสูงสุด ท่านต้องปกปักรักษาส่พวกเรานะขอรับ!”
ถึงครานี้แล้ว แม้ว่าเยี่ยนหงชวนเพิ่งจะแสดงจุดยืน แต่ผู้อาวุโสเก้าก็ยังคงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ท่านเจ้าสำนักสูงสุด ท่านสามารถพูดจาจาบจ้วงเบื้องสูงได้ แต่ถึงอย่างไรสำนักชางอู๋ก็ต้องยอมแพ้ มิเช่นนั้นเมื่อใดที่กองทหารของราชสำนักย่างกรายมาถึงเมืองชางอู๋ ถึงเวลานั้น แม้นจะคิดได้ก็สายเกินไปแล้ว…”
“ถูกต้อง” กู้หยวนเหิงที่ยังไม่ได้ไปไหน เขากำลังอดทนอยู่ ก้มศีรษะคำนับเยี่ยนหงชวนว่า “ผู้อาวุโสเยี่ยน เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็กน้อย ต่อให้ท่านเจ้าสำนักเยี่ยนจะถูกใส่ร้าย แต่การฆ่าสนมขององค์จักรพรรดิก็คือไม่เคารพต่อราชสำนัก จำเป็นต้องให้คำตอบแก่ราชสำนักนะขอรับ”
เยี่ยนหงชวนเหลือบมองกู้หยวนเหิง แล้วละสายตาไปยังอินหลิวเฟิงที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าก็คิดอย่างนั้นหรือ”
อินหลิวเฟิงชะงัก ไม่คาดคิดว่าบรรพบุรุษที่ยังมีชีวิตของสำนักชางอู๋จะขอความเห็นจากเขา แต่เขาก็ตอบอย่างไม่ประหม่าว่า “ข้าคิดว่า เรื่องด่วนในเวลานี้มิใช่การตอบคำถามราชสำนัก แต่เป็นเรื่องที่มีคนจงใจเล่นงานสำนักชางอู๋ของพวกท่านขอรับ”
เยี่ยนหงชวนพยักหน้าเนิบๆ ก่อนจะกวาดสายตามองเหล่าบรรดาลูกศิษย์และลูกหลาน “ในขณะนี้ พวกเจ้ายังคงคิดว่า เพียงแค่ส่งแพะรับบาปหนึ่งถึงสองคนออกไปก็สามารถยุติเรื่องนี้ได้แล้วอย่างนั้นหรือ”
ตุบ!
ผู้อาวุโสรองและคนอื่นๆ ก้มโขกศีรษะอย่างพร้อมเพรียง แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้สึกถึงโทสะของเยี่ยนหงชวน แต่สิ่งที่เขาพูดก็ทําให้พวกเขาตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาแล้ว
ผู้อาวุโสเก้าเหงื่อกาฬไหลโชกราวกับห่าฝน หัวใจเต้นรัวเร็วเพิ่มทวีคูณ! แม้ว่าเขาจะไม่คิดเช่นนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากระทำลงไปนั้นผิดพลาดอะไร ทว่า…
ขณะที่เขายังไม่ทันหายจากอาการตื่นตระหนก เยี่ยนหงชวนที่มองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ปลดเจ้าเก้าออก แล้วลบนามออกจากสำนักชางอู๋เสีย”
“ท่านเจ้าสำนักสูงสุด!” ผู้อาวุโสเก้ามองไปที่เยี่ยนหงชวนด้วยใบหน้าซีดเซียว
เยี่ยนหงชวนไม่ได้มองเขา “สมรู้ร่วมคิดกับกองกําลังนอกสำนัก ทำลายศีลธรรมสำนัก ปลดออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุด แล้วลบนามออกจากสำนักชางอู๋ ไม่ต้อนรับกลับสำนักอีกชั่วนิรันดร์”
“…” ผู้อาวุโสเก้าทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง เขาถึงขั้นกังวลว่าเขาอาจไม่สามารถมีชีวิตรอดออกจากสำนักชางอู๋ได้
แต่เยี่ยนหงชวนกล่าวอย่างใจเย็นว่า “จงออกไปจากสำนักชางอู๋ นำคำไปบอกสำนักคุนอู๋เสียว่าข้าเยี่ยนหงชวนยังไม่ตาย ให้หยางเหล่าทิ้งกลอุบายสกปรกเหล่านั้นเสีย”
“ท่านเจ้าสำนักสูงสุด…” ผู้อาวุโสเก้างงงันไปชั่วขณะ รีบโขกศีรษะกล่าวขอบคุณ “ขอบพระทัยท่านเจ้าสำนักสูงสุดที่ไว้ชีวิต”
จากนั้นโดยไม่ต้องรอให้เยี่ยนหงชวนพูดอะไรอีก ผู้อาวุโสเก้าทั้งกลิ้งทั้งคลานออกไปทันที! เขากลัวว่าหากช้าเพียงก้าสวเดียว เยี่ยนหงชวนอาจจะเปลี่ยนความคิดได้
และแล้ว…
เยี่ยนอวี๋กลับกล่าวขึ้นว่า “เพียงฝากคำพูดมิจำเป็นต้องใช้มือและฌานตบะ”
“!” ผู้อาวุโสเก้าตกใจ!
เม่ยเอ๋อร์หมายมั่นปั้นมืออย่างตื่นเต้น!
อ้ากกก