เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 27 รายการค้นหาสุดยอดแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ออกอากาศแล้ว!
- Home
- เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]
- บทที่ 27 รายการค้นหาสุดยอดแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ออกอากาศแล้ว!
บทที่ 27 รายการค้นหาสุดยอดแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ออกอากาศแล้ว!
“รายการค้นหาสุดยอดแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่กลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงในสื่อสังคมออนไลน์ เพียงปล่อยตัวอย่างรายการออกมาแค่คืนเดียว ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมาก คาดการณ์ว่าเมื่อรายการออกอากาศจริงๆ จะต้องได้รับความสนใจจากคนดูมากกว่านี้ และมันจะต้องมีเรตติ้งสูงกว่ารายการอื่นๆ แน่นอน”
หลังพูดมาถึงตรงนี้ จ้าวเหมียนก็กล่าวอย่างเปิดเผยว่า “เพราะฉะนั้น ผลการประมูลโฆษณาในรายการค้นหาสุดยอดแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ ได้อยู่ในมือผมแล้วครับ”
พูดจบ
เขาก็เปิดซองจดหมาย
จ้าวเหมียนหยิบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่งและอ่านว่า “ขอแสดงความยินดีกับบริษัทซานไท่กรุ๊ปด้วยนะครับ ที่สามารถประมูลโฆษณาจากรายการค้นหาสุดยอดแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ของพวกเราไปได้ด้วยราคา 40 ล้านหยวน!”
หลังจากนั้น
เกิดเสียงปรบมือดังกึกก้อง
40 ล้านหยวน!!!
เดิมที จ้าวเหมียนหวังว่ารายการของเขาที่มีหกตอน หากสามารถเก็บค่าโฆษณาได้ประมาณ 10 ล้านหยวน ก็ถือว่าหรูแล้ว
แต่ตอนนี้ ยังไม่ทันออกอากาศ รายการกลับได้ค่าโฆษณาสูงถึง 40 ล้านหยวน!
นี่ถือเป็นค่าโฆษณาที่สูงที่สุดสำหรับรายการที่เกี่ยวข้องกับแพทย์แผนจีนยุคปัจจุบัน
ราคาสูงมากกว่าสถิติเดิมถึงหกเท่า!
ทุกคนเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
สถานการณ์เช่นนี้
ไม่ว่าเป็นจ้าวเหมียนหรือชายอ้วนต่างก็คิดไม่ถึงทั้งสิ้น
การประมูลจบลง
ในขณะที่จ้าวเหมียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่เขาก็อดรู้สึกเป็นกังวลไม่ได้
เพราะจ้าวเหมียนได้ยินกลุ่มนักลงทุนที่เป็นสปอนเซอร์ของรายการเอาแต่พูดว่าเขาควรทำให้ซูเย่อยู่ในรายการไปจนถึงตอนสุดท้าย
จ้าวเหมียนก็อยากจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน!
แต่เขาจะไปกำหนดได้อย่างไร?
กลุ่มนายทุนต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการแข่งขันในครั้งนี้ถูกจัดตั้งโดยกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งล้วนแต่เป็นหน่วยงานของรัฐบาล ไม่มีทางที่พวกเขาจะยื่นมือเข้าไปแทรกแซงได้เลย
ถ้าพวกเขากล้าทำอย่างนั้น มีหวังได้เดือดร้อนกันทั้งสถานีแน่
ช่วยไม่ได้
จ้าวเหมียนได้แต่พยักหน้ารับคำไปพอเป็นพิธี
เขาหวังว่าซูเย่จะใช้ความสามารถที่มีอยู่ผ่านเข้าไปจนถึงรอบสุดท้ายได้สำเร็จ
แต่พิจารณาจากสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ซูเย่ก็น่าจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้อย่างไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
…
สามวันต่อมา คืนวันอาทิตย์
ในที่สุด รายการค้นหาแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ก็ได้เวลาออกอากาศ
วันที่ 28
เวลา 20:00 น.
พ่อแม่ของซูเย่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา รอคอยที่จะรับชมการแข่งขันด้วยความตื่นเต้น
ส่วนซูเย่นอนอ่านหนังสืออยู่ด้านข้างอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ ทั้งสิ้น
…
บ้านคุณป้าของซูเย่
“คืนนี้มีรายการค้นหาสุดยอดแพทย์แผนจีนที่เสี่ยวเย่ไปออกด้วยนี่นา! พวกแกรีบมานี่เลย มานั่งดูตรงนี้! คุณก็มาดูด้วยสิ! รายการดีมีประโยชน์ต่อสมองอย่างนี้ ทำไมไม่รู้จักดูกันบ้าง!”
คุณป้ารีบตะโกนเรียกลูกสาวและสามีของตนเองให้มานั่งดูโทรทัศน์ด้วยกัน
ลูกสาวของเธอไม่ปฏิเสธแม้แต่น้อย ต่อให้รู้ว่าระหว่างที่ดูไปตนเองจะถูกบ่นจนหูชา แต่พวกเธอก็ต้องมานั่งดูอย่างเลี่ยงไม่ได้
คุณลุงของซูเย่ก็มานั่งร่วมวงด้วยเช่นกัน
ขณะนี้ สมาชิกทุกคนในครอบครัวต่างก็มานั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ คาดหวังว่าจะได้เห็นซูเย่แสดงความสามารถที่น่าตกตะลึงอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันนี้
กลุ่มคนที่รู้จักซูเย่ไม่ว่าจะเป็นสองสาวฝาแฝดไป๋จือ หรือเพื่อนของเขาอย่างจินฟาน ซุนชือ ตลอดไปจนถึงจางกงหมิง ทุกคนต่างมานั่งเฝ้าอยู่หน้าจอพร้อมกับสมาชิกในครอบครัว ทุกคนอยากรู้ว่าซูเย่จะแสดงความเก่งกาจออกมาได้อีกสักแค่ไหน?
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่หลี่เคอหมิงยอมนั่งอยู่หน้าทีวี เพื่อรอดูฝีมือของซูเย่
ในสำนักงานเรือนกระจก ฮั่วเสี่ยวเหอก็พาฮั่วซือฉิงมานั่งดูด้วยเช่นกัน
…
ในเมืองจี้หยาง บ้านน้อยในสวนเล็ก ฮัวเหรินเชิงก็ชงน้ำชามานั่งดูโทรทัศน์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่ต่างกัน
…
แม้แต่หลี่มู่เสวี่ยก็ยังมานั่งเฝ้าอยู่หน้าจอ
แต่เธอแตกต่างจากคนอื่นที่นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย
แต่ในกลุ่มคนที่รู้จักซูเย่ ผู้ที่จ้องมองหน้าจอโทรทัศน์ด้วยความตึงเครียดและคาดหวังมากที่สุดก็คือจ้าวเหมียน ผู้กำกับรายการค้นหาสุดยอดแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่
ในที่สุด วันที่เขารอคอยก็มาถึงแล้ว
จ้าวเหมียนกำลังจะได้รู้คำตอบว่ารายการของตนเองจะดังระเบิดหรือไม่!
“มาถึงขนาดนี้แล้ว มันต้องดังสิวะ!”
จ้าวเหมียนสูดหายใจลึก พยายามสะกดกลั้นความตึงเครียดและความตื่นเต้นในหัวใจ
เขาทำรายการโทรทัศน์มาหลายปี ไม่เคยเกิดความรู้สึกตื่นเต้นตึงเครียดมากเท่านี้มาก่อน
เมื่อใกล้เวลาออกอากาศ จ้าวเหมียนก็ถึงกับยกมือขึ้นมาสวดภาวนาในความเงียบ
ทันใดนั้น สัญลักษณ์ของรายการค้นหาสุดยอดแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรทัศน์
ทุกคนที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอรีบปรับท่าทางร่างกายให้ถนัดมากที่สุด ในหัวใจอุทานออกมาว่า… มาแล้ว!
เมื่อสัญลักษณ์ของรายการจางหายไป
ก็มีเสียงดังออกมาจากลำโพงว่า
“คุณผู้ชมรู้ไหมว่าศาสตร์การแพทย์แผนจีนคืออะไร?”
“มันสามารถช่วยชีวิตคนได้จริงหรือไม่?”
“ใช่แล้ว ศาสตร์การแพทย์แผนจีนคืออะไร มันหมายถึงการฝังเข็มใช่หรือเปล่า?”
“หรือหมายถึงการดื่มชาสมุนไพร?”
“ความจริงนั้น ศาสตร์การแพทย์แผนจีนไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด!”
“สิ่งที่ทุกท่านกำลังจะได้รับชมต่อไปนี้ จะทำให้ทุกท่านรู้ซึ้งถึงคุณค่าแห่งศาสตร์การช่วยชีวิตผู้คนจากยุคโบราณของประเทศจีน และทุกท่านจะต้องเอาใจช่วยกลุ่มนักศึกษาแพทย์แผนจีนที่มีอนาคตยาวไกลเหล่านี้”
“เพราะพวกเขาคืออนาคตของชาติ”
“เพราะศาสตร์การแพทย์แผนจีนคืออนาคตของชาติ!”
ภาพบนหน้าจอเปลี่ยนไป
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าตั้งใจมาสมัครแข่งขันในครั้งนี้ เพราะอะไรเหรอครับ?”
ผู้เข้าแข่งขันปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“ผมแค่อยากลองเข้ามาหาประสบการณ์น่ะครับ!”
“ผมอยากมีส่วนร่วมกับอะไรที่เจ๋งๆ อย่างนี้มานานแล้ว!”
“แค่ได้แข่งกับนักศึกษาเก่งๆ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศ ก็ถือเป็นเกียรติสำหรับผมมากแล้ว!” บนหน้าจอเป็นฉากการสัมภาษณ์ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน
ทันใดนั้น
ภาพบนหน้าจอหยุดค้างเล็กน้อย
ก่อนจะเป็นใบหน้าของหวังจี้เชาแสดงขึ้นมาพร้อมด้วยข้อความกำกับว่า ‘นักศึกษาแพทย์อันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู’
“เป้าหมายของผมมีเพียงอย่างเดียว คือคว้าอันดับหนึ่งให้ได้”
หวังจี้เชาตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
ทันใดนั้น
ภาพของผู้เข้าแข่งขันอีกคนก็ปรากฏขึ้นมายึดครองพื้นที่บนหน้าจอไปถึงครึ่งหนึ่ง
และผู้เข้าแข่งขันคนนั้นก็คือซูเย่ที่ทุกคนกำลังรอคอย
“ผมมาเพื่ออันดับหนึ่ง”
ซูเย่มองกล้อง พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
เมื่อซูเย่ปรากฏบนหน้าจอ ทุกคนที่รู้จักเขาก็รีบนั่งตัวตรงทันที
“คุณมั่นใจมากไหม?”
โปรดิวเซอร์ถาม
“ไม่เกี่ยวว่ามั่นใจหรือไม่มั่นใจหรอกครับ อยู่ที่ว่ามีความสามารถดีพอหรือเปล่า” หวังจี้เชาพูดด้วยความมั่นใจว่า “แต่โดยส่วนตัวผมมั่นใจอยู่แล้ว ไม่มีใครเก่งไปกว่าผมแน่นอน!”
อีกครึ่งหนึ่งของหน้าจอนั้น
“จะบอกว่าผมมั่นใจก็ได้ละมั้ง”
ซูเย่ตอบคำถามพร้อมกับยิ้มกว้าง
ภาพของชายหนุ่มสองคนที่แบ่งหน้าจอคนละครึ่ง แสดงออกชัดเจนถึงความเป็นศัตรู!
“ท่าทางพวกเขาจะเก่งทั้งคู่เลยนะ!”
“ฉันได้ยินมาว่ามหาลัยตี้ตูเป็นมหาลัยแพทย์ชื่อดัง นักศึกษาที่ชื่อหวังจี้เชาคนนี้สามารถสอบได้อันดับหนึ่งของมหาลัย เขาก็ต้องเก่งอยู่แล้ว!”
“ความสามารถของซูเย่ในรายการชุมนุมวิชาการเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา แต่เรื่องแพทย์แผนจีนอะไรพวกนี้ มันซับซ้อนกว่าบทกวีจีนตั้งหลายเท่า ฉันไม่แน่ใจเลยว่าซูเย่จะเก่งพอที่จะมาแข่งกับนักศึกษาแพทย์ตัวจริงได้หรือเปล่า”
เพียงรายการเปิดฉากมา ก็ทำให้คนดูต้องถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน
ความขัดแย้งในช่วงต้นรายการ ยิ่งทำให้คนดูรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
รายการดำเนินต่อไป
ผู้กำกับจ้าวเหมียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรไปสอบถามทีมงานว่า “ตอนนี้เรตติ้งเป็นยังไงบ้าง?”
“เรตติ้งตอนนี้อยู่ที่ 0.4 ครับ”
ทีมงานรีบตอบกลับ
“ดีแล้ว”
จ้าวเหมียนพยักหน้าเล็กน้อยและถอนหายใจด้วยความโล่งอก สำหรับรายการที่นำนักศึกษาแพทย์มาแข่งขันกันอย่างนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เรตติ้งเท่านี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก
แต่จ้าวเหมียนยังไม่พอใจ!
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
รายการของเขาจะสามารถโกยเรตติ้งได้มากกว่านี้หรือไม่ ก็อยู่ที่ครึ่งหลังของรายการในวันนี้
…
“นายคิดจริงๆ เหรอว่าตัวเองจะได้ที่หนึ่ง?”
“นี่นายโง่หรือบ้ากันแน่?”
ในที่สุด ภาพการเผชิญหน้าระหว่างซูเย่กับหวังจี้เชาก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
เมื่อคำพูดถูกพูดออกมา
ใบหน้าของหวังจี้เชาก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น
ผู้รับชมแทบทุกคนอดหัวเราะให้กับเหตุการณ์นี้ไม่ได้
วาจาของซูเย่ช่างร้ายกาจ!
ในโลกอินเทอร์เน็ต ชาวเน็ตที่รับชมการถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ถึงกับหัวเราะจนตัวโยน และพวกเขาก็แคปหน้าจอฉากนี้เอาไว้ เพื่อใช้เป็นมีมล้อเลียนในภายหลัง
ตอนนี้ รายการดำเนินมาได้ครึ่งทางแล้ว
“เรตติ้งเป็นยังไงบ้าง?”
จ้าวเหมียนถามออกมาอีกครั้ง
ทีมงานตอบว่า “ตอนนี้ได้อยู่ 0.6 ครับ”
จ้าวเหมียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพราะเรตติ้งขึ้นมาแค่ 0.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ถือว่าขึ้นไม่เยอะ เพราะรายการดำเนินมาได้ครึ่งทางแล้ว ช่วงท้ายจะถือเป็นส่วนที่เรตติ้งลดลงเยอะที่สุด และยากที่จะโกยเรตติ้งกลับขึ้นมาได้อีก
หากเป็นสถานการณ์ปกติ ขอแค่รักษาเรตติ้งระดับนี้ได้ก็ถือว่าดีงามแล้ว
…
หลังจากผ่านฉากแห่งความขัดแย้งมากมาย ในที่สุด รายการค้นหาสุดยอดแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ก็เปิดฉากการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
บนหน้าจอโทรทัศน์ขณะนี้เป็นภาพของซูเย่ยกมือขึ้นส่งข้อสอบในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ทั้งๆ ที่มีเวลาให้ทำถึงสองชั่วโมง
ทุกคนในการแข่งขันตกตะลึง
ไม่มีใครคิดว่าซูเย่จะทำเสร็จเร็วขนาดนี้
ภาพบนหน้าจอตัดไปที่การสัมภาษณ์ซูเย่
“คำถามไม่ยากเท่าไหร่หรอกครับ”
ซูเย่ตอบคำถามของโปรดิวเซอร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ผมว่าทุกคนน่าจะได้คะแนนเต็มหมดนะ”
เมื่อคำพูดของเขาถูกกล่าวออกมา
ในโลกอินเทอร์เน็ตก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะชอบใจ
“เชี่ยแม่ง นายซูเย่คนนี้โคตรเอาเลยว่ะ!”
“ถ้าคนอื่นไม่ได้คะแนนเต็มเหมือนเขา ก็แปลว่าคนอื่นโง่เกินไปสินะ?”
คำพูดนี้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของซูเย่จากคนที่มั่นใจในตัวเอง กลายเป็นชายหนุ่มผู้อวดดีและโอหัง
“พูดออกมาขนาดนี้ ไม่โดนรุมกระทืบได้ไงเนี่ย!”
“ถ้ามีคนมาพูดแบบนี้ต่อหน้าฉันนะ รับรองว่ามันได้ลงไปนอนกองบนพื้นแน่!”
“ปากดีจริงๆ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
…
“เรตติ้ง”
จ้าวเหมียนถามอีกครั้ง เมื่อรายการดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย
ปรากฏว่ารายการของเขาได้เรตติ้งเพิ่มขึ้นมาอีก 0.2 เปอร์เซ็นต์
จ้าวเหมียนหัวใจกระตุกวูบ ดวงตาเป็นประกายแวววาว หาได้ไม่ง่ายที่ช่วงท้ายของรายการเรตติ้งจะกระเตื้องขึ้นมาเช่นนี้
“น่าเสียดายชะมัด ถ้าขึ้นไปแตะหนึ่งได้ก็คงจะดี”
มีเพียงรายการทีวีที่ได้เรตติ้งหนึ่งเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเท่านั้น จึงจะถือว่าได้รับความนิยมอย่างแท้จริง
แต่เอาเถอะ ได้เรตติ้ง 0.8 ก็น่าพอใจแล้ว
อย่างน้อยก็ไม่ต้องอายใครอีก
…
“ผู้ที่ได้คะแนนอันดับหนึ่ง ซูเย่”
เมื่อได้ยินคำประกาศและการประท้วงจากผู้เข้าแข่งขันหลายคน ชาวเน็ตที่รับชมการถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ถึงกับตะลึงงันไปเช่นกัน!
ให้ตายสิ! นอกจากซูเย่จะได้ที่หนึ่งแล้ว เขายังทำคะแนนเต็มได้อีกด้วย?
เขาทำคะแนนเต็มได้จริงๆ !
เขาคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งได้จริงๆ !
ปรากฏว่าซูเย่ไม่ได้มีดีแค่ฝีปากเท่านั้น!
ช่องคอมเมนต์ในหน้าจอถ่ายทอดสดถึงกับปั่นป่วนโกลาหล
“555!”
“สุดยอดว่ะ!”
“เฮียเย่ของฉันไม่ได้ดีแค่ปากเท่านั้น แต่เขายังมีความสามารถจริงๆ อีกด้วย!”
“ผู้ทำคะแนนได้เป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันค้นหาสุดยอดแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ ซูเย่!”
…
“คิดไม่ถึงเลยนะว่าเขาจะได้คะแนนเต็ม”
ในเมืองจี้หยาง ห้องนอนที่ตกแต่งด้วยสีชมพู ไป๋จือหรานกะพริบตาปริบๆ ด้วยความประหลาดใจ
“หมอนี่ไม่ใช่คนปกติแล้ว!”
ไป๋จือเหยียนชี้หน้าซูเย่ที่อยู่บนจอแท็บเล็ตของตนเอง ก่อนพูดด้วยความไม่อยากเชื่อ “โลกเราจะมีคนที่เก่งจนน่าเหลือเชื่อแบบนี้อยู่ได้ยังไง?”
“แต่เขาเก่งจริงๆ นะ”
ไป๋จือหรานพูดและยิ้มกว้าง
“ไม่ ไว้มหาลัยเปิดเมื่อไหร่ ฉันจะต้องหาโอกาสไปเจอเขาอีกให้ได้!”
ไป๋จือเหยียนกำมือเป็นหมัด พูดด้วยสีหน้าขึงขัง
…
“ยายเฒ่า คุณเห็นหรือเปล่า? ผมบอกแล้วว่าเขาเก่งมาก”
คุณปู่ของสองฝาแฝดไป๋จือพูดด้วยความเริงร่า
“เก่งแล้วจะทำไม? เอามาเป็นหลานเขยได้หรือไง” คุณย่าตอบน้ำเสียงฉุนเฉียว “เรามีหลานรักตั้งสองคน แต่เขามีแค่คนเดียว หรือคุณจะจับเขาแบ่งร่างเป็นสองซีกให้หลานเราได้เท่าๆ กันล่ะ?”
“แต่คนดีคนเก่งแบบนี้จะไปหาที่ไหนได้อีก!”
คุณปู่พูดด้วยความเสียดาย
…
หลังจากรับชมรายการ คุณพ่อและคุณแม่ของซูเย่ล้วนตกตะลึงในความสามารถของลูกชายตัวเอง
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าซูเย่ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนแค่ครึ่งปี กลับมีความรู้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้?
หรือว่าศาสตร์แพทย์แผนจีนไม่ได้ยากอย่างที่คิด?
หรือว่าลูกชายของพวกเขาเก่งมากเกินไป?
“เร็วเข้า! คุณช่วยตบหน้าฉันที!”
คุณแม่กระตุกมือของคุณพ่อพร้อมกับพูดด้วยความร้อนรนใจ