เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 81 บิดาของเสี่ยวเป่าคือความลับของสวรรค์
แม้ว่าขุมพลังของม่านวงแหวนจะเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่า แต่ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักยังคงนั่งอย่างสงบ เวลานี้เขาเพียงแค่ลืมตามองเบื้องล่าง นัยน์ตาคู่หนึ่งที่ราวกับมีดวงดารานับพันดวง งดงามและมีเสน่ห์มากหันมาสบตากับเขา
และน้ำเสียงอันสง่างามราวเสียงพิณของเขา ดังกังวานขึ้นอีกครั้ง “ไท่ชาง”
หลังจากที่เยี่ยนอวี๋เอ่ยเรียก ‘ไท่ชาง’ ก็ดูเหมือนว่าเขาพูด ‘ไท่ชาง’ ออกมาราวกับพูดตาม ในขณะเดียวกันเขาก็แตะระหว่างคิ้ว และดึง ‘เขา’ ที่ตัวเล็กๆ ออกมา
หึ่งงง เมื่อซือมิ่งรูปงามตัวน้อยอยู่ในฝ่ามือของเขาอีกครั้ง หลังจากเคาะศีรษะเบาๆ ภาพเดิมก็ปรากฏขึ้นในอนุสติของเขาอีกครั้ง นั่นคือหญิงสาวผู้งดงามที่อุ้มเจ้าก้อนสกปรกคนนั้น
เจ้าก้อนยังสกปรกมอมแมมอยู่เช่นเคย หญิงสาวผู้งดงามคนนั้นก็ยังเห็นหน้าไม่ชัดเจน แต่นี่ไม่ใช่จุดที่ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักสนใจ สิ่งที่เขาสนใจคือ เหตุใดเขาถึงได้เห็นสองคนแม่ลูกนี้ถึงสองครั้งสองครา
ซือมิ่งรูปงามที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เมื่อเขากำฝ่ามือร่างเล็กก็หายไปราวกับควัน คิ้วที่เลิกขึ้นเล็กน้อยของเขายังคงมองลงไปยังเบื้องล่าง นัยน์ตาสีม่วงฉายแววประหลาดใจจางๆ
…
สิ่งที่เหมาะเจาะพอดีคือ ขณะที่ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนัก ‘เห็น’ ท่านแม่คนงามกับลูกน้อยทั้งสองอีกครั้ง เจ้าตัวเล็กก็สัมผัสได้อีกและร้อง โอ้โห ออกมา
“อ้ะ! อ้ะเนะเนะ…” หลังจากเยี่ยนเสี่ยวเป่าแน่ใจว่าสัมผัสได้ถึงท่านพ่อรูปงามของตน เขาก็บ่นพึมพำ และพยายามจะออกมาจากผ้าห่อตัวส่วนตัวของเขา
แม้ว่าสายตาของเยี่ยนอวี๋ยังจับจ้องอยู่ที่กระบี่ไท่ชาง แต่นางก็แบ่งความสนใจมามองลูกที่กระสับกระส่าย “เสี่ยวเป่าเด็กดี”
ผ่างงง! กระบี่ไท่ชางที่ดูเหมือนจะค่อนข้างตื่นเต้นหลังจากได้ยินเสียงของเยี่ยนอวี๋ มันจึงส่องแสงสว่างพร่างพรายอย่างต่อเนื่อง และเขย่าฝุ่นผงที่เกาะบนตัวกระบี่ทีละนิ้วทีละนิ้ว เผยให้เห็นลักษณะที่ดั้งเดิมปรากฏขึ้น…หมอกสีดำเหลือบม่วงกลุ่มหนึ่ง
นี่คือกระบี่ไท่ชาง กระบี่ไท่ชางที่เหมือนจะไร้สสาร แต่ความจริงแล้วมันถูกควบแน่นจากหมอกสีดำเหลือบม่วงกลุ่มหนึ่ง โดยเยี่ยนอวี๋เป็นผู้หลอมมันขึ้นมาเอง
ในจักรวาลของโลกาอันกว้างใหญ่นี้ มีเพียงกระบี่ไท่ชางเล่มนี้เท่านั้น! มันเป็นกระบี่ที่เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ และยังเป็นกระบี่ที่มีเพียงเยี่ยนอวี๋…ผู้เป็นปฐมราชินีเพียงเท่านั้นที่สามารถควบคุมได้
ดังนั้นแม้ว่าเยี่ยนอวี๋จะค่อนข้างสะท้อนใจ แต่ก็ไม่อาจไม่มองกระบี่ไท่ชางโดยไม่เสียใจได้ “น่าเสียดายที่ตอนนี้ข้าจับเจ้าไม่ได้ เพราะร่างกายของข้ารับไม่ไหว”
ผ่างงง กระบี่ไท่ชางส่งเสียงฮึ่มฮั่มอีกครั้ง
เยี่ยนอวี๋ยิ้มบางๆ “เจ้ารังเกียจกายเนื้อในตอนนี้ของข้าจริงๆ ด้วย”
ผ่างงง! กระบี่ไท่ชางลอยจากที่สูงมาหยุดอยู่ตรงหน้าเยี่ยนอวี๋ แต่ไม่ได้เข้าใกล้นาง เพราะมันรู้ดีว่าตราบใดที่เข้าใกล้เยี่ยนอวี๋มากเกินไป วิญญาณของนางก็จะถูกทำลายจนแตกสลายด้วยพลังของมัน
“อ้ะ! อ้ะเนะเนะ! อ๊า….” เยี่ยนเสี่ยวเป่าผู้ไม่พอใจที่ถูกเมิน ร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ ทั้งยังเอามือข้างหนึ่งลูบปิดดวงตาของท่านแม่คนงามของเขา ไม่ยอมให้ท่านแม่คนงามมองสิ่งอื่น
เยี่ยนอวี๋รีบจับอุ้งมือเล็กๆ อันนุ่มนิ่มของลูก แล้วจูบศีรษะโล้นเล็กๆ ของเขาอีกครั้ง จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เสี่ยวเป่าไม่ชอบกระบี่ของแม่หรือ”
“อ๊ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าส่ายศีรษะทันที “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” ตอนนี้อย่าเพิ่งมองมันเลย มองท่านพ่อรูปงามดีกว่า! เขามาแล้ว!
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางถามว่า “เจ้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนั้นอีกแล้วหรือ”
“อา?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตกตะลึงครู่หนึ่ง พลันนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จากนั้นเขาก็พยักหน้าทันที “อ้ะเนะเนะ!” ใช่! ใช่! ใช่! เสี่ยวเป่าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของท่านพ่อล่ะ
เยี่ยนอวี๋มองไปที่กระบี่ไท่ชางอย่างใจจดใจจ่อ “ไท่ชาง”
ผ่างงง! กระบี่ไทชางพ่นลมปราณแรงขึ้นทันที เมื่อนั้นม่านรัศมีที่มันปล่อยออกมา ก็เกะกะระรานขึ้นอีกหลายเท่าจนนับไม่ถ้วน! มันเขย่าจนกระทั่งเครื่องประดับหยกของต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักกระทบกันเสียงดัง กรุ๊งกริ๊ง
ทว่าเขายังไม่จากไปไหน และนั่งอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น แสงสีม่วงที่แตกกระจายออกมาจากดวงตาของเขายิ่งสว่างขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากของเขายกขึ้นจนเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าริมฝีปากยกขึ้นจากเดิมสามเท่า
แม้เยี่ยนอวี๋ยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของต้าซื่อมิ่งแห่งราชสำนักได้ แต่สามารถรับรู้ได้อย่างคลุมเครือว่ามีความลึกลับปกคลุมนางและเสี่ยวเป่าของนางอยู่?
“เสี่ยวเป่าอย่าใจร้อน แม่รู้ดีว่ามันคืออะไร” เยี่ยนอวี๋ลูบคอนุ่มนิ่มของลูก พร้อมกับปลอบอย่างอ่อนโยน “แต่ตอนนี้แม่กำลังฝึกฝนอยู่ เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีรอแม่ก่อน ตกลงไหมจ๊ะ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าลังเลครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “อ้า” เป็นความหมายบอกว่า ‘เอาเถอะ รอท่านแม่ฝึกฌานเสร็จแล้วค่อยไปจับท่านพ่อรูปงามก็ได้’
เยี่ยนอวี๋หยิบเตียงของลูกโดยเฉพาะออกมาอีกครั้ง แล้วจัดวางลูกไว้อย่างดี ส่วนนางนั่งลงขัดสมาธิใต้กระบี่ไท่ชาง และออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ไท่ชาง ใช้ขุมพลังหนึ่งส่วน ทลายอนุสติของข้าอย่างต่อเนื่อง”
ผ่างงง! กระบี่ไท่ชางแผ่รังสีแห่งกระบี่สีม่วงเหลือบดำไปยังเยี่ยนอวี๋ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ซึ่งมันได้ดำดิ่งลงไปในอนุสติของเยี่ยนอวี๋อย่างรวดเร็ว เสียงดัง หึ่มมม! เหมือนมีเกลียวคลื่นโหมกระหน่ำอยู่ภายในอนุสติของนาง
ปังงงง! อนุสติของเยี่ยนอวี๋ได้พังทลายลงในชั่วพริบตาเดียว ใบหน้าซีดเซียวฉับพลัน ลมปราณติดขัด เจ้าตัวเล็กที่กำลังจะดูดนิ้วเสียขวัญตกใจ ทันใดนั้น “อ๊ะ” เขาร้องตะโกนขึ้น
“ไม่เป็นไรนะลูก” เยี่ยนอวี๋ยังสามารถแบ่งความสนใจไปปลอบลูกอยู่! แม้ว่านางจะต้องแบกรับความอันตรายจากการที่อนุสติพังทลาย สติสัมปชัญญะแตกกระเจิง ร่างกายกำลังแตกกระจายตามไปก็ตาม แต่นางยังคงดำเนินไปตามจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว ด้วยความชำนาญจึงทำได้อย่างง่ายดาย
ไม่ใช่เพราะว่านางใจกล้า ยิ่งไม่ใช่เพราะว่านางโอ้อวดว่าตนไม่ธรรมดา แต่เพราะนางผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาอย่างโชกโชน ดั่งคำกล่าวที่ว่า เคลื่อนใบมีดแล้วยังเหลือพื้นที่ว่าง
ดังนั้นนางจึงสามารถปลอบประโลมลูกไปพร้อมกับการรวบรวมอนุสติที่พังทลายลง ดึงดูดขุมพลังแรกเริ่ม และหลอมรวมกลับเข้ามาในอนุสติของนางอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว
ตัวของเยี่ยนอวี๋รู้ดี นี่เป็นโอกาสฟื้นตัวที่กระบี่ไท่ชางมอบให้กับนาง หลังจากหลอมรวมขุมพลังแรกเริ่มเข้าไปในอนุสติใหม่อีกครั้ง ไม่นานนางก็จะสามารถฟื้นพลังจิตของชาติก่อนได้ครึ่งหนึ่ง ทำให้นางหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด กุมโอกาสสำคัญเอาไว้ได้