เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 342 ตำนานปีศาจเสือ
ตอนที่ 342 ตำนานปีศาจเสือ
ครืน…
“โฮก…”
เสียงเสือคำรามดังขึ้นท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง ดังออกไปจากส่วนลึกบนเขาโคเทพ ตอนถึงรอบนอกแล้วเสียงเบาลงไม่น้อย จึงถูกเสียงฟ้าร้องระลอกใหม่กลบอีกครั้ง
นายพรานแบกเหยื่อและของป่ากลุ่มนั้นรีบเร่งเดินทาง หากฝนตกหนักในเวลานี้ บนภูเขาจะทั้งเปียกทั้งลื่นทั้งหนาว เดินทางยากมาก ไม่แน่ว่าต้องค้างแรมบนภูเขาด้วย
ตึงๆๆ…
เสียงสะท้อนพิเศษดังมา ชายผู้นำกลุ่มหยุดฝีเท้าหันกลับไปมองป่าลึกของเขาโคเทพ มองไปไกลเห็นบนยอดเขาที่อยู่ไกลที่สุดอย่างชัดเจน ต้นไม้มากมายและต้นไผ่ล้วนส่ายไหว เหมือนกับมีลมทะมึนหลายระลอกพัดออกมาจากในป่าลึก
“โฮก…”
อีกเสียงหนึ่งดังมาแว่วๆ ทำให้นายพรานผู้นำกลุ่มเกิดความเข้าใจผิดที่น่าประหลาด ในสายตาเขาคล้ายกับมองเห็นภูเขาที่อยู่ไกลออกไปมีหมอกสีดำเทาลอยขึ้น ก่อนที่ศีรษะของสัตว์ร้ายตัวใหญ่จะก่อตัวขึ้นภายใต้เมฆดำมืดบนท้องฟ้า กำลังคำรามใส่เมฆฝนนั้นไม่ยอมหยุด
“ฟืด…!”
ภาพนี้ทำให้ชายคนนี้สูดลมหายใจเข้าตามสัญชาตญาณ ขาเหมือนกับตอกตะปูไว้ยากจะขยับเขยื้อน
มีนายพรานพลันพบว่าผู้นำกลุ่มไม่ได้ตามหา หันกลับไปเห็นว่าอีกฝ่ายหยุดอยู่ตรงนั้นมองป่าลึกจึงรีบถาม
“หัวหน้ามองอะไรอยู่ มีเหยื่ออีกหรือ”
คำพูดนี้ทำให้ชายหนุ่มตกใจจนตัวสั่น เมื่อมองท้องฟ้าไกลกลับไม่เห็นภาพอะไรแล้ว เมื่อครู่เหมือนกับตาฝาดไปโดยสิ้นเชิง เขาดึงสติกลับมาแล้วมองนายพรานข้างๆ
“ไม่มีอะไรๆ รีบเดินเถอะ มีเหยื่อก็หยุดไม่ได้แล้ว ค้างแรมบนเขาไม่ได้!”
ชายผู้นำกลุ่มเร่งเร้าไปพลาง รีบวิ่งอีกครั้งไปพลาง
“หนาวขนาดนี้ใครเล่าอยากค้างแรมที่นี่”
“แต่ครั้งนี้ได้เหยื่อมาเยอะ หนักเหมือนกัน!”
“วิ่งเถอะ!”
ชายกลุ่มหนึ่งแบกเหยื่อวิ่งกลางเขาไม่ยอมหยุด โชคดีที่แม้เมฆดำนี้ยิ่งมายิ่งใหญ่ เสียงฟ้าร้องก็ดังน่ากลัวอย่างต่อเนื่อง ทว่าในที่สุดไม่ได้มีฝนตกลงมา ทำให้พวกนายพรานลงเขาได้อย่างราบรื่น
หน้าหมู่บ้านมีญาติของพวกเขารออยู่แล้ว เห็นเหล่านายพรานกลับมาก็พอกันร้องด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่ง
“ดูสิ! กลับมาแล้ว ได้ของมาเยอะเลย!”
“ไปช่วยกันเถอะ”
“พวกเจ้าดูเถอะ ข้างหน้าแบกเสือไว้ตัวหนึ่งด้วย!”
“มารดาเถอะ เสือ?”
“ไม่ใช่ๆ อย่าพูดมั่ว นั่นเป็นเสือดาวต่างหาก!”
“สัตว์จำพวกเสือเนี่ย จะเป็นเสือดาวหรือเสือก็ไม่ต่างกันมากนักหรอก”
“ใช่ๆๆ ล้วนเป็นหนังดีระดับสุดยอดทั้งสิ้น!”
ครอบครัวนายพรานและคนในหมู่บ้านที่มาดูความคึกคักล้วนเบียดเข้าไป ช่วยนายพรานพวกนั้นแบกเหยื่อด้วยกัน ทั้งหมูป่าตัวหนักมากและเสือดาวขนมันเป็นเงา ในสายตาของผู้ที่รู้จักการค้าขาย สิ่งที่พวกเขาเห็นคือเนื้อและขนอวบอ้วนซางสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้
ครืน…
เสียงฟ้าร้องดังสนั่น จากนั้นในที่สุดฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา พวกนายพรานและครอบครัวจึงรีบกลับเข้าไปในบ้าน
ขนาดของหมู่บ้านเองแม้ไม่นับว่าใหญ่มาก เย็นวันนั้นนำหมูป่าสองตัวมาปรุงอาหาร เดิมคิดแจกจ่ายเนื้อหมูป่าให้ทุกครอบครัวในหมู่บ้าน กลับบ้านจะได้เพลิดเพลินกับรสชาติเนื้อสัตว์สดใหม่ในต้นฤดูใบไม้ผลิของปีใหม่นี้
แต่นายพรานผู้นำกลุ่มกลับมาแล้วกังวลใจไม่หาย จึงตัดสินใจนำข้าวของไปที่บ้านมารดาของภรรยาพร้อมกับนาง
นายพรานหนุ่มถือซี่โครงและขาหน้าของหมูป่า พร้อมด้วยภรรยาและลูกๆ ของเขามาถึงบ้านอดีตหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งเป็นพ่อตาของเขา
แม่ยายกับภรรยายกซี่โครงและเนื้อหมูป่าควันฉุยมาถึง ก่อนปรุงสุกก็ถูด้วยขิงป่ารสเผ็ดและพริกไทยที่ได้มาจากบนเขา กำจัดกลิ่นสาบไปได้เสียส่วนใหญ่ ส่วนขาหน้าท่อนหนึ่งถูกใส่ไว้ในชามลายดอกใบใหญ่
“มา ท่านพ่อรีบกินตอนร้อนๆ เถอะ ท่านชอบกินเนื้อขาหน้าที่สุด!”
“ใช่แล้วท่านพ่อ พวกข้าตั้งใจเก็บไว้ให้ท่าน ตุ๋นจนเปื่อยเชียว”
บุตรีและลูกเขยยิ้มพลางเร่งเร้า
“ฮ่าๆๆ นับว่าพวกเจ้ากตัญญูนัก!”
อดีตหัวหน้าหมู่บ้านพูดพร้อมเสียงหัวเราะ จากนั้นหยิบตะเกียบคีบหนังขาหน้าขึ้นมาให้หลานชายก่อน
“อ้ำ…”
ฝ่ายหลังอ้าปากเคี้ยวหนังหมู ส่งเสียงดังจ๊อบแจ๊บน่าอร่อย
“นั่งกันให้หมด เริ่มกินได้แล้ว!”
ทั้งหมดนั่งล้อมโต๊ะแล้วยกตะเกียบ นอกจากตุ๋นหัวไชเท้าชามหนึ่งแล้ว อาหารหลักเป็นเนื้อหมูสองชาม ร่วมด้วยสุราข้าวอีกกาหนึ่ง แม้แต่คนในอำเภอหนิงอันยังใฝ่หาถึงอาหารมื้อนี้เช่นกัน
ครืน…
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าคนเหล่านี้ภายในเรือนชินเสียแล้ว ต่างคนต่างอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันกินเนื้อและผักบนโต๊ะ
หลังจากกินไปได้ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มถือโอกาสตอนที่เทสุราให้พ่อตา ถามชายชราเสียงเบา
“ท่านพ่อ ข้ามีเรื่องอยากถามท่าน ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเด็ก เขาโคเทพเหมือนจะเคยมีปีศาจอาละวาดใช้หรือไม่”
“ไอ้หยา พูดถึงเรื่องนี้ทำไม!”
แม่ยายที่อยู่ข้างๆ ถลึงตาใส่ลูกเขย กลับเป็นเด็กชายที่ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
“ปีศาจ? แถวนี้มีปีศาจหรือ นั่นเป็นเทพหรือเซียนกัน”
“เทพอยู่ในศาลกันหมดไม่ใช่หรือ! กินข้าวของเจ้าไปเถอะ”
มารดาเด็กชายยิ้มพลางตอบ จากนั้นคีบหัวไชเท้าชิ้นหนึ่งใส่ปากเขา ไม่เช่นนั้นเด็กคนนี้ต้องกินแต่เนื้อเป็นแน่
“ท่านพ่อ ข้าจำได้รางๆ ว่าตอนเด็กๆ มีเรื่องนี้ด้วย ตอนนั้นทางการเหมือนกับว่า…”
“ถูกต้อง! ปีนั้นมีเรื่องพรรค์นั้นจริงๆ”
อดีตหัวหน้าหมู่บ้านเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาเกือบสี่สิบปีแล้ว เจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบดูแลสองหมู่บ้านต่างมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา เขาจึงจำเรื่องราวสำคัญในอดีตได้อย่างแม่นยำ
“นับวันเวลาดูแล้ว เกือบยี่สิบปีแล้วล่ะ!”
หลังจากทอดถอนใจแล้ว อดีตหัวหน้าหมู่บ้านดื่มสุราข้าในถ้วยเล็กจนหมด
“ท่านตาๆ ท่านเล่าให้ข้าฟังเถอะนะ!”
อดีตหัวหน้าหมู่บ้านดื่มสุราข้าวอึกหนึ่ง คีบขาหมูเคี้ยวแล้วหรี่ตาลง ราวกับย้อนรำลึกคืนวันที่ผู้คนหวาดกลัว
“ผ่านไปกี่ปีแล้วกันแน่ข้าจำไม่ได้ คาดว่าเกือบยี่สิบปีแล้วกระมัง ตอนนั้นพ่อเจ้าโตกว่าเจ้าไม่เท่าไหร่เอง”
อดีตหัวหน้าหมู่บ้านชี้หลานชายพลางยิ้มกล่าว
“ข้าจำได้ว่าหลายปีนั้นเขาโคเทพมีถ้ำเสือ มีอยู่ช่วงหนึ่งทางการคัดเลือกและจัดตั้งกลุ่มนายพรานที่ริมเขาเหมือนกับพวกเรา เพื่อเข้าป่าไปกำจัดเสือ”
สิบแปดปีก่อน ความจริงไม่เพียงอำเภอหนิงอันซึ่งมีเขาโคเทพทางจังหวัดเต๋อเซิ่ง สองจังหวัดอื่นใกล้เคียงกับเขาโคเทพก็มีสถานการณ์ใกล้เคียงกัน ทว่าทางอำเภอหนิงอันเลวร้ายกว่าทางนี้ และอดีตหัวหน้าหมู่บ้านก็ไม่สามารถเข้าถึงข่าวจากต่างจังหวัดได้
“ตอนนั้นร่างกายข้ายังแข็งแรงอยู่ เคยขึ้นเขาอยู่สองรอบ พวกข้าเจอถ้ำเสือเสียด้วย จับและสังหารเสือตัวนั้นด้วยมือของตนเอง ทว่าไม่พบกระดูกคนในละแวกนั้นเลย ส่วนหลังจากนั้น…”
อดีตหัวหน้าหมู่บ้านเผยสีหน้านึกกลัว
“โบราณว่าไว้ว่าลมมาจากเสือ เมฆมาจากมังกร ใครๆ ล้วนเคยได้ยิน แต่ใครๆ ล้วนไม่เคยได้เห็น ทว่าครั้งนั้นพวกข้าเห็นแล้ว!”
“คืนนั้นพวกข้าและนายพรานที่มีประสบการณ์จากหมู่บ้านข้างเคียงรวมสามสิบกว่าคนร่วมด้วยช่วยกัน เฝ้าอยู่บนภูเขาตรงที่แน่ใจว่าเสืออาศัยอยู่…เดิมทีลมเย็นจันทร์กระต่าง แต่ทันใดนั้นลมคลั่งก็พัดขึ้น ฝุ่นดินกระเด็นเข้าตา แม้แต่เสียงเสือคำรามก็ได้ยินพร้อมกัน เสียงนั้นแหบพร่า ฟังแล้วอกสั่นขวัญแขวน นายพรานที่กล้าหาญที่สุดยังกลัวเลย!”
หลานขายเข้าใกล้มารดาตนเองตามสัญชาตญาณ แม้แต่เนื้อในปากก็ไม่เคี้ยวแล้ว
“แต่พวกข้าล้วนเป็นนายพราน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสงบใจไว้ ดังนั้นไม่มีใครส่งเสียง ทว่าเสือตัวนั้นเหมือนกับรู้ได้ว่าพวกข้าอยู่ที่ไหน มันกระโจนคว้านายพรานจากหมู่บ้านข้างเคียงไปคนหนึ่ง เขาร้องอย่างน่าเวทนาไปตลอดทาง พวกข้าทั้งหมดตามไปแล้วมองไม่เห็นเงา แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้นคือ…”
อดีตหัวหน้าหมู่บ้านจงใจเข้าใกล้หลานชายตนเอง
“ลมหยุดพัดแล้ว!”
“ไอ้หยาตาแก่เจ้าแกล้งหลานทำไม ใจร้ายนัก!”
“ฮ่าๆๆ…ก็เขาไม่เชื่อฟังไม่ใช่หรือไร!”
“หน้าเล็กๆ ซีดไปหมดแล้ว!”
นายพรานหนุ่มเทสุราให้พ่อตาอีก
“ท่านพ่อ ท่านพูดต่อเถอะ”
“อืม ครั้งนั้นพวกข้ากลับมาแล้วจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่บ้าง ตกใจกลัวตัวสั่น ทว่ากำจัดเสือกินคนไม่ได้ใครเล่าจะวางใจลง ทางการตั้งเงินรางวัลสูงขึ้น ยิ่งส่งเจ้าหน้าที่เป็นวิชายุทธ์เตรียมดำเนินการด้วยกัน นายพรานอย่างพวกข้าไม่พอใจจึงเดินทางไปอีกครั้งหนึ่ง”
พูดถึงตรงนี้แล้ว อดีตหัวหน้าหมู่บ้านถอนใจ
“เฮ้อ…พี่น้องข้าตายไปในครั้งนั้น เสือร้ายนั่นเป็นปีศาจโดยแท้ คาบคนไปกินเล่นสองคน ยิ่งฆ่าหมาล่าเนื้อไปเจ็ดตัว ลมภูเขาพัดมาและไป เสียงคำรามทำให้ผู้ฟังขาอ่อน หลังจากนั้นข้าและนายพรานแก่บางคนก็ไปจัดการ นายพรานอย่างพวกข้าฝีมือสุดยอดไม่มีใครเทียบ ตั้งแต่นั้นไม่ว่าทางการจะโน้มน้าวอย่างไร เป็นตายร้ายดีพวกข้าก็ไม่ขึ้นเขาแล้ว…”
อดีตหัวหน้าหมู่บ้านดื่มสุราข่มความรู้สึกกลัว
“เรื่องเสือร้ายบนภูเขาเกิดปัญญาเริ่มร่ำลือมาจากครั้งนั้นนั่นแหละ แต่หลายหมู่บ้านทางฝั่งพวกข้าล้วนเก็บงำไว้ไม่บอกใคร ไม่มีใครเที่ยวนำไปพูด กลัวว่าโชคร้ายจะมาถึงตัว”
“ต่อมาได้ยินมาว่าทางการติดประกาศ และไปขอติดประกาศที่จังหวัดเต๋อเซิ่งด้วยเช่นกัน จากนั้นมีจอมยุทธ์ฝีมือร้ายกาจมาจำนวนหนึ่ง อย่างไรเสียก็เป็นคนในยุทธภพที่มีวิชายุทธ์สูงส่ง สังหารเสือร้ายได้จริงๆ แถมยังเป็นเสือขาวตัวใหญ่หาได้ยากอีกด้วย หนังของมันแสดงอยู่ที่หน้าศาลาว่าการอำเภออยู่หลายวัน หลายคนในหมู่บ้านของพวกเราก็ไปดูเหมือนกัน!”
นายพรานหนุ่มจับตะเกียบพลางมุ่นคิ้ว ดื่มสุราข้าวในถ้วยตนเองแล้วถาม
“ท่านพ่อ ท่านแน่ใจหรือว่าเสือตัวนั้นตายแล้ว”
“จะปลอมไปได้อย่างไร เสือธรรมดาสองตัวยังเทียบกับเสือขาวตัวนั้นไม่ได้เลย มันเป็นสัตว์ร้ายตัวจริง หลังจากนั้นเขาโคเทพก็สงบสุข อย่าว่าแต่เสือร้ายกินคนเลย เสือธรรมดาก็แทบไม่เห็นแล้ว!”
นายพรานหนุ่มลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มตัวลงถามอีกครั้ง
“ท่านพ่อ เป็นได้หรือไม่ที่ภูตเสือร้ายนั้นยังไม่ตาย”
อดีตหัวหน้าหมู่บ้านพลันขนลุก รีบหันไปจ้องหน้าลูกเขยตนเอง
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า! หรือว่าเจ้าเห็นอะไร”
“เปล่าๆ เพียงลงเขาครั้งนี้เหมือนกับมีเสียงสัตว์คำรามท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง ท้องฟ้ามีเมฆดำน่ากลัว สัตว์วิ่งออกจากป่าลึก ข้าเห็นแล้วนึกกลัวเหมือนกัน…”
อดีตหัวหน้าหมู่บ้านและชายหนุ่มมองผ่านหน้าต่างออกไปข้างนอก ทว่าถูกกั้นไว้ด้วยป่าลึกมองไปได้ไม่ไกล ทำได้เพียงมองท้องฟ้า
ทันใดนั้น
เปรี้ยง…ครืน…
เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าสะเทือนแก้วหูดังขึ้น สายฟ้าขนาดใหญ่สายหนึ่งเหมือนกับกิ่งหลิวสามกิ่ง ผ่าลงกลางภูเขาโดยตรง
ทุกคนในหมู่บ้านตัวสั่นอย่างพร้อมเพรียงกันในเวลานี้