เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 29 เลื่อนขึ้นสู่ขอบเขตพลังขั้นสาม
บทที่ 29 เลื่อนขึ้นสู่ขอบเขตพลังขั้นสาม
“ผมไม่มีแฟน”
ซูเย่ตอบกลับไปเสียงเรียบ
“แต่การนั่งโคจรพลังก่อนเข้าสู่ช่วงหลี่ชุนหนึ่งชั่วโมง และหลังจากออกช่วงหลี่ชุนครึ่งชั่วโมง จะเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่าเดิมหลายเท่าเลยนะครับ”
“พ่อก็นึกว่าแกแอบไปทำผู้หญิงท้องแล้วไม่กล้าบอกแม่ซะอีก!”
ผู้เป็นพ่อมองหน้าบุตรชายด้วยความเศร้า จากนั้นจึงถามด้วยความสงสัยว่า “การฝึกตอนเข้าช่วงหลี่ชุนอะไรนี่ แกไปได้ยินมาจากไหน?”
“ทางรัฐบาลสอนผมมา!”
ซูเย่หัวเราะแหะๆ
“เหลวไหล!”
คุณพ่อมองหน้าซูเย่และพูดต่อ “พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลไม่มีทางเข้าใจเรื่องนี้แน่ๆ เท่าที่พ่อรู้ ไม่เคยมีใครรู้วิธีการแบบที่แกพูดมาก่อน แกคิดว่าพ่อรู้ไม่ทันหรือไง”
“เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่พ่อนะครับ…”
ซูเย่ยิ้ม ก่อนหมุนตัวและวิ่งหนีออกมาหน้าตาเฉย
“เจ้าลูกคนนี้ ชอบทำตัวประหลาดอยู่ได้!”
คุณพ่อพึมพำ ยกมือจับคางตัวเองขณะมองแผ่นหลังของซูเย่วิ่งหายไป “แต่เขาคงไม่โกหกพ่อตัวเองหรอกมั้ง? อุตส่าห์เรียกเราออกมาถึงขนาดนี้ ถ้าหลอกกันละก็ พ่อจะตีให้หลังลายเลย!”
เมื่อกลับเข้าไปในที่พัก เข็มนาฬิกาบอกเวลา 20:50 น. คุณพ่อจึงปลีกตัวไปนั่งโคจรพลังเพียงคนเดียว
ไม่นานหลังจากนั้น
คุณพ่อของซูเย่ก็ได้ตระหนักว่าจุดอุดตันในเส้นลมปราณบางส่วนที่ไม่สามารถทะลวงได้เป็นระยะเวลานานกลับคลายตัวลงแล้ว!
เขานั่งโคจรพลังต่อไป!
ขณะนี้ ไม่รู้มีปราณธรรมชาติจากไหนมากมายไหลรินเข้าสู่ร่างกายของคุณพ่อจากรอบทิศทาง
หลังจากนั้น จุดลมปราณก็ทยอยเปิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความมหัศจรรย์!
“นี่มันอะไรกัน? การนั่งโคจรพลังในตอนนี้ มีประสิทธิภาพมากกว่าปกติจริงด้วย?!”
คุณพ่อของซูเย่ตกตะลึง
“ว่าแต่ลูกชายเรารู้ได้ยังไงกันนะ?”
ซูเย่กลับไปอยู่ในห้องของตัวเอง
เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง นั่งดูดซับพลังจากรอบกาย
รัศมีเย็นเยียบกระจายตัว
ทุกครั้งที่หัวใจเต้น พลังเหล่านั้นจะไหลรินเข้าสู่ร่างกาย
พลังปราณธรรมชาติเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณ พลังลมปราณในร่างกายไหลรินเข้าสู่ชีพจร และพลังลมปราณในชีพจรจะถูกควบคุมด้วยจิตใจ
“ครืน!”
เสียงสั่นสะเทือนดังขึ้น
ภายใต้การควบคุมด้วยจิตใจของเขา กระแสพลังในร่างกายไหลเวียนไปสู่จุด[1]โส่วเส้าหยางซันเจียวจิงอย่างรวดเร็ว
[2]จุดกวนชงและจุดหยางฉือถูกเปิดตลอดทาง
จนกระทั่งกระแสพลังเคลื่อนผ่านไป
จุดที่เคยอุดตันก็ถูกทะลวงสิ้น!
ซูเย่สามารถทะลวงได้ถึงสามจุดใหญ่ในครั้งเดียว!
ชายหนุ่มลืมตาขึ้น ยิ้มกว้าง
หลังชำเลืองมองดูนาฬิกา เขาก็พบว่าเวลาที่เหมาะสมสำหรับการนั่งดูดซับพลังเพิ่งหมดลงพอดี
ซูเย่ลุกขึ้นยืน
ลองกำมือเป็นหมัด
พลัน พลังลมปราณในร่างกายไหลมารวมกันอยู่ที่กำปั้นของเขา
“นี่เราคงต่อยโขดหินกระจายได้ในหมัดเดียวเลยมั้งเนี่ย!”
ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายระยิบระยับ
หลายพันปีก่อน
ต้องเป็นยอดผู้ฝึกยุทธ์ระดับสามเท่านั้นถึงจะก้าวขึ้นสู่ระดับพลังขั้นนี้และสามารถต่อยโขดหินใหญ่แตกกระจายได้ในหมัดเดียว
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ระดับพลังในปัจจุบันของซูเย่ เทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสามเมื่อพันปีก่อน!
ถ้าเปรียบเป็นในยุคปัจจุบัน
อย่าว่าแต่ให้ต่อยโขดหินเลย ให้ทำลายภูเขาทั้งลูกก็ไม่มีปัญหา
“สมบูรณ์แบบ!”
ซูเย่พอใจกับการโคจรพลังในครั้งนี้มาก
ต่อให้เขาจะใช้ความรู้ที่มีมาร่วม 2000 กว่าปีเป็นพื้นฐาน แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่เคยขึ้นสู่จุดสูงสุดของการเป็นผู้ฝึกยุทธ์เลยสักครั้ง
ถ้าเขาสามารถเปิดจุดลมปราณบริเวณดวงตาที่สามได้ละก็…
ทุกอย่างคงสมบูรณ์แบบมากกว่านี้อีก!
“เราไม่ได้เข้าเกมนานแล้วสินะ ไม่รู้เลยว่าป่านนี้แผนที่อัปเดตแล้วหรือยัง?”
ทันใดนั้น ซูเย่นึกถึงเกม Fantasy Dream ขึ้นมา เขารีบเปิดกระเป๋าเดินทาง หยิบหมวก VR ที่ไม่มีหมายเลขขึ้นมาสวมใส่และเข้าสู่โลกแห่งเกม
สภาพแวดล้อมภายในเกมยังคงเหมือนเดิม
เมื่อเข้าสู่ระบบเรียบร้อย ซูเย่ก็ไปปรากฏตัวอยู่ในเขตแผ่นที่ระดับ 40
เขาลองก้าวเดินออกไปข้างหน้า
ปรากฏว่าเขตแผนที่ระดับ 41 ขึ้นไปยังไม่เปิดให้เข้าใช้งาน
ซูเย่ทำได้เพียงหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปยังจุดเซฟโซน
ชายหนุ่มเพิ่งจะออกเดินได้ไม่กี่ก้าว
เขาก็เห็นแสงสว่างหลากสีสันพุ่งเป็นทางยาวอยู่บนท้องฟ้าไม่ห่างออกไป
ซูเย่เงยหน้ามอง
แล้วก็ต้องตกตะลึง
เพราะชายหนุ่มพบว่าผู้เล่นระดับธรรมดาคนหนึ่ง กำลังยืนอยู่บนดาบเจ็ดสีเล่มใหญ่ ใช้มันเป็นพาหนะบินไปบินมาในอากาศ
ถึงดาบเจ็ดสีเล่มนี้จะไม่ได้ดูมีความน่าเกรงขามเหมือนกับดาบเวหาที่ซูเย่เคยได้มา แต่มันก็มีความโดดเด่นสะดุดตาไม่แพ้กัน
“มีคนเก็บดาบเวหาได้อีกแล้วรึ?”
ซูเย่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็คิดจะตามหาดาบเวหาเพื่อนำไปขายแลกเป็นเงิน…
แต่ซูเย่ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะปรากฏผู้เล่นขี่ดาบสีดำแดงอีกคนลอยผ่านหัวของเขาไป
คล้ายกับว่าดาบเวหาไม่ได้เป็นวัตถุหายากอีกต่อไปแล้ว
ซูเย่พูดอะไรไม่ออก
ถึงไม่ได้หายาก แต่ก็ไม่สมควรพบเจอได้ดาษดื่นถึงขนาดนี้หรือเปล่า?
ดูเหมือนว่าในช่วงเวลาที่เขาไม่ได้เข้ามาเล่นเกม หลายสิ่งหลายอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร!
“เชี่ย นายเห็นคนที่ขี่ดาบเจ็ดสีเมื่อกี้ไหม? โคตรเท่เลยว่ะ”
“ถ้าฉันมีบ้างก็คงจะดี”
“น้ำหน้าอย่างนายอย่าได้คิดฝันเลย เงินเดือนแค่เจ็ดแปดพัน คิดจะซื้อของราคาเป็นแสนๆ เชียวเหรอ?”
“ตอนแรกนึกว่าเกมนี้จะให้พึ่งพาความสามารถของตัวเองซะอีก ที่ไหนได้ พอกลับมาเล่นอีเวนต์พิเศษช่วงตรุษจีน ฉันถึงได้รู้ว่ามีการเพิ่มระบบเหรียญทองคำคริปตันเข้ามาด้วย แถมต้องมีแต่คนรวยเท่านั้นถึงจะซื้อใช้ได้ แค่ราคาดาบเวหาปกติก็ 500,000 หยวนเข้าไปแล้ว นับประสาอะไรกับวัตถุที่สร้างขึ้นมาจากแร่โลหะพิเศษพวกนั้น”
…
ตอนที่ซูเย่เดินมายังจุดเซฟโซน เขาก็ได้ยินกลุ่มผู้เล่นที่อยู่ใกล้เคียงกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
“เหรียญทองคำคริปตัน?”
ซูเย่หยุดชะงักไปเล็กน้อย
ในหัวใจนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“โหมดร้านค้าเปิดให้บริการแล้ว”
นั่นคือข้อความแจ้งเตือนที่ซูเย่เคยได้รับ แต่เพิ่งจะมาเปิดอ่านก็เอาตอนนี้
เมื่อเขาลองกดเข้าใช้งานโหมดร้านค้า ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไป ซูเย่พบว่าตนเองกำลังยืนอยู่หน้าปราสาทขนาดใหญ่ ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งแผงขายของอยู่เป็นจำนวนมาก
“สกินติดอาวุธระดับมาตรฐาน ซื้อหาไปใช้งานได้ ด้วยหยกปราณธรรมชาติสามชิ้นจ้า!”
“ขายอาวุธเทพคร้าบ เพียงนำสมุนไพรวิเศษระดับมาตรฐานมาแลก 100 ชิ้นเท่านั้น ก็รับไปใช้งานได้เลย หรือถ้าเป็นสมุนไพรวิเศษระดับสูง ขอเพียง 10 ชิ้นก็พอแล้วคร้าบ”
“ขายดาบเวหาราคาถูก เพียงหยกปราณธรรมชาติคุณภาพต่ำห้าชิ้นเท่านั้นค่า”
ที่นี่
เสียงตะโกนดังโหวกเหวก
ซูเย่ชำเลืองมองรอบตัว สองข้างทางมีแต่แผงขายของ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้คงจะต้องเป็นตัวละคร NPC แน่นอน
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ซูเย่ถึงรู้สึกว่าตัวละครพวกนี้น่าจะควบคุมด้วยคนจริงๆ ไม่ใช่ระบบคอมพิวเตอร์
บางทีอาจจะมีพ่อค้าแม่ค้าจริงๆ ถูกจ้างมานั่งขายของอยู่ในเกมนี้ก็ได้…
“ท่าทางจะทำเงินได้เยอะเลยแฮะ!”
ซูเย่ถอนหายใจออกมาก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปในปราสาทเบื้องหน้า
ด้านในปราสาทตกแต่งอย่างหรูหรา
ภายในห้องโถงใหญ่มีสินค้าจัดแสดงมากมาย และถ้าสังเกตดูให้ดี ก็จะเห็นว่ามีการแบ่งแยกประเภทสินค้าเอาไว้อย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ วิทยายุทธ์ สกิน ชุดเกราะ ของตกแต่ง ฯลฯ
ชายหนุ่มเลือกเข้าไปยังเขตขายอาวุธ
เขาพบกับอาวุธที่น่าสนใจหลายรายการ ซึ่งแต่ละชิ้นมีราคาเพียง 99 เหรียญทองคริปตัน ยึดตามอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบัน นั่นหมายความว่าอาวุธหนึ่งชิ้น มีราคาร่วม 1,000,000 หยวน
ซูเย่เดินสำรวจอาวุธที่วางขาย ส่วนใหญ่แล้วสมควรมีราคาเพียง 500,000 หยวน 200,000 หยวนและ 100,000 หยวนเท่านั้น
แต่อาวุธเหล่านี้ไม่จำกัดลำดับชั้นผู้ซื้อ
นั่นหมายความว่าหากผู้ซื้อสามารถอัพเลเวลได้สำเร็จ ระดับของอาวุธก็จะสูงขึ้นตามผู้เป็นเจ้าของ นี่จึงทำให้ถึงจะเป็นอาวุธชนิดเดียวกัน ซื้อมาจากที่เดียวกัน แต่เจ้าของไม่ใช่คนเดียวกัน พวกมันก็มีความต่างกันมากมายแล้ว
ต้องไม่ลืมว่าอาวุธแต่ละชิ้นเป็นวัตถุวิเศษ
แต่นอกจากอาวุธที่ซื้อหาได้ด้วยสกุลเงินเหรียญทองคำคริปตัน
ผู้เล่นก็ยังสามารถใช้สกุลเงินเหรียญทองแดงซื้อหาอาวุธทั่วไปได้เช่นกัน เท่าที่ซูเย่เดินสำรวจดู เขาพบว่ามีคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ระดับปานกลาง ไปจนถึงระดับสูงสุดวางขายอยู่บนชั้นวาง
ราคามีตั้งแต่ 100,000 หยวนไปจนถึง 500,000 หยวน
และดาบเจ็ดสีที่ซูเย่เห็นก่อนหน้านี้ ก็มีราคาอยู่ที่ 500,000 หยวน
นอกจากนั้น
ยังมีการขายสกินพิเศษในตัวเกม อย่างเช่น สกินติดอาวุธ สกินสัตว์เลี้ยง และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่สิ่งที่น่าสะดุดใจก็คือ
ของทุกอย่างมีราคาแพงเกินจริงไปมาก
กล่าวโดยรวม วัตถุที่วางขายอยู่ในโหมดร้านค้านี้ แทบไม่มีของชิ้นใดที่ผู้เล่นธรรมดาจะซื้อหาได้เลย
หลังจากเดินดูจนทั่ว ซูเย่ก็ไม่พบกับอาวุธชิ้นไหนที่จะสร้างความสมดุลในตัวเกมเลยสักชิ้น นอกจากอาวุธวิเศษกับคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์แล้ว ไอเท็มชิ้นอื่นๆ ก็ไม่ได้ช่วยส่งเสริมพลังในการต่อสู้สักนิด
ประโยชน์เพียงอย่างเดียวก็คือซื้อไปใช้แล้วดูเท่เท่านั้นเอง
เมื่อพบว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ
ซูเย่ก็เปิดเข้าไปดูในบอร์ดข้อความประจำเกม เพราะอยากจะรู้ว่ามีข้อมูลใดอัปเดตบ้างหรือไม่
ปรากฏว่าทันทีที่เข้าสู่บอร์ดข้อความ เขาก็พบว่ามันเต็มไปด้วยกระทู้ต่อว่าผู้ผลิตเกมไม่จบไม่สิ้น
“ของแต่ละอย่างจะขายแพงไปไหนวะเฮ้ย!”
“แบบนี้ยิ่งกว่าปล้นกันอีก”
“แต่ทางผู้ผลิตเขาไม่ได้บังคับให้ทุกคนซื้อนี่นา ในเมื่อซื้อไปแล้วไม่เกิดประโยชน์ พวกเราก็อย่าไปซื้อสิ”
“ขนาดเล่นเกมออนไลน์เมื่อก่อนเติมเป็นหมื่นฉันยังไม่กล้าทำ แล้วนี่จะให้ฉันเติมเกมเป็นล้าน เพื่อซื้อเหรียญคริปตันอะไรนี่อะนะ!”
“ดูจากราคาของแต่ละชิ้นที่วางขาย ก็คงมีแต่พวกคนรวยเท่านั้นแหละที่ซื้อได้ แม้มันจะไม่ได้ช่วยเสริมพลังโจมตีมากมาย แต่ก็ยังทำให้แข็งแกร่งมากกว่าผู้เล่นทั่วไปหลายสิบเท่าอยู่ดี!”
“แต่โชคดีที่สกินยังถูกหน่อย มีเงินแค่หลักร้อยหลักพันก็ซื้อได้แล้ว ถ้าจะเอาตังค์ไปซื้ออาวุธ ฉันเก็บเงินมาซื้อสกินแต่งตัวให้ดูเท่ดีกว่า”
ทุกความเห็นล้วนแสดงออกไปในทิศทางเดียวกัน
ซูเย่อดยิ้มออกมาไม่ได้
ทางผู้ผลิตเกมออกแบบระบบมาโดยไม่สนใจผู้เล่นธรรมดาแม้แต่น้อย มิฉะนั้นแล้ว ราคาของไอเท็มแต่ละชิ้นคงไม่สูงขนาดนี้ และที่สำคัญก็คือทางรัฐบาลเป็นผู้หนุนหลังเกมนี้อยู่ด้วย
ซูเย่ดูออกว่าการสร้างเกม Fantasy Dream ขึ้นมาต้องใช้เงินทุนไม่น้อย จะมีการขายไอเท็มเพื่อถอนทุนคืนบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
หลังจากนั้น ชายหนุ่มเข้าไปอ่านประกาศการอัปเดตระบบครั้งล่าสุด
เมื่ออ่านจบอย่างละเอียด ซูเย่ก็ตัดสินใจออกจากบอร์ดข้อความ เพราะไม่มีสิ่งใดกระตุ้นความสนใจของเขาได้อีก
ทันใดนั้น
ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ชื่อของผู้ส่งข้อความเป็นคนที่ซูเย่คุ้นเคย
เจ้าเวหา : เทพ X นายออนไลน์อยู่ใช่ไหม? ออกมาสู้กันเดี๋ยวนี้!
ประกาศท้าสู้อย่างนั้นหรือ?
ซูเย่นึกถึงกฎระเบียบใหม่ที่เขาเพิ่งอ่านเจอ
ทุกครั้งที่ผู้เล่นออกประกาศท้าทายกันผ่านท้องฟ้าสาธารณะ จำเป็นต้องจ่ายเงิน 188 เหรียญทองแดง
ตามอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินในปัจจุบัน
นั่นเทียบเท่ากับจำนวนเงินประมาณ 1,000 หยวน
“หมอนี่รวยมากหรือไง?”
ซูเย่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
“ครั้งที่แล้วยังไม่เข็ดอีกรึ? หรือว่าครั้งนี้เอาเงินไปซื้ออาวุธวิเศษมาจนมั่นใจแล้ว?”
ทันใดนั้น ข้อความอีกหนึ่งประโยคปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
“นี่คือตำแหน่งที่อยู่ของฉัน : ฉันจะรอนายอยู่ที่นี่ รีบเสนอหน้าออกมาสู้กันถ้านายแน่จริง!”
ซูเย่นิ่งคิดอยู่เล็กน้อย
ก่อนตัดสินใจขี่ตัวหวงเฉิงออกไป
ถ้าอีกฝ่ายมั่นใจในอาวุธใหม่ที่ตนเองซื้อหามามากถึงขนาดนี้ งั้นเขาจะลองทดสอบความแข็งแกร่งดูสักหน่อยก็ได้
ซูเย่ไปตามตำแหน่งที่อีกฝ่ายส่งมาให้
เขาพบว่ามันเป็นทุ่งโล่งกว้าง รายล้อมด้วยผู้เล่นจำนวนมากที่หวังมารับชมการต่อสู้ และบางคนในกลุ่มคนดูก็ถืออาวุธวิเศษและสวมใส่ชุดเกราะสีสันสวยงามราคาแพง
แต่ก็เป็นเพียงคนกลุ่มน้อยเท่านั้น
เพราะคนกลุ่มใหญ่ยังคงเป็นผู้เล่นธรรมดา มีเงินพอซื้อสกินราคาถูกมาประดับร่างกาย โดยไร้ประสิทธิภาพด้านการต่อสู้
พวกเขาต่างมารวมตัวกันเมื่อเห็นข้อความท้าทายท่านเทพ X จากเจ้าเวหาเป็นครั้งที่สอง
ในที่สุด ท่านเทพ X ที่หายตัวไปเนิ่นนานก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง!
นี่คือครั้งที่สองที่เจ้าเวหาท้าสู้กับเทพ X แต่หลังจากระบบเกมเพิ่มสกุลเงินเหรียญทองคำคริปตันเข้ามา ก็ไม่มีใครรู้อีกแล้วว่าผลการต่อสู้จะเป็นเช่นไร
แล้วยังจะมีใครพลาดชมโอกาสดีๆ เช่นนี้ได้อีก!
เจ้าเวหายืนอยู่กลางทุ่งโล่ง
ตั้งแต่หัวจรดเท้าสวมใส่ชุดเกราะสีทองคำเป็นประกายระยิบวิบวับ และในมือของเขาก็ถือดาบทองคำที่มีราคาสูงถึงหนึ่งล้านหยวน!
ชายหนุ่มมีท่าทางมั่นใจเป็นอย่างมาก
ครั้งนี้ เขารู้สึกว่าตนเองแข็งแกร่งมากที่สุดในชีวิต
ตอนนี้ เจ้าเวหาพร้อมสู้กับทุกคน! ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเทพ X หรือเจ้า ‘เวรกรรม ทำไมถึงตั้งชื่อยากเย็นขนาดนี้ฮะ’ ก็ตาม!
“มาแล้วสินะ?”
เจ้าเวหาหรี่ตาลงจ้องมองซูเย่ที่ขี่ตัวเฉิงหวงเข้ามา
ท่านเทพ X มาแล้วหรือ?
วูบ!
ทันใดนั้น ทุกสายตาหันมาจ้องมองซูเย่เป็นหนึ่งเดียว
กลุ่มคนดูล้วนรู้สึกเหมือนกันว่า
นี่หรือคือท่านเทพ X ในตำนาน?
ในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว!
เจ้าเวหาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันซื้อสกินชุดเกราะคุณภาพดีที่สุด ซื้อตำราฝึกวิทยายุทธ์ที่ราคาแพงที่สุด ปัจจุบันฉันอยู่ในเลเวล 39 อาวุธที่ใช้ยังเป็นอาวุธวิเศษคุณภาพสูง วันนี้โอกาสแก้มือของฉันได้มาถึงแล้ว”
พูดจบ เขาก็ตวัดดาบในมือ
คมดาบอวดประกายวูบวาบ
ช่างดูน่าเกรงขามยิ่งนัก!
เรียกเสียงฮือฮาได้จากผู้คนรอบบริเวณ
ให้ตายสิ! เท่เหลือเกิน!
“พวกเราไม่ต้องพูดมาก มาแสดงฝีมือกันเลยดีกว่า!” เจ้าเวหาว่าพร้อมดีดตัวโจมตีใส่ซูเย่ด้วยความรวดเร็ว!!
[1] เส้นลมปราณบริเวณแขนด้านนอก
[2] ทั้งสองจุดนี้เป็นจุดย่อยภายในเส้นลมปราณซันเซียว