เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 80 สังเกตเห็นแล้ว ต้าซือมิ่ง
เมื่ออินหลิวเฟิงและคนอื่นๆ รู้ตัว! และเตรียมพร้อมระมัดระวังหลังจากที่เห็นท่าทีของเยี่ยนอวี๋ แต่พวกเขาไม่สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ
“เกิดอะไรขึ้น” อินหลิวเฟิงถามโดยสัญชาตญาณ
เม่ยเอ๋อร์ก็งงงัน แบ่งความสนใจส่วนหนึ่งมองไปที่เยี่ยนอวี๋ เพราะนางสัมผัสถึงอะไรไม่ได้เลย รวมทั้งเยี่ยนเสี่ยวเป่า เขาเองก็ทำตาโตจ้องมองท่านแม่คนงามด้วย
เยี่ยนอวี๋ถามด้วยความประหลาดใจ “พวกเจ้าไม่ได้ยินหรือ”
“ไม่ได้ยิน” ทุกคนส่ายศีรษะพร้อมกัน เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ส่ายศีรษะเช่นกัน
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วน้อยๆ และไม่นึกสงสัยว่านางจะหูฝาดไปเอง แต่สิ่งที่แน่นอนคือมีเพียงนางเท่านั้นที่ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างบินฉวัดเฉวียน
“คุณหนูใหญ่ ท่านได้ยินอะไรหรือเจ้าคะ” เม่ยเอ๋อร์ถามพร้อมกับตั้งใจฟังมากกว่าเดิม
เยี่ยนอวี๋ส่ายศีรษะ “ไปกันก่อน ค่อยดูอีกที”
“เอาอย่างนี้ ข้าจะเดินนำไปไกลกว่านี้หน่อย เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เจ้าอย่าตามกระชั้นชิดเกินไปนัก” เยี่ยนจื่อเสาบงการอย่างระมัดระวัง หวังว่าหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นก็พอมีเวลาหาทางหนีได้
ครั้นแล้วทั้งกลุ่มจึงระมัดระวังอย่างมาก หลังจากเดินต่อไปอีกหนึ่งเค่อ ทางข้างหน้าพวกเขาก็เปิดออก! ลานป่าโล่งกว้างปรากฏขึ้นในคลองจักษุของทุกคน
“นี่มัน…”
อินหลิวเฟิงมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ ดูออกว่าที่นี่เคยเป็นอุทยานที่ได้รับการออกแบบมาอย่างมีเอกลักษณ์โดดเด่น รูปแบบอลังการ เพียงแต่พืชพรรณที่อยู่ในนี้ล้วนเหี่ยวเฉาไปหมด เหลือไว้เพียงกิ่งก้านอันแห้งเหี่ยวเท่านั้น
แม้แต่หินที่ใช้ประดับหลากสีสันก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักเพราะไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ ซึ่งปรากฏเป็นภาพอันเสื่อมโทรมไม่น่าอภิรมย์เป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้น ก็ยังยากที่จะปกปิดความโอ่อ่าของอุทยานแห่งนี้ได้
แท้จริงแล้ว ที่นี่คืออุทยานของตำหนักไท่ชาง ซึ่งกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…ต้นมะหาดแดงตั้งตระหง่าน หญ้าหายากและดอกไม้วิเศษได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างวิจิตรบรรจง เป็นอุทยานอันดับหนึ่งในเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าที่มีหินประหลาดหลากสีสัน และสมบัติสวรรค์อันประณีตงดงาม
แม้ว่าอุทยานแห่งนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่มันก็เป็นอุทยานในตำหนักไท่ชาง ดังนั้นแม้แต่อุทยานหลวงขององค์จักรพรรดิก็ไม่มีค่าเทียบเท่าอุทยานตำหนักไท่ชางของปฐมราชินี
แต่น่าเสียดาย…
“พวกมันตายหมดแล้ว” เยี่ยนอวี๋แค่ปรายตามองทุกอย่างที่อยู่ในอุทยานก็รู้ว่าพืชพรรณแมกไม้ในอุทยานแห่งนี้ก็เป็นเหมือนกับตำหนักไท่ชางที่สูญเสียพลังงานจิตวิญญาณและพลังชีวิตไปสิ้นแล้ว
หากผู้มีความรู้อยู่ที่นี่ เมื่อมองจากกิ่งก้าน ใบไม้ที่ร่วงหล่น และหินแตกร้าว ที่จริงแล้วก็สามารถแยกแยะได้ว่าของเหล่านั้น แต่เดิมในตำราโบราณเคยมีบันทึกเอาไว้ แต่ได้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว
ตอนนี้ แม้แต่นายน้อยอินหลิวเฟิงผู้ที่มีอิทธิพลของเมืองหนึ่งก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้จัก ‘สมบัติ’ เหล่านี้ในอุทยานเลย
ดังนั้นทุกคนจึงไม่ไม่มีความคิด ‘เสียดาย’ ของล้ำค่าเหล่านี้ ต่างก็เดินตามเยี่ยนอวี๋ไปข้างหน้า โดยไม่คิดที่จะหยิบฉวยส่วนที่แตกหรือนำชิ้นส่วนกิ่งก้านที่ตายแล้วกลับบ้านแม้แต่ชิ้นเดียว เป็นเหตุให้อินหลิวเฟิงนึกเสียใจในภายหลัง
แต่เวลานี้เขาไม่ได้สังเกตของพวกนี้จริงๆ เขาชี้ไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจ พลางกล่าวว่า “พวกเจ้าดูสิ! แผ่นศิลาก้อนนั้นมีตัวอักษรอยู่ใช่หรือไม่”
ความสนใจของทุกคนพุ่งเป้าไปตามที่อินหลิวเฟิงชี้บอกทันที ต่างก็เพ่งความสนใจไปที่แผ่นศิลาโบราณลักษณะประหลาดที่อยู่ด้านหน้าอุทยาน ซึ่ง…
“เหมือนจะมีตัวอักษรจริงๆ ด้วย” เยี่ยนจื่อเสาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็สามารถเห็นอยู่เลาๆ คล้ายมีอักษรอยู่บนแผ่นศิลา แต่ดูเหมือนว่ามีคนขุดมันออกไปแล้ว? แต่ทำไมกระทั่งตัวอักษรก็ถูกขุดออกไปด้วยล่ะ
แต่เยี่ยนอวี๋รู้ว่าแผ่นศิลานั้นเคยมีตัวอักษรมาก่อนจริง และมันคืออักษรคำว่า ‘ตำหนักไท่ชาง’ และตัวอักษรทั้งหมดนั้นนางเขียนด้วยลายมือของตัวเอง
สำหรับวิมานเทวาสถิตหลักแห่งนี้ที่อยู่ตรงหน้านาง มันคือสถานที่ที่นางพำนักอยู่มานาน นานมาก
“อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยใกล้ชิด ต้องการให้ท่านแม่คนงามของเขารีบเดินเข้าไปเร็วๆ
เยี่ยนอวี๋พยักหน้าพร้อมกับกอดลูกของนาง แล้วเดินมุ่งหน้าไปยังวิมานเทวาสถิต ในขณะที่คนอื่นๆ ยังคงพิจารณาแผ่นศิลาอยู่
แต่เมื่อเยี่ยนอวี๋เปิดประตูที่ทั้งเก่าและผุพัง ย่างกรายเข้าไป! ประตูที่นางเปิดก็ปิดกระแทกดัง ปังงง
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์!” เมื่อนั้นเยี่ยนจื่อเสาตกใจพรวดพราดบุกเข้าไป แต่ประตูผุพังกลับสั่นสะบัดจนกระเด็นออกมาเสียงดัง โครมมม
“คุณหนูใหญ่!” เม่ยเอ๋อร์ที่ตามเยี่ยนจื่อเสามาติดๆ ก็ถูกแรงสั่นสะบัดจนกระเด็นออกมาเช่นกัน!
“แย่แล้ว!” เอ้อร์เหมารู้สึกตึงเครียด
แต่เสียงเยี่ยนอวี๋ดังออกมาจากด้านในห้อง “พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้ากับเสี่ยวเป่าไม่เป็นไร พวกเจ้ารอก่อน”
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์!” แต่มีหรือที่เยี่ยนจื่อเสาจะวางใจได้ ทว่าทันทีที่เขาพุ่งไปที่ประตูและพยายามเปิดออก ก็ชนเข้ากับแรงสั่นจนกระเด็นออกมา! แม้ว่ามันจะเป็นแค่ประตูบานใหญ่ที่ทั้งผุทั้งพังมากก็ตาม แต่มันก็เป็นประตูที่เขาไม่สามารถเปิดออกได้
อย่างไรก็ตาม อินหลิวเฟิงกลับกลายเป็นคนที่สายตาเฉียบแหลม เขาพบว่าหลังจากสองแม่ลูกเข้าไปแล้ว ตำหนักเทวาสถิตที่ทรุดโทรมนี้ดูเหมือนจะเปล่งแสงจางๆ ออกมา?
ต่อให้เป็นแสงที่แสนจะจืดจางเพียงใด
แต่อินหลิวเฟิงเชื่ออย่างแท้จริง…
มันเปล่งแสงจริงๆ!
“น่าสนใจ” อินหลิวเฟิงคิดลอยๆ “หรือเป็นเพราะคุณหนูใหญ่เยี่ยนได้รับมรดกของตำหนักไท่ชาง?”
ถ้าใช่!
เรื่องราวหลายอย่างก็สามารถอธิบายได้แล้ว!
ถ้าใช่!
เช่นนั้นก็…
อินหลิวเฟิงมองไปข้างหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย ตกอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้งอีกครั้ง
…
ในเวลาเดียวกัน เยี่ยนอวี๋ที่เดินเข้ามาในห้อง นางเห็นแล้ว…กระบี่ของนาง!
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็เห็นแล้วเช่นกัน
และเนื่องจากกระบี่นั้นลอยกลางอากาศภายในห้อง มีแสงสลัวกระจายไปทั่วตัวกระบี่ ดังนั้นเยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงคึกคักเป็นพิเศษ “อ้ะ! อ้ะ!…”
แม้ว่าเยี่ยนอวี๋จะสะท้อนใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะนางคาดคะเนไว้ก่อนแล้ว ว่าในวิมานสถิตจะมีกระบี่ของนางอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่แสงจ้าก่อนหน้านี้จู่โจม นางก็เดาได้แล้ว
“ไท่ชาง” เยี่ยนอวี๋มองกระบี่ยาวสีดำที่แผ่ลมปราณอันคุ้นเคย และในที่สุดก็ลบล้าง ‘การปลอมตัว’ ได้ทั้งหมด ปลดปล่อยลมปราณจิตวิญญาณของนางออกไป
จากเดิมที่ลักษณะอัปลักษณ์ ดำขมุกขมอม! กระบี่โบราณเฉกเช่นแท่งถ่านสีดำขนาดใหญ่ ในพริบตาเดียวก็ระเบิดแสงแวววาวออกมา สว่างพร่างพรายละลานตาในทันที!
ในเวลาเดียวกัน…
ซู่!
วงแหวนสีรุ้งได้ขัดขวางต้าซือมิ่งแห่งราชสำนัก นั่นยิ่งระเบิดความเย่อหยิ่งสูงสุด จนกระทั่งอาภรณ์ของต้าซือมิ่งที่นั่งขัดสมาธิบนวงแหวนสั่นสะเทือนเสียงหวีดหวิว
แต่…