เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 67 ออกสำรวจตามหาตัวเฉิงหวง
บทที่ 67 ออกสำรวจตามหาตัวเฉิงหวง
“นี่คือความแตกต่างระหว่างโลกแห่งความจริงกับโลกดิจิตอล”
โมหลี่กล่าว “เกม Fantasy Dream สร้างขึ้นมาจากความทรงจำของสัตว์ประหลาดไนท์แมร์ และทุก ๆ ความทรงจำก็จะมีช่วงเวลาของมัน เช่น ถ้าคุณดึงความทรงจำจากตอนอายุห้าขวบออกมา โลกที่ได้ก็จะเป็นโลกตอนที่คุณมีอายุห้าขวบ ไม่ใช่สภาพของโลกที่เป็นจริงในปัจจุบัน”
“และตำแหน่งสมุนไพรที่พวกคุณเคยเห็น มันคือภาพที่มาจากห้วงอดีต”
“เช่นเดียวกับในดินแดนภูผามหานทีแห่งนี้”
“แม้ว่าสัตว์ประหลาดหลายชนิดจะออกหากินตามถิ่นที่อยู่อาศัยของตนเอง แต่พวกมันไม่มีระบบกฎเกณฑ์คอยกำหนดว่าห้ามเข้าไปในเขตแดนพื้นที่อื่น ๆ เพราะฉะนั้น พวกอสูรกายระดับสูง ๆ จึงสามารถปรากฏตัวได้ในทุกพื้นที่ตลอดเวลาเช่นกัน”
“ดังนั้น อย่าหาว่าผมไม่เตือนพวกคุณ”
โมหลี่ยังคงกล่าวต่อ “สัตว์ประหลาดที่อยู่ที่นี่แตกต่างจากสัตว์ประหลาดที่อยู่ในเกม สัตว์ประหลาดของดินแดนภูผามหานทีสามารถรับมือได้ยากกว่าสัตว์ประหลาดในเกมหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลทางกายภาพของพวกมันตัวจริง ยังแตกต่างจากพวกตัวที่อยู่ในเกมอีกด้วย”
“สัตว์ประหลาดที่พวกคุณพบในเกมนั้น มีความน่ากลัวเพียง 70% ของสัตว์ประหลาดตัวจริง”
“เพราะฉะนั้น ขอให้พวกคุณระมัดระวังตัวเอาไว้ให้ดี!”
ไป๋จือเหยียนชูมือขึ้นสูงในอากาศ แววตาตื่นตระหนกถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นในฉับพลัน “งั้นฉันขอทดสอบดูหน่อยได้ไหมคะ ว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้จะแตกต่างจากในเกมมากแค่ไหน”
“ระวังตัวด้วยนะ”
หวังห่าวต้องเตือนออกมาอีกครั้ง
แต่ยังพูดไม่ทันจบ
หญิงสาวก็วิ่งออกไปจากกลุ่มคนแล้ว
ช้าเกินไปที่ไป๋จือหรานจะขัดขวางน้องสาวฝาแฝดของเธอได้ สิ่งเดียวที่หญิงสาวสามารถทำได้ ก็คือการติดตามไปเพื่อคอยป้องกันอันตรายให้แก่ไป๋จือเหยียนเท่านั้น
ทุกคนจึงได้แต่มองตามสองสาวฝาแฝดไป๋จือไปด้วยความเป็นห่วง
ซูเย่มองแผ่นหลังของพวกเธอด้วยความเคารพเลื่อมใส
นับเป็นผู้หญิงที่ใจกล้าจริง ๆ!
“โฮก!”
เสือดาวภูเขากลายพันธุ์กระโดดออกมาจากยอดไม้ กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าใส่สองสาวฝาแฝดไป๋จือ
พวกเธอเคยมีประสบการณ์โลดแล่นอยู่ในเขตแผนที่ระดับ 30 – 40 มานานนับเดือน
ไป๋จือเหยียนคุ้นชินกับรูปแบบการโจมตีของเสือดาวภูเขาอยู่แล้ว เธอจึงสามารถหลบหลีกการโจมตีของมันได้อย่างทันท่วงที
ในเวลาเดียวกันนี้ หญิงสาวก็เหวี่ยงดาบที่ได้มาจากหอรับภารกิจ หมายตัดหัวของเจ้าเสือดาวกลายพันธุ์ตัวนี้ให้ขาดกระเด็น
ถ้าอยู่ในเกม เจ้าเสือดาวไม่มีทางรอดพ้นดาบนี้ของไป๋จือเหยียนได้แน่ ๆ
แต่ที่นี่แตกต่างออกไป
ยังไม่ทันที่ดาบในมือของไป๋จือเหยียนจะได้ฟันลงมา เจ้าเสือดาวก็ก้มต่ำลงและม้วนตัวกลิ้งไปด้านข้างทันที
ดังนั้น คมดาบจึงฟันใส่อากาศธาตุที่ว่างเปล่า และในวินาทีนั้น เจ้าเสือดาวภูเขากลายพันธุ์ก็กระโจนเข้าเล่นงานไป๋จือเหยียนอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
ด้วยความดุร้ายอำมหิต!
ไป๋จือเหยียนรีบถอยหลังหลบหนีโดยเร็ว
“พวกเราลุย!”
พลัน ซูชือยกมือส่งสัญญาณให้กับทุกคน
เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินดังนี้ พวกเขาก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือสองสาวฝาแฝดทันที
“โฮก!”
เสียงคำรามดังสนั่น
คิดไม่ถึงเลยว่ากลับมีเสือดาวภูเขากลายพันธุ์อีกสองตัวพุ่งออกมาจากชายป่า
กลุ่มคนที่วิ่งเข้าไปช่วยเหลือจึงแยกออกเป็นสามกลุ่ม แบ่งกันรับผิดชอบเสือดาวกลุ่มละหนึ่งตัว
“ยังมีอีก”
เสียงตะโกนเตือนจากหวังห่าวดังขึ้น
จังหวะนั้น
ไม่ทันที่นายตำรวจหนุ่มจะได้พูดอะไรต่อ ซูเย่ผู้ที่ยืนนิ่งเฉยมาโดยตลอดก็กระโจนเข้าไปหาเสือดาวภูเขากลายพันธุ์ตัวที่สี่ ซึ่งกำลังกัดกินตัวอะไรบางอย่างอยู่ในชายป่า
“เจ้าหมอนี่มันรู้มาตั้งแต่แรกแล้วเหรอเนี่ย?”
หวังห่าวยิ้มมุมปาก
“สมแล้วที่เป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระดับพลังหรือความรวดเร็ว ถือว่ายอดเยี่ยมจริง ๆ”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบรับของซูเย่ โมหลี่ก็ชื่นชมออกมาด้วยความจริงใจ
แต่ในวินาทีนั้น
เขากลับต้องประหลาดใจอีกครั้ง
เนื่องจากสิ่งที่เห็นก็คือ
ซูเย่ถือดาบมาตรฐานหนึ่งเล่มกระโดดเข้าไปหาเสือดาวภูเขากลายพันธุ์ตัวที่สี่ และเมื่อมันเงยหน้าขึ้นมาแผดเสียงคำรามก่อนกระโจนโผนใส่ ชายหนุ่มก็แค่โบกสะบัดมือขวาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แล้วคมดาบในมือของเขาก็แทงทะลวงขากรรไกรของเจ้าเสือดาว!
ยอดนักล่าแห่งผืนป่าร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ ลำตัวกับหัวของมันแยกย้ายไปคนละทาง ต้องถึงแก่ความตายในเวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น
เป็นดาบที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน!
โมหลี่เบิกตาโตจ้องมองซูเย่ด้วยความตกตะลึง พูดอะไรไม่ออก
ไม่เคยมีผู้ฝึกยุทธ์หน้าใหม่คนไหนจะสามารถฆ่าเสือดาวภูเขากลายพันธุ์ได้ง่ายดายเช่นนี้มาก่อน
และสีหน้าของซูเย่ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว
หากหมอนี่ไม่ได้มีสภาพจิตใจแข็งแกร่งมาตั้งแต่เด็ก ถ้าอย่างนั้น เขาก็คงต้องเป็นพวกโรคจิตกระหายเลือดในโลกแห่งความจริงแน่นอน!
และภายใต้การปิดล้อมของทุกคน
เสือดาวภูเขากลายพันธุ์อีกสามตัวที่เหลือก็ถูกสังหารหมดสิ้น
หลังจากนั้น
เมื่อโลหิตไหลทะลักออกมาจากซากศพของอสูรกาย กลิ่นคาวของพวกมันก็ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์หน้าใหม่หลายคนต้องวิ่งไปอาเจียนเลยทีเดียว
เมื่อเทียบกับโลกในเกมแล้ว การฆ่าสัตว์ประหลาดในโลกแห่งความจริงมีความน่าสะอิดสะเอียนมากกว่ากันหลายร้อยเท่า!
ไม่ใช่สิ!
ต้องบอกว่าหลายพันเท่าต่างหาก!
เพราะในโลกแห่งเกมไม่ได้เลือดสาดถึงขนาดนี้!
“โอ๊ก!”
ในที่สุด ก็เริ่มมีคนจำนวนมากต้องวิ่งไปอาเจียนตาม ๆ กัน
ส่วนคนที่ยังไม่อาเจียนก็มีใบหน้าบิดเบี้ยวเต็มทน
“นี่คือระดับที่พวกคุณต้องผ่านไปให้ได้ ถ้าแค่นี้พวกคุณยังผ่านไม่ได้ ก็อย่ามาที่นี่อีกเลย!”
โมหลี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ทุกคนสูดหายใจลึก ๆ
รู้สึกกดดันและหนักใจ
“ดูเขาสิ”
หวังห่าวชี้ไปที่ซูเย่
ทุกคนหันหน้ามองตามมือของนายตำรวจหนุ่ม
พวกเขาเห็นซูเย่
ชายหนุ่มไม่ได้มีท่าทีขยะแขยงแม้แต่น้อย เขายกดาบในมือขึ้นและฟันหัวของเจ้าเสือดาวให้แบะออกเป็นสองซีก
ผลึกวิญญาณที่มีขนาดเท่ากับเพชรสีดำเม็ดหนึ่งปรากฏอยู่ด้านในหัวของมัน
“นี่คือผลึกวิญญาณที่อยู่ในเกมสินะครับ?”
ซูเย่ใช้ปลายดาบเขี่ยผลึกวิญญาณก้อนนั้นขึ้นมาอยู่ในมือและเฝ้ามองด้วยความพินิจพิเคราะห์
สีหน้าของเขายังไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
ทุกคนต้องยอมรับในความแข็งแกร่งของเขาแล้วจริง ๆ
“ใช่แล้ว”
โมหลี่พยักหน้าและพูดว่า “นี่คือผลพลอยได้จากการฆ่าสัตว์ประหลาด ผลึกวิญญาณคือแหล่งกักเก็บพลังปราณธรรมชาติในตัวของพวกมันที่บริสุทธิ์มาก คุณสามารถเอามาใช้ดูดซับพลังได้โดยตรง อาจจะไม่ดีเท่าดูดซับพลังจากหยกปราณธรรมชาติ แต่ก็ถือว่าเป็นของดีชนิดหนึ่ง อย่างน้อยก็ดีกว่านั่งดูดซับพลังจากในอากาศแหละนะ”
เมื่อได้ยินคำอธิบาย
ดวงตาของทุกคนก็เป็นประกายแวววาว
นี่ก็เหมือนกับในโลกแห่งเกม
ไป๋จือเหยียนสูดหายใจลึก ก่อนจะกลั้นใจเดินออกไปข้างหน้า เลียนแบบพฤติกรรมของซูเย่ นำผลึกวิญญาณออกมาจากหัวของเสือดาวภูเขากลายพันธุ์ตัวหนึ่ง
ไป๋จือหรานหน้านิ่วคิ้วขมวด และเดินออกไปทำทุกอย่างเช่นเดียวกัน
เมื่อเห็นสองสาวฝาแฝดใจกล้าถึงเพียงนี้ ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ก็เริ่มใช้ดาบของตนเองชำแหละซากเสือดาวดูบ้างเช่นเดียวกัน
โมหลี่มองทุกคนด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะกล่าวต่อ
“สัตว์ประหลาดทุกตัวจะมีผลึกวิญญาณที่แตกต่างกันไป ยิ่งสัตว์ประหลาดตัวนั้นแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ผลึกวิญญาณก็จะยิ่งมีขนาดใหญ่มากเท่านั้น”
“สัตว์ประหลาดในดินแดนภูผามหานทีจะแบ่งแยกตามลำดับชั้น โดยแบ่งเป็นระดับหนึ่งถึงระดับเก้า”
“และสัตว์ประหลาดที่ออกหากินในพื้นที่แถบนี้เป็นพวกระดับสาม”
“แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่เช่นกัน”
โมหลี่ชี้มือไปทางป่าลึกที่อยู่ห่างไกลออกไป “ในป่าน้ำแข็งฝั่งตะวันออกของพื้นที่ระดับสาม ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า หรือดอกไม้สายพันธุ์ต่าง ๆ ล้วนแต่มีน้ำแข็งปกคลุมเป็นชั้นบาง ๆ อยู่ตลอดทั้งปี ที่นั่นคือสถานที่ต้องห้ามสำหรับพวกคุณ อย่าว่าแต่พวกคุณเลย ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สี่หรือขั้นที่ห้า ก็ยังเข้าไปที่นั่นไม่ได้”
“เพราะมันเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก เมื่อคุณเข้าไปแล้ว คุณอาจจะต้องเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัว”
เมื่อได้ยินดังนั้น
ทุกคนก็หันหน้ามองมาที่ซูเย่เป็นจุดเดียว
พวกเขาจำได้ดีว่าป่าน้ำแข็งแห่งนั้นเป็นสถานที่ซึ่งซูเย่หลอกทุกคนให้ไปโดนสัตว์ประหลาดน้ำแข็งฆ่าตาย
อย่าบอกนะว่าที่นี่ก็มีป่าน้ำแข็งแห่งนั้นอยู่ด้วย?
ในมหานครตะวันออกเนี่ยนะ?
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าต้องมีสัตว์ประหลาดน้ำแข็งนอนอยู่ข้างทะเลสาบด้วยน่ะสิ?
ซูเย่ชำเลืองมองมาที่หวังห่าว
ในที่สุด เขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าหวังห่าวจะซื้อข้อมูลจุดอ่อนของสัตว์ประหลาดตัวนั้นไปทำไม ที่แท้ก็เพื่อเอามาใช้สังหารเจ้าสัตว์ประหลาดในโลกแห่งความจริงนั่นเอง
ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้มันยังไม่ถูกฆ่า
คิดได้ดังนั้น
ซูเย่ก็พลันนึกถึงตัวเฉิงหวงเทพเจ้าขึ้นมา!
ในเมื่อสัตว์ประหลาดน้ำแข็งมีจริง ตัวเฉิงหวงก็น่าจะมีจริงเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
พวกมันจะอยู่ในพื้นที่มหานครตะวันออกด้วยหรือเปล่านะ?
หรือว่าพวกมันจะโดนคนของทางรัฐบาลจับตัวไปแล้ว?
ซูเย่ตั้งใจว่าจะหาเวลาไปสำรวจดูสักหน่อย
หลังจากนั้น ทุกคนก็เดินตามการนำทางของโมหลี่มาจนถึงที่ตั้งของอนุสาวรีย์หินขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีความสูงมากกว่า 10 เมตร
บนแผ่นหินขนาดใหญ่นั้นสลักข้อความเอาไว้เพียงไม่กี่คำว่า : สิ้นสุดเขตแดน
“ถัดจากอนุสาวรีย์นี้ไป ก็จะเป็นพื้นที่ระดับสี่ และสิ่งที่อยู่ข้างในก็อันตรายมาก ตอนนี้พวกคุณยังเข้าไปไม่ได้ หรือถ้าพวกคุณอยากจะเข้าไปสำรวจ ก็ต้องรอให้เขตแผนที่ตั้งแต่ระดับ 40 ขึ้นไปในเกม Fantasy Dream เปิดให้เข้าเล่นเสียก่อน”
โมหลี่หันกลับมาส่งยิ้มให้กับทุกคน “วันนี้ภารกิจของผมเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนที่เหลือล้วนแต่เป็นพวกคุณกำหนดเอง ตอนนี้ขอให้แยกย้ายกันไปได้ พวกคุณจะไปทำอะไรกันก็ตามสบาย”
“แต่สุดท้ายนี้ ผมอยากจะฝากข้อคิดเอาไว้สักเล็กน้อยว่า จงรีบหนีเมื่อคุณเจอสัตว์ประหลาดที่สู้ไม่ได้ นี่คือกฎแห่งการอยู่รอดของโลกใบนี้ ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรม การรักษาชีวิตของตนเองคือสิ่งสำคัญที่สุด!”
“ได้โปรดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจและพวกคุณจะขอบคุณผม!”
พูดจบ
โมหลี่ก็ประสานมืออำลาทุกคนก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
ทุกคนประสานมือตอบกลับอำลา
ทว่าในดวงตากลับปรากฏความตื่นเต้น
ในที่สุด พวกเขาก็ได้เป็นอิสระแล้ว!
จากนี้ไป ทุกคนจะได้อาศัยความสามารถของตนเองเอาตัวรอดในโลกแห่งนี้!
“เขาพูดถูกนะ”
เมื่อหวังห่าวเห็นความตื่นเต้นของทุกคนก็ต้องรีบเบรกหัวทิ่ม “ผมไม่อยากได้ยินข่าวเรื่องพวกคุณเสียชีวิต เพราะฉะนั้น ระมัดระวังตัวกันให้มาก ๆ ด้วยละ”
“ทุกคนมีเวลาออกสำรวจ 24 ชั่วโมง และขอเตือนอีกครั้ง อย่าเข้าไปในพื้นที่ระดับสี่เด็ดขาด!”
“ตอนนี้แยกย้ายกันได้!”
เมื่อออกคำสั่งอีกครั้งเรียบร้อย
หวังห่าวก็หมุนตัวเดินกลับไปยังทิศทางที่ตั้งของเมืองมหานครตะวันออก
ทุกคนหันมองหน้ากัน
“ลูกพี่ซู พวกเราไปด้วยกันดีไหม?”
เฉินเซียนเยว่ถาม
ทุกคนหันมาจ้องมองที่ซูเย่
“พวกนายนั่นแหละไปด้วยกัน ฉันไปคนเดียวดีกว่า”
ซูเย่หันกลับมาตอบยิ้ม ๆ
เหอเหอเหอ...
เก่งก็เก่ง หล่อก็หล่อ น่าเสียดายที่ปากหมาไปหน่อยเท่านั้น
ไม่มีใครให้ความสนใจที่ซูเย่อีก และพวกเขาก็เริ่มต้นจับกลุ่มพูดคุยกันเรื่องการแบ่งทีม
ซูเย่ยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินตรงขึ้นไปยังเขตภูเขาสูง ซึ่งเขาเคยพบตัวเฉิงหวงในโลกแห่งเกม
ภูเขาไป๋ซานตะวันออก
ซูเย่ยังจำได้ดีถึงชื่อภูเขาที่ตนเองพบเจอตัวเฉิงหวง
เมื่อไปถึงที่นั่น เขาก็พบว่าสภาพแวดล้อมของที่นี่เหมือนกับในตัวเกมทุกประการ แม้แต่ระดับความสูงก็ถอดแบบกันมาทุกกระเบียดนิ้ว
ชายหนุ่มรีบรุดขึ้นไปที่ยอดเขา
พยายามหาค่ายอาคมลับที่ซ่อนอยู่
และเขาก็ได้พบเจอค่ายอาคมลับนั้นจริง ๆ
เมื่อป้อนรหัสผ่านเรียบร้อย
ทางเข้าเขตแดนปริศนาก็เปิดออก
ซูเย่ก้าวเท้าเข้าไป
ทว่าทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป เขาก็พบว่าสมุนไพรที่อยู่ในเขตแดงลับแห่งนี้ได้ถูกเก็บไปหมดแล้ว นอกจากหมอกควันสีขาวในอากาศ ก็ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่อีกเลย
“คนของรัฐบาลคงมากวาดไปหมดแล้วสินะ!”
ซูเย่ยิ้มฝืดฝืน เดินสำรวจพื้นที่ด้านในเพื่อดูว่าพอจะมีอะไรหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่
แต่เดินอยู่นานสองนาน
เขาก็ไม่พบอะไรเลย
“หมดเกลี้ยง!”
ซูเย่ส่ายหน้าด้วยความหมดหวัง
หลังจากเดินสำรวจทั่วอาณาเขตอยู่หลายรอบ เขาก็ไม่พบตัวเฉิงหวง
ดูเหมือนมันก็คงถูกจับตัวไปแล้วเช่นกัน
จังหวะที่กำลังจะเดินกลับออกไปนั้น ซูเย่พลันสังเกตเห็นว่าหมอกขาวที่ลอยอยู่รอบตัวของเขามีความหนาแน่นมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ และดูเหมือนว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างปรากฏตัวออกมา
ทันใดนั้น
ในกลุ่มหมอกขาวไม่ห่างออกไป สัตว์ประหลาดที่มีใบหน้าคล้ายกับจิ้งจอกตัวหนึ่งก็ค่อย ๆ ก้าวเท้าออกมาข้างหน้า
“เฉิงหวง?”
ซูเย่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ