เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 97 เคล็ดลับควบคุมอสูร!
บทที่ 97 เคล็ดลับควบคุมอสูร!
เมื่อได้รับข้อความจากซูเย่ ถังอี้ก็กระจายข้อมูลต่อให้คนอื่น ๆ ทันที ทุกคนรีบมุ่งหน้าไปยังพิกัดที่ส่งมาจากทุกทิศทุกทางทันที
หลังจากที่ซูเย่ส่งข้อความ เขาทำการสังเกตสถานการณ์รอบตัวอย่างระมัดระวังและพบว่ามีต้นไม้จำนวนมากขึ้นในป่าหิน
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็คิดอะไรบางอย่างออก
“ทะลวงค่ายกลธาตุดิน ด้วยธาตุไม้!”
ค่ายกลหลบหนีของพวกมนุษย์กิ้งก่าใช้ธาตุดินเป็นหลัก และการที่จะสกัดกั้นผลของค่ายกลธาตุดินได้ จำเป็นต้องใช้วิธีห้าธาตุที่สนับสนุนและขัดแย้งกันเอง
ห้าธาตุ ไม้ทำลายดิน!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงวางค่ายกลที่มีธาตุไม้ ปราณธาตุดินทั้งหมดในบริเวณนี้จะถูกรบกวน และไม่ว่ามนุษย์กิ้งก่าทั้งสามจะใช้วิธีการหลบหนีอย่างไร พวกมันก็ไม่สามารถหลบหนีได้ ว่าแล้วซูเย่พลันล้อมรอบตำแหน่งที่มนุษย์กิ้งก่าทั้งสามกำลังขุดหินสีเขียวอย่างเงียบ ๆ และเริ่มวางค่ายกลทันที
หลังจากจัดการเรียบร้อย ซูเย่ก็พบว่าพลังปราณในร่างกายของเขาถูกใช้ไปมากกว่าครึ่งแล้ว
ค่ายกลเพิ่งวางเสร็จสิ้น และกองกำลังที่นำโดยถังอี้ก็ได้รุดมาถึงในตอนนี้
พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ซูเย่ ซูเย่ก็มองไปที่พวกเขา
ทุกคนเข้าใจทันทีว่าชายหนุ่มต้องการให้ล้อมรอบป่าหินทั้งหมดไว้อย่างเงียบ ๆ
“ฮึ่มม!”
หลังจากนั้นไม่นาน มนุษย์กิ้งก่าทั้งสามก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกมันเริ่มการโจมตีทันที!
ผู้คนนับหมื่นที่รอซุ่มโจมตีอยู่รอบ ๆ ก็ไม่ได้ปิดบังอีกต่อไป พวกเขาปรากฏกายออกมาโดยพลัน!!
เพียงตาเดียว สีหน้าของมนุษย์กิ้งก่าทั้งสามแปรเปลี่ยนไป และเริ่มการหลบหนีทันที
ทว่า ในตอนที่ค่ายกลธาตุดินส่องแสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้าของพวกมัน ซูเย่พลันเร่งให้เกิดการผูกมัดด้วยธาตุไม้ซึ่งได้วางไว้ก่อนหน้านี้แล้วทันที
ในพริบตา
ภายใต้พันธนาการของค่ายกลธาตุไม้ การหลบหนีของพวกมนุษย์กิ้งก่าสามตนได้ถูกรบกวนจนไม่สามารถใช้งานได้
ตอนแรกทุกคนตื่นตระหนกและคิดว่าพวกมันทั้งสามกำลังจะหนีไปอีกครั้ง แต่ปรากฎว่าการหลบหนีของพวกกิ้งก่าสามตนใช้ไม่ได้ผล
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ดวงตาของพวกเขาพลันสดใสทันที!
“ฆ่า!!”
“อย่าให้มันหนีไปได้”
“แก้แค้นให้พี่น้องของเราที่ตายไป ฆ่าให้หมด!”
เหล่าลูกรักสวรรค์นับหมื่นคนตะโกนสุดเสียงพลางพุ่งทะยานเข้าไปฆ่าพวกมัน
ส่วนซูเย่ไม่ได้ทำอะไร เพราะก่อนหน้านี้เขาใช้พลังปราณมากเกินไป
ค่ายกลธาตุไม้ที่วางไว้ในครั้งนี้ใช้พลังปราณที่เหลืออยู่แทบทั้งหมดในร่างกายของเขา
เหล่าลูกรักสวรรค์นับหมื่นลงสนามพร้อมกัน แม้ว่ามนุษย์กิ้งก่าจะมีสามหัวหกแขน พวกมันก็ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป
ตามที่คาดการณ์ไว้ ภายใต้อิทธิพลของค่ายกลธาตุไม้ของซูเย่ มนุษย์กิ้งก่าสามตนไม่สามารถออกแรงได้อย่างเต็มที่ และในท้ายที่สุด พวกมันก็ถูกสังหารจากการโจมตีอันบ้าคลั่งของคนนับหมื่น!
วินาทีถัดมา
เสียงเชียร์ดังกึกก้อง กระจายออกไปทั่วบริเวณ และกลุ่มของผู้เล่นที่เพิ่งตามมาจากด้านหลังก็ส่งเสียงร้องอย่างยินดีทันที
“ชนะแล้ว!!”
“เราชนะแล้ว!!!”
“เขตทั้งหกจะไม่มีกองทัพมอนสเตอร์อีกต่อไป โคตรมีความสุขเลยโว้ย แม่งเอ้ยย!!!”
“เจ้าเวรกรรมโคตรเท่!!! ส่วนพวกเราก็ทำได้ดีมาก!!!”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เทพเจ้าเวรกรรมคือไอดอลของฉัน!!”
“ไม่มีปัญหาอะไรที่ลูกหลานชาวจีนอย่างพวกเราจะเอาชนะไม่ได้! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงเชียร์ดังสนั่นไปทั่วอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
……
ยอดเขาสูง
“ได้ยินเสียงอะไรไหม”
หลานหลาน ผู้บัญชาการมหานครตะวันตกเฉียงใต้ ก้มศีรษะลงเล็กน้อย เพราะพวกเขามองไม่เห็นสถานการณ์ในพื้นที่ระดับ 40-50 พวกเขาจึงทำได้เพียงฟังเสียงอย่างระมัดระวังเพื่อตัดสินความคืบหน้าของสงคราม
“ดูร่าเริง?”
เจียงซานก็ได้ยินเสียงเช่นเดียวกัน และแสงสว่างแวววาวก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาทันที
แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเกิดขึ้นในเกม แต่ถึงกระนั้นมหานครตะวันออกในเกมก็ยังอยู่ภายใต้เขตอำนาจของเขา… ผู้บัญชาการมหานครตะวันออกคนนี้อยู่ดี!
บนฐานทัพที่เป็นเขตของเขา กองทัพผู้เล่นทุกเขตที่นำโดยคนใต้อาณัติของเขา เอาชนะกองทัพมอนสเตอร์ได้อย่างสมบูรณ์
ผลลัพธ์นี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขามีความสุขที่ได้เห็นมันมากแค่ไหน
ตอนนี้ ซูเย่ทำมันได้จริง ๆ แล้ว ขณะที่ผู้บัญชาการทั้งหกต่างรอคอยผลสุดท้ายของสงคราม ข้อความก็ส่งมา
“กองทัพมอนสเตอร์ที่ฐานทัพทั้งหกเขตถูกจัดการแล้ว!”
เมื่อได้รับข่าวนี้
ผู้บัญชาการทั้งหกพลันยิ้มอย่างพึงพอใจ
“เจ้าหนุ่มซูเย่ ไม่เลวเลย”
“อย่าลืมว่านี่คือโลกเกม ความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์มีเพียง 70% จากความจริง อย่าเพิ่งมีความสุขเร็วเกินไป”
“การต่อสู้ครั้งนี้ยอดเยี่ยมมาก แต่คุณค่าของการต่อสู้ครั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าซูเย่จะได้รับของตอบแทนจากเขตระดับสี่มากแค่ไหน”
……
เหล่าลูกรักสวรรค์ไม่เหมือนกับผู้เล่นทั่วไป หรือผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา พวกเขามีประสบการณ์โชกโชน ในวินาทีที่ชนะการต่อสู้ พวกเขาไม่ได้ดีใจจนออกนอกหน้า แต่รีบเช็คเวลาที่เหลืออยู่ทันที และพบว่ามันเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นก่อนที่จะต้องล็อกเอ้าท์
พวกเขารีบวิ่งไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทันที และเริ่มสำรวจภูมิประเทศรอบ ๆ ในพื้นที่ระดับ 4 อย่างระมัดระวัง เพื่อเตรียมการสำหรับอนาคต ซึ่งก็คือเข้าสู่พื้นที่ระดับ 4 เพื่อรับทรัพยากร
ในเมื่อได้เลือกหนทางนี้แล้ว เช่นนั้นก็ต้องดิ้นรนต่อสู้ไปไม่หยุดบนเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์
เหนือฟ้ายังมีฟ้า และพวกเขาต้องฝึกฝนให้หนักขึ้นเพื่อไล่ตามให้ทัน
ผู้เล่นธรรมดาที่มีความตึงเครียดแต่งแต้มไปทั่วใบหน้าตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ ในที่สุดก็ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ในเวลานี้
ท่ามกลางฝูงชน สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่สองพี่น้องไป๋
ในตอนแรกที่มีคนพูดถึงการปรากฏตัวของพี่น้องไป๋ในเว็บบอร์ด หลายคนสงสัยเกี่ยวกับพวกเธอ และหลายคนไม่เชื่อว่าสองสาวฝาแฝดจะสวยเหมือนอย่างที่มีคนกล่าวอ้าง
แต่คราวนี้ พวกเขาเห็นด้วยตาของพวกเขาเองถึงใบหน้าที่วิจิตรงดงามของสองสาว ท่ามกลางทะเลผู้คน พวกเขากลับไม่สามารถละสายตาไปจากสองสาวได้เลย
มีผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ในเกมด้วยเหรอ?
แถมยังมีตั้งสองคน?
ในตอนนี้เอง ซูเย่ออกจากขบวนผู้เล่นไปอย่างเงียบ ๆ และเข้าสู่แดนลับเพียงลำพัง
ทันทีที่เดินเข้าไป สายตาของซูเย่ก็ปะทะเข้ากับแสงออร่าสีเขียวเรืองรอง
นี่ไม่ใช่แดนลับที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร แต่ก็ไม่ได้มีขนาดเล็ก
ด้านในมีหินสีเขียวใสหลายก้อนเรียงซ้อนกัน นอกจากหินเหล่านี้แล้ว ซูเย่ยังพบว่ามีหญ้าปราณมากมายในดินแดนลับ
เขาเดินสำรวจรวบ ๆ อย่างรวดเร็ว
เมื่อเขามาถึงมุมหนึ่งของแดนลับ สายตาของเขาพลันเป็นประกายเมื่อเห็นสิ่งหนึ่ง
มันคือต้นไม้ต้นหนึ่ง
พูดให้ถูกคือ ต้นโต๋วต๋งที่มีอยู่ระดับหญ้าปราณ…
ต้องเข้าใจว่าต้นโต๋วต๋งที่อยู่ระดับหญ้าปราณนั้นหายากมาก!
เนื่องจากลำต้นมีขนาดใหญ่มากและเป็นยาสมุนไพรจีนที่มีคุณค่ามาก เมื่อมันถูกค้นพบในโลกแห่งความเป็นจริง จะต้องมีคนเอาเปลือกของลำต้นไป ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเติบโตและได้ซึมซับพลังปราณจนกลายเป็นต้นไม้ระดับหญ้าปราณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนภูผามหานทีที่ยาสมุนไพรจีนค่อนข้างหายาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาต้นโต๋วต๋งที่สามารถใช้เป็นยาได้
เขาไม่คิดเลยว่าจะพบต้นโต๋วต๋งในแดนลับแห่งนี้
ต้นโต๋วต๋งมีความสำคัญมากสำหรับซูเย่ เพราะมันเป็นหนึ่งในวัตถุดิบยาที่ขาดไม่ได้สำหรับโอสถตัวต่อไปที่เขาต้องการหลอม!
“ต่อไป ถ้าได้เข้าไปในพื้นที่ระดับสี่ของดินแดนภูผามหานที จะต้องไปเอามันมาให้ได้”
ซูเย่แย้มยิ้มเล็กน้อยและทำการสำรวจต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน บนแท่นหินใจกลางอาณาจักรลับ ซูเย่ก็พบกระดองเต่าหนึ่งแผ่น
ด้านบนสลักอักษรกระดองเต่าอยู่ แม้ว่าคนอื่นอ่านไม่ออก แต่ซูเย่สามารถอ่านได้อย่างชัดเจน
คำสามคำที่ใหญ่ที่สุดที่แกะสลักไว้บนกระดองเต่า ‘ควบคุมอสูร’!
“ควบคุมอสูร? อสูรก็คือมอนสเตอร์รึเปล่า?”
“เป็นไปได้ไหมว่านี่คือวิธีที่พวกมนุษย์กิ้งก่าใช้ควบคุมกองทัพมอนสเตอร์?”
ซูเย่เริ่มศึกษาอย่างระมัดระวังอย่างรวดเร็ว และเขาพบว่านี่เป็นวิธีการควบคุมสัตว์พาหนะ แต่หลังจากฝึกได้สำเร็จจะสามารถควบคุมสัตว์พาหนะที่มีระดับที่ต่ำกว่าระดับของตัวเองเราเองเท่านั้น และคน ๆ หนึ่งจะสามารถควบคุมสัตว์พาหนะได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น
สรุปง่าย ๆ นี่คือวิธีการเปิดใช้งานระบบสัตว์พาหนะสำหรับผู้เล่นในเกม อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยทุกคนจะไม่ต้องวิ่งไม่ต้องเดินเองอีกต่อไป
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ได้จริงหรือไม่ คงต้องลองดูสักหน่อย
ส่วนเรื่องกองทัพมอนสเตอร์ มนุษย์กิ้งก่าควบคุมพวกมันโดยหินสีเขียว และนึกดูดี ๆ มันก็ไม่ใช่การควบคุมโดยสมบูรณ์จริง ๆ มันเพียงแค่ชักนำมอนสเตอร์ที่อยู่ในภาวะบ้าคลั่งให้ทำร้ายคนอื่นเท่านั้น
“ในเมื่อมันไม่ใช่ที่มาของกองทัพมอนสเตอร์ แล้วพวกมนุษย์กิ้งก่าควบคุมพวกมอนสเตอร์ได้ยังไงกันแน่?”
“หรือว่ายังมีวิธีอื่น?”
ซูเย่ขมวดคิ้วและค้นหาบริเวณโดยรอบต่อไป ผลที่ได้คือดินแดนลับทั้งหมดแทบจะถูกพลิกกลับ แต่เขาก็ไม่พบเบาะแสอะไรอีกเลย
ซูเย่ทำได้เพียงเก็บกระดองเต่าแผ่นนั้นไป แต่เขามีเฉิงหวงอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องฝึกฝนการควบคุมอสูร
แต่ของสิ่งนี้ ถ้านำออกไปน่าจะเอาไว้ขายได้เงินดีแน่
หลังจากค้นหาอีกครั้งและยืนยันว่าไม่มีอะไรเหลือแล้ว ซูเย่จึงเตรียมที่จะออกจากแดนลับและออกไปข้างนอกเพื่อค้นหาสัตว์ประหลาดแบบสุ่มเพื่อทดสอบเคล็ดลับควบคุมอสูร
เมื่อเขากำลังจะออกไป ข้อความเตือนจากระบบก็ปรากฏขึ้นทันที
“ผู้เล่นที่เคารพ Fantasy Dream กำลังจะปิดในสามนาที โปรดเตรียมออฟไลน์ หวังว่าจะเป็นวันที่ดี”
เมื่อเห็นข้อความเตือนของระบบ ก็รู้ว่าเวลาไม่เหลือแล้ว ซูเย่จึงถอดหมวก VR ทำการออฟไลน์ทันที
เพิ่งถอดหมวกออกได้ไม่นาน โทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงก็ส่งเสียงแจ้งเตือน เป็นสายโทรเข้าจากหวังห่าว
“ฉันรอนายที่ห้องฝึก มาคุยกัน”
เสียงของหวังห่าวดังมาจากปลายสาย
ซูเย่กดวางสายทันทีที่คนปลายสายพูดจบประโยค แล้วเดินลงจากเตียงไปอาบน้ำเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องฝึก
เมื่อมาถึงสถานที่นัดหมาย หวังห่าวก็เดินเข้ามารับอย่างยินดีพร้อมตบมือลงบนไหล่ซูเย่เบา ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “นายทำได้ดีมาก ครั้งนี้เป็นหน้าเป็นตาให้กับเขตของเรา!”
“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ”
ซูเย่เอ่ยตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับยกมือโบกไปมา
หวังห่าวระงับความตื่นเต้นในใจของเขาแล้วถามด้วยใบหน้าที่จริงจัง “นายจับสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนมนุษย์ในพื้นที่ระดับสี่ได้ยังไง พวกมันไม่ได้ใช้ค่ายกลหนีไปงั้นเหรอ?”
ซูเย่พยักหน้า
“แล้วนายทำได้ยังไง”
หวังห่าวถามอย่างเร่งเร้าคำตอบ แต่ซูเย่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองเขาด้วยรอยยิ้ม
หวังห่าวผงะไป ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้
เขาพูดอย่างจนปัญญา “รางวัลน่ะได้แน่ นายบอกฉันมาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วฉันจะช่วยนายยื่นเรื่องแน่นอน”
“ผมจะเชื่อดูแล้วกันนะครับ”
ซูเย่เอ่ยพร้อมรอยยิ้มเช่นเดิม
“มนุษย์กิ้งก่าพวกนั้นใช้ค่ายกลหลบหนีแบบธาตุดิน เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันหลบหนีไปได้ เราก็แค่ต้องตั้งค่ายกลธาตุไม้ขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อยับยั้งการหลบหนี”
“ธาตุไม้?”
หวังห่าวตกตะลึงไปชั่วครู่พลันถามอย่างรวดเร็ว “แล้วจะวางค่ายกลที่ว่าได้ยังไง?”
เขานำกระดาษและปากกายื่นส่งให้ซูเย่ทันที