เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 158 ผนึกกำลังไล่ล่าสัตว์ประหลาด
บทที่ 158 ผนึกกำลังไล่ล่าสัตว์ประหลาด
ถึงการโจมตีด้วยคลื่นพลังไฟฟ้าเหล่านี้จะรวดเร็วมากแค่ไหน แต่มันก็ยังช้าเกินไปสำหรับซูเย่อยู่ดี
รู้ตัวอีกที ทุกคนก็เห็นเทพ X เข้ามาประชิดตัวเจ้าเวหาได้สำเร็จแล้ว
ดาบมาตรฐานในมือเทพ X ฟันฉับลงไปที่ลำคอของเจ้าเวหา
“ย๊าก!”
เจ้าเวหาสีหน้าเปลี่ยนแปลงและระเบิดเสียงคำรามออกมา
ต่อจากนั้น ดาบในมือก็ปลดปล่อยพลังระเบิดไฟฟ้ากินรัศมีเป็นวงกว้างสองเมตร
ในระยะสองเมตร ไม่มีผู้ใดจะสามารถเข้าใกล้เขาได้อีก
แสงสว่างเจิดจ้า ทุกคนต้องยกมือป้องดวงตา
แต่ในวินาทีนั้น เจ้าเวหาก็รู้สึกได้ถึงคมดาบที่ฝังลึกลงมาบนต้นคอของตนเอง
“ฉั๊วะ!”
“ตุบ!”
ได้ยินเสียงสองเท้าเหยียบลงบนพื้นดิน
ปรากฏว่าเทพ X หมุนตัวตีลังกาหลบออกมาพ้นรัศมีสองเมตรโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ และเจ้าเวหาก็กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาเหลือเชื่อ ในขณะที่ร่างกายของเจ้าเวหาก็ค่อย ๆ เลือนหายไปในอากาศอย่างแช่มช้า
สุดท้าย ร่างของเจ้าเวหาก็หายวับไป
กลุ่มคนดูได้แต่ปากอ้าตาค้างด้วยความตะลึงงัน
จบแล้ว
ผู้เล่นที่เป็นความหวังของพวกเขาในการโค่นล้มเทพ X ถูกฆ่าตายง่าย ๆ อย่างนี้เองหรือ?
นี่เป็นเพราะว่าเจ้าเวหามั่นใจในตัวเองมากเกินไป หรือว่าเทพ X แข็งแกร่งมากเกินไปกันแน่?
พวกเขารู้สึกมึนงงสับสนไม่เข้าใจ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยอยู่ตลอดเวลา
แต่เมื่อทบทวนเหตุการณ์ดูอีกครั้ง คำตอบก็ชัดเจน
นั่นเป็นเพราะว่าเทพ X แข็งแกร่งมากเกินไป!
เกรงว่าถ้าไม่ให้เจ้าเวหาเป็นฝ่ายโจมตีก่อน เจ้าเวหาก็คงถูกฆ่าตายตั้งแต่กระบวนท่าแรกแล้วด้วยซ้ำ!
ทุกสายตาหันกลับมาจ้องมองที่เทพ X ด้วยความเคารพเทิดทูน
ซูเย่มองไปยังตำแหน่งที่เจ้าเวหาเคยยืนอยู่ด้วยดวงตาเหม่อลอย
ในเมื่อตัวคนถูกบังคับให้ออกจากระบบเกมไปแล้ว การส่งมอบอาวุธจึงไม่เกิดขึ้น
แต่เขาก็ไม่ได้อยากได้ดาบพลังไฟฟ้าอะไรนั่นอยู่แล้ว
เพราะซูเย่กำลังคิดถึงอีกสิ่งหนึ่งอยู่พอดี
“คนธรรมดาที่ได้ฝึกวิทยายุทธ์เหล่านี้ ถ้าลองได้จับกลุ่มรวมตัวกันแล้วล่ะก็ ถึงจะมีกฎระเบียบคอยควบคุมอยู่ภายในตัวเกม แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องที่จะรับมือได้ง่าย ๆ เหมือนกัน”
“นอกจากตัวเกมจะเปิดรับความรู้สึกของร่างกายถึง 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่การแบ่งแยกระหว่างผู้เล่นธรรมดากับผู้ฝึกยุทธ์ก็ค่อนข้างชัดเจนมากเกินไป ตกลงรัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”
“หรือพวกเขาอยากจะใช้เกมนี้เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของผู้ฝึกยุทธ์?”
คิดได้ดังนั้น
ดวงตาของซูเย่ก็เป็นประกายแวววาว
เขารู้สึกว่าตนเองได้ค้นพบบางอย่างที่น่าสนใจเข้าให้แล้ว
ก่อนที่ผู้เล่นจะเลื่อนระดับถึงเลเวล 30 ทุกคนมีสถานะเท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องอยู่ใต้กฎกติกาข้อเดียวกัน
แต่เมื่อเข้าสู่โลกแห่งเกม Fantasy Dream ที่แท้จริง ทุกอย่างก็พลิกกลับตาลปัตร นอกจากผู้ฝึกยุทธ์จะถูกบอกให้เข้าร่วมสังเวียนผู้กล้าแล้ว พวกเขายังต้องเจอกฎข้อบังคับมากมายอีกด้วย
ในขณะที่ผู้เล่นธรรมดาจะได้รับการอำนวยความสะดวกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาวุธวิเศษ ภารกิจการเก็บค่าประสบการณ์ หรือระดับพลังที่เพิ่มมากขึ้นในแบบที่ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้รับ
ดังนั้น ผู้เล่นธรรมดาจึงกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของผู้เล่นที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ไปโดยปริยาย และนี่ก็เป็นการบีบบังคับทางอ้อมให้ผู้ฝึกยุทธ์ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ!
นี่คือการใช้ผู้เล่นธรรมดาเป็นเครื่องมือกดดันให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ต้องฝึกฝนหนักมากขึ้นสินะ?
ทันใดนั้น
“หึหึ”
ซูเย่ยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง
“ในเมื่อเซตระบบออกมาเป็นแบบนี้ เดี๋ยวฉันจะทำให้มันสนุกมากขึ้นเอง”
“ในขณะที่พวกผู้ฝึกยุทธ์ยังติดอยู่ในสังเวียนผู้กล้า ฉันจะทำให้ผู้เล่นธรรมดาเพิ่มเลเวลก่อนก็แล้วกัน”
ซูเย่บังคับให้เจ้ากวางยักษ์หันหัวไปทางกลุ่มคนดู หลังจากนั้น เขาก็ตะโกนออกมาว่า
“ทุกคนฟังให้ดี การประลองครั้งนี้จบลงแล้ว ฉันกำลังจะกลับไปล่าสัตว์ประหลาด”
“ฉันไม่ได้อยากได้ของที่ดร็อปลงมาจากสัตว์ประหลาดพวกนั้นหรอกนะ ถ้าใครอยากได้ เชิญตามมาเก็บกันได้ตามสบาย!”
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ขี่กวางยักษ์มุ่งหน้าไปยังเขตล่าสัตว์ประหลาด
เชิญเก็บไอเท็มได้ตามสบายอย่างนั้นหรือ?
ทุกคนเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้น มีใครบ้างที่ไม่อยากได้ของฟรี?
“พวกเรารีบตามไป!”
เสียงตะโกนดังขึ้นไม่ขาดสาย ก่อนที่ทุกคนจะวิ่งตามซูเย่ไปยังพื้นที่ล่าสัตว์ประหลาดด้วยความรวดเร็ว
“เฮ้อ!”
ซูเย่ผู้ขี่หลังตัวเฉิงหวงเทพเจ้าหันหน้ากลับไปมองกลุ่มคนที่วิ่งตามมา แล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้
หลังจากนั้น
เขาพาทุกคนเข้าสู่เขตแผนที่ระดับ 31
วูบ!
ซูเย่ควบขี่กวางยักษ์นำหน้าโดยไม่ลังเล
ดาบพื้นฐานเมื่ออยู่ในมือของชายหนุ่ม มันกลับมีอานุภาพไม่ต่างจากอาวุธวิเศษ ผิวหนังที่แข็งแกร่งของนางไม้เกราะเหล็กถูกคมดาบแทงทะลวงเข้าจุดตาย และเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ร่างของมันก็เลือนหายไปในอากาศ
ผลึกวิญญาณตกลงมา
ซูเย่ไม่เสียเวลาเหลือบมองสักนิด เขาขี่เฉิงหวงเทพเจ้าพุ่งเข้าหานางไม้ตัวต่อไปทันที
ขวับ!
กลุ่มผู้เล่นที่วิ่งอยู่ด้านหน้าสุดดวงตาเบิกโตด้วยความพรั่นพรึง
ที่นี่มีนางไม้ปีศาจอาศัยอยู่เต็มไปหมด และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องหยุดชะงัก
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากได้ผลึกวิญญาณ
แต่ประเด็นก็คือ เมื่อเลื่อนระดับขึ้นมาอยู่ในเลเวล 30 แล้ว ทุกครั้งที่พวกเขาเสียชีวิต มันไม่ใช่แค่การถูกเด้งออกจากระบบเกมเท่านั้น
แต่ทุกครั้งที่เสียชีวิต ระดับเลเวลของพวกเขาจะลดลงหนึ่งขั้นอีกด้วย!
เกิดพวกเขาบุ่มบ่ามบุกเข้าไปเก็บผลึกวิญญาณที่ตกอยู่บนพื้นดิน แล้วถูกนางไม้พวกนี้ฆ่าตายขึ้นมา มันก็จะกลายเป็นว่าพวกเขาตายโดยไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น
ดังนั้น ป้องกันตัวเองไว้ก่อนจึงดีที่สุด
ทุกคนอยากให้ท่านเทพ X รีบ ๆ ฆ่านางไม้พวกนี้ให้หมดไปเสียที เมื่อไม่มีพวกมันอีกต่อไปแล้ว พวกเขาถึงจะเข้าไปเก็บผลึกวิญญาณได้อย่างสบายใจ
กลุ่มผู้เล่นจ้องมองซูเย่อย่างให้กำลังใจ
ซูเย่เข้าใจความหมายในแววตาของทุกคนเป็นอย่างดี
ถ้าอย่างนั้น เขาก็จะฆ่าพวกมันไม่ให้เหลือเลยแล้วกัน!
ชายหนุ่มควบขี่กวางยักษ์บุกตะลุยฟันดาบอย่างบ้าคลั่ง
เขาลงมืออย่างรวดเร็ว หนึ่งดาบสังหารหนึ่งชีวิต
ใช้เวลาไม่นานนัก
เรียกว่าเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น
พื้นที่อันกว้างใหญ่ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของนางไม้เกราะเหล็กก็ว่างเปล่าลงด้วยฝีมือของซูเย่
บรรดาผู้เล่นที่รวมตัวอยู่โดยรอบต่างก็ยืนนิ่งอึ้งตกตะลึง พวกเขาลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่การเก็บผลึกวิญญาณก็ไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำ เพราะพวกเขากำลังพิศวงสงสัยว่าท่านเทพ X สามารถสังหารนางไม้ปีศาจทั้งหมดนี้ด้วยเวลาเพียงพริบตาเดียวได้อย่างไร?
ซ้ำยังกระทำอย่างง่ายดายอีกด้วย
“ทำไมพวกนายยังไม่เก็บผลึกวิญญาณกันอีก?”
ซูเย่หันมาพูดด้วยความประหลาดใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ทุกคนก็หลุดออกจากภวังค์
“พวกเรารีบไปเก็บเร็ว!”
กลุ่มผู้เล่นจำนวนมากวิ่งกรูเข้าไปเก็บผลึกวิญญาณบนพื้นดิน
แต่มีเฉพาะผู้ที่อยู่ด้านหน้าเท่านั้นถึงจะเก็บได้สำเร็จ
กลุ่มคนที่วิ่งตามมาด้านหลังเมื่อมาถึงสถานที่ดร็อปไอเท็ม พวกเขาก็พบว่าผลึกวิญญาณถูกผู้อื่นแย่งชิงไปเรียบร้อยแล้ว
หลายคนอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตานัก
“ได้เลย คราวนี้พวกฉันขออยู่ข้างหน้าบ้างล่ะ!”
หลังจากนั้น กลุ่มคนจำนวนมากก็แย่งชิงกันเป็นผู้อยู่แถวหน้าในการติดตามท่านเทพ X
พวกเขาต่างก็อยากมีตำแหน่งอยู่ใกล้ชิดกับท่านเทพ X ให้ได้มากที่สุด เพราะผู้ที่อยู่ใกล้ชิดท่านเทพ X มากที่สุด ก็มีโอกาสเก็บผลึกวิญญาณได้เร็วที่สุดนั่นเอง
ตอนนี้
ซูเย่ยังคงบุกตะลุยอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากเขตแผนที่ระดับ 31 มีความกว้างใหญ่มาก จึงมีสัตว์ประหลาดให้เขาได้จัดการนับไม่ถ้วน
คมดาบสาดประกายเจิดจ้า
ครั้งนี้
ไม่มีผู้ใดลังเลรีรออีกแล้ว
พวกเขาไม่อยากพลาดโอกาสอันดีงามอีกต่อไป!
ทุกครั้งที่ซูเย่ฆ่าสัตว์ประหลาดได้สำเร็จ ก็จะมีกลุ่มผู้เล่นกระโจนเข้ามาแย่งชิงผลึกวิญญาณราวกับฝูงหมาป่าที่หิวโหย
ทุกอย่างดำเนินไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน ความเร็วในการฆ่าสัตว์ประหลาดของซูเย่ไม่มีลดน้อยลงเลย
เมื่อฆ่าตัวนี้เสร็จ
เขาก็จัดการตัวต่อไปทันที
เมื่อมีตัวเฉิงหวงเทพเจ้าเป็นพาหนะ ความเร็วในการสังหารสัตว์ประหลาดของซูเย่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ชายหนุ่มไม่ต่างไปจากเครื่องจักรสังหาร มีความรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
ที่ด้านหลัง
กลุ่มผู้เล่นที่ติดตามซูเย่มาเพื่อเก็บผลึกวิญญาณก็มีความรวดเร็วไม่แพ้กัน
แตกต่างกันเพียงอย่างเดียวคือฝ่ายแรกเป็นคนฆ่าสัตว์ประหลาด ส่วนฝ่ายหลังแย่งกันเก็บผลึกวิญญาณกันจ้าละหวั่น
“ท่านเทพ X จงเจริญ!”
“ท่านเทพ X ผู้ยิ่งใหญ่!”
“ท่านเทพ X ผู้ไร้เทียมทาน!”
“ท่านเทพ X ผู้เก่งกาจที่สุดในสามโลก!”
เสียงตะโกนสรรเสริญเยินยอดังไม่ขาดสาย
ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้อยู่ในโลกความจริง มันก็คงกลายเป็นการรวมตัวกันของสาวกลัทธิประหลาดเป็นแน่แท้
“สหายทุกท่าน ขอให้สนุกกันให้เต็มที่ หลังจากนี้ ชีวิตของพวกนายจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
ซูเย่ยิ้มกว้างด้วยความชอบใจ
และดำเนินการสังหารสัตว์ประหลาดอย่างต่อเนื่อง
แต่ทว่า
ยังคงมีผู้คนอีกมากมายที่ไม่สามารถเก็บผลึกวิญญาณได้สำเร็จ เพราะกลุ่มคนเหล่านั้นไม่มีโอกาสแทรกตัวมาอยู่แถวหน้าได้นั่นเอง
“พวกเรารอหวังพึ่งใบบุญจากท่านเทพ X อย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ มาลงมือสังหารสัตว์ประหลาดเหล่านี้ด้วยตัวเองกันบ้างดีกว่า!”
ใครคนหนึ่งส่งเสียงตะโกนขึ้นมาจากกลุ่มคน
ทุกคนถึงกับหยุดชะงัก
จริงด้วยสินะ!
ไม่ว่าท่านเทพ X จะแข็งแกร่งสักแค่ไหน แต่ก็มีเพียงตัวคนเดียว
ส่วนพวกเขามีกันอยู่มากมาย แล้วทำไมจะฆ่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้บ้างไม่ได้?
ถึงแม้ว่าการรวมตัวก่อนหน้านี้จะทำให้พวกเขาถูกสัตว์ประหลาดฆ่าตายไปนับไม่ถ้วนแล้วก็ตาม