เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 584 ความทรงจำที่สเปน
ตอนที่ 584 ความทรงจำที่สเปน
จากนั้นหยิบอีกขวด : “Organic Pinot NoirIcewine ของโรงกลั่นเหล้าองุ่นเซินหม่าซาน เจอไวน์ดีๆ จะพลาดได้อย่างไรกัน”
ชูหยุนเฟิงพูดแล้ว หยิบอุปกรณ์เปิดจุกไวน์ เปิดไวน์น้ำแข็งยี่ห้อDuhof แบ่งให้เป่หมิงโม่ ป่ายมู่ซี แล้วจึงเทให้ตัวเอง
จากนั้นชูแก้วของตัวเองแล้วพูด : “ขอแสดงความยินดีให้กับเป่หมิงโม่ที่กำลังจะเข้าสู่หลุมฝังศพงานแต่งงาน”
เป่หมิงโม่และป่ายมู่ซีหยิบแก้วไวน์ ได้ฟังชูเอ้อพูดเช่นนี้ ใบหน้าพวกเขาอดไม่ได้ที่จะชักกระตุก
***
หลังจากดื่มครบสามรอบ พวกเขาลองชิมไวน์น้ำแข็งทั้งเก้าขวด
ชูหยุนเฟิงหยิบ Organic Pinot NoirIcewine ออกมาจากถังน้ำแข็ง เอ่ยชมไม่ขาดปาก : “ตอนที่ได้ดื่มไวน์นี้ช่างสมกับเป็นสินค้าพิเศษของป่ายมู่ซีแห่งนี้ เป็นความสุขที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
พูดถึงตรงนี้ เขาเทไวน์ให้ตัวเอง จากนั้นใช้จมูกสูดดมกลิ่นไวน์ หลับตาเคลิบเคลิ้ม : “อืม…หลังจากได้ดมไวน์น้ำแข็งแล้ว ก็ได้กลิ่นหอมของผลไม้แต่ละชนิด ดื่มแล้วรสชาติกลมกล่อม เป็นสินค้าที่หายากจริงๆ”
ป่ายมู่ซีเห็นท่าทางของเขา อดที่จะมีความสุขไม่ได้ : “ชูเอ้อ ถ้าคุณรู้สึกว่าไวน์ขวดนี้รสชาติดี อีกเดี๋ยวตอนจะกลับก็เอากลับไปสองสามขวด”
ชูหยุนเฟิงฟังแล้วถึงกับตาโต : “ป่ายมู่ซี คุณพูดจริงนะ ตอนฉันกลับจะเอากลับไปหาความสุขสักสองสามขวดนะ”
ป่ายมู่ซีพยักหน้า : “จะเอาไปกี่ขวดก็ตามใจ ถึงตอนนั้นก็ให้คิดบัญชีไว้”
ชูหยุนเฟิงได้ยินถึงกับตาลุกโพลง เอื้อมมือไปหยิบถั่วลิสงที่อยู่ในจานเล็กๆ ขว้างไปทางป่ายมู่ซี : “ฉันว่าแล้ว ไม่มีอาหารกลางวันฟรีบนโลกใบนี้ ป่ายมู่ซี คุณเป็นนายทุนชั่วร้ายที่หน้าเลือด”
พวกเขาพูดคุยจนในที่สุดเกิดเสียงอึกทึกครึกโครม เป่หมิงโม่นั่งอยู่ที่นั่น นอกจากจะดื่มไวน์ไปสองสามแก้วแล้ว ดูเหมือนจะไม่ได้พูดอะไรออกมา
ป่ายมู่ซีทิ้งถั่วลิสงแล้วหันไปตีที่ตัวเป่หมิงโม่ : “เป่หมิงเอ้อ คุณเป็นคนเรียกพวกเราสองคนมา แต่คุณกลับนั่งนิ่งไม่พูด นี่มันหมายความว่าอย่างไร”
“เฮยเฮย….” ชูหยุนเฟิงยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ : “ป่ายมู่ซีคุณดูท่าทางของเป่หมิงโม่ที่คิดถึงผลได้ผลเสียของตัวเอง ฉันจะบอกคุณว่า เมื่อสองวันก่อนเขากับฮวนฮวนสองคนไปร่วมงานแสดงของลูกชายเขา นักข่าวจำนวนมากถ่ายรูปพวกเขาจูงมือตอนเข้าและตอนออกจากงาน”
เป่หมิงโม่ได้ยินสิ่งนี้ วางกระแทกแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ จนไวน์ในแก้วกระฉอกออกมาไม่น้อย
เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาในช่วงสองวันนี้มีมากมาย ทำให้จิตใจเขาสับสนวุ่นวาย ตอนแรกอยากให้พวกเขาสองคนมารวมตัวกันดื่มไวน์พักผ่อนหย่อนใจ แต่คิดไม่ถึงพวกเขาทั้งสองกลับทำให้เขาไม่สบายใจ
“เฮ้…เฮ้…เป่หมิงเอ้อ คุณอย่ามาทำท่าทางไม่สุภาพอย่างนี้นะ ดูซิไวน์หกออกมาตั้งเยอะ นี่เพราะป่ายมู่ซีเลี้ยง คุณจะมาทิ้งขว้างแบบนี้ไม่ได้” ชูหยุนเฟิงมองดูไวน์ที่โต๊ะแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจ
ขณะพูด เขาเอาโซฟาที่ตัวเองนั่งย้ายไปนั่งข้างๆ เป่หมิงโม่ จากนั้นเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ของเขา
เป่หมิงโม่หันไปจ้องมองชูหยุนเฟิงด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นขยับไหล่เบาๆ จับ “มือลวนลาม” ของเขาวางลง
แต่ชูหยุนเฟิงดูเหมือนไม่สนใจตอไม้อย่างเขา ยังคงงอมือจับไหล่ของเป่หมิงโม่ จากนั้นพูดอย่างจริงใจ : “เป่หมิงเอ้อ คุณจ้องมองฉันก็ไม่มีประโยชน์ ฉันกับป่ายมู่ซีถือเป็นพี่น้องสองคนกับคุณ พวกเราต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี มองออกว่าอันที่จริงคุณชอบฮวนฮวนแม่ของลูกมากกว่า”
ป่ายมู่ซีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วพูดต่อ : “ตอนแรกคุณไม่ชอบซูยิ่งหวั่นจึงแยกทางกัน พวกเรานึกว่าคุณจะอยู่กับฮวนด้วยกัน แต่พวกเราคิดผิด แต่ตอนนี้คุณยังชอบฮวนฮวน แต่อยู่กับเฟยเอ๋อ และยังเตรียมแต่งงานด้วยกัน พวกเราไม่เข้าใจ”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ต้องสาวเอาที่ลึกที่สุดออกมา ในใจพวกเราก็จะรู้ว่าต้องทำยังไง” ชูหยุนเฟิงขมวดคิ้วหันไปมองเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่ยังคงนั่งที่นั่น โดยไม่มีเสียงใดๆ หลังจากที่ผ่านไปได้สักพัก หยิบไวน์ขึ้นมาขวดหนึ่งแล้วยกขึ้นดื่ม “เกือก…เกือก…” ไม่นานดื่มจนหมดทีเดียว
****
ตอนที่เป่หมิงโม่ถูกชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีถามว่าทำไมถึงแต่งงานกับเฟยเอ๋อ แต่ไม่ใช่กู้ฮวน
เขากลับไม่พูดอะไร แต่แค่เอนกายและเอื้อมมือไปหยิบไวน์ที่อยู่ใกล้ตัวเอง
จากนั้นเขาทำในสิ่งที่เกินความคาดหมายของทุกคนในที่นั้น ยกไวน์ดื่มจนหมดรวดเร็ว
“เป่หมิงเอ้อ เจอแต่สิ่งเลวร้าย ก็ไม่เคยเจอสิ่งเลวร้ายอย่างคุณเช่นนี้มาก่อน ไวน์นี้จะมาดื่มเหมือนเบียร์ได้อย่างไรกัน” ชูหยุนเฟิงจ้องมองขวดไวน์ที่ตั้งไว้ถูกดื่มลงไปเช่นนี้ น้ำตาแห่งความเคียดแค้นชิงชังใกล้จะไหลออกมา
ดื่มไวน์แล้ว
เป่หมิงโม่เอนกายลงบนโซฟาอย่างแรง ขวดไวน์เปล่าตกลงบนพื้น ทำให้ได้ยินเสียงกระจกกระทบกับพื้น
แต่มันยังไม่แตก หลังจากกลิ้งไปมาสองสามครั้งจึงหยุดลง
เป่หมิงโม่หลับตาทั้งสองข้าง ในความมืด ดูเหมือนเขาจะย้อนกลับไปอีกครั้ง ในปีที่เขาเคยเรียนหนังสืออยู่ที่สเปน
เป่หมิงโม่ในตอนนั้นแม้จะยังไม่มีชื่อเสียงอะไรในแวดวงอุตสาหกรรม แต่ความสามารถพิเศษของเขาก็ปรากฏออกมาให้เห็นตั้งแต่แรก
เขาได้ร่ำเรียนกับพ่อของซูยิ่งหวั่น และยังได้ร่วมพิจารณาโครงการอุตสาหกรรม
ความคิดที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาทำให้คนในแวดวงอุตสาหกรรมต่างให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่
เป่หมิงโม่พบหน้ารู้จักกับเฟยเอ๋อ ที่งานแฟนซีปีใหม่
ตอนแรกเป่หมิงโม่ไม่อยากไปร่วมงานนี้ แต่ซูยิ่งหวั่นพยายามเชื้อเชิญเขาอย่างสุดกำลัง เขาเห็นแก่ซูยิ่งหวั่นซึ่งเป็นลูกสาวของอาจารย์ตัวเขาเอง การหักหน้าเธอก็คงไม่ดี จึงจำใจต้องไป
ตอนนั้นเฟยเอ๋อสวยมาก มีคนมาตามจีบตั้งมากมาย ยิ่งเป็นจุดสนใจที่ขาดไม่ได้ในงานเต้นรำ ในฐานะเพื่อนของซูยิ่งหวั่น เธอก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วม
หลายคนพยายามอย่างหนักที่จะชวนเธอเต้นรำ แต่เธอกลับปฏิเสธไม่ไว้หน้าใครๆ
หลังจากเพลงบรรเลงได้สองสามท่อน ในที่สุดเธอก็พบชายคนที่ทำให้เธอรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ
เขารูปร่างสูงใหญ่ ชุดสูทที่เขาสวมใส่ตัดเย็บอย่างประณีตทำให้ดูหรูหรามีระดับ เขายืนอยู่คนเดียวที่ระเบียงด้านนอกด้วยท่าทางที่สง่างาม ในมือถือแก้วไวน์แดง มืออีกข้างถือหน้ากากแบทแมนเอาไว้
บางครั้งใบหน้าที่ถูกเปิดเผย แสดงให้เห็นถึงความหล่อเหลาของเขา
เฟยเอ๋อปฏิเสธคำเชิญคนอื่น หยิบแก้วไวน์แดงจากถาดที่บริกรยกมา แล้วเดินไปรอบๆ กลุ่มคนเต้นรำ จนมาถึงระเบียบ
“สวัสดี เชิญฉันดื่มไวน์สักแก้วได้ไหม?” เฟยเอ๋อเดินเข้าไปหาเป่หมิงโม่อย่างช้าๆ ถามพร้อมกับถือแก้วไวน์
เป่หมิงโม่กำลังมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่สว่างสดใส ทันใดนั้นปรากฏเสียงของผู้หญิงข้างๆ กายเขา ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
เขาหันกลับมา เห็นผู้หญิงสวมหน้ากากครึ่งใบหน้าที่มีสีสันสวยงามยืนอยู่ตรงหน้าตัวเขา
ด้านหลังของหน้ากากคือดวงตาอันลุ่มลึก เผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงาม ขาวเนียน นุ่มนวล มีเสน่ห์ ริมฝีปากที่ทาด้วยลิปกลอสสีสว่างสดใสยกขึ้นเล็กน้อย
เป่หมิงโม่ยิ้มให้เล็กน้อยตามมารยาท จากนั้นยกมือที่ถือแก้วไวน์ แล้วชนแก้วเบาๆ กับผู้หญิงที่สวมหน้ากากคนนี้
“เป้ง….” เสียงแก้วกระทบกันดังกังวาน
หลังจากที่เป่หมิงโม่จิบไวน์ด้วยท่าทางสง่างาม แล้วพยักหน้าให้กับเฟยเอ๋อ แสดงความขอบคุณ
จากนั้นวางแก้วไวน์ไว้บนราวขอบคอนกรีต แล้วหันกลับไปดูทิวทัศน์ยามค่ำคืน
หลังจากที่เฟยเอ๋อพูดเบาว่า “ขอบคุณ” ก็หันหลังกลับไปที่กลุ่มคน
สำหรับเป่หมิงโม่แล้ว ครั้งนี้การได้ติดต่อพูดคุยกับเฟยเอ๋อด้วยเวลาสั้นไม่ต่างอะไรกับการเดินเฉียดไหล่บนถนนแล้วก็ผ่านไป
อีกทั้งจิตใจที่ชั่วร้ายของเขาจดจ่ออยู่กับอาชีพสถาปัตยกรรมมาโดยตลอด เขาไม่มีความตั้งใจที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เขาคิดว่าไม่ใช่
***
เป่หมิงโม่คิดว่าคงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่สวมหน้ากากคนนี้
แต่ดูเหมือนเป่หมิงโม่จะคิดผิด
สองวันหลังจากงานเต้นรำเขาและเฟยเอ๋อได้พบกันโดยบังเอิญอย่างรวดเร็ว
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ เป่หมิงโม่อาศัยความเคยชินไปที่สวนสาธารณะ หาม้านั่งตัวยาวๆ อ่านหนังสืออยู่ที่นั่น
ถึงตอนเที่ยงตอนที่เขาเตรียมตัวจะไปกินข้าว ผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินยิ้มมาทางเขา
ตอนนั้นเป่หมิงโม่ไม่ได้รู้สึกอะไร เมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินมาทางเขา ดังนั้นเขาจึงเก็บข้าวของแล้วหันหลังจะเดินจากไป
ขณะที่เขากำลังหันหลัง ได้ยินเสียงหวานๆ ของผู้หญิงคนนั้นดังมาจากทางด้านหลัง : “คุณชื่อเป่หมิงโม่?”
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วชั่วขณะ ปกติเขาเป็นคนอะไรเสรีไม่สนใจความคิดคนอื่น และไม่คบค้าสมาคมกับผู้หญิงคนไหน ผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังถึงรู้ชื่อของตัวเขาได้อย่างไร อีกอย่างดูเหมือนเขาจะไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้
เขาหันกลับมา มองหน้าด้วยสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง : “คุณรู้จักฉัน?”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มพร้อมพยักหน้า : “คุณยังจำงานเต้นรำแฟนซีเมื่อคืนได้ไหม? ที่ระเบียงคุณเชิญฉันดื่มไวน์แดง….”
เป่หมิงโม่ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ จึงนึกถึงเรื่องเมื่อคืนได้ ที่แท้ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าก็คือผู้หญิงคนที่สวมหน้ากากครึ่งหน้า
“คุณมาหาฉันมีธุระอะไรไหม?” เป่หมิงโม่น้ำเสียงยังคงเย็นชา
ผู้หญิงคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม พูดกับเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง : “ฉันชื่อเฟยเอ๋อ ต้องมีธุระถึงจะมาหาคุณได้ใช่ไหม?”
เป่หมิงโม่ไม่มีทักษะที่จะสนใจผู้หญิงอย่างนี้ เขาพูดทิ้งท้ายไว้ : “คุณไม่มีธุระอะไร ฉันมีธุระที่ต้องไปทำอยู่มา ขอโทษที ฉันคงยากที่จะอยู่เป็นเพื่อน”
เขาพูดจบ ทิ้งเฟยเอ๋อไว้แล้วเดินออกจากสวนสาธารณะไป
นับจากนั้นมา ผู้หญิงที่เชื่อเฟยเอ๋อ ก็ไม่สามารถหายไปจากชีวิตของเป่หมิงโม่ได้เลย
เขามักจะได้รับบางสิ่งที่ง่ายดายหรือสิ่งอื่นๆ อย่างลึกลับ และบ่อยครั้งที่ “บังเอิญ” เผชิญหน้ากับเฟยเอ๋อในสถานที่ที่เขาไปอยู่บ่อยๆ
จนกระทั่งเป่หมิงโม่ได้พบถังเทียนจื๋อโดยบังเอิญที่สเปน
เพราะเขาและถังเทียนจื๋อบาดหมางกันมายาวนาน ครั้งนี้เขามาที่สเปนก็เพื่อเป่หมิงโม่โดยเฉพาะ
ตอนที่เขาอยู่ในที่เรียนส่วนตัวคนเดียว จู่ๆ ก็เกิดไฟไหม
ตอนนี้เฟยเอ๋อปรากฏตัวขึ้นโดยไม่คาดคิด แล้วช่วยเขาหนีออกมา แต่ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น ตอนที่เป่หมิงโม่ออกมา เฟยเอ๋อกลับสลบในเปลวไฟ。
รอจนไฟดับสนิท จากสิ่งบ่งชี้ต่างๆ แสดงอย่างชัดเจนว่า ไฟไหมครั้งนี้เป็นฝีมือคน หลักฐานต่างๆ มากมายพิสูจน์ได้ว่าถังเทียนจื๋อเป็นคนทำ ดังนั้นถังเทียนจื๋อจึงถูกตำรวจสเปนจับกุมและตั้งข้อหาจงใจวางเพลิง ตัดสินจำคุกสิบสองปี
หลังจากเกิดไฟไหม้ครั้งนั้น เป่หมิงโม่ก็ไม่เคยได้ยินข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับเฟยเอ๋ออีกเลย
เฟยเอ๋อช่วยชีวิตตัวเขาโดยไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง ฝังร่างไว้ในเปลวไฟ
เขารู้สึกว่ามันเป็นหนี้ที่ชำระคืนไม่มีวันหมด
จนกระทั่งเขาได้พบกับเฟยเอ๋ออีกครั้งโดยบังเอิญในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด และรู้ว่าเฟยเอ๋อต้องเสียโฉมเพราะไฟไหม้ครั้งนั้น
เป่หมิงโม่รู้สึกว่าต้องตอบแทนเฟยเอ๋อบุญคุณที่ช่วยชีวิตเขา ใช้เงินทองก็ไม่มีทางเทียบได้
เขานึกถึงตอนที่อยู่สเปน เฟยเอ๋อเคยพูดมากกว่าหนึ่งครั้งว่าเธอชอบตัวเขา
เขารู้อย่างชัดเจนว่าหน้าตามีความสำคัญมากกับผู้หญิง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาควรรับภาระที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องรับผิดชอบ ซึ่งก็คือสัญญากับเฟยเอ๋อไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาจะแต่งงานกับเธอ
*
“เฮ้….เป่หมิงเอ้อ คุณไม่เป็นไรนะ?”