เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 5 รักษาฮั่วเสี่ยวเหอ
บทที่ 5 รักษาฮั่วเสี่ยวเหอ
เงาร่างของซูเย่วาดผ่าน ประหนึ่งเสือชีตาห์ในป่าที่พุ่งทะยานตัวไปด้วยความรวดเร็ว
เมื่อเห็นฉากนี้ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าพลันตกตะลึง แล้วรีบกระชับปืนในมือ เตรียมค่อยป้องกันให้ซูเย่
ทว่าในตอนที่เขากำลังกังวลว่าซูเย่จะเกิดเรื่อง
“อ๊าก อ๊ากก” เสียงดังอย่างตกใจดังขึ้นติดต่อกัน
พวกแก๊งลักลอบฆ่าสัตว์ป่า ถูกซูเย่จัดการงั้นเหรอ?
พวกนั้นไม่มีแม้แต่แรงจะโต้กลับ?
เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าตะลึงค้าง
วัยรุ่นคนหนึ่ง จัดการพวกแก๊งล่าสัตว์ที่มีปืนด้วยมือเปล่า? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“โทรแจ้งตำรวจเถอะครับ พวกมันหนีไม่ได้แล้ว”
เสียงของซูเย่ดังออกมาจากป่า
จากนั้นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าถึงมีสติกลับมา แล้วรีบรุดไปยังตำแหน่งของซูเย่ทันที
ในขณะที่วิ่ง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดหมายเลข 110 เพื่อโทรหาตำรวจ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงกล้ามาตัดเขากวางเพียงลำพัง ด้วยทักษะเช่นนี้ในผืนป่าแห่งนี้ จะมีสัตว์ป่าตัวไหนเป็นศัตรูกับซูเย่ได้ หมีดำตัวใหญ่ก็อาจจะทำอะไรชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ตำรวจก็มาถึง จับกุมคนทั้งห้าและนำของกลางทั้งหมดไป
“ขอบคุณนายมาก ฉันส่งแค่ตรงนี้นะ ถ้ามีโอกาสก็มาอีกได้”
หลังจากส่งตำรวจกลับไป เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ถามซูเย่ว่าเขาตัดเขากวางได้ยังไง แค่เพียงบอกลาแล้วกลับไปลาดตระเวนในป่าต่อ
เมื่อเสร็จธุระก็ไม่มีอะไรต้องข้องเกี่ยวกันอีก
“ไว้มีโอกาส ผมจะมาเยี่ยมครับ” ซูเย่กล่าวอย่างยิ้มแย้ม เมื่อเดินออกมาจากป่าก็จึงขึ้นนั่งรถคันเดิมเพื่อกลับไปยังสนามบิน
“หลอมยาเรียบร้อยแล้ว ผมจะกลับจี้หยางเลย และผมก็ต้องการห้องเดี่ยวสำหรับการรักษา”
เมื่อขึ้นรถ ซูเย่ก็ต่อสายหาฮั่วชือฉิง
“ได้ ฉันจะรอนายมา” ฮั่วชือฉิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ผ่านไปสองชั่วโมงครึ่ง ซูเย่นั่งเครื่องบนส่วนตัว ลงจอดที่สนามบินนานาชาติจี้หยาง ภายใต้การเตรียมการของฮั่วชือฉิง ซูเย่ถูกพามายังเรือนกระจกสำหรับปลูกสมุนไพรที่เดิม
เนื่องจากเสี่ยวมู่ร่างกายอ่อนแอ ไม่สามารถโดยสารรถได้ จึงทำได้เพียงรออยู่ที่นั่น
เมื่อมาถึงซูเย่ก็เดินเข้าไปในเรือนกระจก และ ณ ที่นั้น เขาก็เห็นว่าอาจารย์หลี่เคอหมิงก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
“ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ฮั่ว อาจารย์ของฉันจะรู้เกี่ยวกับเทียบยาที่นายเสนอมา แต่พวกเขาก็กลัวว่าอาจารย์จะอารมณ์ไม่มั่นคง จึงยังไม่ได้นำเรื่องในวันนี้ไปบอก แต่เขากังวลมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน เพราะงั้นฉันคงต้องถามว่านายมีความมั่นใจหรือไม่?”
หลี่เคอหมิงเดินเข้ามารับและกระซิบเสียงเบา
“ครับ” ซูเย่พยักหน้ารับ
“ยาละ?” ฮั่วชือฉิงรุดเข้ามา ถามด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้น
“เตรียมห้องรักษาหรือยังครับ?” ซูเย่ถามกลับ
“เตรียมเอาไว้แล้ว” ฮั่วชือฉิงผายมือไปทางห้องดังกล่าวทันที “เสี่ยวเหออยู่ในห้องแล้ว”
“พวกคุณยังไม่ต้องเข้ามา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง” ขณะพูดซูเย่ก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ผลักบานประตูแล้วก้าวเข้าไป
กลุ่มคนตระกูลฮั่วหยุดฝีเท้าลง อยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูด ท้ายที่สุด พวกเขาทำได้เพียงเดินตามหลี่เคอหมิงออกไปนอกห้องเพื่อรอผล
ภายในห้อง ฮั่วเสี่ยวเหอกำลังนอนอยู่บนเตียง มองดูดอกทานตะวันที่ขอบข้างหน้าต่าง
เมื่อได้ยินเสียงผลักประตู ฮั่วเสี่ยวเหอหันศีรษะไปมองแล้วยิ้มหวานให้ซูเย่ ดวงหน้าของเธอซีดกว่าก่อนหน้านี้จนแทบไม่เห็นสีของริมฝีปาก
“หนูดูดีขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันอีกนะ” ซูเย่ปิดประตูและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หนูก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ”
ฮั่วเสี่ยวเหอยิ้ม “แต่ว่าคุณอาหญิงไม่เชื่อ”
“ไม่เป็นไรนะ”
ซูเย่ยิ้มและพยักหน้า “อีกสักครู่ เธอก็จะเชื่อแล้ว”
“พี่ชายช่วยรักษาโรคของหนูได้จริงเหรอคะ?” ฮั่วเสี่ยวเหอถามด้วยความประหลาดใจ
“ได้สิ” ซูเย่พยักหน้ายืนยัน
“หนูเชื่อพี่นะ” ฮั่วเสี่ยวเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซูเย่เดินไปที่หน้าต่างและปิดมันลง
“นอนลงก่อน” ซูเย่เอ่ย
เสี่ยวเหอทำตามทันที
“ต่อไปอาจจะเวียนหัวจนทำให้หลับไป” ซูเย่เตือน
“ค่ะ” ฮั่วเสี่ยวเหอพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“กินยาเม็ดนี้ลงไป” ซูเย่หยิบยาลูกกลอนที่เขากลั่นเมื่อสองชั่วโมงก่อนออกมาและให้ฮั่วเสี่ยวเหอกลืนเม็ดยาลงสู่กระเพาะอาหาร
ซูเย่ยืดมือออกไปกดที่คอของฮั่วเสี่ยวเหอเบาๆ ทำให้เธอผล็อยหลับไป
เมื่อเสร็จเรียบร้อย
ซูเย่ท่องคาถาเบาๆ
“ปลูกฝังคุณธรรมอย่าหยุดยั้ง ขจัดความชั่วร้ายให้สิ้นไป”
ซูเย่กดมือลงบนท้องของฮั่วเสี่ยวเหอเบาๆ พบว่าร่างกายของเธออ่อนแอมากนัก
เสียงร่ายคาถาจบลง
พลังปราณปรากฏออกมาจากทั่วสารทิศ รวมกันเป็นกระแสธาร และไหลผ่านเข้าไปในร่างของฮั่วเสี่ยวเหออย่างรวดเร็วโดยมีฝ่ามือของเขาเป็นสื่อกลาง
ขณะที่โคจรพลังปราณเข้าสู่ร่างกายฮั่วเสี่ยวเหอ ซูเย่รับรู้สภาพร่างกายของเธออย่างชัดเจนในทันที …นี่มันราวกับตะเกียงใกล้ไร้น้ำมัน!
ในตอนแรก เขาวินิจฉัยว่าเธอยังมีเวลาอีกสามเดือน นี่เพียงแค่เดือนเดียวก็ย่ำแย่ลงขนาดนี้เชียวหรือ?
‘บางทีอาจเกิดจากการยืนกรานที่จะแสดงให้เห็นว่าตัวเองแข็งแรงดีต่อหน้าญาติพี่น้อง และไม่ได้พักผ่อนอย่างเหมาะสม’ ซูเย่ถอนหายใจเบาๆ และคิดในใจ
เขาโคจรพลังปราณอย่างระมัดระวังเพื่อช่วยดรุณีน้อยปรับสมดุลเม็ดยา และชักนำยาให้กระจายฤทธิ์แทรกซึมทุกมุมของร่างกายอย่างรวดเร็ว
ภายใต้ฤทธิ์ยาที่กระจายไป ร่างกายของฮั่วเสี่ยวเหอเริ่มดีขึ้น และพลังหยินหยางโดยกำเนิดในร่างกายเริ่มเติบโตอย่างช้าๆ จากการบำรุงของยา
การเติบโตของพลังหยินหยางโดยกำเนิด ควบคู่ไปกับพลังปราณและฤทธิ์ยา ทำให้ลมปราณและเลือดของเธอเริ่มได้รับการเปลี่ยนแปลงอันพลิกผัน
หยินหยางและเลือดมีความสมดุลมากขึ้น บนดวงหน้าน้อยอันซีดขาวปรากฏเลือดฝาดจางๆ จากนั้นมันก็กลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
……
ด้านนอกห้อง
“หลี่เคอหมิง ซูเย่จะทำได้จริงหรือเปล่า?” ฮั่วชือฉิงเดินวนไปมาอย่างร้อนใจ ในสายตาเต็มไปด้วยความกังวล
“ฉันก็ไม่รู้” หลี่เคอหมิงส่ายหน้า “ฉันได้พูดคุยกับอาจารย์ในรายละเอียดเกี่ยวกับเทียบยาที่เขากำหนด มันช่วยอาการของเสี่ยวเหอได้ในระดับหนึ่ง แต่ตัวยาค่อนข้างรุนแรง ฉันไม่แน่ใจว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ฉันกังวลว่าร่างกายของเสี่ยวเหอจะทนไม่ไหว”
ฝีเท้าของฮั่วชือฉิงหยุดลงทันที แล้วเดินเร็วขึ้นกว่าเดิม ท่าทางของเธอไม่มั่นคงนัก
ตัวยาเหล่านี้เธอหามาเองกับมือ แน่นอนว่าเธอรู้ดี ยาอายุร้อยปีเหล่านี้มีฤทธิ์รุนแรงเพียงใด เธอเคยคิดเกี่ยวกับปัญหานี้แล้วว่าร่างกายของเสี่ยวเหอสามารถทนต่อผลกระทบของสมุนไพรเหล่านี้ได้หรือไม่? อย่างไรก็ตาม เพื่อเสี่ยวเหอเธอทำได้เพียงลองดู
“ขอให้พระเจ้าทรงอวยพรให้เด็กที่น่าสงสารคนนี้”
ทำได้เพียงลองดูเท่านั้น!!
ไม่เพียงแต่หลี่เคอหมิงและฮั่วชือฉิงเท่านั้น แต่ยังมีญาติหลายคนของฮั่วเสี่ยวเหอยืนอยู่นอกเรือนกระจก ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความกังวล กลัวว่าจะเกิดเรื่องปัญหาอะไรขึ้น
หลายครั้งที่ฮั่วชือฉิงต้องการเดินเข้าไปในเรือนกระจกและเข้าไปดูในห้องว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ในที่สุดเธอทำได้เพียงอดทนรอ
……
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ภายในห้อง ศีรษะของซูเย่อาบย้อมไปด้วยหยาดเหงื่อ ใบหน้าซีดขาว
ระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ปราณในร่างถูกดึงออกมาใช้จนหมดเกลี้ยง เพราะการกระตุ้นพลังงานหยินหยางแต่กำเนิดมันจำเป็นต้องใช้พลังปราณมหาศาล
ถ้าหากเขาไม่ใช่ระดับสองเปิดเก้าจุดลมปราณ และร่ายคาถายืมปราณธรรมชาติมาช่วย ในตอนนี้ก็คงทนไม่ไหวแล้ว
“เฮ้อ..” กระตุ้นธาตุหยินหยางกำเนิดในร่างของเสี่ยวเหอ เมื่อเห็นใบหน้าและร่างกายของฮั่วเสี่ยวเหอดีขึ้นอย่างสมบูรณ์ ซูเย่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและดึงฝ่ามือของเขาออก
ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู
นอกเรือนกระจก เมื่อเห็นประตูเปิดออก ฮั่วชือฉิงและคนอื่นๆ ก็รีบวิ่งไปทันที
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
ฮั่วชือฉิงมองที่ซูเย่แล้วเอ่ยถามอย่างประหม่า เมื่อเห็นใบหน้าของซูเย่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ หลี่เคอหมิงก็รีบเข้าไปช่วยประคองซูเย่
“นายไหวไหม?”
สถานการณ์แบบนี้มันเป็นครั้งที่สองที่เคยเห็น ครั้งแรกคือตอนที่ต่อขาให้ชายคนหนึ่งที่หมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนก็เป็นเช่นนี้ และในครั้งนั้นปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้น!
ครั้งนี้……
“ไม่เป็นไรครับ”
ซูเย่ยิ้มพลางกล่าว “พักสักหน่อยก็ดีขึ้น”
แล้วเขาก็หันไปมองฮั่วชือฉิง “รักษาเสร็จแล้วครับ ไม่ใช่เพียงต่อลมหายใจ แต่เป็นรักษาหายแล้ว”
“อะไรนะ?!” ฮั่วชือฉิงกล่าวอย่างตกตะลึง รีบรุดเข้าไปในห้อง คนอื่นๆ ก็รีบตามเข้าไปเช่นกัน
เมื่อเข้ามาภายในห้อง มองเห็นฮั่วเสี่ยงเหอที่นอนอยู่บนเตียง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความตื่นเต้น
พวกเขาเห็นว่าใบหน้าของฮั่วเสี่ยวเหอเริ่มขึ้นสีแดงฝาด!
หลี่เคอหมิงมองทุกอย่างด้วยความประหลาดใจ และรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบชีพจรของฮั่วเสี่ยวเหอ
ดีขึ้นแล้วจริงๆ! หลี่เคอหมิงรู้สึกตกใจ โรคนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนจีนยังรักษาไม่หาย
ซูเย่รักษาหายได้จริงหรือ?
“เป็นยังไงบ้าง?” ฮั่วชือฉิงถามอย่างประหม่า
“ดีมาก ไม่มีปัญหาเลย” หลี่เคอหมิงเหลือบมองซูเย่อย่างไม่เชื่อสายตา
“จริงหรือ?” ฮั่วชือฉิงรู้สึกตื่นเต้นและตรวจสอบอย่างรวดเร็ว
ครอบครัวฮั่วที่อยู่ในห้องต่างตื่นเต้น
เสียงดังจอแจของกลุ่มคน ปลุกฮั่วเสี่ยวเหอให้ตื่นขึ้น จากนั้นขยับร่างกายส่วนบน แล้วมองไปรอบๆ อย่างสับสน รู้สึกถึงร่ายกายที่เบาสบายและแข็งแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เธอจึงพลันตกตะลึง หลังจากลุกจากเตียง ทั้งร่างราวกับถูกแช่แข็ง หลังจากนั้นก็ยิ้มออกมา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอย่างไม่อาจควบคุม
สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้า แม้แต่ฮั่วชือฉิงก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ด้วยความดีใจ
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะลุกขึ้นนั่งหรือลุกออกจากเตียง ฮั่วเสี่ยวเหอจำเป็นต้องมีคนค่อยช่วยเหลือเสมอ แต่ตอนนี้ในฮั่วเสี่ยวเหอกลับมาเหมือนเด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย!!
“ซูเย่” ฮั่วชือฉิงสูดหายใจเข้าหนึ่งเฮือกเพื่อระงับอาการตื่นเต้น แล้วพาฮั่วเสี่ยวเหอไปยังเบื้องหน้าของซูเย่แล้วโค้งคำนับ โชคดีที่ซูเย่ตอบสนองอย่างรวดเร็วและหยุดเธอไว้ทัน
“ขอบคุณมาก” ฮั่วชือฉิงจับมือของซูเย่อย่างตื้นตันใจ “เราพยายามมาหลายวิธีเพื่อรักษาโรคของเสี่ยวเหอ หลังจากลองมาหลายปีกลับไม่มีผลเลย ฉันไม่ได้คาดหวังว่านายจะรักษาร่างกายของเสี่ยวเหอได้จริงๆ ขอบคุณมากขอบคุณมาก!”
“ด้วยความยินดีครับ” ซูเย่เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ในฐานะแพทย์แผนจีน การช่วยชีวิตคนป่วยรักษาผู้บาดเจ็บคือสิ่งที่พึ่งควรกระทำ”
“กล่าวได้ดี!” หลี่เคอหมิงเอ่ยชื่นชมด้วยความพึงพอใจ
ซูเย่ยิ้มรับ ทันใดนั้นในหัวของเขาก็มีเสียง “ติ๊ง” และรับรู้ได้ทันที
คะแนนคุณธรรม +1
มีคะแนนคุณธรรม 78 คะแนนแล้ว
“นายรักษาเสี่ยวเหอได้ ถือเป็นบุญคุณสำหรับตระกูลฮั่วของพวกเรา ต่อไปถ้ามีปัญหาอะไรมาหาฉันได้เสมอ ไม่ว่าจะให้ทำอะไรฉันไม่บ่ายเบี่ยงแน่นอน” ฮั่วชือฉิงกล่าว
ซูเย่พยักหน้ารับ
น้ำใจของตระกูลฮั่ว สำหรับตัวเขาแล้วคงมีประโยชน์พอดู ต่อไปถ้าต้องการสมุนไพรหายาก ไม่แน่ว่าฮั่วชือฉิงจะพอช่วยได้
เมื่อเห็นดังนั้น ฮั่วชือฉิงจึงหันกายไป และตรวจร่างกายให้ฮั่วเสี่ยวเหออย่างรอบคอบตั้งแต่หัวจรดเท้า ส่วนสมาชิกในครอบครัวฮั่วคนอื่นๆ ต่างก็ห้อมล้อมเข้ามาด้วยความสุขล้น
“ตามฉันมา”
หลี่เคอหมิงยิ้มและเหลือบมองไปที่ครอบครัวฮั่วที่ตื่นเต้น แล้วดึงซูเย่ออกไป
“ร่างกายนายโอเคไหม” เมื่อเขาเดินออกจากห้อง หลี่เคอหมิงถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรครับ” ซูเย่ยิ้มพลางพยักหน้า
แม้ว่าเมื่อกี้นี้เขาจะอ่อนแรงเล็กน้อย แต่ร่างกายของเขาดูดซับปราณจากธรรมชาติเข้ามา ทำให้ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว
“งั้นก็ดี” หลี่เคอหมิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วกล่าวเพิ่มเติม “การแข่งขันความสามารถทางแพทย์แผนจีนกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกประมาณสิบวัน อีกสามวันมหาวิทยาลัยจะปิดเทอมแล้ว นายสามารถกลับบ้านก่อนและพักผ่อนให้สบายใจในช่วงเวลานี้ หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ไปรวบตัวที่เมืองตี้ตู มีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 100 คน นายจะต้องเตรียมความพร้อมให้ดี”
“ครับ”
ซูเย่พยักหน้าอย่างเข้าใจ “ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
เขาจะต้องรีบกลับไปจัดการโอสถคืนวิญญาณเพื่อเลื่อนขึ้นระดับสาม!!!