เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 579 การต่อสู้ระหว่างน้าหลาน
ตอนที่ 579 การต่อสู้ระหว่างน้าหลาน
เป่หมิงโม่หน้าเข้าหากระจก จัดเนกไทเรียบร้อยแล้วพาฉิงฮัวออกไปอย่างเร่งรีบ
ระหว่างทางไปตระกูลเป่หมิงฉิงฮัวมองหน้าที่เคร่งเครียดของเป่หมิงโม่ด้วยกระจกมองหลัง “เจ้านายครับ บริษัทเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอครับ?”
เป่หมิงโม่พยักหน้า แต่เขาไม่ได้พูดเลยว่าเกิดอะไรขึ้น กลับถามฉิงฮัว “ให้นายหาครูสอนพิเศษให้เป่หมิงซีหยางหาได้หรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วครับ เจ้านาย พวกเขาจะเริ่มสอนคุณชายน้อยตั้งแต่เย็นนี้ครับ” ฉิงฮัวพูด
“ประวัติพวกเขาเป็นยังไงบ้าง หวังว่าพวกเขาจะสอนหยางหยางให้ดี อย่างน้อยต้องเหมือนเฉิงเฉิง” เป่หมิงโม่มองรถรานอกกระจกรถ แล้วพูดต่อ “ตอนนี้เขาเป็นความหวังของบ้านเป่หมิงในอนาคตแล้ว เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้เกิดความผิดพลาด”
ฉิงฮัวยกคิ้ว แต่ก่อนเจ้านายอบรมสั่งสอนคุณชายน้อยเฉิงเฉิงอย่างดี น่าจะบอกว่าเขาเป็นความหวังของตระกูลเป่หมิงนะ
แต่ว่านึกไม่ถึง วันนี้คุณชายน้อยเฉิงเฉิงไปจากบ้านเป่หมิง อยู่กับคุณหนูกู้ฮอนแล้ว และคุณชายน้อยหยางหยางมาที่บ้านเป่หมิง ทำให้แผนของเจ้านายเปลี่ยน วันนี้ถึงได้ทุ่มในตัวคุณชายน้อยหยางหยางขนาดนี้ หวังว่าคุณชายน้อยหยางหยางจะเข้าใจในความหวังดีของเจ้านาย
คิดถึงนี่ ฉิงฮัวรีบตอบว่า “เชิญเจ้านายวางใจได้ครับ ครูที่สอนพอให้กับคุณชายน้อยหยางหยางล้วนเป็นครูที่มีประสบการณ์ในระดับสูงครับ”
เป่หมิงโม่พยักหน้าไม่พูดต่ออีก
พวกเขามาถึงบริษัทตระกูลเป่หมิง ไม่นานก็ถึงห้องทำงานของเขา
เห็นเพียงผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทและพนักงานที่รับผิดชอบนั่งอยู่ในห้องประชุมเล็กๆของเขา แตกต่างจากคราวที่แล้วคือพวกเขาเงียบมาก
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว เดินเข้าห้องประชุม ถามเสียงเข้ม “ไม่มีการอนุญาตจากผม ใครให้พวกคุณมาที่นี่?”
สายตาที่เย็นชากวาดมองทุกคนที่นั่งอยู่
แต่คนพวกนี้ต่างก้มหน้าไม่กล้าสบตาเป่หมิงโม่
ขณะนั้นเอง มีร่างหนึ่งเดินออกมาจากห้องกาแฟของเป่หมิงโม่ ในมือเขาถือจานรองแก้ว ด้านบนมีกาแฟร้อน กำลังใช้ช้อนค่อยๆโคน กาแฟในแก้หลุมน้ำวน
“ฉันเป็นคนเรียกคนพวกนี้มาเอง” เขาพูดอย่างง่ายดาย ราวกับเขาเป็นเจ้าของที่นี่
เป่หมิงโม่จ้องคนคนนี้ แล้วหัวเราะอย่างเย็นชา “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันคุณกลับมาอีกแล้ว แต่ด้วยความสามารถของคุณตอนนี้ มีสิทธิ์ที่จะสู้กับผมหรอ”
ฉิงฮัวขมวดคิ้ว เขาไม่อยากเห็นสองคนนี้ต่อสู้กันจริงๆ แต่ในฐานะที่เป็นลูกจ้างของเป่หมิงโม่ ก็ต้องปกป้องเจ้านาย
เขาเดินหน้าไปสองก้าว พยักหน้าเล็กน้อยให้กับคนนั้น “คุณชายยี่เฟิงครับ เราเจอกันอีกแล้วนะครับ แต่ว่าที่นี่เป็นที่ส่วนตัว เชิญคุณออกไปครับ”
ไม่ผิด คนที่มาคือเป่หมิงยี่เฟิงนั่นเอง
***
“หึหึ ผมไปแน่นอน” เป่หมิงยี่เฟิงพูดแล้วหยุดโคนช้อนในมือ ชูนิ้วชี้ขึ้นกระดิกซ้ายขวาไปมา “แต่ตอนนี้ผมไม่ไปแน่นอน”
พูดจบ เขาเอาช้อนออกจากแก้ว วางลงบนจานรอง แล้วยกกาแฟขึ้นดื่มจนหมด แล้ววางแก้วลงบนโต๊ะข้างๆ
เขาขมวดคิ้ว ใบหน้าที่หล่อเหลาแสดงออกให้เห็นถึงความขม “อารองครับ จะว่าอายังไงดี สีหน้าของคุณอาก็เหมือนกาแฟแก้วนี้ยากที่จะกลืน ไม่เข้าใจเลยว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งโน้นทนมาได้ยังไง”
เป่หมิงโม่มองเขาอย่างเยือกเย็น ไม่แสดงอาการใดๆ เขาจะคอยดูว่าเป็นอย่างที่ตนคิดไว้หรือเปล่า เป่หมิงยี่เฟิงมารอบนี้คงไม่เหมือนครั้งที่แล้ว น่าจะยังมีจุดประสงค์อื่น
แต่คำพูดของเป่หมิงยี่เฟิงฉิงฮัวกลับไม่อยากฟัง ในเมื่อพูดถึงขั้นนี้ ก็ไม่มีอะไรน่าเกรงใจแล้ว สีหน้าเขาก็เข้มขึ้น ร่างใหญ่ล่ำบึกยืนอยู่หน้าเป่หมิงโม่ “คุณชายยี่เฟิง คุณในฐานะที่เป็นคนของบ้านเป่หมิง ผมเคารพคุณ แต่ถ้าจะเป็นศัตรูของตระกูลเป่หมิง งั้นผมฉิงฮัวจะเป็นคนแรกที่ต่อต้านคุณ”
เป่หมิงยี่เฟิงมองฉิงฮัวหัวจรดเท้า แล้วมีการยิ้มเยาะออกมาจากบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา “ฉิงฮัว ผมรู้ว่าคุณอยู่ข้างอารองมานานแล้ว แต่ก็เป็นมาที่รักเจ้านายตัวหนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้นผมไม่ต้องความเคารพจากคนอย่างคุณ”
พูดถึงนี่ เขาก็ค่อยๆเดินหน้า อ้อมฉิงฮัวไปตรงหน้าเป่หมิงโม่
สายตาเย็นชาทั้งสองคู่จ้องมองกัน เหมือนมีกลิ่นไอของนะเบิดขึ้นมา
เป่หมิงยี่เฟิงตาขวาง ค่อยๆพูดทีละคำต่อหน้าเป่หมิงโม่ “ผมมาถึงนี่ได้ ก็ไม่กลัวว่าใครจะทำอะไรผม”
พูดจบเขาก็ปลีกตัวออกจากเป่หมิงโม่และฉิงฮัว ไปที่ห้องประชุม ลากเก้าอี้มาตัวหนึ่งไว้ข้างที่นั่งหัวหน้าในการประชุม แล้วนั่งลงอย่างเฉยเมย ทำตัวเป็นคุณชาย
หลังจากครั้งก่อนที่เป่หมิงยี่เฟิงอาละวาดการประชุม ตอนนี้เห็นเขาอีกครั้งก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร โดยเฉพาะที่เขาวางแผนให้ด้านบนทำงานให้เค้า……นึกแล้วก็ขนลุก
แน่นอน เป่หมิงยี่เฟิงในตอนนั้นก็ไม่โง่ถึงขั้นยอมรับผิด แต่ทุกคนก็ไม่ได้โง่เหมือนกัน ต่างก็รู้อยู่แก่ใจ
เป่หมิงโม่ ณ ตอนนี้ก็ทำเมินเฉยเข้าห้องประชุม เขาไม่เหมือนเป่หมิงยี่เฟิง นั่งตรงที่นั่งประทานยังคงมีราศีที่มิอาจทำให้สั่นคลอนได้
ฉิงฮัวยืนด้านหลังของเป่หมิงโม่ มือแนบสองข้างยืนตรง จ้องเป่หมิงยี่เฟิงด้วยความโมโห
แต่เป่หมิงยี่เฟิงกลับทำเมินเหมือนเดิม เขามองทุกคนที่มาแล้วยิ้มอย่างเย็นชา แล้วนั่งตัวตรงพูดช้า “วันนี้ที่ผมเรียกทุกท่านมา” แล้วยื่นมือออกมาชี้นิ้วไปยังเป่หมิงโม่ที่อยู่ข้างๆ “แน่นอนว่ายังมีประธานเป่หมิง”
“การประชุมวันนี้ผมแต่อยากประกาศเรื่องหนึ่งให้ทุกท่านได้รู้ นั่นก็คือในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของบ้านเป่หมิง ผมจะเข้ามาในบริษัทบ้านเป่หมิงอย่างเป็นทางการ!”
คำพูดนี้ออกมา ทุกคนในนี้ตื่นตระหนกขึ้น ต่างส่งซิกให้กัน แม้กระทั่งฉิงฮัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของเป่หมิงโม่ยังตกใจ
มีเพียงเป่หมิงโม่ที่ยังคงสีหน้าเดิม ดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากคำพูดนี้ เพราะเขาเดาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
เป่หมิงยี่เฟิงลุกขึ้น ยกมือทำท่าเงียบ ห้องประชุมถึงได้สงบลง
ต่อจากนั้นเขาก็ใช้มือปัดชุดสูทที่ใส่เบาๆ แล้วพูดกับเป่หมิงโม่ “คุณอารองครับ ที่นี่ของคุณอาสกปรกจริงๆ แค่เวลาสั้นฝุ่นก็เต็มไปหมดเลย ดูท่าทีหลังผมอยู่ที่นี่ ต้องให้คนมาปรับปรุงดีๆแล้วล่ะครับ”
***
เป่หมิงโม่งฟังเขาพูดแบบนั้น ก็ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แน่นอนว่าเขารู้ว่าเป่หมิงยี่เฟิงต้องการสื่อถึงอะไร
เพียงแต่เขาคิดว่าเป่หมิงยี่เฟิงดีใจเร็วเกินไป
เขาหลุดยิ้มที่มุมปาก “ในเมื่อแกรู้ว่าที่นี่ไม่สะอาด แล้วยังฝืนตัวเองมาที่นี่ทำไมกัน”
เป่หมิงโม่พูด แล้วเอากล่องบุหรี่ออกจากกระเป๋า แล้วหยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง ดูดทีหนึ่งอย่างว่างจัด
ความจริงเป่หมิงยี่เฟิงอยากใช้คำนี้มาทำให้เป่หมิงโม่โมโห แต่ดูท่าจะไม่ได้ผลใดๆ
เขาเหลือบตา มือเสียบเข้ากระเป๋า เดินมาที่ตรงข้ามในทแยงมุมของเป่หมิงโม่ แล้วนั่งลงบนโต๊ะประชุมเลย
แล้วเขาก็ก้มหน้ามองเป่หมิงโม่ “คุณอารองครับ ตอนนั้นคุณไล่พวกเราออกจากบ้านเป่หมิง ยังทำให้สูญเสียหุ้นในตระกูลเป่หมิงอีก” พูดถึงนี่ เขาก็ทำสีหน้าเหลือทน มือตบหน้าอกตน “แต่ยังผมก็ยังคงมีสายเลือดของบ้านเป่หมิง คุณอาใจร้ายได้ แต่ผมทำไม่ได้ คุณปู่สร้างธุรกิจบ้านเป่หมิงมาอย่างยากลำบาก ผมในฐานะลูกหลานจะไม่สนไม่ได้”
เป่หมิงโม่ดูดบุหรี่ยาวยาวทีหนึ่ง ขำเบาๆ เอาบุหรี่ที่เหลือเขี่ยลงในถ้วยเขี่ยบุหรี่ตรงหน้า
“หึหึ……ยี่เฟิง ถ้าแกยังมีสายของบ้านเป่หมิงในตัว คงไม่ยืมมือของคนนอก มาสละประโยชน์ของตระกูลเป่หมิงหรอกหรือแกอาจจะคิดว่าเป็นวิธีเดียวที่กดดันฉัน แต่จะบอกให้นะ ในขณะเดียวกัน แกก็กดดันตระกูลเป่หมิง!ตอนนี้ฉันเป็นหนึ่งเดียวกับตระกูลเป่หมิง ดีที่สุดแกควรคิดว่าต่อจากนี้จะเอายังไง”
เป่หมิงโม่พูดถึงนี่ เขาก็ลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปตบไหล่เป่หมิงยี่เฟิงเบาๆ แล้วส่ายหัวเบาๆ
หันหลังเดินไปทางประตูห้องประชุม ฉิงฮัวรีบเดินตามไป
ขณะที่เป่หมิงโม่กำลังจะออกจากประตูไป เขาหันกลับดูเป่หมิงยี่เฟิงแวบหนึ่ง “แล้วแต่แกจะเล่นยังไง ฉันเต็มที่ แต่ฉันขอเตือน อย่าคิดทำไรตระกูลเป่หมิง ไม่งั้นจะหาเรื่องใส่ตัว”
มองดูเป่หมิงโม่เดินจากไปอย่างสง่า เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทำเอาเป่หมิงยี่เฟิงโมโหต่อยลงบนโต๊ะประชุมอย่างแรง
แล้วจ้องมองไปยังคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในสถานการณ์ที่ตกใจจนหน้าซีด “พวกคุณยังอยู่ที่นี่ทำไม? ตระกูลเป่หมิงให้พวกคุณมาทำงานแบบนี้หรอ ให้ช่วยตระกูลเป่หมิงทำมาหากิน ไม่ใช่ให้มาดูตลกที่นี่ ออกไปให้หมด!”
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยินแบบนี้ เหมือนได้รับนิรโทษกรรม ต่างพากันวิ่งออกจากห้องประชุมอย่างฝูงผึ้ง
มาประชุมกันที่ไหน นี่มันมาดูการแสดงยิ่งชิงสมบัติระหว่างน้าหลานชัดๆ
เป่หมิงยี่เฟิงคิดจะใช้ฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของตระกูลเป่หมิง ทำให้เป่หมิงโม่โมโห แต่เขาก็คิดผิดไป ไม่เพียงแต่ไม่กระทบเป่หมิงโม่สักนิด ตนยังโดนเขาเล่นพอสมควร
*
ขณะเดียวกัน ตึกที่อยู่ตรงข้ามบริษัทตระกูลเป่หมิง กล้องส่องทางไกลที่จ่อตรงอยู่ที่ห้องทำงานของเป่หมิงโม่ ผู้ชายปากคาบบุหรี่คนหนึ่ง เขาเห็นการกระทำทั้งหมดของเป่หมิงยี่เฟิงกับเป่หมิงโม่
แม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่ดูจากสีหน้าท่าทางของพวกเขาก็พอเดาออก
เมื่อเป่หมิงโม่พาฉิงฮัวเดินออกจากห้องทำงานแล้ว เขาก็เก็บกล้องส่องทางไกล
แล้วเอามือถือออกจากกระเป๋ากางเกง กดเลขแถวหนึ่ง
หลังโทรออก เสียงสายไม่ว่างดังออกจากลำโพง ผ่านไปสักพักปลายสายมีเสียงแก่ๆดังขึ้น
“ฮัลโหล……”
***
ผู้ชายคนนี้ดูดบุหรี่คำหนึ่ง แล้วโยนที่เหลือลงพื้น ใช้เท้าขยี้
แล้วคุยกับปลายสาย “อาจารย์ครับ วันนี้เป่หมิงยี่เฟิงไปที่บริษัทตระกูลเป่หมิงแล้วครับ”
“โอ๊ะ? หึหึ……ตามคาด เขาได้หุ้นปุ๊บก็หักห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะไป” คนที่อยู่ปลายสายเสียงแน่นิ่งธรรมชาติมาก เสียงที่แหบทำให้รู้ว่าเขาอายุเกินครึ่งร้อยแล้ว
ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้มะฮอกกานี หลังโต๊ะทำงานที่ดูหรูและแพง
เขาหันหน้าให้กับชั้นวางหนังสือตรงหน้า หันหลังให้กับโต๊ะทำงาน
บนเก้าอี้พนักพิงตัวใหญ่เห็นเพียงหัวล้านที่เงาวิ้งของเขา