เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 85 ปรมาจารย์ด้านแพทย์แผนจีนอยากจะรับซูเย่เป็นลูกศิษย์
- Home
- เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]
- บทที่ 85 ปรมาจารย์ด้านแพทย์แผนจีนอยากจะรับซูเย่เป็นลูกศิษย์
บทที่ 85 ปรมาจารย์ด้านแพทย์แผนจีนอยากจะรับซูเย่เป็นลูกศิษย์
“ปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงอยากจะรับซูเย่เป็นลูกศิษย์งั้นหรือ?”
เมื่อนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางเห็นกระทู้นั้น พวกเขาก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
วันนี้ไม่ใช่วันเอพริลฟูลเดย์สักหน่อย โกหกแบบนี้ใครจะไปเชื่อ!
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจก็คือเจ้าของบัญชีผู้ใช้งานที่มาโพสต์กระทู้นั้น มีเครื่องหมาย “ถูกต้อง” กำกับต่อท้ายชื่อ แสดงว่าผู้โพสต์ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัยนั่นเอง…
เอาแล้วไง!
นั่นหมายความว่าข้อมูลที่อยู่ในกระทู้นี้คือความจริง!
งั้นนี่ก็เป็นข่าวใหญ่เลยนะ!
บรรดานักศึกษาแพทย์แผนจีนที่เห็นกระทู้นี้แทบจะเสียสติแล้ว
นับดูในวงการมีผู้คนมากมายอยากจะฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของฮั่วเหรินเซิง แต่ก็ไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จมาก่อน
“ซูเย่อย่างนั้นหรือ? ไอ้เจ้าซูเย่คนนี้มันเป็นใครมาจากไหนกันนะ?”
“ใช่ซูเย่คนที่เคยแข่งตอบปัญหากับเด็กจากคณะแพทย์แผนจีนหรือเปล่า ที่ตอนหลังเขาเอาชนะได้ด้วยน่ะ?”
“แต่เขาไม่ได้เรียนคณะแพทย์แผนจีนสักหน่อยนะ แล้วปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงจะยอมรับซูเย่เป็นลูกศิษย์ได้ยังไง? ถ้าฉันจำไม่ผิด หมอนั่นเรียนอยู่คณะวิจัยสมุนไพรนี่นา”
“ปัญหาก็คือซูเย่เป็นแค่เด็กปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยไม่ใช่หรือไง ไอ้การที่เขาได้รับการยอมรับจากปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงให้เป็นลูกศิษย์คนใหม่เนี่ย คงทำให้พวกคุณหมอคนใหญ่คนโตในวงการแทบเสียสติกันไปหมดแล้วมั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า”
นักศึกษาจากต่างมหาวิทยาลัยพากันเข้ามาคอมเมนต์อย่างสนุกสนาน
“ตกลงว่าเขาไม่ได้เรียนคณะแพทย์แผนจีนโดยตรงหรอกเหรอ? ทำไมอะ?”
เมื่อนักศึกษาจากคณะแพทย์แผนจีนพิมพ์คอมเมนต์เสร็จ พวกเขาก็รีบแชร์กระทู้นี้เข้ากลุ่มของตนเองทันที
เมื่อเด็กจากคณะแพทย์เห็นข้อความในกระทู้ ความโกลาหลก็ตามมา
การที่ปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีนจะรับลูกศิษย์คนใหม่ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เรื่องที่แปลกจนยอมรับไม่ได้ก็คือ ลูกศิษย์คนใหม่คนนั้นไม่ได้เรียนอยู่ในคณะแพทย์แผนจีนด้วยซ้ำ
ในเวลาเพียงไม่นาน กระทู้เจ้าปัญหาก็ถูกแชร์ส่งต่อกันไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายนักศึกษาทุกคนในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง ต่างก็รับรู้ข่าวนี้อย่างทั่วถึงในเวลาอันรวดเร็ว
ตอนแรกบรรดานักศึกษาต่างก็คิดว่ามันเป็นข่าวปลอม
แต่เมื่อเห็นเครื่องหมาย “ถูกต้อง” ที่กำกับอยู่ด้านหลังชื่อเจ้าของกระทู้
พวกเขาก็ได้รู้ว่ามันคือความจริง
ความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในหัวสมองของทุกคนก็คือ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?
ซูเย่เนี่ยนะ?
ซูเย่ที่ไม่ได้เรียนอยู่ในคณะแพทย์แผนจีน
ซูเย่ที่เพิ่งจะเริ่มไปฝึกพิเศษกับอาจารย์หลี่เคอหมิงได้เพียงไม่นาน
แล้วปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงจะรับเขาเป็นลูกศิษย์คนใหม่ด้วยเหตุผลอะไร?
นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะเกิดความคิดตามมาว่า
เพราะอะไรกัน? ซูเย่มีความเหมาะสมเพียงพอแล้วหรือ?
ทำไมซูเย่ถึงได้กลายเป็นลูกศิษย์คนใหม่?
ทำไมถึงต้องเป็นซูเย่?
ทำไมถึงต้องเป็นเด็กที่ไม่ได้อยู่ในคณะแพทย์แผนจีน?
และยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นข่าวจริง เพราะมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีน จะรับลูกศิษย์คนใหม่เป็นเด็กจากคณะอื่น?
เรียกได้ว่ากระดานข้อความของเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย กลายเป็นพื้นที่ระบายความโกรธแค้นของเด็กจากคณะแพทย์แผนจีนไปโดยปริยาย
ทุกคนโพสต์ข้อความลงไปรัว ๆ ว่า
“ทำไมคนจากคณะแพทย์แผนจีนถึงไม่ได้รับการยอมรับ แต่เด็กจากคณะอื่นกลับได้รับการยอมรับมากกว่าเนี่ยนะ มันยุติธรรมแล้วหรือ?”
“ขนาดเข้าเรียนแพทย์ยังไม่มีปัญญาทำได้ แล้วจะมีคุณสมบัติดีพอได้ยังไง? ทำไมปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงต้องรับเขาเป็นลูกศิษย์ด้วยนะ?”
ในขณะนี้
กระทู้จำนวนมากถูกตั้งขึ้นมาในส่วนที่เป็นบอร์ดข้อความของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง ถ้อยคำเหล่านั้นที่อยู่ในกระทู้เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา และความโกรธแค้น!
โกรธแค้นต่อผู้ที่เป็นปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีน!
การเป็นลูกศิษย์ของฮั่วเหรินเซิง คือความใฝ่ฝันอันสูงสุดของนักศึกษาแพทย์แผนจีนทุกคน!
แล้วจะไม่ให้พวกเขาอิจฉาซูเย่พร้อมกับโกรธแค้นท่านปรมาจารย์ในเวลาเดียวกันได้อย่างไร!
เพราะการได้มีสถานะเป็นลูกศิษย์ของฮั่วเหรินเซิง เปรียบเสมือนมีทางลัดสู่ความสำเร็จในวงการแพทย์แผนจีน
ไม่ต่างจากการเดินทางบนเครื่องบิน ในขณะที่คนอื่น ๆ ต้องขับรถอยู่บนถนน และเผชิญหน้าการจราจรที่ติดขัด!
มันเป็นสิ่งที่นักศึกษาแพทย์แผนจีนทุกคนใฝ่ฝัน ถึงโอกาสจะมีน้อย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
โอกาสยังเปิดกว้างสำหรับผู้ที่มีความพยายามเสมอ
เพียงแต่ผู้ที่คว้าโอกาสนั้นได้สำเร็จ กลับไม่ใช่เด็กจากคณะแพทย์แผนจีน
แล้วโอกาสที่ดีงามเช่นนี้ไปตกอยู่ในมือของเด็กจากต่างคณะได้อย่างไร?
นี่มันยุติธรรมดีแล้วหรือ?
บรรยากาศในบอร์ดข้อความของคณะแพทย์แผนจีนเต็มไปด้วยความร้อนระอุ ส่วนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ต่างก็พร้อมใจกันเข้ามาชมดูการระบายอารมณ์ด้วยความสนุกสนาน
“ปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีนฮั่วเหรินเซิง ผู้เป็นเหมือนศาสดาของแพทย์แผนจีนทั่วประเทศ กำลังจะรับลูกศิษย์คนใหม่ที่ไม่ได้มาจากคณะแพทย์แผนจีนเนี่ยนะ? โอ้โห ไม่มีอะไรน่าเหลือเชื่อไปมากกว่านี้อีกแล้ว!”
เมื่อนักศึกษาต่างมหาวิทยาลัยอ่านใจความในการวิพากษ์วิจารณ์ครั้งนี้จบลง พวกเขาก็นำข่าวนี้ไปเผยแพร่ต่อกลุ่มนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของตนเองทันที
“ฮั่วเหรินเซิงจะรับลูกศิษย์ที่ไม่ได้มาจากคณะแพทย์แผนจีน? คนที่ชื่อซูเย่อะไรนั่นโชคดีชะมัดเลยว่ะ”
“อิจฉาแม่งโว้ย!”
“พอซูเย่ได้รับการประกาศให้เป็นลูกศิษย์ของฮั่วเหรินเซิงอย่างเป็นทางการ ชีวิตหลังจากนี้ของเขาก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเป็นกังวลอีกแล้วสินะ?”
“คนที่ชื่อซูเย่เห็นว่าเพิ่งจะมาสนใจเรื่องการรักษาคนไข้ได้ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่กลับทำให้ฮั่วเหรินเซิงอยากจะรับตัวเป็นลูกศิษย์ได้สำเร็จ หรือว่าจะเป็นพวกยัดเงินใต้โต๊ะหรือเปล่านะ?”
“ไม่น่าใช่ ได้ข่าวว่าพวกคณะแพทย์แผนจีนก็ไม่พอใจเขาเหมือนกัน นี่มันเท่ากับเป็นการตบหน้าแพทย์แผนจีนทั้งประเทศเลยล่ะ รับรองได้ว่าชีวิตของซูเย่หลังจากนี้ ไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุขแน่ ๆ”
หลายคนคอมเมนต์ด้วยความสงสัย หลายคนคอมเมนต์ด้วยความอิจฉาริษยา ในขณะที่อีกหลายคนคอมเมนต์ด้วยความเกลียดชัง!
ขณะนี้บรรยากาศในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย มีความตื่นเต้นคึกคักไม่ต่างจากช่วงเทศกาลตรุษจีนเลยทีเดียว
…
สถาบันดนตรีซิงเหมิง
หอพักหญิง
“พี่จ๋า คนที่ชื่อซูเย่มีข่าวใหญ่อีกแล้วล่ะ!”
ไป๋จือเหยียนที่กำลังไถหน้าจอโทรศัพท์อ่านกระทู้ในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย อยู่ดี ๆ ก็ส่งเสียงตะโกนขึ้นมาด้วยความประหลาดใจสุดขีด
“ข่าวใหญ่อะไรอีกล่ะ?”
ไป๋จือหรานถามกลับไปพร้อมยิ้มกว้าง
“ก็ปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีน กำลังจะรับเขาเป็นลูกศิษย์แล้วน่ะสิ!”
ไป๋จือหรานได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งมาดูหน้าจอโทรศัพท์ของน้องสาวโดยเร็ว
เมื่ออ่านเนื้อหาในกระทู้นั้นแล้ว
เธอก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกตะลึงไม่ได้
“หมอนี่เป็นใครกันแน่นะ?”
ไป๋จือหรานขมวดคิ้วพร้อมกับถามตัวเองอยู่ในใจ
ก่อนหน้านี้ พวกเธอเห็นด้วยตาของตนเองแล้วว่า ถึงแม้ซูเย่จะไม่ใช่นักศึกษาจากสถาบันดนตรี แต่เขากลับสามารถเล่นกีตาร์ และพิณผีผาได้อย่างชำนาญเหมือนมืออาชีพ และขณะนี้แม้เขาจะไม่ใช่นักศึกษาจากคณะแพทย์แผนจีน แต่ก็มีความยอดเยี่ยมเสียจนปรมาจารย์แห่งวงการ อยากจะรับเขาเป็นลูกศิษย์คนใหม่
คนเราจะสามารถเก่งกาจในทุกด้านได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?