เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 73 รวมตัวขั้นสามระดับสอง
บทที่ 73 รวมตัวขั้นสามระดับสอง
“ซากศพของมอนสเตอร์เยอะขนาดนี้เลย?”
“เป็นสัตว์ประหลาดตัวนั้นงั้นเหรอ”
“ใครเป็นคนทำ?”
“ฆ่ามอนสเตอร์เยอะขนาดนี้ได้ยังไง?”
ผู้คนในมหานครตะวันออก ต่างตกตะลึงกับซากศพของมอนสเตอร์จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นผู้ที่ขี่อยู่บนหลังเฉิงหวงกับหญิงสาวสองคนผู้สวมหน้ากาก ขนซากศพมอนสเตอร์เข้ามาด้วยท่าทีของผู้มีชัย ก็ยิ่งน่าตกใจมากขึ้นไปอีก
“คงไม่ใช่เขาหรอกใช่ไหม?”
“คนที่ล่อมอนเตอร์ออกไปน่ะหรอ”
“มอนสเตอร์พวกนี้ไม่ใช่เขาเป็นคนฆ่าแน่ ๆ ในขั้นสามไม่มีใครทำได้ขนาดนี้หรอก”
“เขาไปเก็บศพมอนเตอร์เหรอ เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ เขาหนีออกมาได้ยังไง”
ทุกคนพลันนึกถึงปัญหาข้อนี้ขึ้นมา
คนที่ขี่เฉิงหวง… เขารอดมาได้ยังไง?
การวิ่งล่อกองทัพมอนสเตอร์ออกไปและสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยนั้นมันเจ๋งเกินไปแล้ว!
ซูชือ จินฟาน และคนอื่น ๆ ต่างโล่งใจเมื่อเห็นว่าซูเย่ยังมีชีวิตอยู่
ความคิดแวบเข้ามาในหัวของพวกเขา ลูกพี่ซูเจ๋งเป้ง!
ภายใต้ประกาศของหวังห่าว
ผู้ตรวจเมืองออกคำสั่งลงไปทันทีให้ส่งเจ้าหน้าที่ทางการไปขนศพของมอนสเตอร์มากกว่า 5,000 ตัวกลับไปที่จัตุรัสกลาง
เกือบทุกคนในเมืองต่างมารวมตัวกันที่จัตุรัส
ทุกคนต่างมาสังเกตการณ์และพูดคุยออกความคิดเห็นกัน
มีบางคนเดินเข้าไปถามโดยตรง แต่ไม่ได้รับคำตอบ
ส่วนอีกด้านหนึ่งสองพี่น้องไป๋ฟื้นจากอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็วหลังจากได้รับสมุนไพรที่ทีมตรวจมหานครตะวันออก มอบให้ และแม้แต่รอยแผลบนร่างกายของเธอที่หลงเหลือจากรักษาด้วยพลังปราณก็ถูกกำจัดออกไปอย่างรวดเร็ว
แล้วพวกเธอก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้คนที่อยู่รอบ ๆ ฟัง คนอื่นเห็นดังนั้น จึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อรับฟังด้วย
“ที่จริงเราคิดว่าเรากำลังจะตายแล้ว”
ไป๋จือเหยียนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันและพี่กลับเข้าเมืองไม่ทัน เราถูกล้อมรอบไปด้วยฝูงมอนสเตอร์ระหว่างทาง และเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล่าถอยไปยังอนุสาวรีย์หินที่เป็นเส้นแบ่งเขตทางด้านตะวันออก และใช้เส้นขอบเพื่อต้านฝูงมอนสเตอร์ แต่มอนสเตอร์มีจำนวนเยอะเกินไป พวกเราต้านมันไม่ไหว ตอนที่เรากำลังจะหมดแรง ลูกพี่ซูก็ปรากฏตัวขึ้น …”
“ตอนนั้นฉันเลยมีความคิดว่า..”
“คิดว่าอะไร… เจ้าชายขี่ม้าขาว วีรบุรุษช่วยสาวงาม ใช้ร่างกายตอบแทน?”
ซูชือเอ่ยแทรก
“มาทันเวลาพอดี…”
ไป๋จือเหยียนเอ่ย
ทุกคน “……”
ถือว่าไม่เคยถามละกันนะ เล่าต่อเถอะ หลังจากเล่าเรื่องราวจบ ทุกคนถึงได้รู้ว่าพวกเขาได้หลบหนีและซ่อนตัวในแดนลับ
และในตอนนี้ ทุกคนก็คิดออกว่าใช่แล้ว! มันมีแดนลับบนภูเขาไป๋ในเขตตะวันออก!!
เฉิงหวงของซูเย่ก็ถูกนำออกมาจากแดนลับที่ว่านั่น
“แล้วไงต่อ?”
ทุกคนเอ่ยถาม
“ต่อมาซูเย่ก็ออกไปอีก”
ไป๋จือหรานเอ่ย “เขาบอกว่ามอนสเตอร์กำลังโจมตีเมือง และในฐานะชาวเมืองเขาไม่สามารถเห็นเมืองเดือดร้อนแล้วไม่ช่วยเหลือไม่ได้ เขาไม่สามารถมองดูพี่น้องของเขาตายได้ เขาเลยออกจากแดนลับตามลำพังและหลอกล่อกองทัพมอนสเตอร์ออกไป”
“ซูเย่สุดยอดไปเลย!”
“แล้วเขาก็บอกว่าจะล่อมอนสเตอร์ไปทางป่าเกล็ดน้ำค้างแข็ง”
ผู้ฟังคนนึงที่พอจะรู้เรื่องราวก็เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
เมื่อได้ฟังเรื่องราวจนจบ ทุกคนถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาคิดไม่ถึงว่าซูเย่ถึงกับหลอกมอนสเตอร์พวกนั้นได้ แล้วยังเอาซากศพพวกมันกลับมาอีก
ทุกคนมองไปทางซูเย่ ราวกับกำลังมองคนสติเลอะเลือน
“เขาคงไม่ได้คิดว่าโลกใบนี้เป็นเกมหรอกใช่ไหม?”
“เขาไม่รู้หรือเปล่าว่าตายแล้วตายเลย สถานที่แบบนั้นยังกล้าไปได้อีก”
“เขาใจกล้าดีเนาะ และมันก็ดีที่ทำสำเร็จ”
“เจ๋งเกินไปแล้ว ล่อมอนสเตอร์พวกนั้นออกไปฆ่าตายทีเดียว เขาช่วยเมืองฮังตงเอาไว้”
นอกจากความตกตะลึงที่มีแล้ว ทุกคนยังเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าควรชื่นชมซูเย่
แม้แต่พวกลูกรักสวรรค์ที่เข้าสู่โลกนี้ตั้งแต่แรก ๆ ก็ยังแปลกใจเมื่อพวกเขารู้ว่าซูเย่ทำอะไรลงไป
ซูเย่มีฐานะเพียงผู้มาใหม่คนหนึ่ง แต่ก่อนเข้าสู่โลกนี้เขาก็ได้อันดับหนึ่งในตารางรายชื่อผู้ฝึกยุทธ์แล้ว
และในวันแรกที่เขาเข้ามายังดินแดนแห่งนี้ เขาก็ได้พบกับกองทัพมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกำจัดพวกมันได้อีก ชายหนุ่มฆ่ามอนสเตอร์นับหมื่น และนำซากศพกลับมาอีก 5,000 ศพ!
ประสบการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นตำนานเล่าขานต่อไปได้เลย
“เอาล่ะทุกคน”
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทางการนำซากมอนสเตอร์ไปหมดแล้ว หวังห่าวก็พูดกับซูเย่และคนอื่น ๆ “คุณยังมีเวลา 20 ชั่วโมงในการฝึกฝนที่นี่ ความเข้มข้นของพลังงานปราณที่นี่มีมากกว่าโลกภายนอกสามเท่า ไปฝึกกันเร็วเข้า”
“ฉันบอกทุกคนก่อนหน้านี้แล้วว่าตราบใดที่พวกนายมาถึงขั้นสาม ก็จะได้รับเทคนิคการฝึกฝนและทักษะการต่อสู้ที่มากขึ้น”
“ตอนนี้พวกนายสามารถไปที่โถงแลกเปลี่ยน ลงทะเบียนโดยใส่หมายเลขประจำตัว แล้วแลกเปลี่ยนอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ”
เทคนิคการฝึกฝนและทักษะการต่อสู้ระดับ 3 ?
ดวงตาของทุกคนเป็นประกาย
“แยกย้ายได้”
หวังห่าวเอ่ยสั่ง
ทุกคนแยกย้ายด้วยความรวดเร็ว หลายคนรวมกลุ่มมุ่งหน้าไปโถงแลกเปลี่ยน
เมื่อมาถึง ซูเย่ไปจุดแลกเปลี่ยนเทคนิคการฝึกฝนทันที ตามข้อมูลที่พนักงานให้ดู มีเทคนิคการฝึกฝนมากมายที่สามารถแลกเปลี่ยนได้
แต่ซูเย่คิดว่าวิธีเหล่านั้นใช้ไม่ได้ผลกับตัวเอง จึงไปดูที่จุดแลกเปลี่ยนทักษะการต่อสู้ และพบว่าทักษะการต่อสู้ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก หนึ่งในนั้นยังมีมวยจีนโบราณอยู่ด้วย
เมื่อดูครบ ซูเย่ก็ส่ายหน้าอย่างหนักใจ สิ่งของเหล่านี้ไร้ประโยชน์สำหรับตัวเขา
ทุกคนพร้อมที่จะเลือกวิธีฝึกฝนพลังปราณและศิลปะการต่อสู้ที่ดีสำหรับตัวเอง แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าซูเย่มองสิ่งเหล่านี้ด้วยสายตาเหนื่อยใจเล็กน้อย ทุกคนก็พร้อมใจกันมองไปที่ซูเย่อย่างกระตือรือร้นทันที
“ลูกพี่ซู นายเก่งขนาดนั้น ทำไมไม่สอนพวกเราล่ะ”
“ใช่ โลกนี้อันตรายกว่าในเกมมาก หากไม่มีวิธีการฝึกฝนที่ดี พวกเราคงยากที่จะอยู่ที่นี่!”
“ลูกพี่ซู สอนพวกเราบ้างสิ!”
เมื่อมองดูสายตาอ้อนวอนของทุกคน ซูเย่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยตอบ “ทุกคนเลือกวิธีฝึกปราณที่เหมาะกับตัวเองก่อน แล้วฉันจะช่วยปรับแก้ทีหลัง ส่วนศิลปะการต่อสู้นั้นสามารถ มาแลกเปลี่ยนที่นี่ก็เพียงพอสำหรับทุกคนแล้ว”
ทันทีที่ทุกคนได้ยิน พวกเขาก็แลกเปลี่ยนวิธีฝึกปราณและศิลปะการต่อสู้กันอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้น
เมื่อแลกเปลี่ยนทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซูเย่ก็พาทุกคนออกจากเมืองไปยังพื้นที่ป่าที่ไม่มีมอนสเตอร์และไม่มีคนอาศัยอยู่
แล้วตั้งค่ายกลรวบรวมปราณขนาดใหญ่ที่พื้นที่โดยรอบทันที
ครั้งนี้ ซูเย่ตั้งใจวางค่ายกลรวบรวมปราณที่ซับซ้อนกว่าเดิมเล็กน้อย และผลก็ยังเหมือนเดิม แต่ความเร็วในการรวบรวมพลังงานปราณนั้นเร็วเป็นสองเท่าจากวิธีธรรมดา
เมื่อกระแสปราณไหลมารวมกัน ทุกคนพลันรู้สึกถึงพลังปราณระหว่างฟ้าดินที่เริ่มหนาขึ้นในทันใด ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ต่อไป ให้จัดกลุ่มตามวิธีฝึกที่เลือก คนที่เลือกวิธีเดียวกับนั่งรวมกลุ่มกันเลย”
ซูเย่กล่าว
ทุกคนแบ่งกลุ่มกันทันที
สุดท้าย ทั้ง 70 คนเลือกวิธีฝึกที่แตกต่างกันทั้งหมดสี่แบบ
หลังจากพิจารณาวิธีฝึกทั้งสี่นี้แล้ว ซูเย่ก็ปรับแก้ทีละวิธีสำหรับทุกคน
บนพื้นฐานของการรักษาความเร็วของการฝึกฝนให้คงที่ และให้ทุกคนฝึกฝนเพื่อพัฒนาพลังการต่อสู้นั้นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างสมบูรณ์
กล่าวอีกนัยหนึ่งวิธีที่ดัดแปลงของซูเย่จะเพิ่มประสิทธิภาพจากแบบเดิมถึงสองเท่า!
ทุกคนได้พิจารณาวิธีฝึกที่แก้ไขแล้วอย่างละเอียดถี่ถ้วน
หลังจากที่คิดคำนวณในใจแล้ว ดวงตาของพวกเขาพลันเป็นประกาย
ลูกพี่ซูลงมือเองแล้วไม่ธรรมดาจริงๆ!
ทุกคนนั่งลงและฝึกฝนด้วยความดีใจ
ดินแดนภูผามหานทีก็มีพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกเช่นกัน และยามค่ำคืนก็มีดวงจันทร์ดวงโตและดวงดาวเต็มท้องฟ้า
ซูเย่ประหลาดใจที่เห็นมัน
เวลาหนึ่งคืนผ่านไป
ทุกคนตื่นจากการฝึกซ้อม และรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าพวกเขาทะลุผ่านไปยังขั้นสามระดับสองแล้ว!
ความเร็วของการฝึกพลังปราณในดินแดนนี้เร็วมากจริง ๆ!
ซูเย่เองก็พัฒนาขึ้นมากเช่นกัน อีกไม่นานเขาก็คงจะเลื่อนขั้นถึงขั้นสามระดับสี่ได้แล้ว
แม้ว่าจะยังไม่ได้เลื่อนขั้นในครั้งนี้ แต่ก็อีกไม่นานเกินไป
“วรยุทธ์ที่ทุกคนเลือก เป็นมวยจีนโบราณเหมือนกันหมดใช่ไหม?”
ซูเย่มองไปทางทุกคนแล้วเอ่ยถาม
ทุกคนพยักหน้าทันที
“ใช่”
ซูเย่พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วกล่าวต่อ “กระบวนท่าไม่ได้อยู่ที่มีเยอะมีมาก แต่อยู่ที่ไหวพริบ ในการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ ส่วนใหญ่การต่อสู้จะจบลงด้วยกระบวนท่าเดียว ต่อให้มีลูกเล่นอะไรเยอะแยะก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
ขณะพูดก็ให้ทุกคนเริ่มฝึกมวยในทันที
จากนั้นเขาก็เดินเพื่อช่วยชี้แนะทีละคน
ช่วยทุกคนแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง
แม้แต่วิธีการใช้พลังปราณ ทำอย่างไรถึงจะช่วยประหยัดพลังปราณ ทำอย่างไรถึงจะทำให้พลังหมัดระเบิดพลังที่ทรงพลังที่สุด รายละเอียดทั้งหมดเหล่านี้ ซูเย่ก็ยังทำการสอนทุกคนทีละคน
ภายใต้การชี้แนะของซูเย่ ความแข็งแกร่งของทุกคนได้รับการปรับปรุงอย่างรวดเร็ว
“ในโลกนี้มีอันตรายอยู่มากมาย”
หลังจากปรับเทคนิคการต่อสู้ของทุกคนแล้ว ซูเย่ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นฉันจะสอนวิถีก้าวย่างอีกชุดหนึ่งให้ทุกคนด้วยดีกว่า”
“อะไรนะ?”
ทุกคนต่างตะลึงเมื่อได้ยิน
“อะไรคือวิถีก้าวย่าง?”
จินฝานเอ่ยถามอย่างฉงนใจ
“ก็ตามชื่อมันไง วิธีในการวิ่งไง”
ซูเย่เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม
ใบหน้าทุกคนพลันดำคล้ำ ก็บอกตรง ๆ มาเลยสิว่าวิธีหนี!
ทุกคนต่างใจจดจ่อกับการเรียนเป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรบางอย่างไป
ซูเย่เลือกปรับใช้ทักษะของมวยจีน
ทักษะการต่อสู้ชุดนี้ มันสามารถทำให้ความเร็วในการฝึกของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ห้าส่วน
มันเป็นการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งภายในจากการเพิ่มพลังปราณและฝ่าเท้าที่คล่องตัว
ทุกคนต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีความสามารถ
ภายใต้การแนะนำของซูเย่ ทุกคนก็ได้ฝึกฝนทักษะนี้จนเชี่ยวชาญอย่างรวดเร็ว
ทุกคนตื่นเต้นดีใจราวกับได้สมบัติล้ำค่า ทุกคนต่างวิ่งฝึกฝนไปมาในภูเขา และพวกเขารู้สึกสนุกสนานกับการฝึกฝนมาก
ซูเย่มองทุกคนด้วยรอยยิ้ม และเริ่มคิดเกี่ยวกับจะใช้หยกปราณสามร้อยก้อนที่เขาจะได้รับอย่างไรดี
ใช้แลกเงิน… หากแลกทั้งหมดสามารถแลกได้สามล้าน
ซูเย่ส่ายศีรษะครุ่นคิด ไม่ได้ ขาดทุนเกินไป
อัตราแลกเปลี่ยนหยกปราณหนึ่งก้อนต่อเงินหนึ่งหมื่น นี่มันเอาเปรียบกันเกินไปแล้ว
ต่อให้ต้องการแลกเปลี่ยนเป็นเงิน เขาก็คงไม่วิ่งไปแลกเปลี่ยนกับทางการแน่ ถ้าหาแลกเปลี่ยนที่ตลาดมืด แน่นอนว่าราคาจะดีกว่าของทางการ
“หรือเก็บไว้ใช้เอง?”
ซูเย่พิจารณาอย่างรอบคอบ ว่าจะเอาหยกปราณทั้งสามร้อยก้อนไปใช้อัประดับความสามารถดีหรือไม่
ก่อนหน้านี้ หยกปราณห้าก้อนก็ทะลวงได้หนึ่งจุดลมปราณ แต่ตอนนี้เขาต้องใช้ถึงห้าสิบก้อนในการทะลวงเส้นลมปราณ !
…แม้ว่าจะทุ่มจนหมดก็จะได้เลื่อนไปขั้นสี่ทันที แต่การเลื่อนขั้นเร็วเกินไปมันไม่ส่งผลดีต่อการฝึกเท่าไหร่นัก ตอนนี้เขาต้องการเวลาที่จะทำให้ระดับขั้นของเขามีความมั่นคง
เพราะงั้นตัดตัวเลือกการเลื่อนระดับขั้นไปก่อน
งั้นก็เหลือแค่คะแนนคุณธรรมแล้ว
แต่มันเอาไปแลกตรง ๆ ไม่ได้
ถ้าอย่างนั้นก็มีแค่ที่ตลาดมืดแล้วล่ะ
“หยกปราณ 1000 ก้อน ก็เท่ากับสิบล้านเลยนะ”
เมื่อเห็นเฉิงหวงที่เดินไปมาอยู่ข้าง ๆ รอบตัวปกคลุมไปด้วยชั้นหมอก ซูเย่ก็นึกถึงหญ้าปราณที่มีมูลค่า 1,000 หยกปราณในทันที
นั่นมีค่าสิบล้านเชียวนะ
คิดแล้วก็เจ็บใจ!
ในตอนนี้นาฬิกาข้อมือส่งเสียงแจ้งเตือน
ซูเย่อ่านข้อความที่เข้ามา พบว่าหยกปราณสามร้อยก้อนและผลไม้ที่เฉิงหวงต้องการได้มาถึงมือเขาแล้ว สามารถกดรับได้ทุกเมื่อ
ซูเย่กลับเข้าไปที่โถงแลกเปลี่ยนในเมืองทันที
หลังจากลงทะเบียนเข้าเรียบร้อย เขาก็กดรับผลไม้ แล้วเดินวนดูในโถงแลกเปลี่ยนอีกครั้ง เตรียมจะเดินไปดูจุดแลกเปลี่ยนสมุนไพร
ที่นี่ อาจจะสามารถแลกเปลี่ยนหญ้าเซียนหรือหญ้าปราณที่หายากได้
เมื่อคิดถึงสมุนไพร ดวงตาของซูเย่พลันเป็นประกาย เขารู้วิธีที่จะขายหยกปราณให้คุ้มค่าที่สุดแล้ว!