เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 2 รวมตัวใช้ค่ายกลรวบรวมปราณ!
บทที่ 2 รวมตัวใช้ค่ายกลรวบรวมปราณ!
มาหาเรื่องถึงถิ่นเลยรึ!
“ไป จัดการพวกมัน” ต่งเปียว ลูกพี่ของพวกมันสะบัดบุหรี่ในปากทิ้ง หยิบไม้บิลเลียดขึ้น
คนในห้องบิลเลียดทั้งหมดรวมกลุ่มกัน
70 กว่าคนต่างรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ผลั่ก! ผลั่ก!
แม้จะมีอาวุธ แต่ว่าคนเหล่านี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ได้อย่างไร?!
แต่ละคนออกกระบวนท่า
เพียงแค่สองนาที ร้อยกว่าคนก็ล้มลุกคลุกคลานบนพื้น
ต่งเปียวที่อยู่หลังสุดกำไม้บิดเลียดในมือแน่น มองฉากที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าจนลูกตาแทบถลนออกมานอกเบ้า
อะไรกันวะ?
นี่มันถิ่นของพวกเขา….
จะถูกกลุ่มเด็กไม่กี่คนกวาดล้างได้ยังไง?
พวกมันเป็นใครกันแน่?
สายตามองซูเย่เดินเข้ามา ทุกคนมองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ต่งเปียวกำไม้บิลเลียดในมือของเขาแน่น กลืนน้ำลายลง บังคับให้ตัวเองสงบนิ่ง แต่เสียงคร่ำครวญอันเจ็บปวดของลูกน้องที่นอนโอดโอยบนพื้นทำให้ไม่สามารถสงบลงได้เลย
เขาจึงรีบควักโทรศัพท์ต่อสาย 110!
พวกเขาเป็นแก๊งใต้ดิน ในยามปกติ ไม่ว่าจะไปต่อยตีมีเรื่องที่ไหนก็ไม่มีใครกล้าขัด คนที่ถูกพวกเขารังแกก็ไม่มีใครกล้าแจ้งความ
เขาไม่เคยคิดเลยว่ากาลเวลาผันผ่าน วันนี้ตัวเองกลับกลายเป็นฝ่ายโทรหาตำรวจ!!
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายโทรหาตำรวจ ซูเย่ก็ตะลึกเล็กน้อย “พอดีเลย จะได้ไม่ต้องโทร”
รออีกฝ่ายวางสาย ก็เตะมันกระเด็นออกไปกระแทกลงบนพื้นอย่างแรงจนคลานลุกขึ้นมาไม่ได้ไปชั่วครู่
“พวกนายกลับมหาวิทยาลันกันก่อน ที่นี่ฉันจัดการเอง” ซูเย่หันไปพูดกับทุกคน
ทุกคนต่างส่ายหน้า ในเมื่อก่อเรื่องด้วยกัน จะให้รับผิดชอบแค่คนเดียวได้ยังไง
ต้องรับผิดชอบด้วยกันสิ!
ซูเย่แย้มยิ้ม
หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วต่อสายหาหวังห่าว
หวังห่าวได้ฟังเรื่องราวก็ตกใจทันที เจ้าเด็กเวรพวกนี้ไปมีเรื่องอีกแล้ว!
ยังไม่ทันได้ชนที่ทำได้ดีในเกม ตอนนี้ก็ไปมีเรื่องกันเสียแล้ว!!
พลันรีบกำชับหนักแน่น “เดี๋ยวจะมีตำรวจไป อย่าไปต่อยตำรวจล่ะ!”
ไม่นานตำรวจก็มาถึงพร้อมกับรถตำรวจอีกสิบกว่าคัน
เมื่อเห็นว่าแก๊งใต้ดินที่โด่งดังที่สุดในพื้นที่นั้น ถูกตีหมอบลงบนพื้นโดยนักศึกษา 70 กว่าคน ตำรวจทุกคนที่มาก็มองฉากที่ปรากฏเบื้องหน้าอย่างตะลึงงัน
เกิดอะไรขึ้น? แก๊งใต้ดินร้อยกว่าคนถูกกลุ่มนักศึกษาถล่มราบ?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เมื่อตำรวจมา คนทั้ง 70 คนไม่มีใครหนีออกไปก่อน ทุกสิ่งนี้ปรากฏเข้าสู่สายตาของซูเย่อย่างชัดเจน
ดีมาก ผ่านการทดสอบจริง ๆ แล้ว
ก่อนที่เขาจะเริ่ม เขาได้คิดเรื่องราวเอาไว้ดีแล้ว
เขาตั้งใจไม่หลบไปทันทีเพราะอยากรู้ว่าทุกคนเต็มใจที่จะรับผิดชอบร่วมกันหรือไม่
เขาคิดว่าดีแล้ว พอมีเรื่องเสร็จก็ขอให้หวังห่าวช่วยตามเช็ดล้างให้ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่หวังห่าวจะเพิกเฉยต่อพวกเขา และเหตุการณ์นี้จะไม่มีผลกระทบต่อชีวิตนักศึกษาของพวกเขาแน่นอน
นี่คือเหตุผลที่เขากล้าให้คนกลุ่มนี้ออกมามีเรื่องพร้อมกับเขา
มุมปากของซูเย่ยิ้มเล็กน้อย และเริ่มคิดอย่างจริงจังว่าจะสอนอะไรดี
“ไปสถานีตำรวจกัน”
ในที่เกิดเหตุ เมื่อตำรวจพาคนขึ้นรถ พวกเขาก็ต่างมองดูนักศึกษาเหล่านี้ด้วยสายตาที่งุนงง
นักเรียนเหล่านี้ดูธรรมดาทั่วไป ผอมแห้งแรงน้อย
ทำไมต่อยตีได้รุนแรงเช่นนี้?
ที่สำคัญคือ เจ็ดสิบกว่าคนตีร้อยกว่าคนจนหมอบกับพื้น แต่กลับไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ นี่มันน่าสับสนมากเกินไปแล้ว
ในเวลาไม่นาน คนกลุ่มหนึ่งก็ถูกนำตัวมาที่สถานีตำรวจ
เมื่อมาถึงสถานีตำรวจ หวังห่าวก็รีบเดินเข้ามาทันที
“ทำไม เห็นฉันแล้วถึงได้กลัวรึไง”
“ไม่ใช่ว่าเก่งนักเหรอ” เมื่อเห็นผู้ฝึกยุทธ์มากกว่า 70 คนในเขตของเขา หวังห่าวก็เปิดปากพูดด่าว่าทันที “เพิ่งติดตามฉันได้ไม่กี่วัน ก็กล้าที่จะไปมีเรื่องข้างนอกแล้วเหรอ ชอบลงไม้ลงมือใช่ไหม มาหาฉันสิ!”
แม้ว่าหวังห่าวจะดูโมโหจัด แต่ทุกคนที่เห็นว่าเขามาช่วยรับตัว ล้วนอดไม่ได้ที่จะแอบก้มหน้าหัวเราะออกมา
“หัวเราะ”
“หัวเราะอีก”
“ยังจะมีหน้าหัวเราะอีก!!”
“หัวเราะหาเตี่ยพวกเองเหรอ?”
หวังห่าวยังคงด่าว่าต่อไป “พวกนายนี่ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยว่าไปมีเรื่องกับใคร คนพวกนี้ก็ไม่ต่างกับพวกคนอ่อนแอพิการเจ็บป่วย ไปรังแกเขาแบบนี้มันมีหน้ามีตาขึ้นมารึไง”
อีกฝั่งหนึ่ง คนแก๊งใต้ดินพวกนั้นเมื่อได้ยินสีหน้าพลันบิดเบี้ยวน่าเกลียด
ดูถูกกันเกินไปแล้ว! เก่งมากนักรึไง!
ทุกคนในสถานีตำรวจต่างตะลึงงัน
คนอ่อนแอพิการเจ็บป่วย? ชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำล่ำสัน… ในสายตาของคนพวกคุณคือคนอ่อนแอพิการเจ็บป่วย?
ไร้สาระอะไรกันเนี่ย?
“จำไว้ให้ดีวันนี้พวกนายละเมิดข้อห้ามหนึ่งครั้งแล้ว”
หวังห่าวตวาด “ผิดครั้งแรก เตือนแล้วก็แล้วกันไป ครั้งหน้าห้ามลงมือรุนแรงกับคนอ่อนแอพิการเจ็บป่วยแบบนั้น ห้ามรังแกคนอื่น เข้าใจไหม?”
“ครับ!” ทุกคนส่งเสียงตอบรับพร้อมกัน
รอให้แก๊งใต้ดินร้อยกว่าคนถูกนำตัวไปที่ห้องกักกัน ในสนามจึงเหลือเพียงพวกของซูเย่
หวังห่าวมองทุกคนอย่างเย็นชาและพูดว่า “เมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดเล่น พวกนายละเมิดข้อห้ามจริงๆ ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต พวกนายไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ปราณกับคนธรรมดา นี่เป็นกฎเหล็ก! ไม่มีใครละเมิดได้!”
ในใจทุกคนพลันหนักอึ้ง มีกฎแบบนี้อยู่ด้วย?
“เห็นแก่ที่เป็นความผิดครั้งแรก พวกนายยังมีโอกาส จำไว้ว่าครั้งหน้าห้ามใช้พลังปราณ ใช้ได้แค่ทักษะการต่อสู้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการละเมิดกฎ เข้าใจใช่ไหม?”
“เข้าใจครับ” ทุกคนพยักหน้าพร้อมเพรียง พลันถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อเห็นดังนั้น หวังห่าวจึงพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วมองไปทางซูเย่
ซูเย่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
หวังห่าวหันกลับไปที่ห้องสอบสวน ตรงหน้าต่งเปียว ก่อนจะคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แกควรจะยุบแก๊งให้เร็ว และอย่าคิดที่จะไปหาเรื่องนักศึกษาพวกนั้น ไม่อย่างนั้น ฉันจะกำจัดพวกแกให้สิ้นซาก!”
“คุณตำรวจ เขาข่มขู่ผม!” อีกฝ่ายตะโกนสุดเสียงด้วยความตกใจ มองดูแล้วคงกลัวมากจริงๆ แต่ความจริงกำลังยิ้มเย็น
ผู้กำกับเดินออกมา
“ฉันได้ยินแล้ว”
“แต่นี่ก็คือสิ่งที่พวกเราอยากพูดพอดี”
“ฮะ?” ต่งเปียวตะลึง
ผู้กำกับมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ในเมื่อเข้ามาแล้ว ก็อย่าคิดที่จะออกไปอีก เรามีหลักฐานการก่ออาชญากรรมของพวกแกแล้ว เรากำลังวางแผนที่จะจับกุมในวันพรุ่งนี้!”
“หลักฐานคดีอาญา จับกุมพรุ่งนี้?”
เมื่อหวังห่าวได้ยินเรื่องนี้ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ พลันหันศีรษะกลับไปทันที “มีหลักฐานแต่ไม่รีบไปจับกุม คุณหลอกใช้พวกเรารึเปล่าเนี่ย”
“เฮอะเฮอะ แต่ฉันก็มาแล้วไม่ใช่หรือไง” หัวหน้าสถานีตำรวจรู้ถึงตัวตนของหวังห่าวและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่สน!” หวังห่าวโบกมือ “อย่างไรก็ตาม คนของผมถูกใช้ไปแล้ว เรื่องนี้ปล่อยผ่านไปแบบนี้ไม่ได้ คุณต้องให้คำอธิบายกับผม พวกเขาถือว่าชอบธรรมและกล้าหาญ ออกธงให้พวกเขา!”
“ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีที่พวกคุณมาแย่งความดีความชอบเลย คุณยังกล้าพูดถึงธงกับฉันงั้นเหรอ!”
หัวหน้าสถานีตำรวจกำลังวาดฝัน ในพรุ่งนี้เขาจะกวาดล้างแก๊งใต้ดินกลุ่มนี้ในคราวเดียว และเขาจะต้องทำได้ดีมาก แต่ตอนนี้ มันกลับมีข้อบกพร่องเล็กน้อย
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผลงานครั้งนี้เป็นของนายหรือของฉัน!
“อย่าพูดไร้สาระ คนของผมลงแรง คนของคุณไม่ได้ทำอะไรเลยไม่มีใครบาดเจ็บ นักศึกษาของผมไม่ต้องการผลงานของคุณหรอก หลักฐานคุณเป็นคนหา คนพวกเราเป็นคนจับ นักศึกษาของผมแค่ต้องการความชอบธรรมและธงกล้าหาญ!” หวังห่าวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เขากล่าวเพื่อขจัดผลลัพธ์ด้านลบของเหล่านักศึกษา เพราะจะให้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่และการลงโทษจากการต่อยตีกับไอ้คนพวกนั้นติดตัวไปไม่ได้
ผลงานใหญ่น่ะไม่เอาหรอก แต่ธงกล้าหาญเอามาหนึ่งผืน
ผู้ฝึกยุทธ์จำเป็นต้องสะสมผลงานเพื่อรับรางวัลจากการฝึกฝน
‘ธง’ ถือเป็นการสะสมผลงานแบบหนึ่ง
“ได้ ไม่มีปัญหา” หัวหน้าสถานีตำรวจยิ้มและพยักหน้าทันที “ข้าราชการของประชาชนรับใช้ประชาชน วีรบุรุษของประชาชนช่วยเหลือประชาชน เรื่องธงสมควรแล้ว สมควรแล้ว”
“แบบนี้สิ ใช้ได้ๆ” หวังห่าวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เดินกลับไปข้างนอกและบอกทุกคนเกี่ยวกับเรื่องธงแพร
คิดไม่ถึงว่าการต่อสู้ระบายอารมณ์จะเป็นการจับกุมแก๊งใต้ดินไปได้ หนำซ้ำยังได้รับธงรางวัล
นี่มันเจ๋งเกินไปแล้วไหม?
“ยิ้มหาเตี่ยรึไง ไปกับฉัน จะได้ไปรับรางวัลที่ได้จากโหมดไล่ฆ่า!”
หวังห่าวจ้องไปที่ทุกคน
“รางวัล? รางวัลของFantasy Dream?”
“ฉันรอไม่ไหวแล้ว”
“ไปเร็ว ไป”
ทุกคนส่งเสียงดีใจพลางเอ่ยเร่งหวังห่าว
หวังห่าวพาทุกคนออกมาจากสถานีตำรวจ มุ่งหน้าไปยังเขตมหาวิทยาลัย
เมื่อมาถึง หวังห่าวก็พาทุกคนไปที่ห้องซ้อมทันที
ที่นั่นเซียวจวิ้น จูอวี้ หลี่เซียงหนาน เหมาเฉียง ต่างรอยู่นานแล้ว
“แจกรางวัล” หวังห่าวสั่ง
ทุกคนเริ่มแจกรางวัลตามรายชื่อ
คนคนหนึ่งได้รับกล่องไม้เล็กๆ ที่สามารถกักปราณของหยกได้อย่างสมบูรณ์
เปิดกล่องไม้ดู น้อยที่สุดก็คือได้เจ็ดก้อน
ในกล่องไม้ของซูเย่มีทั้งหมดสิบกล่อง
“ผมใช่ไอเทมไปมากมาย ซ้ำร้ายตกเป็นเป้าหมายของเกมนี้อีก ไม่มีรางวัลอื่นอีกเหรอครับ?”
หลังจากเก็บกล่องไม้ ซูเย่เดินไปหาหวังห่าวเอ่ยถามเสียงต่ำอย่างสงสัย
“มี!” หวังห่าวเหลือบมองที่ซูเย่และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “กำลังอยู่ในขั้นตอนยื่นเรื่อง”
ซูเย่หันกายจากไป
ทุกคนออกจากห้องซ้อมด้วยกัน
เมื่อเดินไปที่จัตุรัส และกำลังจะแยกกัน
“รอก่อน” ซูเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดหยุดทุกคนในทันใดแล้วมองไปที่พวกเขา
“อยากเลื่อนระดับเร็วๆ ไหม? มากับฉัน!”
เมื่อทุกคนได้ยินก็ตาเป็นประกาย
พวกเขาพยักหน้ารัวเร็ว
ซูเย่มองย้อนกลับไปเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าหวังห่าวและคนอื่นๆ ไม่ได้ตามมา แล้วนำทุกคนข้ามจัตุรัสอย่างรวดเร็ว ผ่านป่าต้นหยาง เข้าไปยังป่าผืนหนึ่งนอกเขตมหาวิทยาลัย
ในเมื่อได้ลงสนามรบต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันมาแล้ว เขาก็อยากที่จะช่วยเหลือทุกคนจริงๆ
“ที่นี่แหละ นั่งลงก่อน”
หลังจากที่เจอที่ราบกว้าง ซูเย่ก็พูดกับทุกคน
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงอย่างสงสัย
ซูเย่เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วรอบตัวทุกคน
ทุกคนต่างอธิบายไม่ถูกว่าซูเย่กำลังทำอะไร
“เรียบร้อยแล้ว”
ไม่นาน ซูเย่ก็หยุด เดินไปที่ใจกลางกลุ่มคน นั่งลงแล้วถามว่า “รู้สึกว่าอะไรแตกต่างไปหรือไม่?”
“ดูเหมือนว่าความเข้มข้นของปราณในอากาศจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก” มีแววความประหลาดใจปรากฏในดวงตาของไป๋จือหราน
ทุกคนต่างสัมผัสได้ว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ยิ่งกว่านั้น ปราณยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่เร็วมานัก แต่ก็สามารถสัมผัสได้ชัดเจน
พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ซูเย่ด้วยความประหลาดใจ เขาทำอะไรลงไป?
“ไม่ผิด” ซูเย่พยักหน้ากล่าวย้ำ “นี่คือค่ายกลรวบรวมปราณ!”
ทุกคนต่างตกตะลึง ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นทันใด และพวกเขาจ้องไปที่ซูเย่
อะไรนะ?
ค่ายกลรวบรวมปราณ???
นี่มันนิยายรึเปล่า
นี่คือสิ่งที่มีอยู่ในนวนิยายเท่านั้นไม่ใช่หรือ?
“นายรู้ทักษะในนิยายด้วย?”
“ถ้าเป็นเรื่องจริงก็เยี่ยมไปเลย!”
ทุกคนอุทานออกมา ในใจยังคงยากที่จะเชื่อ
ซูชือและจินฟานจ้องที่ซูเย่ เสี่ยวเย่ทำได้จริงๆ เหรอ?
ไอ้หมอนี่ซ่อนอะไรไว้มากเท่าไหร่กัน!
“เดี๋ยวก็รู้ ตอนนี้แหละ” ซูเย่ยิ้มอย่างลึกลับและกล่าว “เอาหยกปราณทั้งหมดออกมาแล้ววางไว้บนฝ่ามือ”
หลังจากพูดก็ให้ทุกคนนั่งสมาธิ
ให้ทุกคนนั่งบนจุดแต่ละจุดของค่ายกลรวบรวมปราณและสร้างค่ายกลรวบรวมปราณจริงๆ ขึ้นมา
ค่ายกลรวบรวมปราณทั้งสองซ้อนทับกัน และความเร็วในการดูดซับปราณก็เพิ่มขึ้นอีก
ด้วยความประหลาดใจและความตื่นเต้น ทุกคนไม่ลังเลและหยิบหยกปราณออกมาวางบนฝ่ามือ
ซูเย่ทำเช่นเดียวกัน นั่งสมาธิหลับตาลง ใช้ปราณของตัวเองเป็นตัวดูดในการเปิดค่ายกลรวบรวมปราณขนาดใหญ่สองชุดให้กว้างที่สุด