เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 182 ข้อความจากรองคณบดีจาง
บทที่ 182 ข้อความจากรองคณบดีจาง
“หนูอยากดูคำตอบของซูเย่ค่ะ หนูไม่เชื่อว่าตัวเองจะแพ้เขา”
ลู่จวิ้นกัดริมฝีปากด้วยความเคียดแค้น
“อาจารย์เห็นผลสอบแล้วเหมือนกัน อาจารย์ก็โมโหไม่แพ้เธอนั่นแหละ!” เสียงที่แสดงออกถึงความโกรธเคืองดังมาจากปลายสายซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาหญิงของลู่จวิ้น “แต่เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ เรื่องนี้เดี๋ยวอาจารย์จะจัดการให้เอง ยังไงการสอบครั้งนี้ เธอจะต้องได้รับความยุติธรรมแน่นอน!”
เมื่อวางสายจากลูกศิษย์สาวของตนเอง อาจารย์ที่ปรึกษาหญิงก็รีบโทรไปหารองคณบดีประจำคณะแพทย์แผนจีนทันที
“ท่านรองคะ ท่านต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับเด็กคณะเรานะคะ!”
เมื่อได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
รองคณบดีก็ยังไม่กล้ารับปากใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาตัดสินใจโทรไปหาหลี่เคอหมิงก่อนเป็นลำดับแรก
ในเวลาเดียวกันนี้
หลี่เคอหมิงยังคงนั่งดูกระดาษข้อสอบของซูเย่อยู่ในห้องทำงาน สีหน้าแสดงออกถึงความหนักใจอย่างชัดเจน
“เด็กคนนี้ฝีมือดีน่าเหลือเชื่อ!”
“เราเพิ่งสอนเขาไปไม่เท่าไหร่ แต่เด็กคนนี้กลับจำรายละเอียดทุกอย่างได้ครบถ้วน”
“โดยเฉพาะการแช่น้ำสมุนไพร ไม่คิดเลยนะว่าซูเย่จะเรียนรู้ได้รวดเร็วถึงขนาดนี้!”
เมื่อตรวจสอบใบสั่งยาทั้งสี่รูปแบบของซูเย่ ผู้เป็นคณบดีประจำคณะแพทย์แผนจีนก็อดยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจไม่ได้
นับว่าเขามองคนไม่ผิดจริง ๆ !
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของหลี่เคอหมิงก็ดังขึ้น
อาจารย์วัยกลางคนหยิบโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอ และพบว่าผู้ที่โทรมาหาก็คือรองคณบดีแซ่จางนั่นเอง
เขากดรับสายโดยไม่ลังเล
“คณบดีครับ ดูเหมือนเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปซะแล้ว อาจารย์ที่ปรึกษาของลู่จวิ้นเพิ่งโทรมาหาผม บอกว่าลูกศิษย์ของเธอไม่ยอมรับผลการสอบจากกลุ่มที่ 31 และร้องเรียนขอดูวิดีโอระหว่างการสอบครับ พวกเราจะทำยังไงดี?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ หลี่เคอหมิงก็ยิ้มฝืดฝืน
เขาเองก็นึกถึงเรื่องนี้มานานแล้ว
หากหลี่เคอหมิงกลับไปเป็นนักศึกษาอีกครั้ง เกรงว่าตัวเขาก็คงโกรธแค้นซูเย่ไม่ต่างจากทุกคนเช่นกัน
“เดี๋ยวผมจะถ่ายรูปใบสั่งยาและใบวินิจฉัยของซูเย่ให้คุณ คุณก็เอาไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาของลู่จวิ้นดูแล้วกัน และถ้าพวกเธอยังไม่เชื่ออีก ก็บอกไปเลยว่าผมหลี่เคอหมิงในฐานะคณบดี ขอยืนยันว่ากระดาษคำตอบของซูเย่ไม่มีอะไรผิดปกติ และถ้าอยากจะดูวิดีโออีกก็ไม่มีปัญหา”
“รับทราบครับ” หลังจากรองคณบดีวางสาย เขาก็ได้รับรูปภาพกระดาษคำตอบของซูเย่และกระดาษคำตอบของลู่จวิ้นแทบจะทันที
เมื่อได้รับรูปภาพแล้ว
รองคณบดีก็กดซูมดูข้อมูลเพื่อเทียบกัน
เมื่อเปรียบเทียบกระดาษคำตอบระหว่างนักศึกษาทั้งสองคนนี้
รองคณบดีจางก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
“ไม่ต้องสงสัยเลย ไม่มีอะไรน่าสงสัยอีกแล้ว…นักศึกษาซูเย่คนนี้ทำได้ดีกว่าลู่จวิ้นจริง ๆ ” เมื่อเทียบกระดาษคำตอบเสร็จแล้ว รองคณบดีจางก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะกดส่งรูปภาพไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาของลู่จวิ้นอีกทอดหนึ่ง
ขณะนี้
อาจารย์ที่ปรึกษาของลู่จวิ้นยังคงโกรธแค้นไม่หาย
ทุกคนรู้ดีว่าลู่จวิ้นเป็นนักศึกษาแพทย์แผนจีนอัจฉริยะประจำมหาวิทยาลัย
แต่ตอนนี้กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้แก่เด็กที่เพิ่งศึกษาเรื่องศาสตร์แพทย์แผนจีนเพียงสองเดือนเท่านั้น มิหนำซ้ำ ยังเป็นเด็กที่มาจากคณะอื่นอีกด้วย
แล้วพวกเธอจะทนกับความอับอายเช่นนี้ได้อย่างไร?
เรื่องราวในครั้งนี้
หากคณบดีประจำคณะแพทย์แผนจีนไม่สามารถให้คำอธิบายที่น่าพอใจออกมาได้ รับรองว่าเรื่องนี้ถึงหูอธิการบดีแน่!
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ อาจารย์ที่ปรึกษาก็ยิ่งโกรธมากเท่านั้น
แต่แล้วในวินาทีต่อมา
“ติ๊ง…”
เสียงแจ้งเตือนจากแอปวีเชทดังขึ้น
อาจารย์ที่ปรึกษาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดดู
ปรากฏว่ารองคณบดีจางส่งรูปภาพมาสองสามรูปและแนบข้อความมาด้วยว่า
“นี่คือกระดาษคำตอบของซูเย่กับลู่จวิ้นที่คณบดีหลี่เคอหมิงส่งมาให้ผม ท่านคณบดีบอกว่าถ้าพวกคุณยังไม่เชื่อ ท่านก็ขอยืนยันด้วยตำแหน่งของตนเองว่ากระดาษคำตอบของซูเย่ไม่มีอะไรผิดปกติ และระหว่างนี้ ทางมหาวิทยาลัยกำลังอัปโหลดคลิประหว่างการสอบให้ทุกคนได้รับชม แต่ก่อนที่จะไปดูคลิป ผมว่าคุณควรดูกระดาษคำตอบก่อนดีกว่า”
เมื่อเห็นข้อความจากรองคณบดีจาง
อาจารย์ที่ปรึกษาของลู่จวิ้นก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบกดดูรูปภาพด้วยความมึนงง
เมื่อดูรูปภาพเสร็จแล้ว อาจารย์ที่ปรึกษาก็ต้องตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
เธอเองก็มีสถานะเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยแห่งนี้เหมือนกัน
ถึงความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวยาสมุนไพรจะไม่ได้อยู่ในระดับสูงส่งเหมือนพวกแพทย์แผนจีนชั้นนำ แต่อาจารย์ที่ปรึกษาก็ยังคงมองออกว่ากระดาษคำตอบของซูเย่ควรได้คะแนนดีหรือไม่
คำตอบของลู่จวิ้นเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ในการวินิจฉัยขั้นสุดท้าย เธอถึงกับเขียนใบสั่งยาสามใบให้แก่ผู้คุมสอบ แม้จะใช้วิธีการรักษาแค่วิธีเดียวเท่านั้น
แต่ในทางกลับกัน
ซูเย่กลับแนะนำการรักษาถึงสี่รูปแบบ
แต่ที่สำคัญก็คือใบสั่งยาทั้งเจ็ดใบที่ชายหนุ่มเขียนขึ้นมานั้น ไม่มีตัวยาสมุนไพรซ้ำกันเลย!
อาจารย์ที่ปรึกษาของลู่จวิ้นสูดลมหายใจลึก
เธอรู้สึกไม่อยากเชื่อ
นี่คือกระดาษคำตอบของซูเย่จริง ๆ หรือ?
เมื่อลองเพ่งตาดูให้ดี ก็จะเห็นว่ามันเป็นลายมือของเขาจริง ๆ
ทันใดนั้น ความโกรธแค้นที่อาจารย์ที่ปรึกษามีอยู่ก่อนหน้านี้พลันสลายหายไป และหลงเหลืออยู่แต่เพียงความประหลาดใจเท่านั้น
“เฮ้อ…” อาจารย์ที่ปรึกษาถอนหายใจออกมา “ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วยนะ?”
หลังจากนั้น เธอก็ส่งต่อรูปภาพที่รองคณบดีจางส่งมาไปให้ลู่จวิ้นดู
…
ณ ระเบียงทางเดินของหอพักหญิง
ลู่จวิ้นหนีออกมานั่งอยู่บนขั้นบันไดคนเดียว เธอไม่เข้าใจเลยว่าตนเองแพ้ได้อย่างไร เมื่อได้รับข้อความจากอาจารย์ที่ปรึกษา จึงรีบกดอ่านด้วยความเร็วไว
เมื่ออ่านจบแล้ว สีหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนแปลงไป
ความสงสัยและความโกรธแค้นที่อยู่บนสีหน้าสลายหายไปทันที
ลู่จวิ้นพูดอะไรไม่ออกอยู่นานสองนาน
“เฮ้อ…”
หลังจากนั้นอีกพักใหญ่ ลู่จวิ้นจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า
ครั้งนี้เธอแพ้แล้วจริง ๆ
หญิงสาวลุกขึ้นยืน อยากจะเดินกลับเข้าไปในห้องพัก แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ทุกคนช่วยออกหน้าแก้ตัวแทนเธอมากมายขนาดไหน
ทุกคนอยากจะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเธอ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลู่จวิ้นก็เข้าสู่ระบบในบอร์ดข้อความของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางทันที
เธอเข้าไปเขียนกระทู้โดยใช้ชื่อจริงว่า
“ขอบคุณสำหรับกำลังใจของทุกคน : ฉันได้ดูกระดาษคำตอบแล้ว ต้องขอยอมรับเลยว่าฉันสู้นักศึกษาซูเย่ไม่ได้จริง ๆ ”
เมื่อเหล่านักศึกษาคณะแพทย์แผนจีนเห็นดังนั้นต่างก็ตกตะลึงกันอย่างถ้วนหน้า
“หมายความว่าไงเนี่ย?”
“รุ่นพี่จะแพ้ได้ยังไง? ก็ในเมื่อรุ่นพี่แข็งแกร่งที่สุดในคณะของเราแล้วนะ!”
“ซูเย่เก่งถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ? ฉันอยากรู้แล้วสิว่ากระดาษคำตอบของเขาเป็นยังไง? ทำไมรุ่นพี่ถึงกับต้องออกปากขอยอมแพ้อย่างนี้?”
“นี่มันเรื่องจริงใช่ไหมเนี่ย? รุ่นพี่ลู่จวิ้นเนี่ยนะจะแพ้? พวกเราก็อยากดูกระดาษคำตอบเหมือนกัน!”
…
“เสี่ยวเย่ นายตอบไปว่าอะไรบ้างวะ?” ในหอพักนักศึกษาชาย เมื่อเห็นกระทู้ของลู่จวิ้น ซูชือกับจินฟานก็ได้แต่หันมามองหน้าและสอบถามซูเย่ด้วยความไม่อยากเชื่อ “ขนาดลู่จวิ้นยังต้องออกมายอมรับความพ่ายแพ้อย่างนี้ เธอคงรู้ตัวว่าสู้นายไม่ได้แล้วจริง ๆ สินะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันได้เป็นปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีนเมื่อไหร่ ฉันจะรับพวกนายเป็นลูกศิษย์” ซูเย่ตอบกลับมาพร้อมยิ้มกว้าง “พวกนายคิดว่าฉันพูดเล่นหรือไง?”
“แต่ฉันก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี”
ซูชือตอบกลับมาโดยทันที
และยังคงไล่อ่านกระทู้ต่อไป