เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 575 หยางหยางต้องอบรมสั่งสอน
ตอนที่ 575 หยางหยางต้องอบรมสั่งสอน
“ฮ่าฮ่า เฉิงเฉิงยังเป็นห่วงหยางหยางมากนี่หน่า กลัวอยู่ที่นี่เหงา ให้ ‘เบลล่า’ มาอยู่เป็นเพื่อน” เป่หมิงยันพูดออกจากห้องน้ำ ในมือของเขามีผ้าขนหนูสองผืน ผืนหนึ่งพาดลงบนบ่าของตน อีกผืนหนึ่งโยนให้หยางหยางเบาเบา
หยางหยางยื่นมือรับไว้ แล้วพาดลงบนบ่าเหมือนเป่หมิงยัน
เจียงฮุ่ยซินมองอาหลานทั้งสองพอๆกันเลย ขมวดคิ้วขึ้นแล้วส่ายหัวเบาๆ พูดอย่างเข้ม “เราทั้งสองน่ะเล่นเหงื่อท่วมตัวขนาดนี้ ใช้แต่ผ้าขนหนูเช็ดๆก็ได้แล้วหรอ ไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมากินข้าว”
เป่หมิงยันหัวเราะฮิฮิแล้วยืนตรงให้กับเจียงฮุ่ยซิน แล้วก้มทำความเคารพแบบฉบับทหาร “YES, Madam!”
หยางหยางวาง ‘เชี่ย’ ลง เรียนแบบเป่หมิงยัน คำนับแบบฉบับทหาร หน้าอันเล็กก้มลง “YES! Grandmother!”
แล้วถูกเป่หมิงยังใช้แขนหนีบเข้าที่คอ สองคนรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ
เจียงฮุ่ยซินไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี มองฉิงฮัวแวบหนึ่งแล้วพูด “คุณดูสิ จ่อจากนี้บ้านเป่หมิงไม่มีวันสงบแล้ว”
แล้วหันหลังเดินไปห้องครัว
***
เป่หมิงโม่เคลียร์งานอยู่ที่บริษัท ไม่กลับมากินมื้อเที่ยง
ในห้องครัว จานชามและอาหารที่หอม สวยงามถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะ
เจียงฮุ่ยซินและเฟยเอ๋อนั่งอยู่หน้าโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
ฉิงฮัวยืนด้านหลังเจียงฮุ่ยซิน รอเป่หมิงยันและหยางหยางมาพร้อมหน้าแล้วก็รับประทานได้แล้ว
สักพักเป่หมิงยันพาหยางหยางอาบน้ำเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำ ไม่ช้าก็มาถึงห้องครัว
เป่หมิงยันนั่งลงข้างเจียงฮุ่ยซิน
หยางหยางหันไปเห็นเฟยเอ๋อ เขาไม่ชอบเธอที่สุด เขาเลยตามไปนั่งลงข้างเป่หมิงยัน
ตอนนี้ข้างหนึ่งของโต๊ะมีเจียงฮุ่ยซิน เป่หมิงยันและหยางหยางนั่งอยู่ แต่อีกข้างหนึ่งมีแค่เฟยเอ๋อ
หยางหยางที่เล่นกับเป่หมิงยันจนเหนื่อย ก็ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นเริ่มกินกันหรือยัง ตนก็ยกถ้วยตักข้าวเข้าปากไปสองคำ
เหตุเพราะนั่งด้านหลังเกิน กับข้าวที่จัดวางไปอยู่หน้าเจียงฮุ่ยซินหมด เขาเอื้อมไม่ถึงเลย เลยลุกยืนบนเก้าอี้ ตัวน้อยๆนอนลงบนโต๊ะแล้วคีบผักกิน
การกินของหยางหยางแบบนี้ ถือว่าเป็นคนแรกของบ้านเป่หมิงเลยทีเดียว
เจียงฮุ่ยซินไม่ได้แตะตะเกียบ ขมวดคิ้วขึ้น เฟยเอ๋อเห็นเจียงฮุ่ยซินไม่ค่อยพอใจ เธอก็ไม่กล้าจับตะเกียบเลย
เป่หมิงยันรู้ว่าแม่โกรธเพราะอะไร เขาหัวเราะหึหึแล้ววางมือข้างหนึ่งลงบนไหล่แม่ “แม่ครับ ทำหน้าเครียดทำไมครับ เวลากินข้าวต้องมีความสุขหน่อย มาผมตักซือจึโถวให้แม่ชิ้นหนึ่งครับ”
ตักอาหารให้เจียงฮุ่ยซินเสร็จ ก็อุ้มหยางหยางไปที่ที่นั่งของเป่หมิงโม่ “นายยังเด็ก ไปนั่งไกลขนาดนั้นได้ยังไง นั่งนี่ถึงจะตักอาหารได้สะดวก กินเยอะๆ คุณย่ารู้ว่านายจะมาวันนี้ ให้พ่อครัวทำอาหารเพิ่มตั้งหลายอย่าง ยังไม่รีบขอบคุณคุณย่าอีก”
หยางหยางก็เชื่อฟังคำของเป่หมิงยัน วางตะเกียบลง ในปากมีอาหารค้างอยู่พูด “ขอบคุณคุณย่า@#¥%……” คำด้านหลังก็ถูกกลบด้วยอาหารในปาก
เจียงฮุ่ยซินก็ถือซะว่าให้หน้าลูกชายตน หยิบตะเกียบขึ้นมา “กินกันเถอะ”
เป่หมิงยันนั่งอยู่ข้างถึงกับโล่งอกไปที
ทานข้าวเสร็จ ฉิงฮัวมีธุระออกไปแล้ว เฟยเอ๋อกลับห้องพร้อมคนใช้ดูแล
ในห้องเหลือแต่เป่หมิงยันและหยางหยาง
หยางหยางไม่ชินกับการนอนกลางวัน เป่หมิงยันก็มีกำลังเต็ม พวกเขาสองคนนั่งดูการ์ตูนบนโซฟา
ที่จริงเจียงฮุ่ยซินก็อยากขึ้นไปพักผ่อน แต่ตั้งแต่หยางหยางเข้ามาในบ้านนี้ กิริยาท่าทางต่างๆทำให้เค้าอึดอัดมาก
ในเมื่อเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเป่หมิง เธอมีหน้าที่ที่ต้องสอนมารยาทของบ้านเป่หมิงให้กับหยางหยาง
เธอนั่งลงบนโซฟา ยื่นไปมือไปหยิบรีโมทขึ้นมา ปิดทีวี
หยางหยางกำลังดูอย่างดีใจ จู่ๆทีวีก็ปิดลง เขาเริ่มไม่พอใจ
ขณะที่กำลังจะโมโห ก็นึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้อยู่ที่บ้านแม่แล้ว แต่มาแต่บ้านไอ้พ่อนกแล้ว
เลยจำต้องเก็บความรู้สึกของตนไว้
เขาหันมองเจียงฮุ่ยซินตาแป๋วๆ ขยับปากเล็กน้อยแล้วกลืนลงคอไป
เจียงฮุ่ยซินมองหยางหยางแล้วพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “เป่หมิงซีหยาง ในเมื่อพ่อนายส่งนายมาอยู่ที่บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง นายก็ต้องเรียนรู้ที่จะเข้ากับครอบครัวนี้ให้ได้ ที่นี่ไม่เหมือนที่แม่นายจะไม่มีมารยาทไม่เคารพกฏก็ได้”
พูดไป เธอก็ยกแก้วชาที่อยู่บนโต๊ะกาแฟขึ้น ดื่มคำหนึ่งแล้วพูด “บ้านเป่หมิงของเรา เป็นเมืองAที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆ ไม่ว่าจะทำอะไร ในด้านไหนไหนก็ต้องจำไว้ตลอดเวลา ห้ามทำให้เสียชื่อเสียงบ้านเป่หมิง
***
เจียงฮุ่ยซินกำลังจะเริ่มพูดเรื่องมารยาทในบ้านเป่หมิง เป่หมิงยันยกแขนขึ้นมองนาฬิกา แล้วรีบร้อนเก็บของข้างกายเดินไปทางประตู
“ยันยัน นายจะไปไหน?” เจียงฮุ่ยซินรีบถาม
“ผมเกือบลืมไปเลย รอบนี้กลับมามีอีกงานหนึ่งต้องไปทำ ผมไม่อยู่ฟังคุณแม่บรรยายแล้วล่ะ” พูดจบ เขาก็มองหยางหยางอย่างเห็นใจแล้วรีบหายไปจากประตูทันที
ณ ตอนนี้ ห้องโถงอันกว้างใหญ่ เหลือเพียงเจียงฮุ่ยซินและหยางหยางสองย่าหลาน
เจียงฮุ่ยซินก็เริ่มพูดบราๆเกี่ยวกับมารยาทบ้านเป่หมิงให้หยางหยางฟัง
*
หลังจากฉิงฮัวได้รับสายของเป่หมิงโม่ รีบขับรถออกจากคฤหาสน์เป่หมิงไปที่บริษัทเป่หมิง
ไม่นานเขาก็อยู่หน้าห้องทำงานของเป่หมิงโม่
เขาผลักประตูออกเบาๆ เห็นเพียงเป่หมิงโม่นั่งเงียบที่โต๊ะทำงาน ตรงหน้าเขามีเอกสารที่เป่หมิงโม่ให้ตนไปสืบตั้งแต่เนิ่นๆ
แม้เขาจะไม่เคยดูเนื้อหาในนั้น แต่เขามั่นใจว่าที่เป่หมิงโม่เรียกเขามาต้องเกี่ยวกับเรื่องในนั้นแน่ๆ
“เจ้านายครับ ผมมาแล้วครับ” ฉิงฮัวเดินเข้ามา หันหลังแล้วปิดประตูอีกครั้ง แล้วเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงาน
เป่หมิงโม่หน้านิ่งพูด “เอกสารฉบับนี้คุณดูหรือยัง?”
ฉิงฮัวส่ายหัว “ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้านาย ผมจะดูไม่ได้ครับ”
“งั้นดี ผมให้คุณดูตอนนี้เลย” เป่หมิงโม่โยนเอกสารฉบับนี้ไปยังตรงหน้าของฉิงฮัว
ฉิงฮัวหยิบขึ้นมา เปิดดู ที่สำคัญยิ่งดูถึงด้านหลังสีหน้าเขาก็ยิ่งออกอาการ ต่อมาเขาก็ชี้รายชื่อคนคนหนึ่งในนั้นแล้วพูดกับเป่หมิงโม่อย่างเหลือเชื่อ “เจ้านายครับ คนที่อยู่เบื้องหลังคนพวกนี้กว้านซื้อหุ้นของเราคือเขา!”
เป่หมิงโม่พยักหน้า “ที่จริงตั้งแต่เกิดเรื่อง ผมก็สงสัยเขาแล้ว เพียงแต่ผมต้องการสืบให้แน่ใจอีกครั้ง”
พูดถึงนี่ เขาก็หยิบบุหรี่ออกจากกล่องบนโต๊ะมวนหนึ่งวางบนปาก
ฉิงฮัวรีบเอาไฟแช็กจุดให้เขา
เป่หมิงโม่ดูดยาวยาวทีหนึ่งแล้วพูด “นึกไม่ถึงว่าเจ้านี่กลับมาเริ่มใหม่ได้เร็วขนาดนี้ เขาคิดจะเล่นกับผม ผมก็จะเล่นด้วย” เขาพูดถึงนี่ ตาที่เย็นชาก็เหล่ลงเล็กน้อย แสดงความน่าเกรงขามที่คนรอบกายไม่สามารถทำให้สั่นคลอนได้
ฉิงฮัวมองเป่หมิงโม่อย่างสงสัย “เจ้านายครับ ความหมายของคุณคือให้ผมเตรียมพร้อมรับมือกับคนนี้ใช่ไหมครับ?”
เป่หมิงโม่ส่ายหัว “เขายังไม่มีปัญญาพอที่จะสู้กับผม ถ้าเขาปรากฏตัวแล้ว งั้นหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในโรงพยาบาลก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนส่ง นึกไม่ถึงว่าพวกเขาเตรียมพร้อมจะเสียทุกอย่างเพื่อชัยชนะแล้ว”
พูดจบ เขาก็ลุกจากเก้าอี้ เดินอ้อมโต๊ะทำงานไปที่ประตู
ฉิงฮัวเดินตามไป แล้วเปิดประตูห้องทำงานให้เขา
ณ ลานจอดรถ
ฉิงฮัวสตาร์ทรถRolls-Royce Phantomสีดำ “เจ้านายครับ นี่เราจะไปไหนครับ?”
เป่หมิงโม่เอาก้นบุหรี่ในมือเขี่ยลงที่เขี่ยบุหรี่ “อีกไม่กี่วันก็ถึงงานแต่งของผมกับเฟยเอ๋อแล้ว คุณพาผมไปดูสถานที่จัดงานดีกว่า”
สถานที่จัดงาน……ฉิงฮัวขมวดคิ้วเล็กน้อย เวลานี้แล้ว ทำไมเจ้านายยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่สำคัญยังมีกะจิตกะใจไปคิดเรื่องงานแต่งอีก
ทำให้เขาไม่เข้าใจจริงๆ แต่เขารู้ว่าในเมื่อเป่หมิงโม่ชิวได้ขนาดนี้ นั่นหมายความว่าเขากำชัยชนะไว้ในมือแล้ว
คิดถึงตรงนี้ ฉิงฮัวปล่อยเบรกมือ เร่งเบาๆ รถออกจากบริษัทเป่หมิงอย่างเร็ว
***
กู้ฮอนและเฉิงเฉิงกินข้าวเที่ยงเสร็จ เฉิงเฉิงก็เป็นคนเริ่มเก็บโต๊ะเอง
มองดูเฉิงเฉิงเก็บถ้วยจานอย่างคล่องแคล่ว ไม่เหมือนเขาในฐานะคุณชายน้อยบ้านเป่หมิงควรทำเลย
เก็บถ้วยจานเสร็จ เขาก็ลากสัมภาระของตนเข้าห้อง
“คุณแม่ครับ ของพวกนี้ผมเก็บเอง แม่พักเถอะครับ” เฉิงเฉิงเห็นกู้ฮอนจะช่วยเขา รีบโบกมือ ท่าทางนั้นเหมือนเป่หมิงโม่มาก
กู้ฮอนดูเฉิงเฉิงแล้วยิ้ม เธอไม่ได้ห้าม
ขณะนี้เสียงเรียกเข้าของเธอดังขึ้น เห็นสายเรียกเข้าแล้วทำให้ฉีกยิ้มทันที
“ฮัลโหล แอนนิ……”
ในสายกลับได้ยินเสียงอ่อนนุ่มของจิ่วจิ่ว “มาม๊า……มาม๊า……”
“จ้า……ลูกรักของแม่ คิดถึงมาม๊าแล้วใช่ไหม” กู้ฮอนฟังเสียงของจิ่วจิ่ว รู้สึกอบอุ่นในใจ
“อื้อ……จิ่วจิ่วคิดถึงมาม๊า พรุ่งนี้หนูจะนั่งเครื่องไปหามาม๊าแล้ว” จิ่วจิ่วพูด
กู้ฮอนนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยเสียงนุ่มนวล “ทารกน้อย ให้มาม๊ารับสายหน่อยได้ไหมจ๊ะ”
สักพัก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้าใกล้ “กู้ฮอน โทษทีฉันกำลังเก็บสัมภาระน่ะ”
กู้ฮอนพยักหน้าเบาๆ “ได้ยินทารกน้อยบอกว่าพรุ่งนี้พวกเธอจะนั่งเครื่องบินมา จริงหรอ?” เธอแค่อยากจะถามให้มั่นใจอีกครั้ง ยังดีที่ตอนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเป่หมิงโม่แล้ว หรืออาจจะไม่มีติดต่ออะไรกันอีก
แอนนิพยักหน้า “ที่จริงฉันก็จะเก็บของเสร็จแล้วค่อยโทรหาเธอแต่จิ่วจิ่วได้ยินว่าจะกลับบ้านแล้ว เลยดีใจรีบโทรหาเธอก่อน พวกเรากลับไปกะทันหันไปหรือเปล่า ไม่งั้นพวกเราไปพักโรงแรมก่อนสองสามวัน รอเธอเคลียร์กับเป่หมิงโม่เรียบร้อยฉันค่อยส่งจิ่วจิ่วกลับไป?”
กู้ฮอนส่ายหัวเบาๆ “พรุ่งนี้เธอถึงสนามบินกี่โมง เดี๋ยวฉันกับเฉิงเฉิงไปรับพวกเธอ”
“หือ? เธอมารับพวกฉัน ไม่กังวลเป่หมิงโม่หรอ?” แอนนิถามอย่างห่วง
“หึหึ ยังกังวลเขาทำไม ฉันกับเขาเคลียร์กันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เรื่องเป็นมายังไงพรุ่งนี้รอเธอถึงแล้วต่อยเล่าให้ฟัง ใช่แล้ว มีข่าวดีเรื่องหนึ่ง เฉิงเฉิงอยู่กับฉัน”
“หึหึ งั้นยินดีกับเธอด้วยนะ รอพรุ่งนี้จิ่วจิ่วกลับไป ครอบครัวก็พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว”
กู้ฮอนได้ยินครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงหยางหยาง เธอถอนหายใจเบาๆ “มีเรื่องอะไรกลับมาแล้วค่อยคุยกันเถอะ เธอกับจิ่วจิ่วอยู่ข้างนอกดูแลตัวเองด้วยนะ”
“จ้า พรุ่งนี้เจอกัน”
กู้ฮอนเก็บโทรศัพท์ ดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“คุณครับ เมื่อกี้ใครโทรมาครับ” เฉิงเฉิงจัดของเรียบร้อย
เขาเดินออกมาจากห้องนอน เห็นกู้ฮอนหน้ายิ้ม ต้องมีเรื่องดีแน่เลย