เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 51 ซูเย่คือเทพเจ้าเวรกรรม
บทที่ 51 ซูเย่คือเทพเจ้าเวรกรรม?
“ลูกของฉันเก่งจริงๆ”
คุณแม่ซูตบขาของซูเย่เบาๆ อย่างมีความสุขแล้วกล่าวขึ้น
ซูเย่ยิ้มรับ
“สวมหมวก VR เข้าออนไลน์สี่ทุ่มให้ตรงเวลา เพื่อเริ่มการบันทึกตอนที่หก”
จ้าวเหมียนส่งข้อความแจ้งทุกคน
ซูเย่มองดูนาฬิกา เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาสี่ทุ่มแล้ว ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ห้องนอน
เมื่อเวลาสี่ทุ่ม ซูเย่ก็สวมหมวก VR เข้าสู่โลกแห่ง Fantasy Dream อย่างตรงเวลา
เมื่อคลิกที่พิกัดที่ได้รับจากทีมผู้กำกับ ในไม่ช้าซูเย่ก็มาถึงพื้นที่พิเศษ
ที่นี่คือสวนยา
เมื่อซูเย่มาถึง พนักงานและพิธีกรของกลุ่มผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ต่างมากับครบทุกคน แต่กลับไม่มีตากล้องปรากฏตัว
เพราะยังไงก็สามารถใช้ฟังก์ชันบันทึกวิดีโอในเกมได้โดยตรง ไม่ว่าคุณจะเลือกบันทึกมุมไหน ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ในภายหลัง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้ตากล้อง
หนึ่งนาทีต่อมา หวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนก็มาถึงแล้ว
“คนมาครบแล้ว”
พิธีกรยืนขึ้นแล้วพูดต่อ “ขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสามที่เป็นสามอันดับแรกของรายการอนาคตแพทย์แผนจีนของเรา วันนี้คือการบันทึกรายการวันสุดท้ายและชัยชนะครั้งสุดท้ายจะถูกตัดสินในการแข่งขันครั้งนี้ ดังนั้นผมหวังว่า ทุกคนจะสามารถพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดึงเอาศักยภาพที่ดีที่สุดของคุณออกมาแข่งขันในการแข่งขันครั้งนี้”
ทั้งสามพยักหน้าเข้าใจ
“โอเค งั้นตอนนี้ผมจะขอประกาศเนื้อหาของการสอบครั้งนี้เลยนะครับ”
พิธีกรกล่าวต่อทันที “การประเมินนี้เกี่ยวกับการเก็บสมุนไพร การหลอมยา กล่าวคือเก็บสมุนไพรเพื่อมาหลอมเป็นยาลูกกลอนนั่นเอง คุณต้องเก็บสมุนไพรเอง สามารถเร่งเวลาในการหลอมยาได้ตามระบบ สิ่งอื่นนอกจากนี้จะเหมือนกับโลกแห่งความจริงทุกประการ”
หลอมยา?
หลังจากได้ยินคำพูดของพิธีกร พวกเขาทั้งสามก็เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงต้องแข่งขันในโลกของเกม
เพราะหากเป็นการหลอมยาในโลกแห่งความเป็นจริง… ก็ไม่รู้ได้ว่าอีกกี่วันกว่าจะแล้วเสร็จ
การที่สามารถเร่งเวลาการหลอมยาในเกมได้เป็นการช่วยประหยัดเวลาได้มาก
“เอาล่ะ ตอนนี้โปรดแสดง ID เกมของพวกคุณ”
พิธีกรเอ่ยพูด “ผมต้องป้อน ID เกมของคุณเข้าสู่ระบบเพื่อปิดการอนุญาตใช้หอสมุดในเกมของคุณเพื่อความสะดวกในการสอบที่กำลังจะเริ่ม”
ซูเย่เปิดแสดง ID โดยไม่ลังเล
หวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนที่อยู่ด้านข้าง ก็แสดง ID เกมของพวกเขาเช่นกัน
ID ของ หวังจี้เชาคือ อีถูช่วยเจียว (หนทางแพทย์สว่างสดใส)
ID ของหลี่เฉิงเยี่ยนคือ เตาปูโมวเย่าเซิงซิ่ว (มีดหากไม่ลับก็จะขึ้นสนิม)
เมื่อเห็นชื่อทั้งสองคน ซูเย่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
ชื่อของหวังจี้เชาดูไร้ยางอายไปหน่อย ส่วนชื่อของหลี่เฉิงเยี่ยนค่อนข้างน่าสนใจ ชื่อของเขาคือครึ่งแรกของสุภาษิต ประโยคเต็มของคำกล่าวนี้คือ ‘มีดหากไม่ลับก็จะขึ้นสนิม คนหากไม่เรียนรู้จะล้าหลัง’
ซูเย่แตกต่างออกไป เมื่อเขาเปิดเผยไอดีของเขา ทุกคนพลันตื่นตกใจ
เวรกรรม ทำไมตั้งชื่อยากเย็นขนาดนี้ฮะ?
นายคือเทพเจ้าเวรกรรม???
“บ้าจริง!!”
“ซูเย่คือเจ้าเวรกรรม?”
“นายคือเจ้าเวรกรรม? เทพอันดับสอง?”
“เขาคือเทพอีกคนของโลก Fantasy Dream เชียวนะ!”
สมาชิกทุกคนในกลุ่มทีมงานมองที่ซูเย่อย่างที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง
หลี่เฉิงเหยียนจ้องไปที่ซูเย่ด้วยความตกใจ
ดวงตาของหวังจี้เชาเบิกกว้างยิ่งขึ้นราวกับว่าเขาเห็นบางสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สายตาของเขาที่มองไปยังซูเย่ เต็มไปด้วยความตกใจและยากจะทำใจเชื่อได้ลง
ซูเย่เป็นบุคคลระดับเทพในโลก Fantasy Dream จริงเหรอ?
เขาเก่งมาแล้วในโลกความเป็นจริง แต่ในเกมเขาก็ทรงพลังเช่นกัน?
เมื่อเทียบกับคนที่ยังอึ้งค้างอยู่ หลังจากตะลึงค้างไปชั่วครู่ จ้าวเหมียนพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแทน
เขาไม่ได้คาดหวังว่านอกจากความสามารถในชีวิตจริงแล้ว ซูเย่จะมีตัวตนเป็นระดับเทพในเกมด้วย!
จะต้องรู้ว่า ตอนนี้ความนิยมของเกม Fantasy Dream ได้ครอบคลุมทุกครัวเรือนทั่วประเทศ ในกรณีเช่นนี้ ในฐานะเจ้าเวรกรรมที่เป็นเทพในเกมจะต้องเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางแน่นอน
เทพเจ้าเวรกรรมมาเข้าร่วมรายการวาไรตี้?
เทพเจ้าเวรกรรมคือฐานะที่แท้จริงของซูเย่?
นี้จะต้องกลายเป็นจุดขายแน่นอน!
เมื่อมีเรื่องนี้ เรตติ้งทะลุ 2.5 ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว!
โชคหล่นทับไม่รู้ตัว โชคก้อนใหญ่เสียด้วย!
“การลงทะเบียนเสร็จสิ้น”
พิธีกรระงับความตื่นตะลึงไว้ในใจ และหลังจากทั้งสามรายงาน ID ของตัวเองแล้วเขาก็กล่าวต่อ “อย่างที่ทุกคนเห็น ที่นี่คือสวนยา คุณสามารถเลือกสมุนไพรที่ต้องการได้ที่นี่ ถึงแม้ว่าจะมีมอนสเตอร์อยู่ แต่ไม่ต้องกลัว เพื่อปกป้องความปลอดภัยของคุณ ทีมงานได้เชิญผู้คุ้มกันหกคนมาเป็นพิเศษสำหรับพวกคุณทุกคน ซึ่งพวกเขาต่างก็อยู่ในสิบอันดับแรกในตารางจัดอันดับ”
“เดี๋ยวก็คงมากันแล้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งที่พิธีกรอธิบาย ทั้งสามคนก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่ซูเย่จะกดปกปิด ID ของตัวเขาไว้ เพราะเขากลัวว่าเดี๋ยวคนจะตื่นตกใจอีก
ในเวลาไม่นาน ผู้เล่นหกคนที่มีประกายแสงเจิดจรัสเดินถืออาวุธที่ดูพิเศษเข้ามาที่สวนยา
หลังจากกวาดสายตามองออกไปดูอย่างรวดเร็ว ก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ หกคนนี้เป็นผู้เล่นที่จ่ายเงินซื้อไอเทมในเกมไปไม่น้อยอย่างแน่นอน
เมื่อมองดูใกล้ๆ ซูเย่พบว่า ‘หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียง’ (ฉันกำลังโบยบิน) ไม่ได้อยู่ในหมู่พวกเขา แต่หลังจากตรวจสอบดู คนทั้งหกนี้อยู่ในสิบอันดับแรกของตารางการจัดอันดับ ซึ่งทั้งหมดอยู่เหนือเลเวล 39
พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้เล่นธรรมดา ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์
“วันนี้งานของพวกคุณคือปกป้องผู้เข้าแข่งขันจากมอนสเตอร์ในสวนยาแห่งนี้ เพื่อให้พวกเขาสามารถเก็บสมุนไพรที่พวกเขาต้องการได้อย่างปลอดภัย”
พิธีกรหันไปถามคนทั้งหก “มีปัญหาอะไรไหมครับ”
“ไม่มีปัญหาครับ”
ทั้งหกหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ และหนึ่งในนั้นถึงกับก้าวออกมาแล้วพูดขึ้น “มีพวกเราอยู่ มอนสเตอร์เหล่านี้ในสวนยาจะไม่สามารถทำร้ายคุณได้อย่างแน่นอน”
เมื่อซูเย่เห็นว่าทั้งหกคนได้เตรียมเดินมาทางเขา ซูเย่จึงชี้ไปทางหวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนพลางเอ่ยขึ้น
“ผมไม่ต้องก็ได้ ปกป้องแค่พวกเขาสองคนก็พอ”
ไอ้บ้าเอ้ย! เมื่อได้ยินหวังจี้เชาก็หันไปมองค้อนใส่ซูเย่ทันที
แค่อันดับสองในเกมแล้วเก่งนักหรือไง!
“ถึงแม้เลเวลของมอนสเตอร์ที่นี่จะไม่ใช่เลเวล 38 แต่คุณก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป ในเกมนี้ไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้นอกจาก เทพ X และเทพเจ้าเวรกรรมหรอกนะ”
หนึ่งคนในกลุ่มพวกเขายืนขึ้นแล้วกล่าวออกมาทันที เขาคิดว่าซูเย่ดูถูกตน ดังนั้นจึงอารมณ์เสียมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อคำพูดของเขาเพิ่งจบลง ชื่อ ID อันแสนคุ้นตาก็ปรากฏบนศีรษะของซูเย่ทันที
เวรกรรม ทำไมตั้งชื่อยากเย็นขนาดนี้ฮะ?
ฮึ ตอนนี้ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหมล่ะ?
“บัดซบ!”
ผู้คุ้มกันทั้งหกคนสบถออกมาด้วยความตกใจ
“นา..ย นายคือเทพเจ้าเวรกรรม?”
พวกเขาทั้งหกอ้าปากค้างตาจ้องไปที่ซูเย่ แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและเริ่มพูดติดอ่างเล็กน้อย
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่ารับงานมาทำเพื่อหาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ จะทำให้ได้พบกับเทพเจ้าเวรกรรมผู้ยิ่งใหญ่
นี่คือเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่หลอกคนมากกว่าหมื่นคนไปตายและต่อสู้กับคนหลายหมื่น!
มีเทพอยู่ทั้งคนยังต้องปกป้องอะไรอีก!
ปกป้องท่านเทพงั้นเราะ?
ให้ท่านเทพมาปกป้องพวกเขามากกว่าน่ะสิ!!!
คนที่ไม่พอใจซูเย่ก่อนหน้านี้ เขายิ้มเจื่อนมาอย่างช่วยไม่ได้
“เวรเอ้ย โชว์เทพอีกแล้วเหรอ”
หวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนหันไปอีกทาง
“โอเคแล้วทุกคน”
เนื่องจากเวลากระชั้นชิด จึงต้องรีบดำเนินรายการ
เขาตะโกนเรียกความสนใจจากทุกคนอีกครั้ง “รายการเริ่มอัดแล้ว ตอนนี้ขอให้ผู้เข้าแข่งขันมารับตำรับยาไปคนละสิบตำรับยา”
ซูเย่ หวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนเดินขึ้นไปรับตำรายาที่พิธีกรเตรียมเอาไว้มาดูทันที
“ผมขอเตือนทุกคนอีกครั้ง”
หลังจากส่งตำรับยาไปแล้ว พิธีกรก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถึงแม้จะเป็นสวนยา แต่ก็เป็นเขตสนามรบด้วย คุณสามารถรวบรวมยาได้ที่นี่ แต่คุณต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ไม่ควรอยู่ไกลจากผู้คุ้มกันทั้งหก ถ้าจำเป็นคุณสามารถปรึกษากับพวกเขาได้เมื่อคุณต้องการ”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ สายตาของพิธีกรก็ไปหยุดที่ซูเย่แล้วกล่าวต่อ “ยกเว้นคุณ”
ซูเย่พยักหน้ารับ
“ตอนนี้เริ่มสอบได้”
ทันทีที่พิธีกรเอ่ยขึ้น สามคนก็ออกไปเก็บสมุนไพรทันที
ตามตำรับยา ซูเย่เห็นยาสมุนไพรที่เขาต้องการจากระยะไกล แม้ว่าจะมีสัตว์ประหลาดคอยเฝ้ายาสมุนไพรอยู่ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ภายใต้การดูแลเอาใจใส่ของทีมงาน หวังจี้เชา หลี่เฉิงเยี่ยนและผู้คุ้มกันทั้งหกเดินไปหาสมุนด้วยกันทันที
ทางด้านซูเย่ ก่อนที่สัตว์ประหลาดจะพบผู้บุกรุกในอาณาเขตของตัวเอง ดาบมือใหม่เล่มเขื่องก็ปรากฏขึ้นในมือของซูเย่
เมื่อสะดาบดาบออกไป มอสเตอร์ก็ตายทันที เมื่อฆ่าตายก็เก็บสมุนไพร
ทุกอย่างไหลลื่นราวสายน้ำไหล
เมื่อเห็นฉากนี้ จ้าวเหมียนที่สังเกตการณ์อยู่ไม่ไกลดวงตาพลันเป็นประกายจ้า “สมแล้วที่ยอดฝีมืออันดับสองในเกม แค่ยกมือฟันดาบก็หล่อเหล่าดูดีขนาดนี้ ฉากนี้ต้องเอาใส่ไปในรายการ!”
อีกด้านหนึ่ง หวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนที่กำลังไล่เก็บสมุนไพรอย่างสบายใจ เพราะอิสระในการเคลื่อนไหว และไม่ถูกคุกคามจากมอนสเตอร์ภายใต้การคุ้มครองของผู้คุ้มกันของพวกเขา
ซูเย่เองก็กำลังเก็บสมุนไพรอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานในการรวบรวมสมุนไพรทั้งหมดที่จำเป็น
และเมื่อเก็บสมุนไพรเสร็จ ชายหนุ่มก็กลับไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่ทีมงานรออยู่
ในยามนี้ มีคนมากกว่า 30 คนปรากฏตัวในเขตปลอดภัย
คนเหล่านี้เป็นผู้ตัดสินจากมหาวิทยาลัยใหญ่ที่เชิญมาโดยผู้จัดการแข่งขัน จุดมุ่งหมายที่พวกเขาเข้ามาคือเพื่อสังเกตการหลอมยาของผู้เข้าแข่งขันทั้ง 3 คนเพื่อทำการให้คะแนน
หลังจากกวาดตามองดูกรรมการทั้งสามสิบคนแล้ว ซูเย่ก็เริ่มหลอมยาทันที
ระบบสมุนไพรยังเป็นระบบที่ใหญ่มากในเกม นอกจากการเก็บสมุนไพรแบบปกติแล้วยังมีการหลอมยาอีกด้วย
เมื่อเปิดระบบสมุนไพร ซูเย่ใส่สมุนไพรชนิดแรก ก่อนจะเปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบเพื่อตากสมุนไพรให้แห้ง
จากนั้นใช้มือหั่นออกเป็นแผ่น
แม้ว่าจะสามารถใช้ระบบทำได้ แต่ก็มีบางสิ่งที่ควรทำด้วยมือตัวเอง
ด้วยการเร่งความเร็วของระบบ กระบวนการเหล่านี้จึงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาไม่นาน หลังจากเตรียมสมุนไพรทั้งหมดแล้ว ซูเย่ก็เริ่มหลอมยา
ตั้งแต่การกลั่นน้ำผึ้ง การผสมสมุนไพร การหลอมยา ทุกขั้นตอนเขาทำได้อย่างละเอียดรอบคอบ
สุดท้ายจึงเคลือบยาด้วยเปลือกขี้ผึ้งเพื่อทำบรรจุภัณฑ์ยาให้สมบูรณ์
ขณะที่เฝ้าดูทุกย่างก้าวของซูเย่ ผู้ตัดสินมากกว่า 30 คนพยักหน้า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพอใจกับการแสดงออกของซูเย่มาก
หลังจากหลอมยาตำรับที่หนึ่งแล้ว ก็หลอมยาตำรับที่สองต่อทันที
เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ภายในเวลาสามชั่วโมง ซูเย่หลอมยาครบสิบตำรับ
และอีกด้านหนึ่ง
หวังจี้เชาใช้เวลาสี่ชั่วโมงกว่าจะเสร็จเพราะเลือกสมุนไพรได้ช้ากว่าเล็กน้อย ในขณะที่หลี่เฉิงเยี่ยนใช้เวลาสี่ชั่วโมงครึ่ง
“การสอบครั้งนี้สิ้นสุดแล้ว”
เมื่อหลี่เฉิงเหยียนเสร็จสิ้นการสอบ พิธีกรก็เรียกทุกคนมาและกล่าวต่อ “อันดับต่อไป จะทำการประกาศคะแนนของผู้เข้าแข่งขันทั้งสามในรอบนี้”
ผู้ตัดสินสามสิบคนปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่ง
คนหนึ่งเดินออกมา
“อันดับที่สาม หลี่เฉิงเยี่ยน 97 คะแนน”
“อันดับที่สอง หวังจี้เชา 98 คะแนน”
“อันดับที่ ซูเย่ 100 คะแนน!”