เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 53 ตัวแทนของปฐมราชินี (2)
ผู้อาวุโสเก้าที่กําลังวิ่งหนีอย่างสิ้นหวัง เขาเจ็บปวดทรมานจนแทบจะวิ่งไม่ไหว!
แต่เขาก็ไม่กล้าหยุด ดังนั้นแม้ว่าแขนทั้งสองข้างจะมีเลือดพุ่งดั่งน้ำพุ แรงกัดเซาะที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้นยังคงกัดกร่อนเส้นเอ็นของเขา เขาก็ไม่กล้าที่จะพักเพื่อห้ามเลือดหรือรักษาบาดแผลแต่อย่างใด แม้นว่าเลือดจะสาดกระจายก็ต้องจำใจวิ่งอย่างบ้าคลั่งต่อไป
“หึ”
เม่ยเอ๋อร์ถึงจะละสายตาด้วยความพึงพอใจ มั่นใจว่าตาเฒ่านั่นจะไม่มีมืองอกออกมาอีก เส้นลมปราณของเขาจะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งใช้การไม่ได้อีก
“…” ทุกคนในห้องโถงกลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ กลัวว่าจะถูกอสูรร้ายผู้น่ากลัวและว่องไวเช่นนี้จัดการ! ช่างเป็นวิธีการที่เลือดเย็นนัก น่ากลัวเหลือเกิน…
กู้หยวนเหิงทำหน้าปั้นยากรีบกล่าวอำลาอย่างรวดเร็ว กลับไม่มีใครขวางเขาไว้ เม่ยเอ๋อร์ไม่พอใจมาก แต่เมื่อนางไม่ได้รับคําสั่งจากเยี่ยนอวี๋ นางก็ไปขวางทางกู้หยวนเหิงไม่ได้
“นายน้อยอิน” เยี่ยนหงชวนมองอินหลิวเฟิงอีกครั้ง
“มิกล้า ข้าน้อยขอตัวลา” อินหลิวเฟิงพาองครักษ์ออกจากห้องโถงไปอย่างคนมีไหวพริบ เขารู้ดีว่าบรรพบุรุษที่ยังมีชีวิตผู้ฉลาดเฉียบแหลมของสำนักชางอู๋กําลังจะเริ่ม ‘โยกย้ายกองกำลัง’ แล้ว
อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างสำนักคุนอู๋และสำนักชางอู๋นั้นช่างน่าสงสัยจริงๆ
แต่ไม่ว่าจะน่าสงสัยเพียงใด อินหลิวเฟิงก็ไม่อยู่ต่ออย่างไม่รู้จักกาลเทศะ ยิ่งกว่านั้นเขายังมีเรื่องที่ต้องสะสางอีก เวลานี้ถือว่าเป็นโอกาสเหมาะพอดี!
เมื่อรอให้คนที่ควรไปได้ออกไปหมดแล้ว ผู้อาวุโสรองก็ตระหนักดีและคุกเข่ารับโทษว่า “ท่านเจ้าสำนักสูงสุด โปรดลงโทษข้าด้วย”
“โปรดลงโทษข้าด้วย” เยี่ยนชิงเองก็ขอรับโทษอย่างซื่อตรง เขาในฐานะเจ้าสำนัก แต่กลับถูกคนของสำนักคุนอู๋รุกล้ำเข้ามาก่อกวนภายในได้ นี่เป็นความรับผิดชอบของตน
เยี่ยนหงชวนส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ลงโทษพวกเจ้าในเวลานี้จะมีประโยชน์อันใด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปให้เรียกตัวศิษย์ที่อยู่ทั้งในและนอกสำนักให้เข้ามาอยู่ในสำนักอย่างเร่งด่วน เตรียมพร้อมรับมือกับศึกครั้งใหญ่เถิด”
“ท่านเจ้าสำนักสูงสุด!?” ผู้อาวุโสรองงงงัน “ท่านคิดว่า จะมีศึกครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ”
“หรือเจ้าคิดว่า เพียงแค่ตาเฒ่าอย่างข้าจะทำให้สำนักคุนอู๋ยอมรามือได้อย่างนั้นหรือ ทางราชสำนักก็เริ่มช่วยเหลือเกื้อหนุนสำนักคุนอู๋แล้ว เจ้ายังคงคิดว่าเรื่องนี้จะจบด้วยดีอย่างนั้นหรือ” เยี่ยนหงชวนถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
ผู้อาวุโสรองโขกศีรษะขอรับโทษด้วยความหวาดกลัว “ข้าน้อยไร้เดียงสาเกินไป”
“รีบไปเถิด ให้ทุกคนในสำนักอยู่ในภาวะพร้อมรับมือกับศึกสงครามไว้ กำจัดหนอนบ่อนไส้ของสำนักคุนอู๋ออกจากสำนักเราให้หมด” เยี่ยนหงชวนออกคำสั่ง
“ขอรับ!” ผู้อาวุโสรองและเยี่ยนชิงรับคําสั่งพร้อมกัน
ก่อนที่เยี่ยนชิงกําลังจะถอยกลับ เขาก็รีบส่งสายตาให้กับเยี่ยนอวี๋ เป็นสัญญาณให้นางรีบออกมาโดยด่วน!
เยี่ยนอวี๋ “?”
เยี่ยนชิงจึงไม่พูดอะไรอีก กำลังจะพาลูกสาวผู้ใสซื่อออกไป แต่แล้ว…
เยี่ยนหงชวนกล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อยู่ก่อน”
เยี่ยนชิงเหงื่อตกทันที “ท่านปู่ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์นาง…”
“หากเจ้าไม่สบายใจ ก็อยู่ด้วยกันได้” เยี่ยนหงชวนทราบถึงความฉลาดแบบแปลกๆ ของเยี่ยนชิงเป็นอย่างดี
“ขอรับ!” เยี่ยนชิงจึงขอให้ผู้อาวุโสรองจัดการเรื่องของเขาไปพร้อมกันเลย
ผู้อาวุโสรองเหลือบมองเยี่ยนชิงอย่างหมดคำบรรยายแล้วจากไปอย่างเงียบๆ เขาไม่เข้าใจว่าคน ‘ฉลาด’ อย่างเยี่ยนชิง เหตุใดพอเป็นเรื่องของบุตรสาวแล้วกลับกลายเป็นคนทึ่มเสียได้
ท่านเจ้าสำนักสูงสุดแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการปกป้องเยี่ยนจื่ออวี๋!
ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ
เช่นนั้นยังต้องกังวลอะไรอีกล่ะ!
……
อย่างไรก็ตามหลังจากที่คนอื่นๆ ผละออกไปกันแล้ว เยี่ยนอวี๋จึงถามขึ้น “ท่านปู่ทวด ท่านจะลบนามข้าออก็ย่อมได้เจ้าค่ะ”
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์!” เยี่ยนชิงร้อนใจ! เพราะเช่นนี้ เขาถึงรู้ว่าเขาควรอยู่ต่อ ดูสิ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์โอหังอีกแล้ว! ท่านปู่เป็นคนเด็ดขาดมาก “ท่านปู่…”
“เอาเถอะ ดูเจ้าร้อนใจสิ” เยี่ยนหงชวนยังหมดคำพูดกับหลานชายที่ ‘ไม่ได้ดั่งใจ’ แต่เขายังคงตอบในเชิงบวกว่า “ข้าแก่ชราเพียงนี้แล้ว ยังจะคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กน้อยเช่นเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ”
“แหะๆ” เยี่ยนชิงแสร้งทําเป็นหัวเราะอย่างโง่เขลา
เยี่ยนอวี๋เบือนหน้าหนีอย่างเขินอาย เมื่อนั้นจึงได้ยินเยี่ยนหงชวนกล่าวว่า “สำนักชางอู๋มิจําเป็นต้องใช้แพะรับบาปเพื่อขจัดแผนการยั่วยุที่สำนักชางอู๋ต้องเผชิญ แม้นว่าบุคคลนี้จะไม่ใช่เจ้า แต่เป็นลูกศิษย์สำนักธรรมดาก็ตาม การกระทำต่ำช้าเช่นนั้นมิใช่จุดยืนของสำนักชางอู๋”
“ถูกต้องขอรับ!” เยี่ยนชิงเห็นด้วยและเริ่มปรบมือ
เยี่ยนหงชวนปรายตามองหลายชายคนนี้อย่างโกรธๆ จากนั้นก็ปลอบโยนเยี่ยนอวี๋ว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลไป แม้นว่าสำนักคุนอู๋จะอัญเชิญขุมพลังของราชสํานักมาได้ สำนักชางอู๋เราก็ใช่ว่าจะไร้ซึ่งความช่วยเหลือแต่อย่างใด เรื่องนี้ถือว่าเจ้าทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องกังวลไป”
เรื่องที่เยี่ยนหงชวนพูดถึงคือเรื่องของเยี่ยนจื่อเสา และในเรื่องนี้ความสามารถของเยี่ยนอวี๋ที่แสดงออกมาก็เพียงพอที่จะทําให้เขารู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงพูดถึงแผนการต่อไปว่า “ต่อไป ให้เจ้าพาพี่รองของเจ้าออกไปจากสำนักชางอู๋ ไปยังเมืองโยวตูซะ”
“เจ้าคะ?” เยี่ยนอวี๋ประหลาดใจเล็กน้อย
เยี่ยนชิงกลับกล่าวอย่างเห็นด้วย “ท่านปู่วางแผนถูกต้องแล้วขอรับ! เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เชื่อฟังปู่ทวดของเจ้าเถิด พาพี่รองไปยังเมืองโยวตู พ่อก็จะส่งสารไปบอกพี่ใหญ่เจ้า ให้เขาไปเมืองโยวตูเช่นกัน”
“อืม” เยี่ยนหงชวนเห็นด้วย “เตรียมตัวลูกหลานที่โดดเด่นของสำนักไว้ เมื่อถึงเวลาสำคัญให้ส่งพวกเขาออกไปเสีย”
“ท่านปู่…” เยี่ยนชิงแสดงออกถึงความรู้สึกอันหลากหลาย แม้ว่าเขาตั้งใจจะทําเช่นนี้ แต่เมื่อคําพูดดังกล่าวหลุดออกมาจากปากของบรรพบุรุษ เขาจึงตระหนักได้ว่าเรื่องราวนั้นร้ายแรงกว่าที่เขาคิด
“ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับหรือไม่ ความแข็งแกร่งของสำนักคุนอู๋ก็ห่างไกลกว่าสำนักชางอู๋ของเรามาก และเล่ห์กลในครั้งนี้ของพวกเขามีเจตนายิ่งใหญ่นัก ดังนั้นจึงต้องมองการณ์ไกลและเตรียมการไว้ในทางเลวร้ายที่สุด” เยี่ยนหงชวนไม่ต้องการให้คนรุ่นหลังคิดว่าจะโชคดี
แม้ว่าเดิมทีในใจของเขายังคิดว่าจะโชคดี แต่เรื่องบางเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ทําให้เขารู้สึกว่าเรื่องนี้จะไม่มีความโชคดีแน่นอน
เยี่ยนชิงน้อมรับคำสั่งสอนทันที “หลานเข้าใจ หลานจะไปจัดการประเดี๋ยวนี้ขอรับ”
แต่เยี่ยนอวี๋กลับตอบว่า “พี่รองไปเมืองโยวตูไม่ได้เจ้าค่ะ”
“เหตุใดจึงไปไม่ได้กัน” เยี่ยนหงชวนขมวดคิ้วอย่างไม่คาดคิดและกล่าวว่า “แม้ว่าเมืองโยวตูจะไม่เจริญรุ่งเรืองเท่าตี้ชิวนัก แต่ที่นั่นก็ดีกว่าสำนักชางอู๋ของเรามาก จื่อเสา…”
“ไปไม่ได้เจ้าค่ะ ข้าจะพาเขาไปยังต้าฮวง” เยี่ยนอวี๋กล่าวตามที่ตนคิด “อย่างน้อยก็ให้พี่รองกลายสภาพเป็นอสูรอีกรูปแบบหนึ่งเสียก่อน แม้นว่าข้าจะไม่ได้คิดว่ามนุษย์วานรหวาไหวไม่ดีก็ตาม”
“แต่…” เยี่ยนชิงอยากจะคัดค้าน
เยี่ยนอวี๋กลับกล่าวขึ้นอีก “อีกประการหนึ่ง ไม่แน่ สำนักอาจไม่ถูกโจมตีก็เป็นได้ ข้าจะเขียนจดหมายถึงสูเจิ้งแห่งสำนักหมอหลวงเจ้าค้ะ”
“หา?” เยี่ยนชิงชะงักอยู่ครู่หนึ่ง
เยี่ยนหงชวนรู้สึกตัวพลางถามขึ้นว่า “เจ้าเป็นศิษย์สายตรงของสำนักหมอหลวงจริงหรือ”
“นับได้ว่าเป็นเจ้าค่ะ เดิมทียังมิได้ยอมรับ แต่ครานี้ยอมรับก็ได้เจ้าค่ะ…” เยี่ยนอวี๋กล่าว จากนั้นก็สั่งเม่ยเอ๋อร์ “ไปส่งสารให้แก่ตาเฒ่าแห่งสำนักหมอหลวงที”