เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 70 ซูเย่บ้าหรือเปล่า เดี๋ยวเขาก็ตายหรอก!
บทที่ 70 ซูเย่บ้าหรือเปล่า เดี๋ยวเขาก็ตายหรอก!
“ปลอดภัยแล้ว”
เมื่อเห็นประตูทางเข้าแดนลับปิดลง ซูเย่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ไป๋จือเหยียนทิ้งตัวลงไปนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นดินอย่างหมดแรง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้มันน่ากลัวมากเกินไป
หากไม่มีคนมาช่วยเหลือพวกเธอ หญิงสาวก็รู้ดีว่าโอกาสที่ตนเองจะรอดชีวิตคือศูนย์
ไป๋จือเหยียนคิดว่าตนเองจะต้องตายเสียแล้ว
นึกไม่ถึงเลยว่า
ซูเย่กลับปรากฏตัวออกมา!
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังช่วยเหลือพวกเธอออกจากเงื้อมมือของพวกสัตว์ประหลาดได้สำเร็จอีกด้วย!
เมื่อคิดได้ดังนี้
สองสาวฝาแฝดไป๋จือก็ต้องหันไปมองหน้าซูเย่ในเวลาเดียวกัน
“ขอบคุณมากนะ”
พวกเธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
ชายหนุ่มหันมามองใบหน้าที่ซีดเซียวของหญิงสาวทั้งสองคน
เขาพยักหน้าตอบรับเพียงเล็กน้อย
ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่เขาดึงมือของพวกเธอไปกุมเอาไว้ และถ่ายทอดพลังลมปราณช่วยให้หญิงสาวทั้งสองกลับมามีสติมั่นคงมากยิ่งขึ้น
ซูเย่เข้าใจแล้ว
ถึงแม้ว่าไป๋จือหรานกับไป๋จือเหยียนจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ก็จริง แต่พวกเธอคือคนในยุคปัจจุบัน เปรียบดั่งดอกไม้ในเรือนกระจกตามที่หวังห่าวเคยพูดเอาไว้
และที่แย่ไปมากกว่านั้นก็คือ พวกเธอคุ้นเคยกับความสะดวกสบายมาตั้งแต่เด็ก
หญิงสาวทั้งสองคนรู้จักแต่ชีวิตที่มีแต่ความปลอดภัย
เหตุการณ์ที่ถูกสัตว์ประหลาดไล่ฆ่าเมื่อสักครู่ ย่อมไม่เคยมีอยู่ในจินตนาการของสองสาวมาก่อน
กลิ่นคาวแห่งความตายที่ปกคลุมอยู่ในบรรยากาศ ความผิดพลาดเพียงนิดที่อาจทำให้ตนเองต้องถึงแก่ชีวิต ท้องฟ้าที่มีสายฝนโปรยปรายลงมาเป็นหยดเลือด และกลิ่นคาวเลือดที่ทำให้รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่สองสาวพี่น้องไม่มีทางรับไหวเด็ดขาด
พวกเธอจำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัว
แต่อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่!
ระหว่างที่ถูกซูเย่จับมือ ใบหูของหญิงสาวทั้งสองคนก็แดงระเรื่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
พวกเธอรีบหันหน้ามองไปทางอื่น แต่ก็ยอมให้เขาจับมือแต่โดยดี
“ตึง ตึง ตึง…”
ทันใดนั้น เกิดเสียงของการกระแทกดังขึ้นเบา ๆ
…
ด้านนอกแดนลับ
ในฝูงสัตว์ประหลาดที่รวมตัวกันอย่างหนาแน่น สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ตัวหนึ่งยกมือขึ้นชี้ไปทางยอดเขาไป๋ซาน
กองทัพสัตว์ประหลาดเคลื่อนกำลังพลอย่างเชื่อฟัง
พวกมันบุกโจมตีใส่ประตูแดนลับอย่างบ้าคลั่ง
แต่ไม่ว่าจะบุกโจมตีด้วยวิธีการใดก็ตาม เมื่อพวกมันปะทะเข้ากับประตูของแดนลับ พลังการโจมตีก็จะสลายลงไปหมดสิ้น
ความพยายามที่จะพังประตูเข้าไปให้ได้ดำเนินอยู่ราวห้านาที สุดท้ายสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ก็ยกมือชี้ไปทางที่ตั้งของมหานครตะวันออก เพราะมันรู้แล้วว่าพวกของตนเองไม่มีทางพังประตูเข้าสู่แดนลับได้เด็ดขาด!
หลังจากนั้น
กองทัพสัตว์ประหลาดก็หันหลังกลับและมุ่งหน้าไปบุกโจมตีมหานครตะวันออก!
แต่สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ก็ยังยกมือชี้ไปทางประตูของแดนลับ และออกคำสั่งให้สัตว์ประหลาดจำนวนหลายร้อยตัวอยู่เฝ้าที่นี่เอาไว้
…
ด้านในแดนลับ
เมื่อพลังลมปราณในร่างกายถูกปรับสมดุล สองสาวฝาแฝดก็กลับมามีสติแจ่มใสอีกครั้ง
“ขอบคุณนะ”
พวกเธอสูดหายใจลึกและขอบคุณซูเย่อีกครั้ง
“เมื่อกี้ก็ขอบคุณไปแล้วไม่ใช่หรือไง”
ซูเย่ปล่อยมือของสองสาวออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “สัตว์ประหลาดที่พวกเธอเจอมันไม่ธรรมดา ส่วนใหญ่คงเป็นพวกระดับสี่ขึ้นไปทั้งนั้น หลังจากนี้ พวกเธอก็ต้องพยายามพัฒนาฝีมือเข้านะ ไม่งั้นรับมือพวกมันไม่ไหวแน่ ๆ”
“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะพยายาม”
ไป๋จือหรานลุกขึ้นยืนสูดหายใจลึกแล้วพูดออกมา
“ใช่!”
ไป๋จือเหยียนรีบส่งเสียงสนับสนุน “โชคร้ายที่พวกมันมีเยอะเกินไป ไม่งั้นฉันจะออกไปจัดการพวกมันให้นายดูเดี๋ยวนี้!”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดเรื่องนั้นเลยดีกว่า ที่นี่ปลอดภัย พวกเธอนั่งพักฟื้นฟูพลัง รักษาอาการบาดเจ็บไปก่อน ยิ่งรักษาได้เร็วมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดรอยแผลเป็นก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น”
ซูเย่กล่าวกับสองสาวฝาแฝด “เดี๋ยวฉันจะออกไปดูข้างนอกก่อน ไม่รู้ตอนนี้สถานการณ์จะเป็นยังไงบ้าง”
“ออกไปตอนนี้เลยเหรอ? แต่มันยังอันตรายอยู่ไม่ใช่หรือไง?”
ไป๋จือหรานรีบขยับเข้ามายืนขวางหน้า
“สำหรับฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก พวกเธอนั่นแหละที่ต้องรักษาตัว ฉันแค่จะออกไปดูสถานการณ์เท่านั้น”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินตรงไปที่ประตูทางออกของแดนลับ
“ถ้างั้นก็ระวังตัวด้วย!”
ไป๋จือหรานกับน้องสาวไม่ได้ห้ามปรามซูเย่อีกแล้ว และพวกเธอก็ทำได้เพียงส่งเสียงตะโกนเตือนไล่หลังเขาไปเท่านั้น
ซูเย่พยักหน้า เมื่อประตูแดนลับเปิดออก เขาก็รีบวิ่งออกไปทันที
ผลก็คือ
เมื่อออกสู่โลกภายนอก ชายหนุ่มก็ถูกรุมล้อมด้วยสัตว์ประหลาดหลายร้อยตัว
ซูเย่ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
กระโดดหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
เขากระโดดหลบมาทางหนึ่ง รอดพ้นการโจมตีในระยะประชิด เมื่อชักดาบสวนกลับไปหนึ่งกระบวนท่า สัตว์ประหลาดหลายสิบตัวก็ล้มลงไปนอนตายบนพื้นดิน
ซูเย่กวาดสายตามองโดยรอบ
เหลือกลุ่มสัตว์ประหลาดอยู่แค่ไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น
พวกตัวที่เหลือหายไปไหนหมด?
ซูเย่ขมวดคิ้วใช้ความคิด
ทันใดนั้น
เขาวิ่งเข้าหากลุ่มสัตว์ประหลาด และกระโดดเหยียบหัวของพวกมันตัวหนึ่งส่งตนเองลอยขึ้นไปอยู่บนแผ่นหลังของนกแร้งยักษ์ อาศัยการโผบินของมันสังเกตการณ์จากทางอากาศ
ซูเย่มองไปยังทิศทางของมหานครตะวันออก
และเขาก็พบว่าฝูงสัตว์ประหลาดกำลังมุ่งหน้าไปที่นั่น
ซูเย่กระโดดลงจากหลังของนกแร้งยักษ์
ร่วงลงมาจากระดับความสูงไกลลิบ
ชายหนุ่มจัดการสังหารสัตว์ประหลาดอีกหลายสิบตัว ก่อนจะเปิดประตูแดนลับและกลับเข้าไปหาสองสาวฝาแฝดอีกครั้ง
“เป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อเห็นเขาเดินกลับเข้ามา สองพี่น้องไป๋จือก็ถามออกมาพร้อมกัน
“ตอนนี้เรายังกลับออกไปไม่ได้”
ซูเย่ตอบเสียงเครียด “กองทัพสัตว์ประหลาดมุ่งหน้าไปที่มหานครตะวันออกแล้ว เดี๋ยวคงต้องมีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นแน่ ๆ ดีไม่ดีทางมหานครอาจจะยันไว้ไม่อยู่ด้วยซ้ำ”
“งั้นพวกเราจะทำยังไงกันดี?”
ไป๋จือเหยียนถามออกมาด้วยความร้อนใจ
“พวกเราเป็นสมาชิกของมหานครตะวันออก เห็นคนกำลังจะตายคงไม่ช่วยเหลือไม่ได้ ต้องไม่ลืมว่าพี่น้องกลุ่มถูโช่วจย้าเทียนของพวกเราก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน”
ซูเย่พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ถ้ากำแพงเมืองถูกทำลายเข้าไปได้ ทุกคนคงไม่รอด ฉันจะไม่ทิ้งใครไว้ที่นั่น!”
สองสาวฝาแฝดพยักหน้า เห็นด้วยกับการตัดสินใจของชายหนุ่ม
“งั้นนายอยากให้พวกฉันทำอะไร?”
ไป๋จือหรานมองหน้าซูเย่และถามออกมา
“รออยู่ที่นี่”
ซูเย่ตอบ “เดี๋ยวฉันหาทางแก้ปัญหาเอง”
“หมายความว่าไง?”
ไป๋จือเหยียนอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น “พวกเราสู้ด้วยกันตายด้วยกัน! ทำไมล่ะ หรือนายคิดว่าพวกเราสองพี่น้องไม่มีปัญญาช่วยเหลือนายได้เหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
ซูเย่พยักหน้าตอบรับ
ไป๋จือหรานกับไป๋จือเหยียนพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
“พวกเธอยังไม่แข็งแกร่งมากพอ การเผชิญหน้ากับกองทัพสัตว์ประหลาดระดับนี้ พวกเธอดูแลตัวเองไม่ได้หรอก”
ซูเย่ว่า “เพราะฉะนั้น พวกเธอต้องรออยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันกลับมา”
“นายก็เหมือนกันนั่นแหละ นายเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามระดับสามเองนะ ออกไปก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น!”
ไป๋จือเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ฮ่า ๆๆ”
ซูเย่ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นยืน และพูดว่า “ลองนึกดูซิว่าเมื่อกี้ฉันถ่ายทอดพลังลมปราณให้พวกเธอไปเยอะขนาดไหน”
ไป๋จือหรานกับไป๋จือเหยียนได้ยินประโยคนี้ของเขาก็ต้องหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาจะต้องเบิกโตด้วยความตกตะลึง
ใช่แล้ว
เมื่อสักครู่ พลังลมปราณในร่างกายของสองพี่น้องฝาแฝดเหือดแห้งแทบไม่มีเหลือ แต่เมื่อได้รับการถ่ายทอดพลังลมปราณจากซูเย่ พลังของพวกเธอก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
หลังจากนั้น ชายหนุ่มยังเหลือพลังมากพอที่จะออกไปสังเกตการณ์ด้านนอกได้อีกด้วย
และก่อนหน้านี้ เขาก็ช่วยเหลือพวกเธอจากการปิดล้อมของฝูงสัตว์ประหลาด
ในร่างกายของซูเย่ต้องมีพลังลมปราณมากมายขนาดไหนกันนะ?
“พวกเธอเข้าใจแล้วใช่ไหม? แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้ เอาเป็นว่าอย่าออกไปนอกแดนลับก็แล้วกัน ยังมีสัตว์ประหลาดอีกฝูงใหญ่รอขย้ำคอพวกเธออยู่ข้างนอก เมื่อทุกอย่างปลอดภัย ฉันจะกลับมารับพวกเธอเอง”
ซูเย่พูด แววตาหนักแน่นจริงจัง ก่อนจะหมุนตัวเดินตรงไปที่ประตูทางออกของอาณาเขตอีกครั้ง
“นายไม่ไปได้ไหม? ออกไปข้างนอกตอนนี้ นายก็เสี่ยงอันตรายเหมือนกัน มหานครตะวันออกคงไม่ถูกตีแตกง่าย ๆ หรอก ถ้าพวกเขาเจอวิกฤตจริง เดี๋ยวก็หาทางขอความช่วยเหลือจากคนของรัฐบาลเองนั่นแหละ!”
ไป๋จือหรานพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
ซูเย่ส่ายหน้าและหันมาพูดกับเธอว่า
“ฉันอยากเห็นว่าฝูงสัตว์ประหลาดพวกนี้มันจะทำอะไรกันแน่ พวกมันดูเหมือนจะมีที่มาที่ไปที่ไม่ธรรมดา ฉันต้องออกไปยืนยันอะไรสักหน่อย รับปากว่าฉันจะไม่ตายเด็ดขาด ถ้ารู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ ฉันจะรีบหนีทันที!”
“ตกลง”
ไป๋จือหรานกัดริมฝีปาก พยักหน้าด้วยความเป็นห่วง “นายก็ระวังตัวด้วยนะ ถ้ารู้ตัวว่าสู้ไม่ไหว ก็ให้รีบกลับมาที่นี่”
“ความปลอดภัยของนายต้องมาก่อนนะลูกพี่” ไป๋จือเหยียนส่งเสียงอย่างกระตือรือร้น
“ไม่ต้องห่วง”
ซูเย่ยิ้มกว้าง กระโดดขึ้นขี่หลังตัวเฉิงหวง และออกไปจากแดนลับ
เขาทราบดี
นี่คือวิกฤตการณ์ที่แท้จริง!
เขาเองก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฝูงสัตว์ประหลาดกลุ่มนี้กันแน่
แต่เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น!
ครั้งนี้ เขาจะต้องบุกเข้าไปหาสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ตัวนั้นให้ได้!
ครั้งนี้ เขาจะต้องได้ในสิ่งที่ต้องการ!
เมื่อขี่ตัวเฉิงหวงออกมาจากแดนลับแล้ว ซูเย่ก็ควบคุมมันให้กระโดดสูงขึ้นไปในอากาศ ดาบในมือตวัดกวัดแกว่ง สังหารสัตว์ประหลาดบินได้บนท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่ง
สัตว์ประหลาดมีปีกเหล่านั้นไม่ทันตั้งตัว เพียงพริบตาเดียวก็ต้องถึงแก่ความตายไปหลายสิบตัว
หลังจากนั้น
ตัวเฉิงหวงกระโดดกลับลงมาอยู่บนพื้นดินอีกครั้ง ซูเย่นั่งอยู่บนแผ่นหลังของมันอย่างมั่นคง และเขาก็รีบสั่งให้เจ้ากวางยักษ์มุ่งหน้าไปที่กองทัพสัตว์ประหลาดทันที
นี่แหละคือข้อดีของการดูดซับพลังปราณธรรมชาติได้รวดเร็วมากกว่าปกติถึง 50 เท่า!
ในดินแดนภูผามหานทีมีพลังปราณธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
ซูเย่สามารถดูดซับพลังเหล่านั้นมาใช้งานได้ไม่รู้หมด
ชายหนุ่มและเจ้ากวางยักษ์วิ่งมาไกลหลายสิบกิโลเมตร
เมื่อมาถึงกองทัพสัตว์ประหลาด
ซูเย่ก็สามารถฟื้นฟูพลังในร่างกายกลับคืนมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
และเขาก็มองเห็นสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ตัวนั้นอย่างชัดเจน
สัตว์ประหลาดตัวนั้นมีลักษณะเหมือนซอมบี้ที่สวมใส่เสื้อคลุมปุปะ คล้ายกับพวกชนเผ่าโบราณที่หลุดออกมาจากภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์สักเรื่อง
“เจ้านี่แหละ!”
ซูเย่จ้องมองไปที่สัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์ตัวนั้น
พิจารณาจากการเคลื่อนไหว มันต้องเป็นผู้ที่ควบคุมกองทัพสัตว์ประหลาดเหล่านี้อย่างแน่นอน
ยามทำสงคราม ต้องตัดหัวแม่ทัพให้ได้ก่อน!
ซูเย่ออกคำสั่งให้ตัวเฉิงหวงวิ่งเข้าไปหาสัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์ตัวนั้นด้วยความเร็วเต็มอัตรา
แต่ว่าเมื่ออยู่ห่างจากเป้าหมายไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร ชายหนุ่มก็สั่งให้เจ้ากวางยักษ์หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน
เขาพบว่านี่เป็นสถานการณ์ที่น่าลำบากใจ
ตัดสินจากพลังลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกาย
สัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์ตัวนี้ มีพลังไม่ต่ำกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า
ซูเย่ไม่สามารถรับมือได้ในขณะนี้
จังหวะนั้น
เจ้าสัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์สัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของซูเย่ และมันก็ค่อยๆ หันหน้ามาอย่างเชื่องช้า
ตอนนั้นเอง
ซูเย่จึงสามารถมองเห็นโฉมหน้าของมันได้เต็มเต็ม ๆ ตา
มันมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ แต่ไม่ใช่มนุษย์
ผิวหนังของมันเป็นเกล็ดแข็ง ดวงตาเป็นสีแดงเข้ม มีความโดดเด่นสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
“ฟู่…”
เมื่อเห็นซูเย่ สัตว์ประหลาดตาแดงก็อ้าปากออกและพ่นหมอกควันออกมากลุ่มใหญ่
ราวกับว่าในท้องของมันกำลังมีกองไฟอยู่ก็ไม่ปาน!
“นี่มันตัวอะไรเนี่ย?”
ซูเย่หรี่ตาลงเล็กน้อย
สัตว์ประหลาดตัวนี้สามารถพ่นไฟได้อย่างนั้นหรือ!
ซูเย่ชูนิ้วกลางให้มันไปทีหนึ่งก่อนจะหมุนตัวหลบหนี
วินาทีที่มันเห็นซูเย่หนีไปด้วยความรวดเร็วโดยตัวเฉิงหวง
เจ้าสัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์ก็ยกมือโบกสะบัดชี้มาที่ซูเย่
ทันใดนั้น
กองทัพสัตว์ประหลาดที่กำลังบุกโจมตีกำแพงเมืองมหานครตะวันออกอย่างบ้าคลั่งพลันหยุดมือ
บางส่วนหันหลังกลับมาและพุ่งกระโจนเข้าหาซูเย่
ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็โจมตีเมืองมนุษย์ต่อไป
ซูเย่เห็นว่ามีฝูงสัตว์ประหลาดแค่กลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่วิ่งไล่หลังเขามา
“หัวหน้าของพวกแกชักจะดูถูกฉันเกินไปแล้วนะ!”
ซูเย่คำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาโคจรพลังลมปราณลงไปที่ฝ่ามือ จากนั้นจึงประสานพลังจิต แปรเปลี่ยนพลังลมปราณให้กลายเป็นคันธนูพร้อมด้วยลูกศรที่อยู่ในมือ
ซูเย่นั่งอยู่บนหลังของตัวเฉิงหวง ประทับลูกศรเข้ากับคันธนูและน้าวสายยิง
“ฟ้าว!”
ลูกศรที่มีลักษณะเป็นผลึกแก้วใสพุ่งแหวกอากาศออกไปหาฝูงสัตว์ประหลาด และปักเข้าไปที่ตำแหน่งหัวใจของสัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์ผู้บัญชาการกองทัพอย่างแม่นยำ
น่าเสียดาย
เนื่องจากกว่าจะฝ่าทะลวงฝูงสัตว์ประหลาดไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ พลังทำลายล้างของลูกธนูก็ลดน้อยลงไปมาก มันจึงไม่สามารถทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนหน้าอกของสัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์ได้ด้วยซ้ำ
แต่เพียงเท่านี้ก็ยั่วโมโหได้มากพอแล้ว!
“โฮก!”
สัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์คำรามด้วยความเกรี้ยวกราด
มันไม่เชื่อว่าตนเองจะถูกโจมตีด้วยมนุษย์ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
เมื่อได้ยินเสียงคำราม
กว่าครึ่งหนึ่งของกองทัพสัตว์ประหลาดที่โจมตีกำแพงเมืองมหานครตะวันออกก็หยุดชะงัก พวกมันหันหลังกลับมา และเดินหน้ามาไล่ล่าซูเย่ตามคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้าใหญ่
…
ในเวลาเดียวกันนี้
ณ กำแพงเมืองมหานครตะวันออก
“เกิดอะไรขึ้น?”
“พวกมันหยุดโจมตีแล้วเหรอ?”
กลุ่มคนที่กำลังต่อสู้พบว่าอยู่ดี ๆ พวกสัตว์ประหลาดก็ล่าถอยกลับไป
พวกเขาหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง
กองทัพสัตว์ประหลาดเหล่านี้มีจำนวนเยอะมากเกินไป
เพียงพวกมันบุกโจมตีได้ไม่นาน มหานครตะวันออกก็ตกอยู่ในอันตราย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกมันกลับถอนกำลังกลับไปเสียแล้ว
เกิดอะไรขึ้น?
ทุกสายตาจ้องมองออกไปนอกกำแพงเมือง
และนี่คือสิ่งที่พวกเขาเห็น
ความตกตะลึงปรากฏขึ้นบนสีหน้าของทุกคน
เพราะว่า
ห่างไกลออกไป ชายหนุ่มคนหนึ่งขี่ตัวเฉิงหวงวิ่งหนีเข้าไปที่ชายป่า
ลูกธนูที่เขายิงสวนกลับมาสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดได้ไม่ต่ำกว่าครั้งละสิบตัว
“นั่นมันซูเย่!”
“ลูกพี่ซู!”
“ลูกพี่ช่วยล่อสัตว์ประหลาดให้พวกเรา!”
นี่คือเสียงอุทานของจินฟานและพรรคพวก
ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ในมหานครตะวันออก บางคนไม่รู้จักซูเย่ แต่ก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่ตนเองกำลังพบเห็น
“หมอนั่นเป็นใคร? ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วย?”
“เขาบ้าไปแล้วหรือไง?”
“นี่ไม่ใช่เกมนะ พวกเรามีแค่ชีวิตเดียว ถ้าตายก็คือจบเห่!”
“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เขาต้องตายแน่!!!