เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 67 รักษาได้ใน 24 ชั่วโมง
บทที่ 67 รักษาได้ใน 24 ชั่วโมง
“ทำตัวตามสบายนะครับ”
ซูเย่พูดกับชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง
ชายหนุ่มขาหักพยักหน้า เขามองหน้าซูเย่อย่างมีความหวัง และหลับตาลง
ซูเย่ยื่นมือออกไปแตะที่ศีรษะของชายหนุ่ม เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น คนไข้ของเขาก็หมดสติไป
หลังจากนั้น ซูเย่ก็คลำบนตำแหน่งขาที่บาดเจ็บ รัศมีแสงสว่างแผ่ออกจากมือของเขาลงไปบนขาของคนไข้อย่างเชื่องช้า
แสงสว่างเหล่านั้นไหลเวียนไปทั่วต้นขาของผู้บาดเจ็บ ซูเย่กำลังทำการตรวจดูสภาพว่าชายหนุ่มคนนี้มีอาการบาดเจ็บรุนแรงอยู่ในระดับไหน
เขารู้ดีว่าหลี่เคอหมิงเป็นกังวลเรื่องอะไร และซูเย่ก็ทราบเช่นกันว่ามันเป็นเรื่องที่ควรค่าต่อการกังวล
ไม่เคยมีใครสามารถต่อกระดูกที่สมานตัวแล้วได้สำเร็จมาก่อน
ไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้
เพราะขาข้างนี้ไม่สมควรใช้งานได้อีกแล้ว!
“กร๊อบ”
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงกระดูกสมานตัวจากตำแหน่งที่มือของซูเย่จับลงไปบนขาของผู้บาดเจ็บ
ไม่กี่อึดใจต่อมา ซูเย่ก็กำจัดรอยแตกร้าวและจุดที่เสียหายซึ่งเกิดขึ้นจากอาการบาดเจ็บเรื้อรังตลอดระยะเวลา 2 ปีได้หมดสิ้น
ได้ยินเสียง “กร๊อบ” ดังขึ้นอีกครั้ง
เป็นวินาทีเดียวกับที่ซูเย่รวบรวมสมาธิ และบริกรรมคาถาออกมาจากปาก
“เยียวยาผู้โชคร้าย สมานแผลทุกโมงยาม”
แสงสว่างวูบวาบ
เกิดคลื่นพลังที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าไหลรินลงไปสู่ขาข้างที่บาดเจ็บของผู้ป่วย
เมื่อโคจรพลังลงไปลงไปเป็นตัวกระตุ้น การสมานตัวของกระดูกก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น!
นี่คือผลลัพธ์ชนิดเดียวกับการผ่าตัดจัดกระดูกใหม่
แต่มีความรวดเร็วในการรักษามากกว่ากันหลายสิบเท่า
ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความราบรื่น
ความผิดปกติเดียวคือซูเย่มีใบหน้าซีดเผือดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตอนนี้เขาใช้พลังลมปราณในร่างกายไปแล้วทั้งหมด 8 ใน 10 ส่วน
แสงสว่างในราชวังแห่งความทรงจำเลือนรางลงไป 3 ใน 5 ส่วน
รอยยิ้มฝืด ๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปากของเขา
“การเร่งความเร็ว 100 เท่าไม่สนุกเลยนะเนี่ย”
ครั้งก่อนเขาลองเร่งเวลาสิบเท่าก็แทบแย่แล้ว
ขณะนี้ ซูเย่เร่งเวลาร้อยเท่า ความเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้นกับร่างกายของเขาอย่างชัดเจน
แต่ถึงมันจะผลาญพลังลมปราณไปเป็นจำนวนมาก ทว่าการช่วยรักษาผู้บาดเจ็บขาหักคนนี้คือสิ่งที่คุ้มค่า
คนดีสมควรได้รับการปกป้อง
เมื่อทำดีก็สมควรได้รับรางวัลตอบแทน!
ชายหนุ่มที่หมดสติอยู่บนเตียงเริ่มรู้สึกตัวแล้ว ซูเย่รีบนั่งขัดสมาธิโคจรพลังปรับระดับลมหายใจ เมื่อเขาร่ายคาถานี้ มันจะมีผลเป็นเวลาทั้งสิ้น 24 ชั่วโมง ดังนั้น ซูเย่จึงไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องอื่นใดอีก
ด้านนอกบ้านพัก
ทุกคนกำลังรอคอยด้วยความร้อนใจ
โดยเฉพาะหญิงสาวผู้เป็นภรรยา เธอไม่สามารถละสายตาออกจากประตูบานนั้นได้แม้แต่ครั้งเดียว
หลี่เคอหมิงมองหญิงสาวคนนั้น ก่อนชำเลืองมองชาวบ้านที่ยืนอยู่รอบตัว
แล้วเขาก็แอบถอนหายใจออกมา
นายแพทย์ใหญ่ไม่อยากจะเห็นชาวบ้านเหล่านี้ต้องผิดหวังเลย
แต่คนเรายิ่งคาดหวังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น
เขาเชื่อว่าซูเย่มีความสามารถในการรักษาผู้คนเหนือธรรมดา แต่สิ่งที่ซูเย่กำลังทำอยู่ในวันนี้ หลี่เคอหมิงก็ไม่กล้าคาดหวังมากเกินไป เพราะโอกาสที่จะรักษาขาของชายหนุ่มคนนั้นให้หายดี มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ขณะนี้ชาวบ้านทุกคนต่างรอคอยด้วยความหวัง แต่รอให้รู้เสียก่อนเถิดว่าการรักษาไม่สำเร็จ
ชาวบ้านจะต้องเสียใจมากแน่นอน!
“แอ๊ด”
ทันใดนั้น ประตูบ้านพักเปิดออก
ซูเย่เดินออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว ก้าวเดินของเขาดูค่อนข้างเหนื่อยล้า
ถึงเขาจะใช้เวลาพักใหญ่ปรับระดับพลังในร่างกาย แต่ร่างกายก็ยังไม่ฟื้นตัวอยู่ดี
“เป็นยังไงบ้างคะ?”
หญิงสาววิ่งเข้าไปถามซูเย่ด้วยความกระตือรือร้น
“น่าจะไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ”
ซูเย่ยิ้มตอบกลับไป “แต่ 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ห้ามเคลื่อนไหวคนเจ็บเด็ดขาดนะครับ เพราะมันเป็นเวลาที่กระดูกกำลังสมานตัว”
“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ! ขอบคุณคุณหมอมากจริง ๆ!”
น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปในบ้านพักเพื่อไปหาสามีของตนเอง
“ไหนโรงพยาบาลบอกว่ารักษาไม่ได้ไงล่ะ แล้วทำไมคุณหมอคนนี้ถึงใช้เวลารักษาแค่วันเดียวเอง เท่ากับว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา โรงพยาบาลโกหกพวกเรางั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่นะ โรงพยาบาลบอกว่ารักษาได้ แต่จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ต่างหาก”
“แต่คุณหมอไม่เห็นต้องผ่าตัดอะไรเลย แถมยังใช้เวลาพักฟื้นแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น”
ชาวบ้านที่ยืนจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างเซ็งแซ่อยู่โดยรอบ พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน
อันที่จริง พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าคุณหมอหนุ่มจะเก่งกาจถึงขนาดนี้ และก็ไม่คิดว่าการรักษาจะรวดเร็วเช่นนี้ด้วย
ซูเย่ไม่ได้สนใจเสียงกระซิบกระซาบด้วยความเหลือเชื่อที่ดังขึ้นรอบตัว เขาเดินตรงไปหาหลี่เคอหมิงพร้อมกับพูดว่า
“อาจารย์หลี่ครับ ผมว่าวันนี้เราพอแค่นี้ก่อนดีกว่า”
เมื่อหลี่เคอหมิงผู้กำลังตกใจกับใบหน้าขาวซีดของชายหนุ่ม ก็ให้เกิดความสงสัยอยู่ในใจหลายประการ แต่เขารู้ตัวดีว่ายังไม่ควรถามอะไรออกมาตอนนี้ จึงพยักหน้าตอบว่า “ได้สิ”
แต่ในใจของนายแพทย์ใหญ่ยิ่งเกิดความสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ
ใช้เวลาให้กระดูกสมานตัวแค่ 24 ชั่วโมงเนี่ยนะ?
มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ซูเย่ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากดเรียกแท็กซี่ และแวะไปส่งหลี่เคอหมิงที่บ้านพักก่อน
หลังจากนั้น เขาก็ตรงดิ่งกลับไปที่หอพักนักศึกษาทันที
เมื่อกลับเข้าไปถึงห้องพัก ซูเย่ก็รีบสร้างค่ายอาคมดูดซับพลังปราณธรรมชาติอยู่บนเตียงของตนเองโดยเร็ว
“ร่างกายของเราในตอนนี้ ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้คาถาที่เผาผลาญพลังลมปราณเป็นจำนวนมาก สงสัยเราต้องรีบหาวิธีหลอมโอสถเพิ่มปราณให้ได้เร็วที่สุดแล้วสิ…”
“ลูกวอลนัทพวกนั้นจะสุกดีก็สุดสัปดาห์นี้แล้ว คงต้องรีบไปเก็บมาก่อนดีกว่า”
“อีกอย่าง เราต้องรีบหาต้นโซวู 100 ปีให้เจอเหมือนกัน”
ซูเย่คิดระหว่างที่โคจรพลัง
ขณะนี้เขากำลังปูทางตนเองเข้าสู่วงการแพทย์แผนจีน เพราะอยากจะช่วยเหลือผู้คนพร้อมกับเก็บแต้มศีลธรรมไปด้วย นั่นหมายความว่าในอนาคตต่อจากนี้ ซูเย่ก็คงต้องใช้คาถาที่ดูดกลืนพลังลมปราณจำนวนมหาศาลอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
และเพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดความอ่อนล้าถึงขีดสุดเช่นนี้อีก เขาก็จำเป็นต้องรีบเลื่อนระดับพลังให้ได้โดยเร็ว
มีแต่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ซูเย่ถึงจะทำอะไรได้มากกว่านี้!
รุ่งเช้าวันต่อมา
“เฮ้อ”
ซูเย่ระบายลมหายใจอย่างแรง หลังค่ำคืนแห่งการดูดซับพลังผ่านพ้นไป พลังในร่างกายของเขาก็ฟื้นฟูกลับขึ้นมาเต็มอัตรา
แสงสว่างในราชวังแห่งความทรงจำกลับมาสว่างไสวดังเดิม
ซูเย่เหยียดแขนเหยียดขาบิดขี้เกียจ ก่อนลุกขึ้นจากเตียง และเดินไปล้างหน้า
“คนที่ขึ้นถึงเลเวล 20 ยังมีอยู่แค่สองคนเหมือนเดิมว่ะ”
เสียงของซูชือลอยมาเข้าหูซูเย่ แต่เขาไม่ได้สนใจ ในเมื่อแผนที่ระดับ 20 ยังไม่เปิดให้เข้าเล่น ซูเย่ก็ไม่คิดที่จะกลับเข้าไปเล่นเกมนั้นอีก
ด้วยความที่เขามีพลังจิต และพลังลมปราณแข็งแกร่งมากกว่าผู้เล่นทั่วไป จึงทำให้ซูเย่สามารถเลื่อนระดับในเกมได้รวดเร็วกว่าคนอื่นถึง 50 เท่า
จึงไม่มีเหตุจำเป็นที่เขาจะต้องรีบร้อนเข้าไปเล่น
“ซูเย่ ฉันจะบอกข่าวดีให้ฟังนะ พวกเราขึ้นมาถึงเลเวล 19 แล้วนะเว้ย ไม่แน่คืนพรุ่งนี้เราอาจจะขึ้นถึงเลเวล 20 เลยก็ได้”
“ดีใจด้วยนะเพื่อน” ซูเย่พูดยิ้ม ๆ
“ทำไมพูดเหมือนขอไปทีแบบนั้นวะเนี่ย” ซูชือค่อนขอดเขาตามเคย
…
ในเวลาเดียวกันนี้
สถาบันดนตรีซิงเหมิง หอพักนักศึกษาหญิง
“ก๊อกก๊อกก๊อก…”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
สองพี่น้องตระกูลไป๋จือมองหน้ากันด้วยความแปลกใจว่าใครกันนะมาเคาะประตูตั้งแต่เช้าขนาดนี้
ไป๋จือหรานเป็นคนเดินออกไปเปิดประตูด้วยความสงสัย
แล้วเธอก็ได้พบกับหญิงสาวในชุดเครื่องแบบตำรวจเต็มยศคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องพักของตนเอง
และนายตำรวจหญิงผู้นี้ก็คือเจ้าหน้าที่จูอวี่จากหน่วยสืบสวนของผู้กองหวังเหานั่นเอง
“สวัสดีค่ะ”
จูอวี่แสดงบัตรประจำตัวตำรวจให้ไป๋จือหรานดู และพูดต่อ “ได้โปรดนำหมวก VR ของคุณ ตามฉันไปที่สถานีตำรวจด้วย นะคะ”
…
วันนี้คือวันเสาร์ เมื่อซูเย่รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย เขาก็เดินทางไปที่ศูนย์การแพทย์ตามปกติ
เหตุการณ์ทุกอย่างยังคงดำเนินไปเหมือนเมื่อคืน
ซูเย่เขียนใบสั่งยา หลี่เคอหมิงเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องทั้งหมด
ทำซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนี้ทั้งวัน
มีหลายจังหวะที่หลี่เคอหมิงเหมือนอยากถามอะไรออกมา แต่แล้วก็เปลี่ยนใจในที่สุด
สิ่งที่เขาอยากรู้ก็คือซูเย่ใช้วิธีไหนในการสมานกระดูกที่แตกหักมานานแล้ว ให้กลับมาต่อติดเข้าด้วยกันอีกครั้งในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง?
เมื่อตรวจคนไข้หมดครบทุกคน สุดท้ายหลี่เคอหมิงก็ทนเก็บความสงสัยไม่ได้อีกต่อไป “เธอมั่นใจว่ากระดูกคนไข้จะสมานตัวในเวลาแค่ 24 ชั่วโมงจริงๆ หรือ?”
ซูเย่พยักหน้า
“เธอทำได้ยังไง?”
หลี่เคอหมิงถามออกมาโดยไม่รอช้า
ซูเย่นิ่งคิดอยู่เล็กน้อยก็ให้คำตอบออกมาว่า “ผมเคยเจออาจารย์ที่สามารถใช้พลังลมปราณรักษาผู้คนได้น่ะครับ อาจารย์ท่านนั้นบอกว่าเวลา 1 วันบนสวรรค์ เท่ากับเวลา 1 ปีบนโลกมนุษย์ ถ้าเขาโคจรพลังลมปราณลงไปที่กระดูกของคนเจ็บ แม้เวลาจะผ่านไปเพียง 1 วัน แต่กระดูกก็จะสมานตัวเหมือนผ่านไป 1 ปี เพราะพลังลมปราณเหล่านี้ทำงานด้วยเวลาสวรรค์ครับ”
หลี่เคอหมิงได้รับฟังดังนั้นก็จ้องมองซูเย่ด้วยความเหลือเชื่อ “เธอก็เลยใช้วิธีนี้งั้นหรือ?”
ซูเย่ส่ายหน้า “เปล่าครับ”
“งั้นเธอจะพูดทำไม”
หลี่เคอหมิงปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นบึ้งตึงและแกล้งพูดด้วยความไม่พอใจ “เธอเห็นฉันเป็นเพื่อนเล่นหรือไง”
ซูเย่ยิ้มแย้มตอบกลับไปว่า “ผมแค่ยกตัวอย่างครับว่าโลกของเรามีวิธีการรักษาผู้คนอยู่หลากหลายรูปแบบ ผมใช้วิธีที่คุณปู่ทวดของผมสอนมาน่ะครับ”
เหลวไหล!
หลี่ชินเอ้อที่แอบฟังบทสนทนาระหว่างอาจารย์ และลูกศิษย์อยู่ไกล ๆ แอบอุทานในใจเมื่อได้ยินคำตอบของซูเย่
“ใช่คุณปู่ทวดที่เธอขุดพบตำราโบราณจากบ้านเขาหรือเปล่า?”
ซูเย่พยักหน้า และไม่มีทีท่าว่าจะให้คำอธิบายอะไรเพิ่มเติม
หลี่เคอหมิงส่ายศีรษะ ยังคงไม่อยากเชื่อสิ่งที่ซูเย่พูด เขาต้องรอดูก่อนว่าผลการรักษาจะเป็นไปอย่างที่ชายหนุ่มมั่นใจหรือไม่
หลี่ชินเอ้อกลับบ้านไปรับประทานอาหารค่ำเพียงลำพัง ซูเย่กับหลี่เคอหมิงโดยสารขึ้นรถแท็กซี่ไปที่หมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนอีกครั้ง
ณ หมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน
โต๊ะตรวจคนไข้ยังคงตั้งอยู่ในตำแหน่งเดิมของเมื่อวานนี้
ผู้เฒ่าหลี่คนเก็บขยะเมื่อรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อย ก็มาช่วยพวกเขาจัดระเบียบชาวบ้าน
หลานสาวตัวน้อยวิ่งเล่นอยู่รอบบริเวณอย่างมีความสุข
แต่เมื่อเริ่มการตรวจคนไข้แล้ว ซูเย่กับหลี่เคอหมิงพบว่าบรรยากาศของวันนี้เลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีก
ซูเย่ถามคำถามคนไข้หนึ่งคำ คนไข้ก็จะตอบกลับมาหนึ่งคำ ไม่มีการพูดคุยเพิ่มเติมอะไรนอกเหนือไปจากนั้น คล้ายกับว่าชาวบ้านมีสิ่งที่กำลังรบกวนจิตใจ
ดูเหมือนทุกคนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
หลี่เคอหมิงรู้ดีว่าชาวบ้านกำลังรอคอยอะไรอยู่
เพราะเขาเองก็กำลังรออยู่เช่นกัน
ซูเย่จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริง ๆ หรือไม่?
เมื่อถึงเวลา 19:30 น. ก็ครบกำหนด 24 ชั่วโมงพอดี
ชาวบ้านทุกคนทอดสายตามองไปยังทิศทางบ้านพักของชายหนุ่มที่ขาหัก
ทำไมถึงยังไม่มีความเคลื่อนไหวอีกนะ
เกิดอะไรขึ้นหรือไม่? เขายังปลอดภัยดีหรือเปล่า?
ทุกคนอยากรู้คำตอบแทบแย่แล้ว
10 นาทีผ่านไป
“เอี๊ยดอ๊าด…”
เสียงการปั่นจักรยานพ่วงข้างพลันดังขึ้นจากมุมถนน
ชาวบ้านทุกคนลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น เหมือนในชีวิตนี้เพิ่งเคยได้ยินเสียงจักรยานเป็นครั้งแรก
ใช่แล้ว
หญิงสาวคนเมื่อวานยังคงปั่นจักรยานพ่วงข้างมาหาหมอ โดยที่มีสามีของเธอนั่งอยู่ในรถพ่วงข้างเช่นเดิม
“มาแล้ว!”
“ทำไมถึงยังต้องนั่งอยู่บนรถอีกล่ะ?”
“นี่ก็ครบกำหนด 24 ชั่วโมงไม่ใช่แล้วหรือไง? หมายความว่าคุณหมอรักษาไม่สำเร็จเหรอ?”
“ท่าทางจะไม่ได้เรื่องเสียแล้ว”
“ดูหน้าเมียเขาสิ ทำเหมือนคนที่เพิ่งเจอผีอย่างนั้นแหละ”
เสียงซุบซิบดังขึ้นจากกลุ่มชาวบ้านอีกครั้ง
ทุกคนหันมามองหน้าซูเย่ด้วยความสงสัย
หลี่เคอหมิงนั่งขมวดคิ้วอยู่ที่โต๊ะตรวจคนไข้ ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ค่อยสู้ดีเสียแล้ว
เขาอดเป็นห่วงซูเย่ขึ้นมาไม่ได้
แต่เจ้าตัวยังคงมีสีหน้าสงบเยือกเย็นดังเดิม
หญิงสาวปั่นจักรยานพ่วงข้างฝ่ากลุ่มชาวบ้าน มาจอดลงที่หน้าโต๊ะตรวจคนไข้ใต้ต้นไม้ใหญ่
ชาวบ้านหลีกทางแหวกออกเป็นสองฝั่ง
หญิงสาวก้าวลงมาจากรถจักรยานด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ฟุบ”
ทันใดนั้น เธอคุกเข่าลงไปบนพื้นดิน
ซูเย่จะห้ามก็ไม่ทันเสียแล้ว
“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ขอบคุณคุณหมอมากเหลือเกิน ขอบคุณคุณหมอมากจริง ๆ”
หญิงสาวร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
ซูเย่ช่วยประคองเธอให้ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำอยู่แล้วน่ะครับ”
“ติ้ง!”
เสียงแห่งความสุขดังขึ้นในหัวของซูเย่
หัวใจพองโตด้วยความเบิกบาน
แต้มศีลธรรม +1
ในวินาทีนั้น ชาวบ้านทุกคนถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หมายความว่าสามีของเธอกลับมาเดินได้แล้วอย่างนั้นหรือ?
คุณหมอหนุ่มคนนี้สามารถรักษาได้สำเร็จ?
“บอกพวกเราหน่อยเถอะหนู อาการของสามีหนูเป็นยังไงบ้าง?”
ชายชราในกลุ่มชาวบ้านคนหนึ่งถามออกมาด้วยความสงสัย
“นั่นสิ ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง สามารถกลับมาเดินได้ตามปกติแล้วหรือยัง?”
“ใช่ ๆ สรุปว่าคุณหมอรักษาหายไหม?”
ชาวบ้านอีกหลายคนพร้อมใจกันยิงคำถามออกมารัว ๆ
“เอาล่ะ!”
หญิงสาวยกมือปาดน้ำตา และกวาดตามองชาวบ้านที่ยืนรวมกลุ่มอยู่รอบตัวด้วยความตื่นเต้น “อาการของเขาดีขึ้นมากแล้วค่ะ เรารอให้ครบ 24 ชั่วโมงตามที่คุณหมอบอก แล้วสามีของฉันก็สามารถกลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เขากลับมาหายดีแล้วค่ะ เขากลับมาหายดีแล้ว!”
เมื่อได้รับฟังคำตอบ
กลุ่มชาวบ้านก็ถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง รวมถึงหลี่เคอหมิงด้วยเช่นกัน