เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 567 เหนือการคาดหมาย
บทที่ 567 เหนือการคาดหมาย
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เล่นให้สมบทบาทดีกว่า “พวกเจ้าทาสรับใช้ทั้งสอง ยังยืนเหม่ออยู่ทำไม ข้าสั่งว่าจับเธอคนนี้กลับไปด้วย สาวสวยขายเต้าหู้นั้นให้เป็นเมียหลวง ส่วนสาวสวยขายหนังสือพิมพ์คนนี้ให้เป็นเมียน้อย”
*
เมื่อวานที่ซ้อมการแสดงนี้ ครูหลี่ได้สั่งให้เด็กที่รับบทคนรับใช้ทั้งสองคนนี้ว่า ไม่ว่าหยางหยางจะแสดงอย่างไร หน้าที่ของเขาสองคนก็คือเชื่อฟังเจ้านาย
อันที่จริง นอกจากหยางหยางกับจ้าวจิ้งอี๋และเฉิงเฉิง ครูหลี่ได้สั่งให้ทุกคนทำตามเช่นนั้น
ดังนั้นการแสดงมาถึงตรงนี้ ก็ยังไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ
นี่ก็เป็นข้อดีของทั้งสามคนที่ได้แสดงอย่างอิสระ
*
เมื่อลูกน้องทั้งสองได้รับคำสั่งแบบนี้แล้ว เขาได้แต่ทำตาม
ดังนั้นจึงจับเฉิงเฉิงที่รับบทเป็นสาวขายหนังสือพิมพ์คนนี้กลับบ้านไปด้วย
หยางหยางเห็นว่าเขาทั้งสองทำอะไรตัวเองไม่ได้แล้ว จึงแอบได้ใจ แล้วหัวเราะชอบใจอยู่กลางเวทีนั้น “คืนนี้ข้าจะได้เสพสุขกับเจ้าทั้งสอง”
เขาหันไปรอบ ๆ มือถือด้ามจิ้วนั้นพัดเบา ๆ แล้วพูดต่อ“เข้าหอ เข้าหอ……”
จากนั้นเขาก็เดินเข้าประตูบ้านไป
ผ้าม่านเวทีก็ค่อย ๆ ปิดลง
ครูหลี่ที่หวังว่าจะได้เจอดาราคนใหม่ เมื่อดูถึงฉากนี้ถึงกลับต้องสับสนเลย
นี่มันแสดงอะไรกันเนี่ย เดิมทีเป็นเรื่องราวละครที่คุณชายได้พบกับสาวขายเต้าหู้คนหนึ่ง แล้วทั้งสองฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อได้รักกัน แต่ทำไมมันถึงกลับกลายเป็นเรื่องราวของคุณชายที่เป็นปรมาจารย์ความชั่วร้ายแล้วกราดปล้นผู้หญิงไปทั่วซะงั้น
ก่อนจะเริ่มซ้อมการแสดงในวันนั้น ครูใหญ่ของโรงเรียนก็ได้เรียกครูหลี่ที่รับผิดชอบการแสดงนี้ไปประชุมแล้ว และได้ให้ครูหลี่เล่าเค้าโครงของเรื่องราวการแสดงนี้ แต่เมื่อถึงวันจริง ทำไมเค้าโครงไม่เหมือนที่ครูหลี่เคยพูดมาก่อนหน้านั้น
เขาจึงกวักมือเรียกครูหลี่ แล้วกระซิบพูด “ครูหลี่ ที่ผ่านมาคุณทำงานได้ละเอียดอ่อนมาก ผมจึงมอบหมายงานนี้ให้คุณ แต่ทำไมละครเรื่องที่แสดงอยู่นี้มันไม่เหมือนที่คุณเล่าให้ผมฟังเลย คนที่นั่งอยู่แถวแรกนี้เป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้เลยนะ ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจริง ๆ เราทั้งคู่ก็รับผิดชอบมันไม่ไหวนะ”
***
สีหน้าครูหลี่รู้สึกผิดมาก “ครูใหญ่คะ ดิฉันก็รู้กระทันหันเหมือนกันค่ะ เมื่อวานที่ซ้อมกันยังเป็นเค้าโครงเดิมนะ แต่วันนี้กลับไม่เหมือนเดิม สงสัยเด็ก ๆ ตั้งใจเปลี่ยนสคริปต์เองค่ะ”
ครูใหญ่หัวเราะประชด “เด็ก ๆ จะเปลี่ยนสคริปต์เองได้ยังไง”
ครูหลี่ได้แต่ส่ายหัว แต่ในใจก็ยังมีความสงสัยอยู่ “เด็ก ๆ คนอื่นดิฉันไม่กล้ารับประกัน แต่คุณชายน้อยทั้งสองของท่านประธานเป่หมิงนี่สิคะ……” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอเหลือบมองไปดูเป่หมิงโม่ซึ่งนั่งอยู่ข้างกู้ฮอนแล้ว
เมื่อครูใหญ่ฟังแล้ว สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพราะเขารู้ว่าลูกชายทั้งสองของเป่หมิงโม่เข้าร่วมการแสดงครั้งนี้ด้วย แต่ทว่าเป็นฝีมือของเด็กสองคนนั้นจริง ๆ ครูใหญ่ก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ได้แต่กัดฟันไว้ ถือว่าเป็นการเอาใจลูกชายของท่านประธานเป่หมิงก็แล้วกัน
เขากระซิบพูดต่อ “ครูหลี่ เราดูการแสดงของพวกเด็ก ๆ กันก่อน ถ้าหากมีความผิดปกติมากเกินไปก็รีบดึงผ้าม่านลงนะ”
ครูหลี่ตั้งใจฟังแล้วพยักหน้าตอบ “ครูใหญ่ไว้ใจได้เลยค่ะ”
ในระหว่างการแสดง กู้ฮอนก็แอบมองเป่หมิงโม่อยู่หลายครั้ง บางทีเขาจะทำหน้าเครียด บางทีก็บีบแขนตัวเองแน่น ๆ
อย่างไรก็ตาม การแสดงมาถึงจุดนี้แล้ว กู้ฮอนก็ยังรู้สึกชื่นชมวิธีการแสดงของหยางหยาง เพราะเขาไม่ได้ผิดพลาดอะไร อีกอย่างยังแสดงบทบาทตัวร้ายของคุณชายหลี่ได้อย่างเพอร์เฟคมาก
ในขณะนั้น โทรศัพท์กู้ฮอนก็มีข้อความเข้ามาจากหยินปู้ฝัน
ฮอนฮอน การแสดงของลูก ๆ เป็นอย่างไรบ้าง หยางหยางไม่ได้ทำมันพังใช่ไหม
กู้ฮอนถอนหายใจ แล้วตอบข้อความนั้น : ตอนนี้กำลังแสดงอยู่ สำหรับหยางหยางจะทำพังหรือไม่ฉันก็พูดไม่ได้เหมือนกัน ที่สำคัญตอนนี้พวกเขาเริ่มเล่นนอกบทกันแล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่งหยินปู้ฝันตอบกลับมาว่า : เล่นนอกบทแต่ยังไม่พัง ก็ถือว่าหยางหยางมีฝีมือแล้วล่ะ ไม่เหมือนที่คุณเล่าให้ผมฟังเมื่อวานนี้ ถ้างั้นเดี๋ยวผมเสร็จงานแล้วจะรีบเข้าไปรับนะ
กู้ฮอนเหลือบมองเป่หมิงโม่ด้วยความระมัดระวัง เห็นเขายังคงอยู่ท่าเดิมไม่ขยับ เธอจึงรีบตอบข้อความของหยินปู้ฝัน : ตอนนี้ฉันอยู่กับเป่หมิงโม่น่ะ วันนี้คุณคงไม่ต้องเข้ามารับพวกเราแล้ว
เมื่อตอบกลับเสร็จ เธอก็ยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
“แชทกันเสร็จแล้วเหรอ มันจะมาคุณเมื่อไหร่” เป่หมิงโม่ถามอย่างเย็นชา
กู้ฮอนหันหน้าไปมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเป่หมิงโม่ “คุณแอบดูฉันส่งข้อความเหรอ” เป่หมิงโม่ยิ้มตอบ “ผมจำเป็นต้องแอบดูด้วยเหรอ แค่คิดก็รู้แล้ว ไม่นึกเลยว่าไอ่หยินปู้ฝันคนนั้นยังคงตามตื้อคุณอยู่ไม่เลิกนะ”
คำพูดของเขาทำให้กู้ฮอนหัวร้อนจนหน้าแดงเลย “ตามตื้ออะไรของคุณ เขาแค่เป็นห่วงกันในฐานะเพื่อน อีกอย่างเขาก็เป็นพ่อบุญธรรมของลูก ๆ นะ เป็นห่วงแค่นี้จะเป็นไรไปล่ะ คุณตั้งใจดูการแสดงไปดีกว่า อย่ามาฟุ้งซ้านแถวนี้ กลายเป็นคนชอบยุ่งเรื่องคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เมื่อเธอพูดจบ ม่านบนเวทีก็เปิดออกพร้อมกับเสียงปรบมือของผู้ชม
ในขณะนี้ ฉากบนเวทีได้เปลี่ยนเป็นเรือนหอที่ตกแต่งด้วยสีแดงเต็มไปหมด
ตรงกลางเรือนหอนั้นมีโต๊ะไหว้บรรพบุรุษวางอยู่ กลางโต๊ะนั้นมีกระถางธูปจีนวางไว้ และมีเทียนสีแดงตั้งอยู่ทั้งสองมุมโต๊ะนั้น ตามด้วยผลไม้และของว่างวางอยู่เต็มโต๊ะ
มีเสียงบรรยาย : คุณชายหลี่จะไหว้บรรพบุรุษแล้ว……
หยางหยางเดินขึ้นเวทีอย่างภาคภูมิใจ เขาสวมชุดกี่เพ้าชายสีดำมีลวดลายจีนสีแดงเต็มชุด กลางอกยังมีดอกไม้สีแดงปักไว้ และสวมหมวกแมนจูลายแดงน้ำเงินไว้บนศีรษะ
เมื่อเห็นการแต่งตัวของเขาเช่นนี้ กู้ฮอนอดขำไม่ได้ เพราะจู่ ๆ เธอก็นึกถึงภาพที่เด็ก ๆ ไปก่อเรื่องในงานหมั้นของเป่หมิงโม่
***
เมื่อกู้ฮอนเห็นชุดของหยางหยางแล้ว ก็นึกถึงบรรยากาศงานหมั้นของเป่หมิงโม่ที่เด็ก ๆ กำลังก่อเรื่องวุ่นวายอยู่
ในเวลาเดียวกัน เธอไม่เพียงแต่นึกถึงภาพบรรยากาศในวันนั้นอย่างเดียว และยังนึกถึงสีหน้าที่ตึงเครียดของเป่หมิงโม่ในวันนั้นด้วย
หยางหยางเดินขึ้นเวที ในมือจับเชือกสีแดงไว้สองเส้น
เขาเดินไปกลางเวทีแล้วพูดกับผู้ชมที่นั่งอยู่ด้านล่างนั้นอย่างมีความสุข “วันนี้เป็นวันดี เรื่องสิริมงคลกำลังจะเกิดขึ้น เพราะข้าจับสาวสวยได้สองคนในช่วงกลางวันของวันนี้ ดังนั้นคืนนี้ข้าจะได้เข้าเรือนหอกับแม่นางทั้งสอง และพรุ่งนี้ข้าจะมีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง……”
สคริปต์ที่หยางหยางดัดแปลงนั้นช่างมีความหมายเหลือเกิน เมื่อเขาเริ่มเปิดปากพูด ก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมทั้งหมด ซึ่งบรรยากาศในงานก็ดูคึกคักกว่าสองรายการที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อหยางหยางพูดจบ เขาก็หันไปมองเชือกสีแดงที่เขาจับไว้ แล้วใช้แรงดึงเชือกนั้น
อึ๊บ……อึ๊บ……
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีสาวสวยคนหนึ่งถูกเขาดึงออกมา นั้นก็คือสาวน้อยขายเต้าหู้ที่สวมชุดกี่เพ้าสีแดงและมีผ้าสีแดงคลุมหน้าไว้ ส่วนที่บอกว่าถูกเขาดึงออกมา ความจริงแล้วเธอถูกลูกน้องสองคนนั้นผลักออกมามากกว่า
“เมียหลวงออกมาแล้ว เดี๋ยวผมดึงเมียน้อยก่อนนะ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ดึงเชือกแดงอีกเส้นนั้น ผ่านไปไม่นาน สาวน้อยขายหนังสือพิมพ์ก็ถูกเขาดึงออกมาเหมือนกัน
หยางหยางมองสาวน้อยทั้งสองตรงหน้าเขา แล้วพูดอย่างภาคภูมิใจ “กลางวันพวกเธอสองคนยังตะโกนส่งเสียงดังอยู่ในตลาดไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงเงียบกันจัง ฮ้า ๆ อยู่ในกำมือของคุณชายหลี่คนนี้อย่างหวังจะได้หนีไปไหนได้”
หยางหยางยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเธอสองคนแล้วตะโกนพูด “พวกเราไปเคารพบรรพบุรุษกันเถอะ”
เมื่อเขาพูดจบ สาวขายหนังสือพิมพ์ที่มีผ้าแดงคลุมหน้าไว้ก็หัวเราะขึ้นมา “คุณชายหลี่ คุณอย่าเพิ่งได้ใจ ดูก่อนว่าฉันเป็นใคร”
จากนั้น เฉิงเฉิงก็ดึงผ้าคลุมหน้าออก แล้วดึกวิกผมทิ้งลงบนพื้น ซึ่งมันเผยให้เห็นร่างของผู้ชายทันที
สีสันและอารมณ์ของละครมันหักมุมมาก ทำให้ผู้ชมทุกคนถึงกับตะลึง เดิมทีคิดว่าเป็นผู้หญิงทั้งสอง ไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ชายแอบแฝงอยู่ด้วย เรื่องราวมันชักสนุกขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
หยางหยางก็ตกใจเหมือนกัน
ไอ้แสบเฉิงเฉิงยังมีไม้นี้อีกเหรอ ฉากนี้ขอแค่เขาได้ไว้บรรพบุรุษเสร็จก็จบแล้ว ทำไมต้องหาเรื่องให้ข้าอีกเนี่ย
และเวลานั้น เขาก็นึกถึงเรื่องที่จ้าวจิ้งอี๋ตามหาเฉิงเฉิงหลังเวทีก่อนขึ้นแสดงนั้น และแล้วเขาก็รู้ความจริงทั้งหมด ที่แท้เขาสองคนรวมหัวกันแก้สคริปต์นี้เอง ไม่บอกกล่าวกันสักคำเลย นี่มันจงใจกลั่นแกล้งชัด ๆ
ยิ่งเป็นแบบนี้แล้ว ข้าจะให้พวกเจ้าจบไม่สวยแน่
เมื่อหยางหยางคิดถึงจุดนี้ เขาก็ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาเปลี่ยนบุคลิกอย่างกระทันหัน “อ้าว ที่แท้ก็คือไอ้หนุ่มขายถั่วที่ชอบสาวสวยขายเต้าหู้คนนี้เองเหรอ อย่างนายจะมีสิทธิมาแย่งผู้หญิงกับข้าด้วยเหรอ ช่างกล้ามาก่อเรื่องในเรือนหอของข้าจริง ๆ เดี๋ยวข้าจะให้นายออกไปยากกว่าเข้ามาเอง ลูกน้อง มาจัดการมัน ให้ฟันมันหลุดออกจากปากเดี๋ยวนี้”
ลูกน้องทั้งสองแทบจะเป็นบ้า เดิมทีเป็นแค่ตัวประกอบน้อย ๆ แต่ตอนนี้มันกลับไม่จบไม่สิ้น
ได้ จัดการก็จัดการสิ เขาสองคนเข้ามาพยายามโอบแขนเฉิงเฉิงไว้ แล้วแกล้งทำเป็นลงไม้ลงมือเพื่อสู้กับเฉิงเฉิง
ต่อมาเฉิงเฉิงกระพริบตาส่งสัญญาณให้เขาสองคน แล้วพูดเสียงเบา ๆ ที่ได้ยินเฉพาะพวกเขา “นายสองคนแกล้งแพ้ให้ข้าก็พอ”
จากนั้นมีเสียงตะโกนขึ้นมาสองครั้ง “โอ๊ย โอ๊ย……” ลูกน้องทั้งสอง คนหนึ่งกุมหน้าตัวเองไว้ ส่วนอีกคนกุมท้องตัวเองไว้ แล้วพูดกับเฉิงเฉิง “ไอ้คนขายถั่วคนนี้ นายมันแน่จริง ๆ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาย” เมื่อพูดจบ ทั้งสองก็วิ่งลงจากเวที
เมื่อทั้งสองวิ่งถึงหลังเวที เขาก็ต่างพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดีที่เฉิงเฉิงบอกพวกเขาว่าควรแสดงอย่างไร ไม่เช่นนั้นคงหาทางลงจากเวทีได้ยากแน่ ๆ
วันหลังถ้าหยางหยางกับเฉิงเฉิงมาแสดงด้วย ก็คงไม่กล้าเข้าร่วมแล้ว เพราะเขาไม่แสดงตามบทเลย
***
หยางหยางเห็นลูกน้องทั้งสองหนีไป ก็เริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว
เมื่อเห็นหน้าเฉิงเฉิง แล้วรู้สึกโกรธมาก ละครนี้เล่นต่อไม่ได้แล้ว
ไอ้เฉิงเฉิง จงใจเปลี่ยนสคริป์ตเพื่อหักหน้าข้าแน่ ๆ มันยังมีความเป็นพี่น้องอยู่ไหม ตั้งใจหาเรื่องกันนี่หว่า
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาโยนหมวกแมนจูนั้นทิ้งลงพื้น แล้วเดินเข้าไปสู้กับเฉิงเฉิงเลย
แต่ในตอนนั้น ผู้ชมไม่ได้คิดว่าเขาจะทะเลาะกันจริง และยังคงคิดว่าพวกเขากำลังแสดงอยู่
หลายคนยังยกย่องพวกเขา : เด็กสองคนนี้แสดงได้สมจริงมาก เหมือนมันเป็นการต่อสู้ระหว่างชายสองคนเพื่อคนที่เขารัก
อีกทั้งยังมีกลุ่มที่เชียร์พวกเขาจากด้านล่างเวทีด้วย “ไอ้คนขายถั่ว นายต้องชนะคนชั่ว แย่งคนรักกลับมาให้ได้นะ”
“ใช่แล้ว พวกเราเป็นกำลังใจให้นายนะ”
เมื่อกู้ฮอนเห็นความรู้สึกของผู้ชมที่มีต่อนักแสดง เธออดไม่ได้ที่จะเอามือบังหน้าตัวเองไว้ น่าอายจริง ๆ คนอื่นอาจจะดูไม่ออก แต่คนที่เป็นแม่จะไม่รู้ได้ยังไง ว่าลูกทั้งสองกำลังทะเลาะกันอย่างจริงจัง
ไม่ไหวแล้ว ต้องขึ้นไปห้ามพวกเขา
เมื่อคิดถึงจุดนี้ กู้ฮอนก็พยายามลุกขึ้น แต่มือใหญ่ ๆ ของคนข้างกายนั้นก็ห้ามเธอไว้ “ยังขายหน้าไม่พอเหรอ”
น้ำเสียงที่เย็นชา สุดจะบรรยาย คนที่พูดแบบนี้ได้คงไม่มีใครนอกจากไอ้เป่หมิงเอ้อที่นั่งข้างเธอ
เธอหันไปมองเขา อ้าว ใส่แว่นดำตั้งแต่เมื่อไหร่
นี่มันหมายความว่าไง ไม่ไปห้ามลูกแล้วยังไม่พอ แถมยังแกล้งทำเป็นไม่เห็นอีกเหรอ
หยางหยางและเฉิงเฉิงกำลังสู้กันอยู่บทเวที และทั้งสองก็ได้ยินเสียงเชียร์จากผู้ชมด้านล่างเหมือนกัน
นี่มันเรื่องอะไรกัน เด็กตีกันไม่ห้ามแถมยังส่งเสริม ยังมีผู้ปกครองแบบนี้ด้วยเหรอ
เฉิงเฉิงพยายามพูดกับหยางหยางเบา ๆ “คุณพ่อกับคุณแม่กำลังดูอยู่นะ ถ้านายอยากให้พวกเขาเสียหน้า นายก็ตีกับข้าต่อไป ถ้าไม่งั้นนายฟังข้าดี ๆ ซะ”