เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 585 มองด้วยสายตาน่าทึ่ง
ตอนที่ 585 มองด้วยสายตาน่าทึ่ง
ชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีร้องเรียก เป่หมิงโม่จึงค่อยเรียกสติกลับมาจากความทรงจำที่สเปน
เป่หมิงโม่เงยหน้าขึ้น จากนั้นดื่มไวน์น้ำแข็งยี่ห้อDuhof หมดขวดในคราวเดียว แล้วทิ้งขวดลงบนพื้น
นั่งบนโซฟาที่สบาย จนค่อยๆ กลับเข้าสู่ความทรงจำในอดีต
เวลาผ่านไปนานมาก ชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีถึงจะเรียกเขากลับมาจากความทรงจำ
เขาลืมตามองชูหยุนเฟิงซึ่งกำลังเขย่ามือต่อตาเขา : “เป่หมิงเอ้อ คุณไม่เป็นไรนะ คุณไม่จริงใจเลยนะ ให้พวกเรารีบร้อนออกมา แต่ไม่พูดอะไรเลย แถมยังมานอนกรนสลบไสล”
เป่หมิงโม่เอื้อมมือเอามือของชูหยุนเฟิงออกไปจากตาของตัวเอง
เขายืนขึ้นแล้วพูดว่า : “ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”
ฉิงฮัวก้มลงมองนาฬิกา : “เจ้านาย ตอนนี้บ่ายสามโมงแล้ว”
เป่หมิงโม่ใช้มือทั้งสองข้างลูบหน้าของตัวเองอย่างแรง ทำให้มีสติขึ้นมาไม่น้อย
เขาเป็นชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซี จึงยืนขึ้นแต่ไม่พูดอะไร เดินไปทางประตู
“เฮ้ เป่หมิงเอ้อ คุณเดินออกไปอย่างนี้ไม่ได้นะ ยังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมถึงปล่อยฮวนฮวนไป ไม่ยอมแต่งงานกับเธอ แต่กลับไปแต่งงานกลับเฟยเอ๋อ คุณคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงเกินบรรทัดฐานหรอกนะ” ชูหยุนเฟิงเห็นเป่หมิงโม่เดินไปทางประตู เขาและป่ายมู่ซีก็ลุกขึ้นตาม
พวกเขาเฝ้าดูเป่หมิงโม่ที่ถูกฉิงฮัวหามออกไปจากบาร์ Zeus
“เจ้านาย จะกลับบ้านเก่าไหม?” ฉิงฮัวพาเป่หมิงโม่ไปที่รถ จากนั้นตัวเองก็สตาร์ทรถ
เป่หมิงโม่นั่งอยู่ด้านหลังรถ อันที่จริงไวน์สำหรับเขาแล้วไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่วันนี้เขามีเรื่องกลุ้มใจ เรียกว่าดื่มเหล้าดับทุกข์
*
ตอนบ่ายกริ่งประตูบ้านเก่าตระกูลเป่หมิงดังขึ้น คนใช้จึงรีบวิ่งไปเปิดประตู
ไม่นาน คนใช้เดินนำชายวัยกลางคนสวมชุดจงซานจวงสีดำเข้าไปในห้องโถง
“สวัสดี ฉันคือครูที่มาสอนคุณชายของพวกคุณที่บ้านที่คุณฉิงฮัวเชิญมา รบกวนคุณแจ้งคุณนายด้วย” ชายสวมชุดจงซานจวงพูดจาด้วยความสุภาพเรียบร้อย น้ำเสียงอ่อนโยน
คนใช้พยักหน้ารับ เชิญเขานั่ง แล้วยกน้ำชามาให้ : “คุณกรุณารอสักครู่ ฉันจะไปเชิญคุณนาย”
ชายสวมชุดจงซานจวงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
คนรับใช้มาถึงห้องนอนของเจียงฮุ่ยซินอย่างรวดเร็ว เคาะประตูเบาๆ
ได้ยินเสียงของเจียงฮุ่ยซินดังมาจากข้างใน : “มีเรื่องอะไร?”
คนใช้พูดเสียงเบาๆ : “เรียนคุณนาย มีคนมารออยู่ข้างล่าง บอกว่าฉิงฮัวเชิญให้มาเป็นครูสอนพิเศษคุณชายหยางหยางที่บ้าน”
“โอเค เธอให้เขารอสักครู่ ฉันจะรีบลงไป”
คนใช้หันหลังกลับลงไปชั้นล่างเพื่อต้อนรับ
ช่วงอาหารเที่ยงเจียงฮุ่ยซิน กินข้าวด้วยความหดหู่ใจพอสมควร เป่หมิงโม่ยากที่จะกลับมา แต่ทั้งวันไม่ได้กลับมากินข้าว
หยางหยางยังเล็กอยู่ เฟยเอ๋อท่าทางเป็นทุกข์ตลอดทั้งวัน บ่ายวันนี้ก็หาเหตุอ้างไม่มากินข้าว
ในฐานะของคนที่ดูแลเรื่องภายในบ้านของตระกูลเป่หมิง แม้ว่างานบ้านเธอไม่ต้องจัดแจง พวกคนใช้ก็สามารถทำได้ด้วยตนเอง
นับตั้งแต่ท่านปู่เป่หมิงเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคหลอดเลือดสมอง ก็ทิ้งให้เธออยู่บ้านคนเดียว
เมื่อก่อนก็ยังพูดคุยกับท่านปู่เป่หมิง แต่ตอนนี้แม้แต่คนจะพูดด้วยหนึ่งคนยังไม่มี เป็นความรู้สึกโดดเดี่ยวและเงียบเหงาจริงๆ
ขณะนี้ เธอกำลังนอนอยู่บนเตียง อารมณ์วุ่นวาย
อีกสองวัน เป่หมิงโม่ก็จะแต่งเฟยเอ๋อเข้าบ้านแล้ว แต่ตอนนี้บ้านตระกูลเป่หมิงยังไม่มีการจัดการขยับเขยื้อนเรื่องงานมงคลเลย เธอรู้ว่าบางทีสิ่งนี้คือสิ่งที่เป่หมิงโม่ตั้งใจที่จะทำเช่นนี้
***
หลังอาหารกลางวัน เจียงฮุ่ยซินกำลังนอนอยู่ในห้องนอน เพราะวิตกกังวลเรื่องในอีกสองวัน อีกทั้งยังได้ยินคนใช้บอกว่าครูสอนพิเศษของหยางหยางมาถึงแล้ว เธอจึงรีบลุกขึ้น เก็บของแบบลวกๆ จากนั้นเดินลงไปชั้นล่างเพื่อพบแขก
เจียงฮุ่ยซินเดินจับราวบันได ลงมาอย่างช้าๆ
ชายสวมชุดจงซานจวงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากบันไดชั้นบน จึงหันกลับไปมองคุณนายที่ลงมาจากชั้นบน คิดว่าต้องเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน
ชื่อเสียงของตระกูลเป่หมิงในเมือง A แม้จะไม่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป แต่ชื่อเสียงที่มีน้อยนิดหรือที่คนรู้จักก็ดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง
เขารีบลุกขึ้นยืนจากโซฟา พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มให้กับเจียงฮุ่ยซิน : “ท่านนางเป่หมิง”
ในใจของเจียงฮุ่ยซินแม้ยังเป็นทุกข์ แต่เมื่อมีแขกมา แต่ก็ไม่อาจทำหน้าบูดบึ้งให้คนเห็นได้ ซึ่งจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของตระกูลเป่หมิงได้ รู้สึกเหมือนครอบครัวของพวกเขาอยู่สูงจนไม่อาจเอื้อม
เจียงฮุ่ยซินลงมาถึงหน้าโซฟาพร้อมกับคนรับใช้ จากนั้นผายมือ : “เชิญคุณนั่งก่อน”
ชายสวมชุดจงซานจวงผายมือ : “คุณนายเชิญนั่ง”
จากนั้นเขางอมือ เก็บไว้ตรงหน้าท้อง รอจนเจียงฮุ่ยซินนั่งแล้วเขาถึงนั่งลง
หลังจากที่เจียงฮุ่ยซินนั่งลงแล้วจึงเริ่มมองชายที่นั่งตรงหน้าอย่างละเอียด
แม้ว่าตอนนี้เขากำลังนั่ง แต่ตอนที่เขาลุกขึ้นยืนรู้สึกว่าจะสูงพอๆ กับเป่หมิงโม่
แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้สัดส่วนเท่าเป่หมิงโม่ แต่คนนี้ดูจะแข็งแรง แม้แต่ฉิงฮัวเมื่อยืนกับเขายังดูด้อยกว่านิดหน่อย
เมื่อดูจากสัดส่วนร่างกายของเขา แม้จะเทียบความหล่อไร้ที่ติระหว่างเป่หมิงโม่หรือเป่หมิงยันไม่ได้ แต่คิ้วเข้มดวงตากลมโตของเขาดูกล้าหาญดึงดูดคน ไม่เหมือนกับเป่หมิงโม่ที่สายตาเย็นชา
ชุดจงซานจวงสีดำสนิทที่เขาสวมใส่ แสดงให้เห็นความสามารถของเขา
หลังจากที่เจียงฮุ่ยซินจ้องมองเขา แม้ว่าใบหน้าจะมีรอยยิ้ม แต่ก็แอบขมวดคิ้วอย่างลับๆ
ชายคนนี้ไม่มีท่าทางความเป็นปัญญาชน สักนิด แต่มีจิตวิญญาณแห่งการเป็นนักรบอยู่ทั่วร่างกาย
ตอนนี้เธอเริ่มบ่นเป่หมิงโม่ เขาให้ฉิงฮัวหาใครมาก็ไม่รู้ ไม่เหมือนครูสอนหนังสือแต่เหมือนนักแสดงกายกรรม
สายตาลึกซึ้งของชายสวมชุดจงซานจวงจับภาพความผิดหวังในสายตาของเจียงฮุ่ยซินได้
เขายิ้มเล็กน้อย เขาหยิบเอกสารข้อมูลจากกระเป๋าถือวางไว้บนโต๊ะน้ำชา
“ท่านนางเป่หมิง นี่เป็นประวัติส่วนตัวอย่างย่อและใบประวัติการศึกษาของฉัน เชิญคุณพิจารณา”
เจียงฮุ่ยซินหยิบขึ้นมา ดึงออกมาดูสองใบ ขณะนั้นมองชายคนนี้ด้วยสายตาที่น่าทึ่ง
ปริญญาโทสองใบจากสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย ปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
คนเราไม่อาจตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกได้จริงๆ ตอนแรกเจียงฮุ่ยซินมีใจอยากรับเขาไว้นิดหน่อย แต่ตอนนี้มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมที่จะรับเขาไว้
เธอหันไปเรียกคนใช้ : “เธอไปเรียกหยางหยางลงมา”
คนใช้พยักหน้า ขึ้นไปหาหยางหยาง
ตอนนี้หยางหยางกำลังนอนเอนกายอยู่บนเตียงอย่างสบาย ถือคอนโซลเกมขณะเล่นเกมต่อสู้
เป็นเกมที่เขาชอบเล่นมากที่สุด บางครั้งเขาก็ฝันว่าเมื่อไรเขาถึงจะมีทักษะในการต่อสู้ป้องกันตัวอย่างนี้ แบบนี้เขาถึงจะสามารถปกป้องแม่ไม่ให้โดนรังแกได้ โดยเฉพาะการถูกรังแกจากพ่อ
เขารู้ว่าตอนบ่ายครูสอนพิเศษที่พ่อให้คุณลุงหัวฟูหามาให้เขามาถึง เขาจึงใช้เวลารีบเร่งนี้รีบเล่นเกม ต่อจากนี้เวลาแห่งสุขคาดว่าจะเหลือไม่มาก
เชื่อฟัง เมื่อสิ้นภาคการศึกษาเรียนให้ได้ที่หนึ่งของชั้นเรียน สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ดูเหมือนยากกว่าการขึ้นสวรรค์หลายหมื่นเท่า
**
มีผู้ชายรูปร่างแข็งแรง สวมชุดจงซานจวงมาที่บ้านเก่าตระกูลเป่หมิง เขาอ้างว่าเป็นครูที่เป่หมิงโม่เชิญมาสอนหยางหยางที่บ้าน
หลังจากที่เจียงฮุ่ยซินเห็นประวัติคนนี้แล้ว เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อชายสวมชุดจงซานจวง
เธอรีบให้คนใช้พาหยางหยางออกมาจากห้องนอน
ชายสวมชุดจงซานจวงยกแก้วน้ำชา จิบหนึ่งที หลังจากจิบชิมรสชาติของชาแล้ว พยักหน้า : “ท่านนางเป่หมิง นี่คือชาหลงจิ่งซือเฟิงใช่ไหม?”
เจียงฮุ่ยซินดูท่าทางประหลาดใจ เธอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม : “ใช่เลยนี่คือชาหลงจิ่งซือเฟิง คิดไม่ถึงว่าคุณจะวิเคราะห์ชาได้ ต้องขอโทษที คุณชื่ออะไร”
ชายสวมชุดจงซานจวงพูดว่า : “ท่านนางเป่หมิงถ่อมตัวเกินไป เป็นเพราะฉันเสียมารยาท ควรจะแจ้งชื่อแซ่ให้ทราบก่อน กระผมแซ่โล่ ชื่อโล่ฮาน”
“แซ่โล่?” เจียงฮุ่ยซินขมวดคิ้วสักครู่ จากนั้นทดสอบโดยการถาม : “ไม่ทราบว่าคุณโล่รู้จักทนายความโล่ ชื่อโล่เชียนลี่ที่น่านับถือหรือไม่”
โล่ฮานยิ้มเล็กน้อย : “ไม่ขอปิดบังท่านนางเป่หมิง เขาคือพ่อของผมเอง”
เมื่อเจียงฮุ่ยซินได้ ก็ยิ่งประหลาดใจ: “เป็นคุณชายโล่ เสียมารยาท เสียมารยาท” ขณะพูดเธอมีข้อสงสัยมากขึ้น “ชื่อเสียงของตระกูลโล่ ในเมือง A ก็มีไม่น้อย แต่ทำไมคุณชายโล่ ถึงลดตัวลงมาเป็นครูสอนหนังสือตามบ้านให้หลานของฉันด้วย?”
โล่ฮานยิ้มเล็กน้อย : “ท่านนางเป่หมิง แต่ละคนมีความปรารถนาไม่เหมือนกัน ไม่ควรพูดว่า ตระกูลที่มีชื่อเสียงไม่สามารถทำงานที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับครอบครัว หรืองานที่ดูเหมือนต่ำต้อยได้”
ใบหน้าเจียงฮุ่ยซินแดงซีด เธอเป็นคนเริ่มมีอคติก่อนไม่ใช่หรือ ผลลัพธ์คือเจอคนจริงไม่แสดงออก
ตอนนี้คนใช้พาหยางหยางลงมา
“คุณยาย….”
เจียงฮุ่ยซินเอื้อมมือตบตรงที่นั่งข้างๆ ตัว พูดด้วยน้ำเสียงใจดี : “หยางหยาง มานั่งตรงนี้”
อันที่จริงหยางหยางไม่ยอมไปนั่งข้างๆ เจียงฮุ่ยซิน เขาคิดว่าคุณยายตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน
เขาเห็นใบหน้าของเจียงฮุ่ยซินที่แสดงออกในตอนนี้ รอยยิ้มใจดีดูเหมือนจะเสแสร้ง
แต่เขาไม่ฟังก็ไม่ได้ จำใจต้องไปนั่งข้างๆ เจียงฮุ่ยซินด้วยใบหน้าที่ไม่เต็มใจ
เจียงฮุ่ยซินเอื้อมมือไปโอบกอดหยางหยาง พูดกับโล่ฮานด้วยรอยยิ้มว่า : “คุณโล่ นี่คือหลานของฉัน เป่หมิงซีหยาง”
โล่ฮานมองหยางหยาง พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม : “หนุ่มน้อยน่ารัก ฉลาด ฉันคิดว่าในอนาคตพวกเราจะเข้ากันได้อย่างสนิทสนม”
“ใช่…ใช่” เจียงฮุ่ยซินรีบตอบรับ
จากนั้นเธอพูดกับหยางหยางเบาๆ : “หยางหยาง ท่านนี้คือครูของหนูในอนาคต ยังไม่รีบเรียกครูโล่ อีก”
หยางหยางทำปากเบะ ลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ พูดอย่างช้าๆ : “สวัสดีครับครูโล่”
“ฮาฮา หยางหยางอาจจะขี้อายเวลาอยู่กับคนแปลกหน้า ขอครูโล่อย่าถือโทษ” เจียงฮุ่ยซินพูดไกล่เกลี่ย
โล่ฮานโบกไม้โบกมือ : “ท่านนางเป่หมิงวางใจเถอะครับ มอบหยางหยางให้ผมแล้ว ผมจะทำให้เขาประสบความสำเร็จ”
หยางหยางในตอนนี้ ลูกคิดในใจเริ่มคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว
ตอนแรกคิดว่าจะเชิญครูพี่สาวสวยๆ
แต่เมื่อเขามองตาครูแซ่โล่คนนี้ ทั้งรูปร่างหน้าตาพอๆ กับคุณลุงหัวฟู
คุณลุงหัวฟู กับพ่อนับวันก็ยิ่งไม่น่าเชื่อถือ
สำหรับเขาแล้ว ก็พอๆ กับที่เป็นครูสอนพละ ถ้าเขาทำให้ตัวเขาสอบปลายภาคได้ที่หนึ่งของห้อง ก็ไม่มีความหวังเสียแล้ว
***
เจียงฮุ่ยซินลูบที่ศีรษะของหยางหยางเบาๆ : “หยางหยางของพวกเราเด็กคนนี้ปกติซนมาก ดังนั้นเรียนหนังสือไม่ค่อยทัน เป็นเพราะตอนแรกแม่ของเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเรียน เขาถึงได้เป็นเช่นนี้”
พูดถึงตรงนี้ใบหน้าของเธอแสดงความพอใจออกมา : “ฉันยังมีหลานอีกคนชื่อเฉิงเฉิง พวกเขาเป็นฝาแฝดกัน เขาอยู่ที่บ้านพวกเรามาตั้งแต่เล็ก เขาเป็นเด็กฉลาด ตั้งแต่เล็กจนโต ได้รับรางวัลมาไม่น้อย”