เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 24 ผู้อาศัยใหม่แห่งเรือนสันติ
ตอนที่ 24 ผู้อาศัยใหม่แห่งเรือนสันติ
โรงเตี๊ยมเมฆานี้ห้องธรรมดาค่าพักหนึ่งวันห้าสิบอีแปะ ห้องพิเศษที่จี้หยวนอยู่ต้องจ่ายหนึ่งร้อยอีแปะ ก่อนหน้านี้พวกลู่เฉิงเฟิงเป็นคนจ่าย
ตอนนี้พวกเขาไปแล้ว จี้หยวนไม่อาจอยู่ที่นี่แล้ว
ล้อเล่น ตอนนี้เขาคนแซ่จี้เป็นถึงผู้มีบ้านพร้อมที่ดินในอำเภอหนิงอัน ใช้เงินสิ้นเปลืองแค่นี้จะเป็นไร
เพียะ!
จี้หยวนพลันตบมืออย่างแรง เขานึกขึ้นมาได้ว่าลู่เฉิงเฟิงจ่ายเงินซื้อบ้านแทนตน แต่ตนยังไม่ให้เงินเลย!
‘ถ้าเช่นนั้นเราก็ประหยัดอีกสามสิบหกตำลึงสิ’
สุภาษิตว่าคนจนร่ำเรียนตำราคนมั่งมีฝึกยุทธ์ มีเหตุผลจริงๆ แม้แต่เงินก้อนใหญ่สามสิบหกตำลึงลู่เฉิงเฟิงยังไม่มาทวงกับตน ทางบ้านต้องมีเงินขนาดไหนกัน!
ไม่ผิด จี้หยวนไม่มีความคิดตามรถม้าไปคืนเงินโดยสิ้นเชิง ภายหน้าถ้าเจอกัน หากตนมั่งคั่งเหลือเฟือ ค่อยคืนยังไม่สาย ถ้าไม่เจอกัน เอ่อ ถือว่าลู่เฉิงเฟิงตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตมากหน่อยแล้วกัน!
วันนี้ยามเที่ยงผ่านไปนานแล้ว ตามวิธีคำนวณของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรับค่าห้องวันนี้ จี้หยวนจึงพักในโรงเตี๊ยมอีกหนึ่งคืนอย่างสบายใจ
ไม่มีใครเชิญกินข้าว สั่งหมี่หยางชุนในโรงเตี๊ยมมากินหนึ่งชามแล้วกัน
เช้าวันที่สอง จี้หยวนมาคืนห้องตรงโต๊ะโรงเตี๊ยม ได้คืนกลับมาหนึ่งตำลึงดังคาด
จำต้องพูดว่าจอมยุทธ์น้อยพวกนี้ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว แต่ไม่รู้ว่าถ้าไม่เชื่อว่าจี้หยวนเป็นยอดบุคคล พวกเขายังกระตือรือร้นเช่นนี้หรือไม่ อาจจะ บางที เป็นไปได้ ไม่กระมัง
…
แม้ว่าคนมากมายในอำเภอหนิงอันต่างรู้ว่าเสือร้ายกินคนบนเขาโคเทพถูกฆ่าแล้ว ทั้งเรื่องนี้ยังจดลงบันทึกอำเภอ มีประกาศจากทางการ แต่เรื่องจอมยุทธ์เก้าคนพักโรงเตี๊ยมเมฆา ที่ว่าการอำเภอไม่เปิดเผย
จากตรงนี้ก็มองความมากประสบการณ์ของนายอำเภอออกแล้ว หากผู้คนรู้ว่าวีรชนล่าเสือพักอยู่โรงเตี๊ยมเมฆา เหล่าวีรชนจะไม่ถูกมองเป็นลิงหรือ จะยังรักษาตัวอย่างสบายใจได้อย่างไร
นี่ก็คือสาเหตุหลักที่สองสามวันมานี้อำเภอหนิงอันอึกทึกครึกครื้นแต่ทุกคนยังเสพสุขกับความสงบได้ แน่นอนว่าไม่มีใครรู้จักจี้หยวนเช่นกัน
ความจริงแม้แต่เนื้อหาบนประกาศจากทางการ รวมถึงชื่อของจอมยุทธ์เก้าคน มีแค่น้อยคนนักที่จำได้ คนส่วนใหญ่ล้วนมาร่วมสนุกดูหนังเสือ
เมื่อออกจากโรงเตี๊ยม แน่นอนว่าจี้หยวนมุ่งตรงไปยังถนนตลาดนัด เตรียมจัดซื้อผ้าห่มเครื่องเรือนอย่างเรียบง่ายก่อน ถึงอย่างไรภายในเรือนยังมีเตียง จ้างคนช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดอีกหน่อยก็อยู่ได้แล้ว ด้วยเวลาไม่พอ ซื้อผ้าห่มทำความสะอาดฟูกหน่อยคงพอกระมัง ถึงอย่างไรเขาก็ไม่จ่ายเงินอยู่โรงเตี๊ยมแล้ว
อำเภอหนิงอันยังคึกคัก งานศาลเจ้าจัดอีกหลายวัน หนังเสือขาวยังแขวนประจานนอกที่ว่าการอำเภอ จี้หยวนลืมตาครึ่งหนึ่ง เดินเล่นบนท้องถนนเหมือนคนปกติ โดยรอบแทบไม่มีใครมองจี้หยวนเป็นคนตาบอด
ฟังเสียงเรียกขายของและเสียงกระซิบนานัปการ เขาคนแซ่จี้สาบานต่อฟ้า ไม่ใช่ว่าเขาอยากสอดแนมเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ทั้งหมดนี้ล้วนถูกบีบบังคับ!
คนอื่นแบ่งแยกว่าร้านไหนขายอะไรจากการมอง จี้หยวนได้แต่อาศัยการฟัง ตามเสียงมาจนถึงสถานที่ขายผ้าปูผ้าห่ม
สิ่งน่าสนใจคือข้างร้านนี้ก็คือร้านฝ้าย ด้านในยังมีเสียงดีดฝ้ายดังปึงๆๆ
ในหัวจี้หยวนมีเพลงดีดฝ้ายดังหลอกหลอน ทั้งยังสลัดไม่หลุด เมื่อเดินถึงหน้าร้านขายผ้าห่มเขาเกือบร้องออกมาแล้ว
“เจ้าของร้าน ผ้านวมผ้าห่มกับหมอน ที่นี่คงมีกระมัง”
จี้หยวนถามพลางยื่นมือลูบผ้าห่มบนแผงตั้งนอกร้านโดยละเอียด ใช้การสัมผัสตัดสินคุณภาพ
“มีขอรับ! ลูกค้าท่านนี้ต้องการแบบทำสำเร็จหรือทำขึ้นมาใหม่ชุดหนึ่ง ข้างร้านพวกเราก็คือร้านฝ้าย ฝ้ายใหม่ไม่ถึงครึ่งวันก็ดีดเสร็จ จากนั้นพวกเราค่อยนำมาเย็บผ้าห่มให้ท่าน!”
เจ้าของร้านเหมือนว่าเป็นคู่สามีภรรยา เมื่อเห็นจี้หยวนถามราคา เถ้าแก่เนี้ยรีบออกจากร้านมาทักทาย
“ไม่ต้องหรอก ซื้อแบบสำเร็จแล้วกัน บนมือข้าผืนนี้คงใช่กระมัง”
“ใช่ๆๆ แถบนั้นที่ท่านกำลังลูบอยู่ล้วนใช่ทั้งหมด!! เอ่อ ทั้งหมดราคาหนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญทองแดง ท่านดูเนื้อผ้านั่นสิ ล้วนเป็นผ้าทอประณีตภายในอำเภอทั้งสิ้น หลับสบายนักเชียว!”
หนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญ? ข้าเชื่อเจ้าก็บ้าแล้ว! เมื่อครู่ตอนข้ายังไม่มาเห็นชัดว่าเจ้ากับสามีเจ้าส่งเสียงกระซิบกระซาบอยู่ในร้าน แค่หนึ่งร้อยยี่สิบเหรียญก็มีกำไร เจ้าคิดหลอกข้าสามสิบเหรียญหรือ
จี้หยวนขมวดคิ้ว
“ถ้าทำใหม่เล่า”
“ทำใหม่ค่อนข้างแพงหน่อย รวมค่าแรงของช่างดีดฝ้าย ประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเหรียญ”
ได้ คาดว่าแพงกว่าส่วนหนึ่ง
“เอาอย่างนี้เถ้าแก่เนี้ย ข้าเตรียมซื้อผ้านวมสามชุด หมอนสองใบ ผ้าห่มสองผืน รวมทั้งหมดสี่ร้อยห้าสิบเหรียญเป็นอย่างไร”
ได้ยินราคาที่ลูกค้าร่างผอมซูบคนนี้เสนอมาแล้ว เถ้าแก่เนี้ยอึ้งไปครู่หนึ่ง เป็นราคาขั้นต่ำที่ขายได้พอดี
“เป็นอย่างไร ถ้าขายท่านช่วยส่งไปยังคฤหาสน์ของข้า รวมค่าแรงยี่สิบอีแปะด้วย อยู่ทางใต้ของเมือง ไม่ถือว่าไกลมาก”
อาจคิดว่าบังเอิญเจอผู้เชี่ยวชาญ เถ้าแก่เนี้ยลังเลไม่นานก็รับคำ จี้หยวนจ่ายเงินมัดจำนิดหน่อยก่อน บอกเจ้าของร้านว่าอีกสองชั่วยามค่อยส่งของถึงหน้าประตู
หลังจากรอจี้หยวนจากไป เถ้าแถ่เนี้ยหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่จี้หยวนเหลือไว้แล้วเดินกลับเข้ามาในร้าน
“ท่านพี่ ท่านว่าแปลกหรือไม่ คนผู้นี้ไม่เพียงคาดเดาราคาอย่างแม่นยำ ยังเลือกเครื่องนอนได้ไม่เลวด้วย แต่ยามพูดจาเหมือนหลับตา เอ้า นี่คือสถานที่ซึ่งเขาอยากให้ไปส่ง ท่านดูสิเขียนว่าอะไร”
ภรรยาไม่รู้อักษร จึงส่งกระดาษให้สามี
“เจ้าคิดมากอะไรขนาดนั้น อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการค้าขายแรกของเช้าวันนี้”
เถ้าแก่รับกระดาษในมือภรรยามา เมื่อเห็นกระดาษกับตัวอักษรงามประณีตทะลุด้านหลังกระดาษแล้ว ต่อให้อาศัยความรู้ด้านอักษรแค่ผิวเผินของเขาก็รู้สึกว่าเป็นตัวอักษรที่ดี
“เฮือก… เรือนสันติตรอกเทียนหนิวมุมตะวันออก…”
“หา… คงไม่ใช่เรือนสันติหลังนั้นกระมัง”
ภรรยาถามอย่างว้าวุ่นใจอยู่บ้าง
“ยังมีเรือนสันติอีกกี่หลัง ตรอกเทียนหนิว! สถานที่นี้ยังขายออกอีกหรือ”
สีหน้าเถ้าแก่ไม่น่าดูนัก
…
จี้หยวนเดินเล่นซ้ายขวาในตลาด ซื้อเครื่องใช้ในบ้านนานัปการตามลำดับ นอกจากผ้านวมผ้าห่มแล้ว ยังมีผ้าขนแกะอ่างล้างหน้า รวมถึงเครื่องเรือนธรรมดาบางส่วน ตัวอย่างเช่นชั้นวางอ่างล้างหน้ากับตู้เสื้อผ้า ยังมีของจำพวกไม้กวาดไม้ถูพื้น จี้หยวนถึงขั้นเจอร้านเครื่องหินด้วย บอกให้พวกนายช่างส่งโต๊ะหินหนึ่งตัวกับม้านั่งหินสี่ตัวมา คิดจะวางไว้ใต้ต้นพุทรากลางลาน
แน่นอนว่าไม่ลืมเรื่องจ้างคนมาทำความสะอาดบ้าน
นอกจากนี้จี้หยวนยังไม่ลืมความคิดก่อนหน้านี้ หาร้านเสื้อผ้าซึ่งไม่เลวแห่งหนึ่งโดยเฉพาะ ซื้อเสื้อผ้าสองสามชุด ลอกเลียนแบบเจ้าสำนักสามอะไรนั่นเป็นสำคัญ
แต่จี้หยวนยิ่งเพิ่มมาดโดยบอกร้านเสื้อผ้าทำมวยผมสั้นให้ตน เสียบปิ่นหยกที่ซื้อมาสองร้อยอีแปะ นอกจากนี้ตรงหน้าผากมีผมปรกสองข้างและจอนผมยาว ด้านหลังยังมีเส้นผมซึ่งไม่ถือว่าสั้นปกคลุมด้วย ทรงนี้ยึดตามแบบทั่วไปของที่นี่ทั้งดูประหลาด แต่กลับกลมกลืนโดดเด่นเหนือความคาดหมาย
ยิ่งไม่ต้องพูดว่าไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง แม้ว่าไม่รูปงามหล่อเหลา แต่พื้นฐานขอทานเน่าของพวกเราก็ไม่แย่จริงๆ ไม่พูดถึงความสง่างามเจิดจรัส โดยรวมตอนนี้จี้หยวนดูบริสุทธิ์พ้นโลกีย์มาก
ตามความเข้าใจของจี้หยวน ตอนนี้ตนคือต้นแบบความงามโบราณจริงๆ
เมื่อเตรียมทุกอย่างโดยคร่าวแล้ว จี้หยวนมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของตน เตรียมต้อนรับ ‘ขบวนของตกแต่ง’ มาถึงหน้าประตู ในสมองแค่เป็นทางที่เคยเดินผ่านครั้งหนึ่งจะชัดเจนยิ่ง ไม่แม้แต่หาคนมานำทาง
จี้หยวนพอใจกับชื่อเรือนสันติมาก ทั้งไม่คิดจะเปลี่ยนด้วย
เมื่อไขกลอนทองแดงเปิดประตูใหญ่ ต้นพุทราในลานยังคงพลิ้วไหวตามลม แต่ครั้งนี้กลับมีแค่คนเดียว ไม่มีนายหน้าพูดพึมพำและนำทางไปมาอยู่ด้านข้างแล้ว จี้หยวนผู้ก้าวเข้าเรือนรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก
“ท่านจี้อยู่หรือไม่”
ตรงประตูมีเสียงตะโกนดังขึ้น ฟังเสียงฝีเท้าแล้วไม่ได้มีแค่คนเดียว
เวลาเดิมซึ่งจี้หยวนนัดคือมาถึงหลังยามเว่ย คิดไม่ถึงว่านาฬิกาแดดทุกแห่งของอำเภอเมื่อถึงยามอู่ ร้านค้าส่วนหนึ่งก็แบกสินค้าของตนมาถึงประตูแล้ว โชคดีว่าเขากลับมาเร็วหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกเขาไม่ต้องคอยรออยู่ตรงนี้หรือ