เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 69 ช่วยเหลือสองสาวฝาแฝด
บทที่ 69 ช่วยเหลือสองสาวฝาแฝด
“ไม่ได้!”
หวังห่าวรีบส่ายหน้าพูดเสียงแข็ง “ฝูงสัตว์ประหลาดกำลังจะมาถึงแล้ว ออกไปตอนนี้ นายได้ตายแน่!”
จากนั้นเขาก็กัดฟันกรอด “ฉันเป็นหัวหน้าพวกนาย เดี๋ยวฉันไปเอง!”
“ผู้กองจะวิ่งฝ่าฝูงสัตว์ประหลาดได้เหรอครับ?”
ซูเย่ที่นั่งอยู่บนหลังของตัวเฉิงหวงตอบกลับมาเร็วไว “รอฟังข่าวจากผมอยู่ที่นี่ดีกว่า!”
พูดจบ ชายหนุ่มก็นำสัตว์เลี้ยงคู่ใจของตนเองกระโดดลงจากกำแพงเมืองที่สูงตระหง่าน
หลังจากนั้น เจ้ากวางวิเศษก็นำชายหนุ่มวิ่งออกไปจากประตูเมือง
หวังห่าวได้แต่ตะโกนไล่หลังไปด้วยความจนใจว่า “ระวังตัวด้วยนะ!”
กลุ่มคนที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองต่างก็ตกตะลึงกันอย่างถ้วนหน้าเมื่อเห็นเช่นนี้ จากนั้นเมื่อทอดสายตามองไปทางสุดขอบฟ้า จุดสีดำเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นจำนวนมาก หมายความว่าอีกไม่นานฝูงสัตว์ประหลาดก็จะมาถึงที่นี่แล้ว
เมื่อเทียบกับฝูงสัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัว ณ เส้นขอบฟ้า ซูเย่ที่กำลังขี่ตัวเฉิงหวงพุ่งทะยานออกไปข้างหน้าก็เปรียบเสมือนมดตัวหนึ่งที่หาญสู้กับช้างทั้งฝูง!
“ให้ตายสิ หมอนั่นจะรอดไหมนะ?”
“ฝูงสัตว์ประหลาดกำลังจะมาถึงแล้ว เขาออกจากเมืองไปตอนนี้ ดูยังไงก็ไม่มีทางรอด!”
“แต่นั่นมันซูเย่เชียวนะ? คนที่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามน่ะ?”
“ถึงจะเป็นเขาก็เถอะ แต่ยังไงก็รอดยาก เขาไม่ได้กลิ่นคาวเลือดในอากาศเลยหรือไง?”
“หมอนี่แม่งบ้าไปแล้ว น่าเสียดายที่เราต้องเสียคนดี ๆ ไปอีกครั้ง”
ทันใดนั้น
“พวกเราเตรียมตัวต่อสู้!”
เสียงคำรามดังขึ้นจากหน้าประตูเมือง
กำแพงเมืองของมหานครตะวันออกเปรียบเสมือนกันชนที่คอยรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้คนที่อยู่ในเมือง หากกำแพงเมืองถูกทะลวงเข้าไปได้ ก็คงไม่มีใครรอดชีวิตอีกแล้ว
นี่คือหน้าที่ของกลุ่มผู้พิทักษ์แนวหน้า!
ทุกคนเตรียมตัวพร้อมสำหรับการต่อสู้
…
พื้นที่นอกเมือง
“ครืน ครืน…”
เสียงการสั่นสะเทือนของพื้นดินยิ่งมาใกล้ยิ่งดังขึ้น เช่นเดียวกับสภาพผิวดินที่เกิดการสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าพื้นดินกำลังจะถล่มลงไปอย่างไรอย่างนั้น
แม้จะนั่งอยู่บนหลังของตัวเฉิงหวง
แต่ซูเย่ก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น
ในดวงตาของเขาไม่มีความลังเล!
ชายหนุ่มมุ่งหน้าต่อไป!
มุ่งหน้าเข้าไปในป่า
ตลอดเส้นทางสู่พื้นที่เขตตะวันออกเฉียงเหนือ ซูเย่เข้าป่ามาเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตร แต่ก็ยังไม่พบเจอสองสาวฝาแฝดไป๋จืออยู่ดี
“ไปอยู่ที่ไหนกันแล้วนะ?” ซูเย่เห็นว่าทางขวามือของตนเองพวกฝูงสัตว์ประหลาดกำลังใกล้เข้ามาทุกที
ฝูงสัตว์ประหลาดเหล่านั้นประกอบไปด้วย นางไม้เกราะเหล็ก แมงป่องปีศาจ เสือดาวภูเขากลายพันธุ์ และยุงที่มีขนาดตัวใหญ่ยักษ์ ล้วนแต่เป็นสัตว์ประหลาดทุกชนิดที่ซูเย่เคยเห็นในเกมมาแล้วทั้งสิ้น
แต่เขาไม่เคยเห็นพวกมันในจำนวนมากมายมหาศาลขนาดนี้มาก่อน!
อีกทั้งยังมีงูตัวใหญ่คล้ายกับเถาวัลย์ของต้นไม้ มนุษย์ก้อนหิน ยักษ์ใส่ชุดเกราะทองเหลือง ฝูงแร้งที่บินสูงอยู่บนท้องฟ้า มีจะงอยปากและกรงเล็บแหลมคม
พิจารณาจากพลังลมปราณที่แผ่ออกมาจากตัวของพวกมัน สัตว์ประหลาดเหล่านี้คือสัตว์ประหลาดระดับสี่!
พลังในการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สี่
จังหวะที่ซูเย่กำลังสังเกตการณ์พวกฝูงสัตว์ประหลาดอยู่นี้เอง
เขตชายแดนของพื้นที่ระดับสามพลันมีพลังลมปราณพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
“อยู่ที่นั่นสินะ!”
ซูเย่ขมวดคิ้ว…
เขารู้ว่านั่นเป็นพลังลมปราณจากสองสาวฝาแฝดไป๋จือ ซึ่งหมายความว่าพวกเธอคงเผชิญหน้ากับส่วนหนึ่งของฝูงสัตว์ประหลาดเข้าให้แล้ว!
โดยไม่ลังเล ชายหนุ่มขี่เจ้ากวางยักษ์มุ่งตรงไปยังทิศทางนั้นทันที
เมื่อเขาไปถึงอย่างรวดเร็ว
ซูเย่ก็พบว่ามีฝูงสัตว์ประหลาดหลายพันตัว ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นสัตว์ประหลาดระดับสาม และมีพวกระดับสี่ปะปนอยู่บ้างเล็กน้อย ยืนรวมตัวกันหนาแน่น ทำให้เขาไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปได้เลย
ขณะนี้ สองสาวฝาแฝดไป๋จือกำลังยืนเอาหลังพิงอนุสาวรีย์หิน ดาบในมือโบกสะบัดตลอดเวลา พยายามต้านทานการโจมตีของกลุ่มสัตว์ประหลาดอย่างสุดความสามารถ
พวกเธอมีท่าทีอ่อนล้าและบนเสื้อผ้าก็แปดเปื้อนด้วยคราบเลือดสีแดงสด!
“โชคดีที่ยังไม่ตาย”
ซูเย่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อย่างน้อยพวกเธอก็ยังมีชีวิตอยู่
“รีบไป”
ซูเย่ออกคำสั่ง
“วูบ!”
ทันใดนั้น ตัวเฉิงหวงเทพเจ้าก็เร่งความเร็วของฝีเท้าเต็มอัตรา พุ่งแหวกฝูงสัตว์ประหลาดเข้าไปหาสองสาวฝาแฝดที่ถูกล้อมกรอบอยู่ตรงกลาง
พลังลมปราณระเบิดออกจากร่างกายของเจ้าเฉิงหวงทำให้ฝูงสัตว์ประหลาดเกิดความแตกตื่นตะลึงงัน
ด้วยเหตุนี้
กลุ่มสัตว์ประหลาดจึงแตกฮือ เปิดเป็นเส้นทางให้เจ้ากวางยักษ์วิ่งไปถึงอนุสาวรีย์หินได้สำเร็จ
ในเวลาเดียวกันนี้
สองสาวฝาแฝดไป๋จือก็แทบจะหมดแรงถือดาบแล้ว
ซูเย่เข้าไปใกล้
พวกเธอยกดาบฟันเขาโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มต้องเบี่ยงกายหลบ
“รีบขึ้นมาเร็ว!”
ซูเย่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
สองพี่น้องประหลาดใจไม่น้อยที่พบว่าบุคคลซึ่งอยู่เบื้องหน้าตนเองในขณะนี้ก็คือซูเย่
“นายมาทำอะไรที่นี่?”
ไป๋จือหรานถามด้วยความไม่อยากเชื่อ สีหน้าแปรเปลี่ยนไป แต่เมื่อคิดได้ถึงฝูงสัตว์ประหลาดที่รออยู่ นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาประหลาดใจกันอีกแล้ว
“ก็มาช่วยพวกเธอน่ะสิ! รีบขึ้นมาเร็ว!”
ซูเย่ซึ่งนั่งอยู่บนแผ่นหลังของตัวเฉิงหวงขยับกายถอยไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะยื่นแขนข้างหนึ่งไปโอบเอวไป๋จือหรานและอุ้มเธอขึ้นมานั่งอยู่ข้างหน้าเขา
จากนั้นเขาก็ขี่เจ้ากวางยักษ์วนไปอีกทาง
ก่อนจะจับตัวไป๋จือเหยียนขึ้นมานั่งซ้อนท้ายทางด้านหลัง
“จับให้แน่น!”
ชายหนุ่มตะโกนเสียงดัง
ซูเย่ขยับมืออย่างรวดเร็ว จับมือของไป๋จือหรานให้ไปเกาะอยู่บนเขาของตัวเฉิงหวง
และเมื่อเขาดึงมือของไป๋จือเหยียนให้มากอดเอวของตนเอง หญิงสาวก็ถือโอกาสนี้ซุกใบหน้าเข้ากับแผ่นหลังของซูเย่และโอบกอดเอวของเขาแนบแน่น
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว
“ไป!”
ซูเย่ออกคำสั่งต่อเจ้ากวางยักษ์ด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดและปลดปล่อยพลังลมปราณเป็นอาหารให้กับมัน
“วูบ!”
เมื่อได้รับประทานพลังลมปราณจากชายหนุ่ม ตัวเฉิงหวงก็ลอยขึ้นไปในอากาศ
หมอกหนาปรากฏขึ้นรอบบริเวณ ทำให้ฝูงสัตว์ประหลาดแตกตื่นตกใจทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น
พวกเขาก็สามารถหนีออกมาจากใจกลางฝูงสัตว์ประหลาดได้สำเร็จ
แต่ทันใดนั้น
“กร๊าซ กร๊าซ…”
บนท้องฟ้าสูง ฝูงสัตว์ประหลาดบินได้กลุ่มหนึ่งปรากฏตัวออกมา
สัตว์ประหลาดบินได้ฝูงนี้ประกอบไปด้วยฝูงแร้ง ฝูงยุงกลายพันธุ์ และฝูงสัตว์มีปีกกลายพันธุ์อีกหลายชนิดที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“บัดซบ!”
ซูเย่ถึงกับต้องสบถออกมา
เขาคิดไม่ถึงเลย
ยังมีพวกสัตว์ประหลาดอยู่บนท้องฟ้าอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าพวกมันจ้องจะกินมนุษย์เป็นอาหาร!
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้เลย” ซูเย่ชักดาบออกมาถือในมือขวา
เขาสูดหายใจลึก ก่อนจะใช้อีกมือตบหลังของเจ้าตัวเฉิงหวงอย่างแรง แล้วร่างของมันก็ลอยสูงขึ้นไปในอากาศพร้อมด้วยหญิงสาวอีกสองคน
“เอาดาบนี้ไปกินซะ”
“ฉัวะ!”
พลังลมปราณทั่วร่างกายร้อนระอุ ก่อนที่มวลพลังเหล่านั้นจะไหลเวียนลงมาที่มือขวา ซึ่งกลายเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดพลังลงสู่ตัวดาบ
หลังจากนั้น
ซูเย่สะบัดมือวูบ
คมดาบสาดประกายในท้องฟ้า
รังสีดาบพุ่งออกไปเป็นเส้นสีเงิน ก่อเกิดเป็นสิ่งที่คล้ายกับคลื่นแรงระเบิดไร้รูปทรง กวาดผ่านไปรอบทิศทาง
“พรึ่บ…”
เสียงของการระเบิดตัวดังขึ้นต่อเนื่อง
คลื่นการทำลายล้างจากรังสีดาบทำให้สัตว์ประหลาดมีปีกกลายพันธุ์หลายตัวระเบิดกระจายกลางอากาศตายคาที่
พวกมันกลายเป็นเพียงเศษเลือดเศษเนื้อที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าเท่านั้น
ทันใดนั้น
ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดรุนแรง
กลิ่นคาวเลือดเหล่านี้กลับเป็นสิ่งกระตุ้นที่ทำให้สัตว์ประหลาดบนพื้นดินเกิดความบ้าคลั่งมากยิ่งกว่าเดิม
ซูเย่ชำเลืองมองรอบบริเวณ
นี่คือการใช้งานกระบวนท่าแรกจากวิชาลับของเขา!
ในโลกแห่งความจริง ซูเย่เคยแต่ต่อสู้ด้วยวิชามวยภายใน เขาไม่เคยใช้ดาบต่อสู้มาก่อน
ปรากฏว่าการใช้ดาบหนึ่งกระบวนท่า ต้องเสียพลังลมปราณไปไม่น้อยเลยทีเดียว!
เมื่อกลับลงมาจากท้องฟ้า
ทุกคนก็รีบขยับนั่งประจำที่ให้เรียบร้อย ซูเย่ยังคงนั่งอยู่ตรงกลาง และประกบหน้าหลังด้วยสองสาวฝาแฝด
“ฝูงสัตว์ประหลาดกำลังมาทางนี้” ทันทีที่กลับลงมาอยู่บนพื้นดิน ซูเย่ก็พูดเสียงเครียดว่า “ทางเดียวที่พวกเราจะรอดคือฝ่าออกไปให้ได้เท่านั้น!”
เขากำดาบในมือขวาแน่น
ซูเย่สูดหายใจลึก ๆ ตบหลังเจ้าตัวเฉิงหวงแล้วออกคำสั่งให้มันมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ระดับสาม
เนื่องเพราะก่อนมาที่นี่ เขาได้เห็นถึงจำนวนอันมากมายมหาศาลของฝูงสัตว์ประหลาดด้วยตาตัวเองมาแล้ว
ซูเย่รู้ดีว่าการวิ่งตัดฝูงสัตว์ประหลาดเป็นแนวขวางมีโอกาสที่พวกเขาจะทะลุรอดออกไปได้เร็วมากกว่าการวิ่งทะลวงไปในแนวลึก เพราะฉะนั้น เขาจึงสั่งให้เจ้ากวางยักษ์คู่ใจวิ่งไปข้างหน้าอย่างเต็มความเร็วของมัน
ดาบในมือขวาของชายหนุ่มกวัดแกว่ง ปลดปล่อยพลังทำลายล้าง กำจัดสัตว์ประหลาดที่ขวางหน้าและที่กำลังโจมตีมาจากรอบทิศทาง!
แต่อย่างไรก็ตาม
การฆ่าฟันดำเนินไปได้สักระยะหนึ่ง
พวกเขาหลุดออกมาจากฝูงสัตว์ประหลาดกลุ่มแรกได้สำเร็จ แต่แล้วซูเย่กลับพบว่าพวกของตนเองก็ยังถูกรุมล้อมอยู่ด้วยฝูงสัตว์ประหลาดอีกกลุ่มหนึ่ง และจำนวนของพวกมันก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย
นี่คือสถานการณ์ที่ทำให้สีหน้าของซูเย่ตึงเครียดขึ้นมาทันที
ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้มีเจตนาปิดล้อมเขา!
“ชักไม่ชอบมาพากลซะแล้วสิ!”
ซูเย่ขมวดคิ้วนิ่วหน้า
พวกสัตว์ประหลาดฝูงใหญ่ขนาดนี้ ไม่ควรให้ความสนใจที่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่งของผืนป่าเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายของพวกมันเดิมทีคือการบุกโจมตีมหานครตะวันออก
แต่ว่า
เมื่อได้เผชิญหน้ากับพวกมันเข้าจริง ๆ
ซูเย่กลับพบว่ากลุ่มสัตว์ประหลาดเหล่านี้ต่างก็มุ่งหน้ามาหาเขา ราวกับว่าพวกมันมีเป้าหมายของการโจมตีอยู่ที่เขาก็ไม่ปาน
เกิดอะไรขึ้น?
ซูเย่หรี่ตาลงเล็กน้อย
เขาหันไปมองฝูงสัตว์ประหลาดที่ยาวไกลสุดลูกหูลูกตา
ทันใดนั้น
“ลุยเข้าไป!”
เขาคำรามในลำคอ
ซูเย่ออกคำสั่งให้เจ้าเฉิงหวงบุกทะลวงเข้าไปใจกลางฝูงสัตว์ประหลาด
เขาอยากเปลี่ยนจากการหลบหนีเป็นการบุกทะลวงเข้าเผชิญหน้า เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น!
แต่อย่างไรก็ตาม
ยังคงมีสัตว์ประหลาดอยู่มากเกินไป
เมื่อบุกทะลวงเข้าไปในฝูงสัตว์ประหลาดได้เพียงไม่กี่ร้อยเมตร ซูเย่ก็พบกับทางตันและไม่สามารถบุกไปข้างหน้าต่อได้อีก
และในจังหวะนี้เอง
ซูเย่ก็เห็นอย่างชัดเจนว่าในฝูงสัตว์ประหลาดมีตัวอะไรบางอย่างที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ กำลังคอยควบคุมการเคลื่อนไหวของฝูงสัตว์ประหลาดเหล่านี้
“แต่จะมีคนควบคุมฝูงสัตว์ประหลาดได้ยังไง?”
ซูเย่เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ
เพราะสัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่ได้ถูกเลี้ยงขึ้นมาโดยมนุษย์
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญในตอนนี้
คำถามสำคัญสำหรับตอนนี้ก็คือเขากับสองสาวฝาแฝดไป๋จือจะไปซ่อนตัวที่ไหนดี?
กลับไปที่มหานครตะวันออกดีไหม?
ไม่ดีแน่ ๆ
ประตูเมืองปิดไปแล้ว และเป้าหมายการโจมตีดั้งเดิมของสัตว์ประหลาดฝูงนี้ ก็คือมหานครตะวันออก!
ถ้างั้นจะไปไหนดีล่ะ?
ซูเย่รีบใช้ความคิดเร็วไว
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงพื้นที่ในป่าเขตตะวันออกเฉียงเหนือ
ที่นั่นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่!
ชายหนุ่มยกมือตบหน้าผากตัวเอง
ให้ตายสิ! นี่เขาลืมที่นั่นไปได้ยังไง!
แดนลับซึ่งอยู่บนภูเขาไป๋ซานตะวันออกไงล่ะ!
ที่นั่นไม่มีใครสามารถเข้าไปได้
สัตว์ประหลาดฝูงนี้ยิ่งเข้าไปไม่ได้เด็ดขาด!
“ไป!”
ซูเย่ชี้มือไปทางภูเขาไป๋ซานในเขตพื้นที่ตะวันออก เจ้ากวางยักษ์เข้าใจโดยทันที มันปลดปล่อยหมอกขาวออกมาในอากาศ และเพิ่มความเร็วเต็มอัตรา วิ่งทะลวงออกมาจากฝูงสัตว์ประหลาดอีกครั้ง
ตลอดเส้นทาง
ซูเย่ต้องตวัดดาบฆ่าฟันสัตว์ประหลาดไม่หยุดยั้ง
ในที่สุด พวกเขาก็ขึ้นมาถึงยอดเขาไป๋ซานได้สำเร็จ
“ที่นี่มีพื้นที่ลับ สามารถเข้าไปซ่อนตัวได้!”
หลังจากนั้น ซูเย่ก็บอกวิธีเปิดทางเข้าแดนลับให้สองสาวฝาแฝดได้รับทราบ
“พวกเธอไปเปิดประตู เดี๋ยวฉันจะต้านพวกมันไว้ก่อน!”
ซูเย่กระโดดลงจากแผ่นหลังของตัวเฉิงหวงและควงดาบในมือเข้าต้านทานสัตว์ประหลาดที่ตามเข้ามา
ไม่ว่าพวกมันจะดุร้ายสักแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซูเย่ สัตว์ประหลาดเหล่านี้ก็ต้องตกตายราวกับเป็นเพียงแมลงวันตัวหนึ่ง!
ไป๋จือหรานรีบกระโดดลงจากหลังของเจ้าตัวเฉิงหวงและวิ่งไปทำตามวิธีที่ซูเย่บอกเอาไว้สำหรับการเปิดเขตแดนตรงหน้า
ประตูแดนลับเปิดออกอย่างรวดเร็ว
ซูเย่ไม่ลังเลอีกแล้ว เขาตวัดดาบฆ่าฟันสัตว์ประหลาด และเมื่อหันหลังกลับมา ก็สามารถพุ่งตัวเข้าไปในแดนลับพร้อมกับสองพี่น้องไป๋จือได้ทันที
เมื่อทั้งสามเข้ามาอยู่ในแดนลับแล้ว ประตูทางเข้าก็ปิดลง และฝูงสัตว์ประหลาดก็ถูกกั้นอยู่ด้านนอก