เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 117 ฝันเห็นศาลมืด
ตอนที่ 117 ฝันเห็นศาลมืด
เวลาใกล้พลบค่ำทีละน้อยแล้ว ในบ้านประชาชนตรงหมู่บ้านริมเขามีควันอาหารลอยล่อง
มีชาวบ้านมองไปทางเขาช่องลมเป็นครั้งคราว เมฆดำตรงนั้นยังไม่สลาย เสียงฟ้าคำรามแผ่วลงไม่น้อย
“วันนี้ช่วงบ่ายแปลกจริง ดวงอาทิตย์ยังลอยเด่น บนเขาช่องลมบทจะมืดก็มืด ฟ้าผ่านานขนาดนี้ไม่รู้ว่าฝนตกหนักแค่ไหน…”
“เฮ้อ ท้องฟ้าบนเขาก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ!”
มีชาวบ้านพูดคุยกันหน้าหมู่บ้าน พลางรอภรรยาทำอาหารเย็นเสร็จแล้วมาเรียกตน
“ค่ำวันนี้ฝนคงไม่ตกกระมัง”
“ไม่แน่นะ อีกเดี๋ยวกินข้าวเย็นเสร็จถ้าเมฆไม่สลาย ค่อยเก็บเสื้อผ้าซึ่งตากแดดข้างนอกเข้ามา”
“อืม!”
ฝ่ายชาวบ้านรอบนอกยังพูดคุยกัน ส่วนสภาพปีศาจกลางป่าเปลี่ยนแปลงฉับพลันแล้ว
หลังจากปีศาจครึ่งหน้าถูกดึงจิตปีศาจออกมา ผู้โชคร้ายคนที่สองก็คืองูสาว ด้วยตื่นตระหนกจึงคิดเจาะภูเขาหนีออกไป ทำให้ร่างเดิมตนถูกรูปจำลองของเทพหลักเมืองจังหวัดตู้หมิงกำราบกลางถ้ำ
เชือกดึงวิญญาณนับไม่ถ้วนฟาดหลังติดต่อกัน ทำให้จิตปีศาจของงูสาวไม่เสถียรถูกสั่นคลอนจนมีสัญญาณว่าจะหลุดจากกายเนื้อเสี้ยวหนึ่ง จากนั้นยังมีเชือกดึงวิญญาณอีกมากพันธนาการจิตปีศาจทันที ขุนนางเทพทุกกรมทยอยดึงโซ่กระชากวิญญาณร่วมกับทูตดึงวิญญาณ…
สุดท้ายปีศาจสองตนที่เหลือต้องเผชิญหน้ากับเทพหลักเมืองสองจังหวัดและเหล่าเทพผีตนอื่นกลางค่ายกลใหญ่ตามลำพัง ทว่ายืนหยัดได้ไม่นาน
ก่อนพระอาทิตย์ตก เมื่อทอดมองเส้นขอบฟ้า ตรงขอบฟ้าแสงสายัณห์แดงก่ำทั้งแถบ
ส่วนลึกของเขาช่องลม ตัวภูเขาใกล้เหววายุดำทุกหนแห่งคือต้นไม้ระเนระนาดและหินผาเกลือกกลิ้ง เศษฝุ่นในป่ายังลอยกลางอากาศไม่ซ่านสลาย
การต่อสู้ระหว่างเทพผีสองจังหวัดแห่งรัฐจีกับปีศาจร้ายถือว่าปิดฉากลงแล้ว ปีศาจซึ่งถูกจับกุมดึงวิญญาณมีสองตน อีกสองตนสุดท้ายถูกเล่นงานจนวิญญาณแตกซ่าน แต่ไม่แน่ว่าตายไปอาจโชคดีกว่า
บนท้องฟ้าเหนือเขาช่องลม ตอนนี้กระบี่เครือเขียวเข้าฝักกลางอากาศ เจตกระบี่ทั่วฟ้าเก็บเข้าฝักทันที หมู่ดาวบนฟ้าซึ่งมองเห็นเลือนรางชัดเจนขึ้นเล็กน้อย
เหล่าเทพผีคล้ายสัมผัสได้ว่าเจตกระบี่หายไป เงยหน้ามองกระบี่เซียนบนท้องฟ้า
ไม่รอเทพผีตอบสนองอะไร ท่ามกลางเสียงครวญแผ่วเบา กระบี่เซียนกลายเป็นลำแสงพุ่งไปบนฟ้าสูง เลือนหายไปจากสายตาของเทพผีทีละน้อย เข้าสู่กลางมรสุมตรงขอบฟ้า
“ไม่รู้ว่ากระบี่เซียนเล่มนี้เป็นของผู้สูงส่งแห่งใด โชคดีว่ากระบี่นี้คอยช่วยเหลือ วันนี้จึงปราบปีศาจได้อย่างราบรื่นเช่นนี้”
“อืม ไม่รู้ว่าแสงกระบี่มุ่งไปที่ไหน”
“คาดว่าคงเป็นสถานที่ห่างไกล”
ภาพเทพหลักเมืองมากมายรวมตัวถือว่าหายากยิ่ง ตอนนี้สองฝ่ายยังคุยข้ามเขาอีกสองสามประโยค
ด้านล่างยมทูตกับเจ้ากรมหยินหยางสองจังหวัดสำรวจถ้ำปีศาจ จากนั้นจึงเจอแหล่งกำเนิดปราณแค้น พบกระดูกขาวกองพะเนินในความมืด มีมากนับร้อย ทำให้เทพหลักเมืองกับขุนนางสองจังหวัดโกรธไม่น้อย
แต่เหล่าผู้ตายมีโอกาสสูงว่าเป็นชาวบ้านที่ถูกลักพาตัวมาจากต่างถิ่น มิฉะนั้นคนธรรมดาจำนวนมากเช่นนี้ตายเพราะปีศาจร้าย ไม่ว่าอย่างไรศาลมืดสองจังหวัดคงไม่ถึงขั้นไม่รู้ตัว แสดงให้เห็นจากอีกด้านหนึ่งว่าปีศาจพวกนี้รู้จักทะลวงช่องโหว่ของศาลมืดนัก
รอเสร็จเรื่องทุกอย่างแล้ว ท้องฟ้ากลายเป็นฉากรัตติกาล เทพหลักเมืองสองจังหวัดแต่ละอำเภอยืนอยู่สองด้านโดยมีเขาช่องลมเป็นเส้นกึ่งกลาง ต่างฝ่ายต่างประสานมือ
“ทุกท่าน จบเรื่องแล้ว พวกเราควรแยกย้ายกันไป ปีศาจพวกนี้เกี่ยวข้องกับคดีภายในจังหวัดของข้า ‘โครงกระดูกแดง’ ที่ปีศาจงูนั่นก่นด่าสาปส่งก็คือผู้กระทำผิด มิสู้ศาลมืดจังหวัดชุนฮุ่ยพากลับไปสอบสวน จากนั้นค่อยบอกผลกับทุกท่านเป็นอย่างไร”
เทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยประสานมือไปทางเทพหลักเมืองซ้ายขวาเบื้องหน้า
“เทพหลักเมืองจ้าวไม่ต้องมากพิธี เดิมจังหวัดชุนฮุ่ยก็เป็นเมืองเอกของรัฐจี ท่านนำไปสอบสวนย่อมเหมาะสมที่สุด!”
เทพหลักเมืองจังหวัดตู้หมิงเอ่ยปากแสดงท่าที เทพหลักเมืองอำเภออื่นย่อมไม่ติดขัด
“ขอบคุณเทพหลักเมืองหลี่ ขอบคุณเทพหลักเมืองทุกท่าน วันหน้าพวกเราค่อยพบกันอีก!”
“เทพหลักเมืองทุกท่านวันหน้าค่อยพบกันอีก!”
“วันหน้าค่อยพบกันอีก!”
เหตุการณ์นี้หายากจริงๆ หลังจากเทพหลักเมืองบอกลากัน ต่างฝ่ายต่างท่องเหินหรือเคลื่อนย้ายจากไป เหลือเพียงความเกลื่อนกลาดระเนระนาดตรงส่วนลึกของเขาช่องลม โชคดีว่าบริเวณใกล้เหววายุดำมีชาวเขาเข้าใกล้น้อยนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเข้ามายังก้นเหววายุดำ ไม่อย่างนั้นถ้าเห็นกระดูกขาวกองพะเนินตรงส่วนลึกนั่นคงตกใจตาย
จากมุมมองของชาวบ้านใกล้ภูเขา หลังจากฟ้ามืดไม่นานสุดท้ายเมฆดำตรงเขาช่องลมก็ซ่านสลายไป เสียงอสนีบาตหยุดลงแล้ว มองเห็นหมู่ดาวเหนือภูเขา ครั้นแล้วจึงวางใจตากผ้ากลางลานต่อ
…
จังหวัดชุนฮุ่ย ภายในโรงเตี๊ยมหอมหมื่นลี้ข้างสนามสอบแบบปิด อิ๋นจ้าวเซียนไข้ลดได้สติกลับมาแล้ว ต่อให้ตอนนี้เป็นช่วงกลางคืน แต่เขายังจุดตะเกียงสว่างอ่านตำราภายในห้องอย่างยากสงบใจอยู่บ้าง
“เฮ้อ… หาเรื่องปีศาจแล้ว ทำอย่างไรดี… ไม่อาจอยู่จังหวัดชุนฮุ่ยไปตลอดกระมัง ทางบ้านทำอย่างไร สร้างชื่อเสียงอย่างไร…”
เรื่องเทพหลักเมืองเข้าฝันเมื่อคืน ถ้าเปลี่ยนเป็นคนทั่วไปยามฟ้าสว่างแสงแดดสาดส่องความทรงจำน่าจะเลือนรางไม่ชัดเจน แต่อิ๋นจ้าวเซียนกลับจำได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง
ในฝันเทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยเหมือนไม่ค่อยรู้ความเป็นมาของปีศาจ ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีโอกาสสำแดงปณิธาน ถ้าถูกปีศาจกินโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่คงไม่ยินยอมยิ่ง
‘ไม่รู้ว่าไปอารามขอยันต์ป้องกันตัวได้หรือไม่’
ตอนบ่ายใต้เท้าจือโจวจังหวัดชุนฮุ่ยยังส่งคนมาเยี่ยมเขา ซักถามอาการป่วย ตอนนั้นอิ๋นจ้าวเซียนยังท่าทางอ่อนเพลีย คนอื่นคิดว่าเป็นเพราะป่วย ความจริงคือกลัดกลุ้ม
‘ถ้าท่านจี้อยู่ที่นี่ก็คงดี…’
เขามองตัวอักษรบนตำราตรงหน้า อิ๋นจ้าวเซียนยังรวบรวมสมาธิไม่ได้ คล้ายสายตาพร่าเลือนทีละน้อย งีบไปไม่นานก็พิงโต๊ะหลับแล้ว
“อิ๋นเจี้ยหยวน อิ๋นเจี้ยหยวน!”
ได้ยินว่ามีคนเรียกตน อิ๋นจ้าวเซียนเงยหน้าทันที พบว่าภายในห้องไม่รู้ว่ามีเจ้าหน้าที่สวมชุดขุนนางสีดำสองคนยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ท่าทางค่อนข้างแปลกประหลาด บนหมวกเจ้าหน้าที่ร่างสูงเด่นมีตัวอักษรอยู่
บนหมวกคนหนึ่งเขียนว่า ‘ลาดตระเวนราตรีไม่ลาดตระเวนทิวา’
บนหมวกอีกคนเขียนว่า ‘สนหยินไม่สนหยาง’
แม้ว่ารู้สึกผิดปกติอยู่บ้าง แต่อิ๋นจ้าวเซียนยังลุกขึ้นประสานมือถาม
“เจ้าหน้าที่ทั้งสองคือ?”
เมื่อเห็นอิ๋นจ้าวเซียนสอบถาม คนท่าทางเหมือนเจ้าหน้าที่สองคนประสานมือมาทางเขา
“อิ๋นเจี้ยหยวน ใต้เท้าหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยเรียนเชิญ! หวังว่าเจี้ยหยวนจะสะดวกตามพวกเราไป!”
‘เป็นยมทูตดำจริงด้วย!’
อิ๋นจ้าวเซียนตกตะลึง
“เจ้าหน้าที่ทั้งสอง ข้าอิ๋นจ้าวเซียนหมดอายุขัยแล้วหรือ”
“หึๆๆ… อิ๋นเจี้ยหยวนไม่ต้องกลัว ใช่ว่าเจ้าหมดอายุขัย แต่ใต้เท้าหลักเมืองมีเรื่องเรียนเชิญ!”
“ไม่ผิด หลังเสร็จธุระพวกเราจะส่งเจ้ากลับมา ไม่ต้องกังวล!”
ขอแค่ไม่ตายก็พอ อิ๋นจ้าวเซียนสงบใจแล้วตอบรับยมทูตดำ ตามพวกเขาจากไป สัมผัสความรู้สึกยามทะลุผ่านประตูอย่างน่าอัศจรรย์
ออกจากโรงเตี๊ยม ตัดผ่านตรอกถนน ไม่นานอิ๋นจ้าวเซียนเหมือนเดินกลางหมอก ก้าวเข้าศาลมืดตามยมทูตดำไปทีละก้าว
สำหรับคนธรรมดาแล้วแน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นประสบการณ์พิเศษ แม้ว่าเหมือนยลบุปผากลางสายหมอก แต่กลับเหลือบเห็นความวุ่นวายของศาลมืดอย่างแท้จริง เห็นยมทูตมากมาย ทั้งเห็นผู้พิพากษาในศาลมืดกำลังอ่านเอกสาร ถึงขั้นได้ยินเสียงหวดแส้และเสียงกรีดร้องดังมาจากทิศทางหนึ่ง
เสียงร้องซึ่งจดจำขึ้นใจที่สุดคล้ายมาจากหญิงสาวคนหนึ่ง โหยหวนหาใดเปรียบ น่ากลัวอยู่บ้าง
“อิ๋นเจี้ยหยวน เสียงร้องทางนั้นเป็นของปีศาจชั่วร้าย ก่อนหน้านี้สังหารคนมากมาย บทลงโทษยังห่างไกลจากคำว่าพอ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ๆ!”
“เชิญทางนี้!”
อิ๋นจ้าวเซียนไม่กล้าพูดมากและไม่กล้าถามมากความ ตามยมทูตดำมาจนถึงตำหนักใหญ่แห่งหนึ่ง คล้ายเรือนหลักของศาลหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยมาก เทพหลักเมืองประจำจังหวัดนั่งอยู่บนนั้น
อิ๋นจ้าวเซียนไม่กล้าละเลย รีบประสานมือคารวะเทพหลักเมือง
“อิ๋นจ้าวเซียนแห่งอำเภอหนิงอันคารวะใต้เท้าหลักเมือง!”
เทพหลักเมืองลงมาจากที่นั่ง พาเขาไปยังที่นั่งดื่มชาด้านข้าง
“อิ๋นเจี้ยหยวนไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่งทางนี้!”
เห็นอิ๋นจ้าวเซียนหน้าตาตึงเครียด เทพหลักเมืองกล่าวตรงประเด็น
“อิ๋นเจี้ยหยวน ปีศาจที่ก่อนหน้านี้จู่โจมเจ้าจิตสิ้นวิญญาณสลายแล้ว ปีศาจตนอื่นถูกจับกุมสังหารหมด ไม่อาจทำร้ายคนได้อีก”
อิ๋นจ้าวเซียนฟังแล้วรีบพาร่างกระวนกระวายเมื่อครู่นั่งลง คารวะไปทางเทพหลักเมือง
“ขอบคุณใต้เท้าหลักเมืองที่กำจัดปีศาจ เช่นนี้ข้าน้อยค่อยสบายใจแล้ว!”
“อิ๋นเจี้ยหยวนไม่ต้องมากพิธี ครั้งนี้ไม่แน่ว่าพวกเราต่างหากต้องขอบคุณเจ้า!”
เทพหลักเมืองกล่าวเช่นนี้ ไม่รออิ๋นจ้าวเซียนสงสัยนานเกินไปก็กล่าวต่อ
“อิ๋นเจี้ยหยวน เจ้าเคยบอกว่ารู้จักสหายอัศจรรย์คนหนึ่ง เมื่อคืนยามปีศาจคิดทำร้ายเจ้าถูกเขาใช้วิชาโจมตีจนบาดเจ็บ สหายคนนั้นของเจ้าพกกระบี่ติดตัวหรือไม่”
โดยทั่วไปอาวุธเซียนหล่อวิญญาณฝึกปราณได้เช่นกัน ไม่ค่อยและไม่ชอบถูกซ่อนในวัตถุกลางฟ้าดิน ดังนั้นอิ๋นจ้าวเซียนอาจเคยเจอร่างเดิมของกระบี่เซียน เทพหลักเมืองจึงถามเช่นนี้
“กระบี่?”
อิ๋นจ้าวเซียนนึกถึงชีวิตประจำวันของจี้หยวนแล้วส่ายหัว
“ไม่เคยเห็น แต่… บุตรชายบอกว่าเคยเห็นท่านร่ายกระบี่ ใบไม้ร่วงหล่นบุปผาพลิ้วลมคล้อยตามกระบี่ ราวกับเห็นแสงอรุณยามเช้า ทั้งรู้สึกเหมือนบุปผาเบ่งบานโรยร่วงลงสายน้ำไหล…”
อิ๋นชิงประสาทสัมผัสฉับไวโดยกำเนิด กอปรกับอายุน้อยจิตผ่องแผ้ว เมื่อเห็นจี้หยวนร่ายกระบี่ยิ่งสัมผัสกลิ่นอายเข้าขั้นได้อย่างชัดเจน สิ่งที่สัมผัสได้จึงไม่ใช่แค่ท่าทางยามร่ายกระบี่ของจี้หยวน
อิ๋นจ้าวเซียนไม่เคยเห็น ยากอธิบายชัดเจน ได้แต่บรรยายโดยคร่าว
แต่เทพหลักเมืองได้ยินแล้วสีหน้ากลับตึงเครียดไม่น้อย การคาดเดาหกส่วนในใจเกือบถึงเก้าส่วนแล้ว
“อิ๋นเจี้ยหยวน แม้ว่าสหายเจ้าอาจรู้เรื่องบางอย่างแล้ว ทั้งในใจผู้สูงส่งระดับนี้อาจไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ แต่หากวันหน้าเจ้าเจอเขาอีกครั้ง ฝากมอบของสิ่งนี้แทนด้วย!”
อิ๋นจ้าวเซียนเห็นเทพหลักเมืองส่งแผ่นไม้ดำขนาดเท่านิ้วก้อยมา ด้านบนยังมีเชือกคล้องสีดำเส้นหนึ่ง สองด้านล้วนไม่มีข้อความ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ในเมื่อเทพหลักเมืองมอบให้เขาย่อมไม่กล้าละเลยเป็นธรรมดา รับแผ่นไม้ขนาดเล็กด้วยสองมือพลางตอบอย่างนอบน้อม
“หากเจอท่าน ข้าน้อยต้องมอบให้แน่!”
“ดี ขอบคุณอิ๋นเจี้ยหยวน รบกวนเวลาเจ้ามานาน ควรส่งเจ้ากลับไปแล้ว!”
เทพหลักเมืองส่งแขก อิ๋นจ้าวเซียนเองไม่กล้าอยู่ศาลมืดนานนัก เขารีบคารวะบอกลาอย่างต่อเนื่อง เทพหลักเมืองประสานมือคารวะตอบเล็กน้อย ผู้พาอิ๋นจ้าวเซียนกลับไปยังเป็นยมทูตดำสองคนนั้น
ยามเดินผ่านสถานที่บางแห่ง ทอดมองเห็นแถบแดงเข้มทางกรมลงทัณฑ์ มีเสียงกรีดร้องและโอดครวญเซ็งแซ่ดังมาตลอดเวลา
ทันใดนั้นยังมีเสียงชวนเข็ดฟันคล้ายเลื่อยตัดและตวัดเฆี่ยนดังขึ้น โดดเด่นท่ามกลางเสียงมากมาย
“อะ อ๊าก… ข้าพูดหมดแล้ว ข้าบอกหมดแล้ว… ฆ่าข้าเถอะ… อะ อ๊าก…”
เสียงหญิงสาวร้องโหยหวนแหลมสูงชัดเจนกะทันหันทำให้อิ๋นจ้าวเซียนตกใจจนตัวสั่นเล็กน้อย
“อิ๋นเจี้ยหยวน โปรดอย่าหยุดพัก ตามพวกเรามา!”
เมื่อยมทูตดำกล่าวเตือน อิ๋นจ้าวเซียนรีบเดินตาม
“ได้ๆๆ! รบกวนแล้ว!”
…
ภายในห้องของโรงเตี๊ยม อิ๋นจ้าวเซียนงีบหลับจนศีรษะโงนเงนไม่มั่นคง กระแทกลงบนโต๊ะดังตึง จากนั้นค่อยได้สติกลับมา
มองซ้ายมองขวายังเป็นห้องโรงเตี๊ยม ในมือข้างหนึ่งยังถือตำราอยู่
“ข้าฝันไปหรือ”
ยามอิ๋นจ้าวเซียนสงสัย เขายังไม่สังเกตเห็นแผ่นไม้ดำเยียบเย็นที่กุมอยู่บนมือขวา