เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 695 สอบถาม 1
ตอนที่ 695 สอบถาม 1
ฉิงฮัวถูกเขาพูดใส่จนโมโห ถลึงตามองไปที่หวางซื่อ “คุณแกล้งโง่ให้ผมดูน้อยๆหน่อย ถ้าหากว่าคุณฉลาดล่ะก็ พูดเรื่องที่เล่นตุกติกกับลิฟต์โดยสารออกมาว่าทำอย่างไร ถึงเวลาพวกเราไม่เพียงแต่ไม่ซักถามให้คุณรับผิดชอบ ทั้งยังจะมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับคุณกลับไปเลี้ยงดูคนในครอบครัวดีๆ มิฉะนั้น เพียงแค่พวกเราจับคุณขังสักสองสามวัน ผลลัพธ์ในตอนท้ายไม่ต้องให้ผมพูด คุณก็น่าจะรู้นะ…….”
สำหรับคนขี้ยาแบบนี้ ถ้าหากว่าต้องการให้เขาพูดความจริงออกมา วิธีการอื่นอาจจะใช้ไม่ได้ผลแน่นอน
แต่ว่า เพียงแค่ตัดยาสูบของเขาทิ้งไป แม้ว่าจะเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งเหมือนเหล็ก แรกเริ่มสามารถต้านทานได้
แต่หลายชั่วโมงต่อมา เมื่ออาการอยากยาออกฤทธิ์ ก็จะรู้สึกอยู่ไม่สู้ตาย
ฉิงฮัวเห็นท่าทางของหวางซื่อยังคงไม่วางแผนจะเปิดปาก เขาก็ไม่บีบบังคับถามแล้ว ปรบมือสองครั้ง ประตูใหญ่ห้องทำงานของเป่หมิงโม่ก็เปิดออกอีกครั้ง ชายหนุ่มสองคนที่พาหวางซื่อเข้ามาเมื่อครู่ก็เดินเข้ามา
ฉิงฮัวเอ่ยกับสองคนนั้นว่า “ปิดตาของเขาเอาไว้แล้วพาไปขังไว้ในห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะทำเสียงดังโวยวายอะไรข้างในก็ไม่ต้องสนใจเขา”
***
ชายหนุ่มสองคนพยักหน้า หยิบถุงสีดำออกมาจากในกระเป๋าต้องการจะปิดหน้าของหวางซื่อ
หวางซื่อในตอนนี้ร่างกายสั่นเทา ตอนที่เขามาก็ถูกปิดตาพาเข้ามาแบบนี้
ความมืดมิดประเภทนั้น ความรู้สึกของการที่ไม่รู้ว่าจะถูกพาไปที่ใดนั้นเขาก็ได้รับการสั่งสอนมาแล้ว อะไรก็ล้วนมองไม่เห็น ได้ยินเพียงแค่เสียงของคนที่อยู่รอบตัว
“เจ้านายผมพูด ผมพูดแล้ว……” ปราการป้องกันสุดท้ายในใจของหวางซื่อก็ถูกโจมตีจนพังทลาย
เป่หมิงโม่โบกมือให้กับชายหนุ่มสองคนนั้นเป็นสัญญาณให้พวกเขาออกไป
จากนั้นก็สั่งการให้ฉิงฮัวไปเชิญทนายโอวหยางของตระกูลเป่หมิงเข้ามาทำการจดบันทึก
ทนายโอวหยางมาถึงอย่างรวดเร็ว
ทนายโอวหยางท่านนี้ มีอายุ 40 กว่าปีแล้ว ในคณะทนายความของตระกูลเป่หมิง เขาก็นับว่าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง
ตลอดชีวิตของการเป็นทนายความ สามารถพูดได้ว่าเขาชนะคดีความมามากกว่า 90 %
เป่หมิงโม่เรียกเขามารับมือกับคดีนี้ ดูท่าว่าจะเตรียมตัวสู้คดีหนักแล้ว
เมื่อคนครบแล้ว เป่หมิงโม่ก็เอ่ยกับหวางซื่อว่า “เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คุณสามารถพูดสิ่งที่คุณรู้ทั้งหมดออกมาได้ ไม่อาจปิดบังได้แม้แต่น้อยเข้าใจไหม”
หวางซื่อพยักหน้า “เข้าใจครับๆ ผมสามารถปิดบังกับคนอื่นได้ แต่ไม่กล้าจะปิดบังพวกคุณไม่ใช่หรือครับ”
ฉิงฮัวยืนอยู่ด้านหน้าของหวางซื่อ “พูดเถอะ วันนั้นมันเกิดเรื่องอะไรกันแน่”
หวางซื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้แล้ว ถ้าหากว่าตัวเองไม่สารภาพออกมาอย่างซื่อสัตย์ อย่างไรก็คงจะไม่รอดออกไปจากสถานการณ์นี้แล้ว
เขากัดฟัน ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แล้วมองไปทางเป่หมิงโม่ พลางเอ่ยว่า “เจ้านาย เรื่องทั้งหมดที่โรงแรมผมล้วนเล่าให้คุณฟังแล้ว เพียงแต่หลังจากผมพูดแล้ว พวกคุณก็อย่ามาหาผมอีก”
เป่หมิงโม่ไม่ได้ส่งเสียงอะไร ฉิงฮัวเอ่ยเสริมว่า “อย่ามัวพูดไร้สาระ รีบพูดเรื่องอุบัติเหตุของลิฟต์โดยสารในโรงแรมครั้งนั้น เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุครั้งหนึ่งใช่หรือไม่”
หวางซื่อส่ายหน้า “อุบัติเหตุครั้งนั้นจะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายครั้งหนึ่งได้อย่างไรกัน ที่จริงแล้วมีคนสั่งให้ผมทำแบบนั้น”
ได้รับคำสั่งจากคนอื่น คำนี้เมื่อพูดออกมา แม้ว่าจะอยู่ในการคาดเดาของเป่หมิงโม่แล้ว แต่เมื่อเขาได้ยินก็ยังค่อนข้างประหลาดใจ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “พูด คุณได้รับคำสั่งจากใคร”
หวางซื่อส่ายหน้า “ผมก็ไม่รู้ชัดเจนจริงๆว่าได้รับคำสั่งมาจากใคร”
“เพี๊ยะ…..”
ฉิงฮัวตบโต๊ะอย่างแรง ก้าวไปเบื้องหน้าหวางซื่อภายในสองก้าว ยื่นมือออกไปคว้าคอเสื้อเขาขึ้นมา ก้มหน้าถลึงตา พลางเอ่ยว่า “คุณอย่าคิดที่จะมั่วๆให้ผ่านไป ผมจะบอกคุณให้นะ ถึงเวลานั้นผมก็มีวิธีที่จะทำให้คุณพูดออกมาได้!”
ทนายโอวหยางที่จดบันทึกอยู่ด้านข้างเห็นการกระทำของฉิงฮัวแบบนี้แล้วก็รีบปราม “ฉิงฮัว คุณอย่าทำแบบนี้ ให้เขาพูดให้จบก่อน”
ฉิงฮัวถอนหายใจยาวอย่างโมโห คลายมือตัวเองออก
หวางซื่อมองฉิงฮัวพลางเอ่ยด้วยใบหน้าอมทุกข์ว่า “พี่ชาย ถึงขนาดนี้แล้ว ผมยังมีอะไรต้องปิดบังอีก ผมไม่รู้จริงๆว่าใครสั่งให้ผมทำ ผมไม่รู้แม้กระทั่งว่าพวกเขามีเป้าหมายอะไรถึงได้ให้ผมทำแบบนั้น จนกระทั่งผมเห็นข่าวเกิดอุบัติเหตุลิฟต์โดยสารที่โรงแรมแห่งนั้นบนหนังสือพิมพ์ ผมถึงได้เข้าใจได้ในทันที”
“ได้ อย่างนั้นคุณพูดในสิ่งที่คุณรู้มาครับ” ทนายโอวหยางพูดจาค่อนข้างสุภาพอ่อนโยน
หวางซื่อคิ้วขมวดพลางคิด “ที่จริงแล้วผมไม่ต้องให้พวกคุณพูดก็รู้ชัดเจนว่า ผมมีอาการติดยา เพียงแต่ผมเป็นช่างซ่อมลิฟต์โดยสารคนหนึ่งจริงๆ เดิมวันนั้นไม่ใช่วันที่ผมทำงาน เดิมผมนอนหลับอยู่ที่หอพักอย่างมีความสุข แต่จู่ๆก็มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก เขาบอกว่ามีการค้าหนึ่งให้ผมไปทำ”
***
“คนคนนั้นพูดกับคุณหรือไม่ว่าเป็นธุรกิจอะไร” ทนายโอวหยางเอ่ยถามต่อ
หวางซื่อส่ายหน้า “ตอนแรกเขาไม่ได้พูดอะไร บอกเพียงแค่ว่าสองวันหลังจากนี้ให้ผมไปส่งเซนเซอร์ตรวจจับระดับชั้นหลายอันที่โรงแรมแมนดาริน จากนั้นก็โยนกระดาษที่ถูกยางรัดจนเป็นกระบอกอันหนึ่งให้ผมแล้วก็จากไป ผมยังนึกว่าเป็นกระดาษโน้ตที่เขาเขียนหมายเลขรุ่นของเซนเซอร์ตรวจจับให้ผม สุดท้ายพอเปิดดูก็เห็นว่าเป็นเงิน ประมาณหนึ่งพันหยวนได้ ไม่ปิดบังทุกท่าน เงินเดือนของช่างซ่อมลิฟต์โดยสารนั้นได้น้อย ผมยังมีรสนิยมแบบนี้ เงินที่ส่งให้ถึงมือไม่รับเอาไว้ก็เสียเปล่า ถ้าหากผมรู้ว่าผลลัพธ์ในภายหลังของอะไหล่ไม่กี่ชิ้นจะเลวร้ายขนาดนี้ ผมคงจะไม่กล้ารับปากอย่างเด็ดขาด”