เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 18 ท้าชิงตำแหน่งผู้ชนะ
บทที่ 18 ท้าชิงตำแหน่งผู้ชนะ
“ขอวอนเทพยดาปลุกระดม ส่งอัจฉริยบุคคลทลายกรอบเดิม” ซูเย่เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม
สำนวน: ทำลายกรอบเดิม
หนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน 5 คน มีคนที่ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าซูเย่จะตอบบทกลอนที่เขาคิดเอาไว้ และเมื่อวนไปถึงผู้เข้าแข่งขันคนที่ 5 เขายืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายหมดเวลาจึงทำได้เพียงถอนหายใจ
….ในที่สุดก็มีผู้เข้าแข่งขันหนึ่งคนตกรอบแล้ว!
“ต่อไป” พิธีกรกล่าว
สายตาของผู้คนจับจ้องไปยังซูเย่ วนรอบมาที่เขาอีกแล้ว
“ฟ้าดินกลับตาลปัตรผู้ใดเล่าจักรู้ ยามนี้ชมดูดาวลูกไก่จากทิศใต้” ซูเย่เอ่ยตอบทันที
สำนวน: ฟ้าดินกลับตาลปัตร
ในผู้เข้าแข่งขันที่เหลือมีคนมุ่นคิ้วอีกครั้ง บทที่เขาเตรียมคิดไว้ถูกซูเย่ท่องออกมาแล้ว…
ในรอบที่ห้า มีคนตกรอบอีกหนึ่งคน ตอนนี้ยังเหลือผู้เข้าแข่งขันสามคนและตัวซูเย่เองรวมเป็นสี่คน
รอบที่หก “จุดยุทธศาสตร์อันประเสริฐ ส่งราชโอรสไปเยือนเมืองเก่าจินหลิง”
สำนวน: จุดยุทธศาสตร์อันประเสริฐ
ซูเย่เอ่ยตอบอย่างง่ายดาย
รอบที่เจ็ด “ทุกปีแย้มยิ้มต้อนรับ สารทฤดูผันผ่านวสันต์เยือน”
สำนวน: สารทฤดูผันผ่านวสันต์เยือน
รอบที่เจ็ดมีคนตกรอบสองคน ตอนนี้บนเวทีเหลือเพียงสองคน
รอบที่แปด
ในตอนนี้บทกลอนที่มีสำนวนด้วยต่างท่องออกมาไม่น้อยแล้ว ที่พอจะนึกออกก็เหลือเพียงน้อยนิด จ้าวเหมียนที่อยู่ล่างเวทีจดจ้องไปทางซูเย่ เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าซูเย่จะเข้ารอบมาได้ไกลขนาดนี้แล้วยังมีท่าทีสบาย ๆ อีก
“พ่อหนุ่มคนนี้มีแววว่าจะได้เป็นผู้ชนะนะ”
เฉินหลี่ซ่างมองไปทางซูเย่ คิดอยู่ครู่หนึ่งก็บอกให้ตากล้องซูมซูเย่ไว้หลาย ๆ มุม เจ้าหนุ่มคนนี้อาจจะมีเรื่องทำให้เขาได้ประหลาดใจ ผู้ชมทุกคนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จึงล็อกสายตาไว้บนร่างของซูเย่
บนเวทีแสงไฟส่องสว่างไสว ประกอบกับเสียงจังหวะดนตรีเร้าใจ
พิธีกรกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทันที “ตอนนี้ บนเวทีเหลือเพียงสองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือผู้ท้าชิงของพวกเรา นักศึกษาซูเย่ อีกคนหนึ่งคือฝานเหวินจวิ้นท่ามกลางผู้เข้าแข่งขันหนึ่งร้อยเหลือเพียงเธอคนเดียว”
“ใครจะได้เป็นผู้ชนะในค่ำคืนนี้กันแน่ พวกเราไปรับชมกันต่อเลยค่ะ!”
“เริ่มการแข่งขันต่อ!”
เมื่อกล่าวจบเธอก็มองไปยังซูเย่
“ร่ำสุราฟังเสียงขับร้องเมามายหลับใหล หากมิใช่ดอกไม้นวลใต้แสงจันทร์” ซูเย่เอ่ยตอบ
“ค้อมกายคุกเข่าประจบคนโต มองความยุติธรรมเป็นเรื่องวิปลาส” ฝานเหวินจวิ้นตอบอย่างรวดเร็ว
“รับความโปรดปรานไม่เสื่อมคลาย ราชรถแดงชาดตีกลองส่งเข้าออกวัง”
“อัญมณีทองพันแท่งใช้จนสิ้น บ้านเรือนสิ้นไม่รู้ความ”
“ปณิธานยังไม่สำเร็จจำต้องจาก บ้านเกิดกางกั้นด้วยหมื่นขุนเขา”
…….
ทั้งสองคนผลัดกันท่องกลอนไปมา การแข่งขันดำเนินไปอย่างเข้มข้น ผู้ชมล่างเวทีต่างรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย ในตอนที่ทั้งสองคนท่องกลอนออกมาได้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะปรบมืออย่างตื่นเต้น
การแข่งขันดำเนินต่อไปอีกสองนาที ความเร็วของฝานเหวินจวิ้นเริ่มช้าลงเรื่อย ๆ สีหน้าพลันเริ่มตื่นตระหนก ตอนนี้เธอเริ่มนึกไม่ออกแล้ว และเธอยังรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก คู่แข่งของเธอดูเหมือนจะท่องกลอนที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก ซึ่งหมายความว่า ในสมองของอีกฝ่ายมีคลังบทกลอนมากกว่าเธอ!
วนมาที่ซูเย่อีกครั้ง
“หน้าน้องนางมิรู้ไปที่ใดแล้ว แต่ดอกท้อแดงยังคงพริ้วไหวรับลม”
สำนวน: หน้าน้องนางราวดอกท้อแดง
ทุกคนผงะไป สำนวนนี้เคยพูดออกมาแล้ว วินาทีต่อมาทุกคนก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่กลอนบทนี้
พิธีกรก็ยืนยันว่าไม่ซ้ำ แล้วก็หันไปมองคู่แข่งของซูเย่ ฝานเหวินจวิ้น
ฝานเหวินจวิ้นหยุดชะงักไป ต่างจากก่อนหน้านี้ที่พูดตอบได้ทันที ใบหน้าของเธอพลันลุกลี้ลุกลน ดวงตากรอกมองไปมาขณะใช้ความคิด บนหน้าจอเริ่มนับเวลาถอยหลัง เวลาเพียง 10 วินาที ผ่านไปแล้ว 5 วินาที!
ฝานเหวินจวิ้นกำมือแน่น แล้วทุบเบา ๆ ที่หน้าอก เท้าของเธอก็เริ่มเดินวนเป็นก้าวเล็ก ๆ เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังประหม่า
“ผ่อนคลายก่อนนะคะ ถ้ายิ่งตื่นเต้นจะยิ่งคิดไม่ออก” พิธีกรเอ่ยเตือนสติ ฝานเหวินจวิ้นจึงสูดลมหายใจเข้าเพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
เวลาที่นับถอยหลังบนหน้าจอ เหลืออีกเพียงสามวินาที ในวินาทีสุดท้าย ฝานเหวินจวิ้นก็ยิ้มขมขื่นพลางส่ายหัว ร่างกายของเธอก็ผ่อนคลายลงทันที เธอแพ้แล้ว…
วินาทีถัดมาไฟบนเวทีก็กระพริบไปมา เพลงที่น่าตื่นเต้นเร้าใจพลันดังขึ้นในเวลาเดียวกัน เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นจึงเข้าใจทันทีผู้ชนะแห่งค่ำคืนนี้ถือกำเนิดแล้ว!
“ยินดีด้วยค่ะ นักศึกษาซูเย่ ที่ได้เป็นผู้ชนะของเราในคืนนี้!” พิธีกรประกาศเสียงดัง
“สุดยอดไปเลย!”
จ้าวเหมียนที่นั่งอยู่ในกลุ่มผู้ชมโบกมือไปมา พร้อมกับร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น ในช่วงสองนาทีสุดท้ายของการแข่งขันได้จุดประกายให้เขาจริง ๆ ! ซูเย่ทำได้ดีมาก ผู้เข้าแข่งขันอนาคตหมอจีน กลายเป็นผู้ชนะของรายการชุมนุมวิชาการ!!
“ในขณะเดียวกัน ฉันก็อยากจะขอบคุณผู้เข้าแข่งขันของเรา ฝานเหวินจวิ้น” ฝานเหวินจวิ้นยิ้มอย่างขมขื่นพลางส่ายหัว แล้วค้อมกายให้ผู้ชมและกล้อง จากนั้นหันหลังเดินลงจากเวที
“ซูเย่ คุณได้เป็นผู้ชนะในคืนนี้ ไม่ทราบว่าคุณมีความรู้สึกอย่างไรบ้างคะ?”
พิธีกรเดินไปทางซูเย่พลางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม “ก่อนมาเข้าร่วมรายการ เคยคิดว่าตัวเองจะชนะบ้างไหมคะ?”
“บอกตามตรงเลยนะครับ ไม่เคยคิดมาก่อนเลย” ซูเย่ส่ายศีรษะพลางกล่าว “ผมมาเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีน จึงมารายการนี้อย่างกะทันหัน แต่เดิมก็แค่อยากมาผ่อนคลายสักหน่อยเท่านั้นเองครับ”
ผ่อนคลาย ? กล้าพูดออกมาได้… คนที่ได้ตำแหน่งชนะไปบอกว่ามาผ่อนคลาย ? คิดว่าเก๊กโชว์หล่อหรือไง!
ผู้เข้าแข่งขัน 100 ที่ถูกคัดออกต่างสบถออกมาในใจ แต่ผู้ชมกลับหัวเราะชอบใจพลางปรบมือ
การแสดงของซูเย่บนเวทีนั้นสมบูรณ์แบบเกินไป ความสงบและความมั่นใจในตนเองนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นคนมากความสามารถ!
พิธีกรก็ผงะเล็กน้อย นักศึกษาคนนี้พูดตรงไปตรงมาดีจริงๆ ทันใดนั้นพิธีกรสาวก็กล่าวด้วยรอยยิ้มขี้เล่น “ดูเหมือนว่าคุณจะมั่นใจในตัวเองมาก”
“ความมั่นใจเป็นสิ่งจำเป็นครับ” ซูเย่ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ” พิธีกรพยักหน้าอย่างพอใจแล้วกล่าวต่อทันที “ถึงแม้ว่าผู้ชนะค่ำคืนนี้ได้กำเนิดขึ้นแล้ว แต่รายการของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ อันดับต่อไปยังคงมีความท้าทายรอคุณอยู่ คุณพร้อมที่จะรับคำท้าไหมคะ”
ยังมีอีกเหรอ ?
ซูเย่ผงะไปเล็กน้อย
เขาไม่รู้ขั้นตอนการดำเนินรายการทั้งหมดมาก่อน จึงคิดว่ารายการควรจะจบลงหลังจากที่เป็นผู้ชนะแล้ว แต่กลับยังมีความท้าทายรออยู่อีก!
จ้าวเหมียนมองไปที่เฉินหลี่ซ่างอย่างรวดเร็ว และที่อีกฝ่ายทำก็เพียงพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างจนปัญญา
“วันนี้เป็นตอนพิเศษไง ฉันก็เลยอยากเลือกสุดยอดผู้ชนะ”
“ถ้าอย่างนั้นแกก็พูดบอกกันก่อนสิ!”
เฉินหลี่ซ่างหมดหนทาง อันที่จริง เขาไม่คิดว่านักศึกษาแพทย์แผนจีนที่มาเข้าร่วมการแข่งขันจะเก่งและได้ตำแหน่งผู้ชนะไปครอง ตอนนั้นเขาเลยไม่ได้บอก
“อย่ากังวลไปเลยน่า บางทีเขาอาจจะชนะก็ได้! แบบนั้นก็ยิ่งดีต่อรายการของนายไม่ใช่เหรอ!”
“ไร้สาระ! ถ้าเขาแพ้ ชื่อเสียงทีได้จากการเป็นผู้ชนะในคืนนี้ก็จะหายไปด้วยน่ะสิ! จะให้ฉันไปประชาสัมพันธ์ว่าผู้ชนะในรอบนี้เอาชนะผู้ชนะจากซีซันอื่นไม่ได้งั้นเหรอ?”
จ้าวเหมียนกล่าวอย่างหดหู่ เขาทำได้เพียงหวังว่าซูเย่จะชนะ
….แต่อีกฝ่ายจะชนะได้จริงหรือ ?
เฉินหลี่ชางทำได้เพียงยิ้มรับหน้าไป
พิธีกรบนเวทีเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “วันนี้เป็นโปรแกรมพิเศษสำหรับเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ต่อไปสิ่งที่คุณจะเผชิญไม่ใช่ผู้ท้าชิงหรือผู้เข้าแข่งขันอีกต่อไป แต่เป็นผู้ชนะจากแปดซีซันก่อนหน้านี้ เพื่อตัดสินว่าใครจะได้เป็นสุดยอดผู้ชนะ!”
การประชันสุดยอดผู้ชนะ ?
ผู้ชมที่คิดว่ากำลังจะจบลงแล้วพลันเริ่มรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง
“คุณยังมีความมั่นใจอยู่ไหมคะ”
พิธีกรเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนครับ” ซูเย่พยักหน้า
“ยอดเยี่ยม!” พิธีกรยิ้มและพยักหน้า จากนั้นก็ผายมือไปทางผู้ชนะจากซีซันก่อนหน้าทุกคน “ขอต้อนรับผู้ชนะจากซีซันก่อนหน้าทั้งแปดของเรา! พวกเขาคือ…”
“ผู้ชนะจากซีซันแรก คุณหลิวซือหยาง ผู้ชนะจากซีซันที่สอง คุณจางเหิง ผู้ชนะจากซีซันที่สาม คุณหลี่เจิ้งเหลียง…”
…..
ขณะที่พิธีกรกล่าวแนะนำ เสียงปรบมือจากผู้ชมก็ดังขึ้นต้อนรับคนทั้งแปดให้ก้าวขึ้นมาบนเวทีทีละคน ทุกคนมีรอยยิ้มที่มั่นใจประดับบนใบหน้าของพวกเขา
“ต่อไป… คือการแข่งขันคัดเลือกสุดยอดผู้ชนะ!”
พิธีกรประกาศเสียงดัง
“ก่อนอื่นขอประกาศกฎการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งสุดยอดผู้ชนะของเราก่อนเลยนะคะ แนวทางของการแข่งยังคงเป็นเกมเฟยฮวาลิ่งเช่นเดิม แต่ความแตกต่างคือ… นี่คือเฟยฮวาลิ่ง π (ค่าพาย)!”
“เฟยฮวาลิ่งค่าพายคืออะไร?”
“มันง่ายมากเลยค่ะ ตามลำดับตัวเลข π (ค่าพาย) ให้พูดบทกวีที่มีตัวเลขตัวนั้น ซึ่งในระหว่างการแข่ง เราจะแสดงตัวเลขบนหน้าจอใหญ่ ผู้ตอบต้องอ่านตัวเลขที่ปรากฏก่อนแล้วจึงท่องบทกลอน ผู้ตอบผิดจะถูกตัดสิทธิ์ทันที และผู้ตอบลำดับถัดไปจะต้องตอบกลอนที่มีตัวเลขตัวนั้นแทน”
เมื่อฟังกฎนี้ ผู้ชมก็แตกตื่นทันที บ้าจริง! เฟยฮวาลิ่งเล่นแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ?
“มันยากเกินไปไหม ?”
“นี่เป็นการทดสอบจำนวนคลังบทกวีและความสามารถในการตอบสนอง เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคิดล่วงหน้าได้ เว้นแต่พวกเขาจะจำได้ว่า π (ค่าพาย) ตัวถัดไปคืออะไร!”
บนเวที ผู้เข้าแข่งขันทั้งเก้าคนรวมถึงซูเย่ก็ตกใจเช่นกัน เขาไม่ได้คาดคิดว่าเฟยฮวาลิ่งจะเล่นแบบนี้ได้ด้วย!
“ทุกคน มั่นใจไหมคะ ?” พิธีกรเอ่ยถาม
ทั้งเก้าคนพยักหน้าทันที
“ทุกคนพร้อมหรือยังคะ ?!” พิธีกรถามย้ำอีกครั้ง
ทุกคนพยักหน้าอีกครั้ง
“โอเคค่ะ”
“ฉันขอประกาศว่าการประชันสุดยอดผู้ชนะได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!!”
“จากผู้ท้าชิงของคืนนี้ ซูเย่ เริ่มก่อน!”
ทันทีที่กล่าวจบ สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ซูเย่
บนหน้าจอปรากฏเลขสาม
“สาม”
ซูเย่เอ่ยขึ้นทันที “โฉมสะคราญสามพันในวังหลัง ความรักล้ำมีให้นางเพียงผู้เดียว”
“หนึ่ง”
“ร่วมขับขานลำนำหนึ่งบทนี้ สหายเอยจงสดับตรับฟัง”
“สี่”
“ยากเย็นแสนเข็ญแตกฉานตำรา สงครามครานี้โดดเดี่ยวถึงสี่ปี”
“หนึ่ง”
“ลมวสันต์พัดพาค่ำคืนนี้ ดอกสาลี่พลันบานสะพรั่งหนึ่งหมื่นต้น”
“ห้า”
“ภูเขาหิมะในเดือนห้า ไร้ผกามีเพียงลมเย็นเยียบ”
“เก้า”
“เก้าเดือนเก้าขึ้นเขาสูงมองหาภูมิลำเนา งานเลี้ยงเขาเราดื่มเหล้าในต่างถิ่น”
“สอง”
“ใบหลิ่วผู้ใดตัดแต่งมิอาจรู้ ลมฤดูวสันต์เดือนสองใช่หรือไม่”
“หก”
“เบื้องบนมีเขาสูงบังราชรถมังกรทั้งหก เบื้องล่างมีสายน้ำคดเคี้ยวเชียวกราก”
“ห้า”
“ม้าห้าลาย อาภรณ์ชั้นดี นำไปแลกเป็นสุรารสเลิศ ร่วมร่ำสุรากับเจ้าระบายความทุกข์ใจ”
ในรอบแรกนี้ความเร็วการตอบรวมเร็วมาก เพราะตั้งแต่ตอนที่พิธีกรประกาศกติกา ทุกคนก็พยายามนึก π (ค่าเลขพาย) ตามลำดับของตัวเอง และนึกถึงบทกวีที่ควรตอบเอาไว้แต่เนิ่น ๆ
ทว่าทุกคนต่างรู้ดีว่าเมื่อรอบที่สองเริ่มขึ้น… ระดับความยากจะเพิ่มมากขึ้น!
เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะจำ π (ค่าเลขพาย) เพียงแค่หลักที่เจ็ดหลังจุดทศนิยมเท่านั้น ส่วนในรอบหลัง ๆ จะเป็นการทดสอบความเร็วในตอบสนองและความรู้ที่มีอยู่ในสมอง!
รอบที่สองเริ่มขึ้นแล้ว
“สาม”
ซูเย่ยิ้มพลางพูดตัวเลข ตามด้วยกลอนทันที “ดวงดาราเจ็ดแปดดวงเหนือนภา หน้าภูผามีฝนโปรยปรายสองสามหยด”
เวร! กลอนที่มีตัวเลขเยอะขนาดนี้ แกพูดแล้วฉันจะพูดอะไรได้อีก! ทุกคนต่างเริ่มไม่สบายใจ
“ห้า”
“แปด”
“เก้า”
……
ทุกคนยังสามารถตอบออกมาได้ จึงยังไม่มีใครตกรอบ
“แปด”
วนมาถึงซูเย่อีกครั้ง ซูเย่ก็ยังคงตอบด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้ม
“ที่พำนักวัดดูมีสิบหมู่ กระท่อมดูแล้วไม่แคล้วแปดเก้าห้อง”
มีเลขสองตัวอีกแล้ว…
“สี่”
“หก”
รอบที่สาม รอบที่สี่ รอบที่ห้า…
จำนวนรอบที่มากขึ้นเรื่อย ๆ บรรยากาศก็ยิ่งตึงเครียด เช่นเดียวกับความเร็วในการตอบของทุกคนที่เริ่มช้าลงเรื่อย ๆ
รอบที่หก รอบที่เจ็ด
ในรอบที่แปดผู้ชนะจากซีซันที่แปด หยุดชะงักอยู่ที่เลขเก้า สุดท้ายก็ส่ายหัวพลางถอนหายใจแล้วเดินลงเวที
เมื่อมีคนตกรอบ สถานการณ์บนเวทีพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย บนใบหน้าผู้เข้าแข่งขันที่เหลือต่างเริ่มตึงเครียด
“เก้า”
เลขเก้าถูกส่งต่อไปยังคนถัดไปซึ่งก็คือซูเย่ทันที “บุตรชายคนที่สาม หน้าตารูปร่างไร้ที่ติ อายุเพิ่งสิบแปดสิบเก้า ความสามารถมากล้ำ”
ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น “…”
มีตัวเลขสามตัว…แต่แล้วไง ? ท่อง ‘นกยูงล่องอาคเนย์’ ได้แล้วเก่งนักหรือไง ?
การแข่งขันดำเนินต่อไป รอบที่เก้ามีคนตกรอบหนึ่งคน
รอบที่สิบเอ็ด ตกรอบหนึ่งคน
รอบที่สิบสอง ตกรอบไปอีกหนึ่ง
รอบที่สิบเจ็ด… จนถึงรอบที่ยี่สิบ มีคนตกรอบไปแล้วทั้งหมด 7 คน ตอนนี้เหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น หนึ่งคือซูเย่ และยังมีชายหนุ่มที่สวมฮั่นฝูสีคราม เขาคือหลี่เจิ้งเลี่ยง!
“เลขพายลำดับต่อไป”
“เก้า”
ทันทีที่พิธีกรพูดจบ บรรยากาศในห้องส่งก็เริ่มตึงเครียดอีกครั้ง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ซูเย่ ครั้งนี้เป็นเลขเก้าอีกแล้ว เขาจะยังตอบได้หรือไม่?