เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 141 เข้าร่วมสังเวียนประลอง
บทที่141 เข้าร่วมสังเวียนประลอง
ซููเย่เริ่มเดินสำรวจพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ระหว่างนั้นก็ถือโอกาสยืนดูการต่อสู้บนสังเวียนที่ผ่านทางไปด้วยเป็นครั้งคราว
สังเวียนการต่อสู้แต่ละจุด ได้ยินแต่เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
ดูจากลักษณะท่าทางของผู้บาดเจ็บแล้ว พวกเขาต้องสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แท้จริงแน่นอน
ทันใดนั้น
“คุณได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมสังเวียน ต้องการเข้าร่วมหรือไม่?”
หน้าต่างข้อความเด้งขึ้นมาเบื้องหน้าซููเย่
ซููเย่กดตอบรับ
เข้าร่วม
วินาทีต่อมา
ในอากาศเบื้องหน้าเขาก็มีแสงสว่างเป็นประกายวูบวาบ
สังเวียนประลองถูกสร้างขึ้นมาจากอากาศธาตุอย่างรวดเร็ว
เวลาเดียวกันนี้
บนสังเวียนซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเวทีมวยปล้ำก็ยืนไว้ด้วยเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง
“เชี่ย แค่ลองกดส่งคำเชิญดูมั่ว ๆ ไม่นึกว่าจะมีคนตอบรับด้วยนะเนี่ย!”
เด็กหนุ่มมองหน้าซููเย่ด้วยความประหลาดใจและถามว่า “นายคือเจ้าเวรกรรมใช่ไหม?”
ซููเย่ไม่ตอบ
“ดูเองก็ได้วะ”
แต่หลังจากที่วัยรุ่นหนุ่มสแกนข้อมูลของซููเย่แล้ว เขาก็ถึงกับชะงักไปทันที
เนื่องจากเด็กหนุ่มพบว่าซููเย่มีคะแนนอยู่ในอันดับสุดท้าย เพิ่งเปิดจุดลมปราณได้เพียงจุดเดียวเท่านั้น
“โฮะโฮะ…กากจังเลยแฮะ ไอ้เราก็นึกว่าเจ้าเวรกรรมในตำนานจะเก่งมาจากไหน ที่แท้ลำดับต่ำกว่าฉันซะอีก”
เด็กหนุ่มหัวเราะเยาะด้วยความสะใจ จากนั้นจึงบอกออกมาอย่างภูมิใจว่าตนเองเปิดจุดลมปราณได้แล้วถึงห้าจุด!
กลุ่มผู้เล่นที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ยินเสียงหัวเราะและเสียงคุยโวของเด็กหนุ่ม
เจ้าเวรกรรมในตำนาน?
อยู่ไหนนะ?
พวกเขารีบรุดมารวมตัวกันทันที
“นั่นน่ะเหรอเจ้าเวรกรรม?”
“แต่เดี๋ยวนะ ได้ข่าวว่าเขาเก่งมากเลยไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงเพิ่งเปิดจุดลมปราณได้จุดเดียวเองล่ะ ฉันว่าเรื่องนี้มันแปลก ๆ”
“ฉันรู้ว่าในเกมก่อนหน้านี้เขามีฝีมือแข็งแกร่ง แต่ที่นี่คือสังเวียนผู้กล้านะ ผลงานในอดีตไม่สำคัญอีกแล้ว มันสำคัญที่ว่าใครเปิดจุดลมปราณได้มากกว่ากันต่างหาก”
“จริงด้วยสิ”
กลุ่มผู้เล่นพากันส่ายหน้า
ทันใดนั้น หัวใจของพวกเขาก็พองโตขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่า บัดนี้ตนเองสามารถเปิดจุดลมปราณได้มากกว่าเจ้าเวรกรรมในตำนานแล้ว
“เริ่มสู้กันได้แล้ว!”
บรรดากองเชียร์ส่งเสียงตะโกนเร่งเร้า มีคนจำนวนไม่น้อยอยากเห็นว่าเจ้าเวรกรรมที่พวกเขาเคยชื่นชม จะเอาตัวรอดไปจากการต่อสู้บนสังเวียนผู้กล้าได้หรือไม่
“ย๊าก!”
เด็กหนุ่มรวบรวมพละกำลังและวิ่งเข้าใส่ซููเย่พร้อมกับเงื้อกำปั้นขึ้นสูง
วินาทีต่อมา
“ผลั่ก!”
ปรากฏว่า
เมื่อเด็กหนุ่มเข้าประชิดตัวซููเย่ ซููเย่กลับยกมือขวาขึ้นกระแทกเข้าใส่ศีรษะของฝ่ายตรงข้าม ส่งผลให้ร่างของเด็กหนุ่มล้มคะมำลงไปบนพื้นเวทีแทบจะในทันที
ด้วยความพ่ายแพ้!
เด็กหนุ่มได้แต่เบิกตาโตด้วยความไม่เข้าใจ
นี่มันอะไรกัน?
กลุ่มคนดูที่อยู่นอกสังเวียนปากอ้าตาค้างด้วยความเหลือเชื่อ
มันจะเป็นไปได้อย่างไร นี่ไม่ใช่การเล่นเกมในโหมดธรรมดาสักหน่อย แต่ที่นี่คือโหมดสังเวียนผู้กล้านะ!
ทุกอย่างต้องตัดสินด้วยลำดับคะแนนสิ
แล้วทำไมคนที่เพิ่งเปิดจุดลมปราณได้แค่จุดเดียว กลับสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่เปิดจุดลมปราณมาแล้วถึงห้าจุดได้ล่ะ?
“ให้ตายสิ นายทำได้ยังไงกัน?”
วัยรุ่นหนุ่มลุกขึ้นยกมือกุมหัว ยืนมองหน้าซููเย่ด้วยความมหัศจรรย์ใจ
บ้าจริง เจ็บเหมือนกันนะเนี่ย…
ซููเย่ยักไหล่ ผายมือออกกว้าง ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ลำดับคะแนนของนายเป็นของปลอมใช่ไหม?” เด็กหนุ่มแผดเสียงคำราม ใบหน้ากระตุกด้วยความเดือดดาล เพราะเข้าใจว่าตนเองโดนหลอกโดยผู้ที่มีฝีมือสูงกว่า
ซููเย่พูดอะไรไม่ออก
ในอากาศมีหน้าต่างข้อความเด้งขึ้นมาว่า
สถิติ : ชนะ 1 ครั้ง
หลังจากลองสำรวจร่างกายของตนเองดูอย่างละเอียด ซููเย่ก็พบว่าระหว่างที่ต่อสู้อยู่บนสังเวียนนั้น พลังลมปราณในร่างกายก็จะถูกดูดออกไปใช้งานไม่ใช่น้อย
แต่เมื่อการต่อสู้จบลง พลังลมปราณก็จะกลับคืนมาเต็มอัตราดังเดิม
นับเป็นระบบที่น่าสนใจทีเดียว
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาบนสังเวียน
“หึหึ”
ชายหนุ่มผู้เป็นคู่ต่อสู้คนใหม่กดแสดงลำดับคะแนนของตนเองด้วยความภูมิใจ เขาสามารถเปิดจุดลมปราณได้ 15 จุดแล้ว!
และชายหนุ่มก็วิ่งเข้าหาซููเย่โดยไม่พูดคำใด
ซููเย่ใช้ฝ่ามือกระแทกฝ่ายตรงข้ามล้มลงไป…ชายหนุ่มผู้เป็นคู่ต่อสู้นอนหงายหลัง เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาไม่ทราบเลยว่าตนเองแพ้ได้อย่างไร
ดังนั้น กลุ่มคนดูจึงไม่มีทางรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาลืมการต่อสู้ที่เพิ่งจบลงก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้นแล้วด้วยซ้ำ
ทำไมเจ้าเวรกรรมถึงได้เก่งจังเลยนะ?
เพิ่งเปิดจุดลมปราณได้แค่จุดเดียว แต่กลับสามารถเอาชนะคนที่เปิดจุดลมปราณได้แล้วถึง 15 จุด?
สถิติ : ชนะ 2 ครั้ง
เมื่อหน้าต่างข้อความเด้งขึ้นมาแจ้งเตือนอีกครั้ง ซููเย่ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ
เขาพอจะเข้าใจระบบเกมในโหมดสังเวียนผู้กล้าบ้างแล้ว พิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้น ขอแค่กดรับคำเชิญที่ถูกส่งเข้ามา สังเวียนต่อสู้ก็จะมาปรากฏอยู่ตรงหน้าพร้อมกับผู้ส่งคำเชิญ
การต่อสู้สามารถเริ่มขึ้นได้เลยทันที
จังหวะนั้น
บนสังเวียนต่อสู้ที่ห่างออกไปไม่ไกล ซููเย่พลันได้ยินเสียงร้องโอดโอยของใครบางคนที่คุ้นหูมาก
“ซูชือ?”
ซููเย่หันหน้ามองไปและพบว่าซูชือกำลังถูกชายหนุ่มคนหนึ่งกระทืบอยู่บนเวทีโดยที่เขาสู้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว!
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่มีคนกล้าต่อยหน้าฉัน แกอยากหาที่ตายนักใช่ไหม!” ชายหนุ่มผู้เป็นคู่ต่อสู้ของซูชือก้มตัวลงไปแยกเขี้ยวยิ้ม ก่อนจะสาวหมัดใส่หน้าซูชือรัว ๆ ด้วยความบ้าคลั่ง
“ฉันจะทำให้แกได้รู้ว่า แกก็ไม่ต่างไปจากพวกหมาแมวข้างถนนที่ถูกฉันฆ่าตายหรอก”
“ผลั่ก”
ระหว่างที่พูดประโยคเหล่านั้น กำปั้นก็ถูกซัดใส่ใบหน้าของซูชือไม่หยุดยั้ง และไม่กี่อึดใจต่อมา ชายหนุ่มผู้บ้าคลั่งก็คำรามว่า “กราบขอโทษฉันสิ ขอร้องอ้อนวอน ขอความเมตตาจากฉัน!”
“ขอร้องบ้านป้าแกเถอะ!”
ซูชือยังคงถลึงตาตอบกลับไปด้วยความไม่กลัวเกรง
“ผลั่ก”
กำปั้นถูกซัดเข้าใส่ครึ่งปากครึ่งจมูกของซูชืออีกครั้ง ก่อนที่เจ้าของกำปั้นจะยิ้มกริ่ม “พูดสิว่าแกผิดไปแล้ว!”
“กลับไปบอกแม่แกซะ ต่อให้ตาย ฉันก็ไม่มีทางขอร้องแกเด็ดขาด!”
ซูชือตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น
“ผลั่ก”
เมื่อถูกต่อยใบหน้ารัว ๆ ซูชือจึงแทบจะหมดสติลงแล้ว
“ตกลงว่าแกจะขอความเมตตาจากฉันไหม?”
รอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ผลั่ก!”
อีกหมัดหนึ่งถูกต่อยออกมา
“ขอร้องอ้อนวอนฉันสิ!”
“ขอร้องอ้อนวอนฉัน!”
“ขอร้องให้ฉันยกโทษให้!”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาด้วยความสะใจทุกครั้งที่กำปั้นของตนเองกระแทกใบหน้าซูชือ
“ฉันไม่มีทางขอร้องแกเด็ดขาด!”
ซูชือกัดฟันตะโกนตอบกลับไปด้วยความเจ็บปวด
กลุ่มคนดูที่อยู่รอบ ๆ สังเวียนส่งเสียงตะโกนดังลั่น
“โคตรอึดเลยเพื่อน”
“อดทนไว้!”
“พี่ชาย ลุกขึ้นมาสู้เร็วเข้า”
“ไอ้โรคจิตแบบนี้หลุดเข้ามาเล่นได้ไงเนี่ย?”
“ที่นี่เขาเอาไว้ให้คนฝึกวิทยายุทธ์กันนะ ไม่ได้ให้มาทำร้ายรังแกกันสักหน่อย!”
ผู้คนจำนวนไม่น้อยส่งเสียงก่นด่าชายหนุ่มผู้เป็นคู่ต่อสู้ของซูชือ ในเวลาเดียวกันนั้น ทุกคนก็ตบมือให้กำลังใจซูชือเสียงดังเกรียวกราว
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนต่อว่าตนเอง
สีหน้าของชายหนุ่มบนสังเวียนก็แปรเปลี่ยนไป
เขายืดตัวขึ้น
“บอกให้ขอร้องดี ๆ ก็ไม่ทำ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะให้แกได้รับรู้รสชาติความเจ็บปวดที่คนอื่นไม่มีทางได้สัมผัส ดีไหม?” พูดมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็ยกเท้าขึ้นและกระทืบลงไปที่เป้ากางเกงของซูชือเต็มแรง
บนเวที
ซูชือจ้องมองคู่ต่อสู้ของตนเองด้วยความเคียดแค้น ถึงความเจ็บปวดในตัวเกมจะถูกลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ แต่สมองเขาก็ยังรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวไปถึงขั้วหัวใจอยู่ดี
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ยอมเปิดปากขอร้องคู่ต่อสู้!
“พอได้แล้ว!”
ในที่สุด ซููเย่ก็มาถึงสังเวียนของซูชือ เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ดวงตาของชายหนุ่มก็แทบจะมีไฟลุกออกมาด้วยความโกรธแค้น
“เฮ้อ…”
ชายหนุ่มหันกลับมาแยกเขี้ยวยิ้มใส่ซููเย่และพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “ในเมื่อนายบอกให้พอ ฉันก็พอก็ได้”
แต่ระหว่างที่พูด ชายหนุ่มกลับเพิ่มน้ำหนักเท้า บดขยี้เป้ากางเกงซูชือหนักหน่วงมากขึ้น
ให้อภัยไม่ได้แล้ว!
ดวงตาของซููเย่เป็นประกายวาวโรจน์
เขากระโดดขึ้นไปบนสังเวียน
“ผลั่ก!”
ได้ยินเสียงการถูกกระแทกอย่างแรง
ปรากฏว่าซููเย่กระโดดถีบชายหนุ่มล้มกลิ้งกระเด็นออกไป ก่อนที่เขาจะประคองซูชือให้ลุกขึ้นยืน
“เป็นไงบ้าง?”
ซููเย่รีบถามด้วยความเป็นห่วง
“เสี่ยวเย่ นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง?”
ซูชือผู้ทนทานกับความเจ็บปวดทรมานมาแสนนาน เมื่อเห็นหน้าซููเย่ ความรู้สึกทุกอย่างก็พังทลาย เขากัดฟันกรอดขณะพูดว่า “แก้แค้นให้ฉันด้วย”
พูดจบ ซูชือก็หมดสติไปทันที
หลังจากนั้น ร่างของซูชือที่อยู่ในอ้อมแขนซููเย่ก็ค่อย ๆ จางหายไปในอากาศ
ซูชือออกจากระบบไปแล้ว!
นี่เท่ากับว่าซูชือถูกฆ่าตายเรียบร้อยแล้ว
เพื่อนของเขาถูกทำร้ายจนตาย!
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ซูชือต้องทรมานด้วยความเจ็บปวดจนเสียชีวิต
หัวใจของซููเย่กระตุกวูบ ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธแค้น
…
ในโลกแห่งความเป็นจริง
ร่างจำแลงในราชวังแห่งความทรงจำของซููเย่รีบเคลื่อนออกมาสำรวจดูซูชือผู้นอนอยู่บนเตียงในห้องพักด้วยความห่วงใย หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าเพื่อนรักปลอดภัยดี ซููเย่ถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
…
ในโลกแห่งเกม
บนสังเวียน
“ตายซะเถอะ”
ซููเย่จ้องมองชายหนุ่มที่เพิ่งลุกขึ้นยืน ความโกรธแค้นที่ถูกปิดผนึกอยู่ในจิตใจของเขาพลันได้รับการปลดปล่อยออกมา!