เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 109 มีคนตามจีบไป๋จือหราน
บทที่ 109 มีคนตามจีบไป๋จือหราน
ทุกคนมองไปทางหลี่จื้อหงอย่างพร้อมเพรียง ยังคงเป็นคำถามเดียวกับเมื่อวานนี้
มีอะไรจะพูดอีกไหม?
ชาวเน็ตก็ดูใบหน้าของเขาผ่านทางจอโทรศัพท์ และพิมพ์คอมเมนท์ประโยคเดียวกัน ‘มีอะไรจะพูดอีกไหม?’
มีอะไรจะพูดอีกไหม?
สีหน้าของหลี่จื้อหงเริ่มบิดเบี้ยวน่าเกลียด เขายังไม่ไม่อาจยอมรับผลการทดลองครั้งนี้ได้
เขาไม่เชื่อผลการทดลองนี้!
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้! ฉันได้ทำการทดลองอย่างชัดเจนแล้ว และฉันก็มีข้อมูลการทดลองยืนยัน”
“ศาสตร์การแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์เทียม!”
“ทำไม? ทำไมมันเป็นแบบนี้ได้”
หลี่จื้อหงส่ายศีรษะและพูดราวกับคนสติฟั่นเฟือน ความสูญเสียและความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ปกคลุมไปทั่วจิตใจของเขา
ทำไม? ทำไมถึงได้มีความแตกต่างจากผลการทดลองของเขามากขนาดนี้
แพทย์แผนจีนใช้ได้จริงเหรอ? เป็นเขาที่คิดผิดไปแต่แรกงั้นเหรอ… เขาทุ่มเทเวลาครึ่งหนึ่งของชีวิตไปกับสิ่งนี้ แต่มันกลับเปล่าประโยชน์งั้นเหรอ?
“ข้อเท็จจริงสำคัญกว่าคำพูด”
ซูเย่เอ่ยพูดอย่างเฉยชา “อย่าลืมบริจาคเงินนะครับ ชาวเน็ตจับตามองคุณอยู่”
กล้องทุกตัวในลานหันเข้าหาหลี่จื้อหงทันที ผู้ชมหลายคนพิมพ์คอมเมนต์ทักท้วง
‘บริจาคเงิน!’
‘พวกเรากำลังรอดูอยู่นะ’
‘บริจาคด้วยนะ รวมกับของรอบแรก ทั้งหมดเจ็ดล้าน!’
นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตหลายคนเข้าไปหน้าเวยป๋อของหลี่จื้อหง เพื่อคอมเมนต์ให้เขาบริจาคเงิน
“ทุกคนครับ”
ซูเย่เหลือบมองหลี่จื้อหงที่กำลังตะลึงงัน และกล่าวกับนักข่าว
เมื่อเห็นว่าซูเย่กำลังจะพูด กล้องก็ย้ายจากร่างของหลี่จื้อหงไปทางซูเย่ทันที
ซูเย่ยิ้มพลางเอ่ยกับทุกคน
“การทดลองของวันนี้จบลงแล้ว และทุกคนก็เห็นผลสุดท้ายแล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนได้เห็นแล้วว่าแพทย์แผนจีนได้ผลจริงหรือไม่”
“ข้อเท็จจริงสำคัญกว่าคำพูด”
“การสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้ ยินดีต้อนรับทุกคนมาสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีน!”
“หลังจากเรียนแพทย์แผนจีน ครอบครัวของผมก็แข็งแรงตั้งแต่นั้นมา เพื่อนบ้านขอให้ช่วยรักษายามป่วยไข้ สังคมต้องการบุคลากรทางการแพทย์ และชีวิตของเราก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน”
“ที่สำคัญที่สุด ถ้าคะแนนสอบดี อย่าลืมไปสมัครที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง”
ทุกคนในลานของโรงพยาบาลและชาวเน็ตที่กำลังดูผ่านการถ่ายทอดสดต่างตะลึงงัน ไม่มีใครคิดว่าซูเย่จะโฆษณาชวนเชื่อให้ไปเรียนแพทย์แผนจีนในตอนท้าย แต่นี่มัน… สุดยอดมาก!
ซูเย่เหลือบมองหลี่จื้อหงอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยบอกลาทุกคนแล้วหันหลังเดินจากไป
การแข่งขันจบลงแล้ว แต่การถกเถียงของชาวเน็ตยังไม่สิ้นสุดลง
ตอนแรก การถกเถียงว่าแพทย์แผนจีนมีประสิทธิภาพหรือไม่ ไม่ได้ต่างไปจากสงครามน้ำลาย แต่ตอนนี้ มีข้อพิสูจน์ที่แท้จริงออกมาแล้ว ผู้สนับสนุนแพทย์แผนจีนในที่สุดก็ได้พูดอย่างภาคภูมิ
เมื่อก่อนพวกต่อต้านแพทย์แผนจีนกลายเป็นประเด็นที่ทุกคนคิดว่าถูกต้อง แต่หลังจากการพิสูจน์ของซูเย่ พวกเขายังจะพูดอะไรได้อีก?
หัวข้อ #แพทย์แผนจีนได้ผล ขึ้นอันดับการค้นหายอดนิยมทันที
‘พวกแกจะพูดอะไรอีกล่ะ ต่อไปถ้าป่วยอย่าไปหาแพทย์แผนจีนนะ ยึดมั่นในความคิดของตัวเองไปเถอะ!’
‘ใช่ ยึดมั่นไปเองเถอะพวกไม่มีสมอง!’
……
ฝ่ายต่อต้านแพทย์แผนจีน
พวกเขาที่โอ้อวดเกี่ยวกับการทดลองอำพรางทั้งสองฝ่ายของหลี่จื้อหง แต่เวลานี้ถูกซูเย่ตอกหน้าด้วยความสามารถของเขา
“สวะ!”
ในวิลล่าสุดหรู ชายวัยกลางคนที่ไว้หนวดดำแซมขาว ยังคงแต่งตัวดีดูเช่นเคย ตอนนี้เขากำลังอ่านความคิดเห็นบนเวยป๋อ และสาปแช่งหลี่จื้อหงด้วยความโมโห
เขาลงทุนไป 2 ล้านเหรียญ นอกจากจะไม่ทำให้แพทย์แผนจีนเสียชื่อแล้ว ยังช่วยทำให้มีชื่อเสียงมากไปกว่าเดิมอีก!!
นี่มันยกหินทับเท้าตัวเองชัด ๆ
หลี่จื้อหง แกมันไม่ต่างจากเศษสวะ ฉันมองแกผิดไปจริง ๆ
ฉันให้เงินแกไปได้ยังไง! เสียของจริง
“ฮึ!”
……
ซูเย่เดินทางกลับมหาวิทยาลัยพร้อมกับหลี่เคอหมิงโดยมีซูชือและจินฟานติดตามมาด้วย
ก่อนถึงมหาวิทยาลัยหลี่เคอหมิงแยกตัวกลับบ้านก่อน เขาไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ดังนั้นเขาจึงต้องกลับไปรายงาน
ส่วนซูเย่ ซูชือและจินฟานกลับไปที่หอพักด้วยกัน
ทันทีที่เข้าไปในเขตมหาวิทยาลัย สายตาพวกเขาพลันเห็นป้ายห้อยอยู่เต็มทุกด้าน
เมื่อมองตัวอักษรที่อยู่บนนั้น
‘ไป๋จื่อหราน ฉันรักคุณ!’
ประโยคเดียวกันถูกเขียนบนป้ายอันอื่นทุกอัน
“บ้าจริง เราไปกันแค่สองวันเอง นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อมองดูป้ายที่ปรากฏอยู่ทุกที่ ซูชือเอ่ยถามด้วยใบหน้าไม่พอใจ
“ใครกันวะเนี่ย มาสารภาพรักแบบนี้ที่มหาวิทยาลัย”
จินฟานขมวดคิ้วพลางกล่าวขึ้น “ทำไมป้ายเยอะจัง ฉันว่าต้องเป็นพวกลูกคนรวยแน่ ๆ?”
“ไปถามคนอื่นกันเถอะ”
ซูเย่พูดกับรูมเมททั้งสอง
ซูชือจึงโทรไปถามสถานการณ์จากเฉินเซียนเยว่ทันที
ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย ซูชือก็ถามเข้าประเด็นทันที
“เฉินเพื่อนยาก นายรู้ไหมว่าป้ายที่ห้อยทั่วเขตมหาวิทยาลัยคืออะไร”
“พวกนายกลับมาพอดี ฉันเกือบลืมแสดงความยินดีเลย ลูกพี่ซูยอดเยี่ยมมาก!”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องไร้สาระ ป้ายพวกนี้คืออะไร”
“เป็นลูกเศรษฐีจากนอกมหาวิทยาลัย มาตามจีบไป๋จือหราน กุนซือคนสวยของเราถูกดักรอที่หน้าหอออกไปไหนไม่ได้เลย ตอนนี้ฉันกำลังรวบรวมคนในกลุ่มเราไปช่วย พวกนายจะไปแจมด้วยกันไหม”
“บัดซบ มันกล้ามาดักรอคนของเรา ไม่กลัวตายสินะ เดี๋ยวฉันไป!”
เมื่อซูชือได้ยินเรื่องราวจากอีกฝ่าย เขาก็เลือดขึ้นหน้าทันที
“รอก่อนนะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
ไป๋จือหรานคือคนที่แกอยากจีบก็จีบได้รึไง ยังกล้ามาดักถึงหน้าประตูหอพักหญิง! นี่มันเกินไปแล้ว!
ซูชือมองซูเย่และจินฟาน
“พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”
ซูเย่เอ่ยตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ทั้งสามรีบรุดไปทางสถาบันดนตรีซิงเหมิงอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงสถาบันดนตรีซิงเหมิง หลังจากเดินไปได้ครู่หนึ่ง ทั้งสามคนก็เห็นหอพักหญิงชั้นล่างจากระยะไกลที่มีคนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันอยู่
ทั้งสามมองหน้ากันและเร่งความเร็วในทันที ไม่นานก็มาถึงหอพักหญิงชั้นล่าง
เดินผ่านกลุ่มคนที่มามุงดู
ซูเย่เห็นรถหรูคันหนึ่งที่ปกติแล้วคงไม่มาปรากฏที่หน้าหอพักนักศึกษาแบบนี้แน่ ในพื้นลานกว้างข้าง ๆ รถหรู มีดอกกุหลาบสีแดงอัดแน่นและลูกโป่งรูปหัวใจจำนวนมาก . . .
พื้นที่กว้างตรงนี้กลายเป็นจัตุรัสที่ประดับตกแต่งอย่างโรแมนติกเหลือแสน
ผู้ที่ยืนอยู่ท่ามกลางลูกโป่งและดอกไม้ คือชายหนุ่มผมยาวพอประมาณในชุดสูทสีขาว ใบหน้าของเขาธรรมดามาก ไม่สูง แต่ดูผอมเหมือนคนติดโรค… เขาถือช่อดอกไม้รูปหัวใจขนาดใหญ่ไว้ในมือ ยืนอยู่ท่ามกลางฉากแสนโรแมนติก มองขึ้นไปที่หอพักชั้นสามของไป๋จือหราน
“ไป๋จือหราน ฉันชอบเธอนะ เป็นแฟนฉันเถอะ!”
“ฉันตกหลุมรักเธอตั้งแต่วินาทีที่ฉันเห็นเธอในเกม Fantasy Dream ! เป็นแฟนกับฉัน ฉันจะให้เธออยู่อย่างสุขสบายที่สุด ตราบใดที่เป็นของบนโลกนี้ ฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ”
ชายหนุ่มตะโกนสารภาพรักโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างเลย เขารู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกคนที่กำลังอยู่ในลานกว้าง
เมื่อเห็นใครบางคนสารภาพรักกับไป๋จือหราน ซูเย่พลันเกิดอาการรู้สึกแปลก ๆ ในใจด้วยเหตุผลบางอย่าง ความรู้สึกนั่นทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ว้าว ลูกเศรษฐีนี่น่า”
“รถหรูนี่น่าจะราคาเป็นสิบล้านได้เลยนะเนี่ย”
“ตอบตกลง!”
“ตอบตกลง!”
หญิงสาวหลายคนที่ล้อมดูอยู่ตะโกนอย่างอิจฉาพลางปรบมือเชียร์
แต่ตอนนี้ พวกคนในกลุ่มที่มาช่วยได้มาถึงที่เกิดเหตุแล้ว พวกเขาก็เลยเดินเข้าไปทันทีโดยไม่รอช้า
“ตกลงบ้าอะไร!”
“อย่ามายุ่ง!”
“สัญญากับผีน่ะสิ หยุดพูดไปเลยนะ!”
ภายใต้การกีดขวางของพวกเขา ทุกคนโดยรอบเงียบเสียงลงทันที
“ตกลงบ้านเตี่ยแกน่ะสิ!”
ในขณะนั้นก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น เป็นไป๋จือเหยียน
ทุกคนมองขึ้นไป
ไป๋จือเหยียนยืนอยู่บนระเบียงหอพัก สาดน้ำเย็นในกะละมังใส่ลูกเศรษฐีที่กำลังสารภาพรักอยู่ด้านล่างหอ
“หือ~”
ชายหนุ่มก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วและหลบน้ำที่เทลงมาได้พอดี
“ฮ่าฮ่า..”
แทนที่จะโกรธ เขากลับหัวเราะและตะโกนเสียงดัง “คุณน้องแฟน อย่าว่าแต่โดนน้ำสาดเลย แม้ว่าจะเป็นมีดบิน ฉันก็ชอบพี่สาวของเธออยู่ดี ไป๋จือหราน ฉันรักเธอ!”
ทันใดนั้นกลุ่มหน่วยรักษาความปลอดภัยก็เดินมาอย่างรวดเร็ว
“คุณทำอะไรน่ะ”
“ที่นี่คือเขตสถานศึกษา อย่ามาทำตัววุ่นวายที่นี่ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเดินเข้ามา เมื่อเห็นฉากที่เต็มไปด้วยลูกโป่งและดอกไม้มากมายก็ผงะไป ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวไปข้างหน้าต่อ เพราะมันเป็นหน้าที่ของเขา
ชายหนุ่มชุดขาวไม่สนใจคุยกับหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย เขายังคงตะโกนสารภาพรักต่อไปโดยไม่มองไปที่หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยแม้แต่น้อย
“ที่นี่คือเขตสถานศึกษา และนี่คือหอพักหญิง ผมไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาสร้างปัญหาได้!”
หน่วยรักษาความปลอดภัยคนอื่น ๆ มองหน้ากันแล้วเดินตามหัวหน้าขึ้นไป
หากเป็นวันอื่น พวกเขาพูดสองสามคำก็เดินจากไปแล้ว แต่วันนี้ มีนักศึกษาหลายคนมุ่งดูอยู่ที่นี่ ถ้าพวกเขาเดินไปโดยไม่สนใจ มันคงเสียศักดิ์ศรีเกินไป
ลูกเศรษฐีชุดขาวคนนั้นมองพวกเขาอย่างเย็นชา และยังคงตะโกนสารภาพรักไม่หยุด
เมื่อหัวหน้าหน่วยรปภ. เห็นดังนั้น จึงโทรไปถามทางหน่วยธุรการ ซึ่งพวกเขาก็ได้รับคำตอบให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ จึงได้เตรียมเคลียร์ที่เกิดเหตุ และคิดใช้กำลังนำคนออกไปทันที
จากนั้นในขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเตะเท้าลงไปบนดอกกุหลาบที่วางอยู่บนพื้น ลูกเศรษฐีพลันหันศีรษะมาอย่างรวดเร็วและมองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
“ใครอนุญาตให้แกแตะดอกไม้ของฉัน!”
ลูกคนรวยจ้องไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างโมโหและตะคอกใส่อีกฝ่าย “ดูหน้าฉันให้ดี ว่าฉันเป็นใคร แล้วไสหัวไปจากที่นี่!”
“ผมทำตามหน้าที่ คุณนั่นแหละที่ต้องออกไปเดี๋ยวนี้”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยพูด เอื้อมมือไปจับอีกฝ่าย และเตรียมทำการเชิญอีกฝ่ายให้ออกไป
เห็นดังนั้น มุมปากของลูกเศรษฐียกยิ้มเย้ยหยัน ในตอนที่มือของหัวหน้าหน่วยรปภ. กำลังจะแตะตัวเขา….
ลูกเศรษฐีได้ผลักอีกฝ่ายออกไปก่อน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงลื่นล้มถอยกลับไปทันที!
“พลั่ก!”
และบังเอิญถอยไปชนกับรถยนต์สุดหรูของอีกฝ่าย ทำให้รถคันดังกล่าวส่งเสียงแผดร้องไปทั่วบริเวณ
สีหน้าของหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเปลี่ยนไปอย่างมาก ด้วยไม่รู้ว่าเขาลื่นล้มได้อย่างไร
“แกกล้าดียังไงที่ไปชนรถของฉัน”
เมื่อลูกเศรษฐีเห็นดังนั้น เขาก็ยกยิ้มเยาะเย้ยทันที “แกรู้ไหมว่ารถของฉันมีราคาเท่าไหร่ 8 ล้าน! แกทุบรถของฉันจนบุบลงไปขนาดนี้ ฉันจะบอกให้เอาบุญนะ อย่างน้อยค่าซ่อมก็ห้าแสนแล้ว!”
“ผะ ผมไม่ได้ทุบรถนะ ”
เมื่อได้ยินจำนวนเงินห้าแสน หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยพลันตื่นตระหนก ตัวเขามีรายได้เพียงสามพันหยวนต่อเดือน เขาจะเอาเงินที่ไหนไปชดเชย
ซูเย่หรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเห็นชัดเจนว่าลูกเศรษฐีคนนั้นใช้พลังปราณตอนหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย!
เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ แต่ใช้พลังปราณกับคนธรรมดา?