เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 791 คำถามที่ยาก
ตอนที่ 791 คำถามที่ยาก
“หา…..” หลังจากที่หยางหยางได้ยิน ความตื่นเต้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที สำหรับเขาแล้ว สามอันดับแรกของระดับชั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เขาต้องรอจนจบชั้นมัธยมปลายพ่อเขาจึงจะได้มาสอนเขา นี่เป็นสิ่งที่ยากมาก
ตอนนี้กู้ฮอนยังมีความคิดเห็นต่อเป่หมิงโม่ แต่ก็รู้สึกโล่งใจแล้ว เดิมทีเป่หมิงเอ้อผู้ชายคนนี้ใช้คะแนนเกรดมากดดันคนอื่น
เธอกระซิบกับเฉิงเฉิง “ลูกรัก พ่อของหนูยื่นข้อเสนออะไรให้กับหนู หนูถึงได้มีคะแนนเกรดแบบนี้”
ถึงแม้ว่าเสียงจะเบา แต่เป่หมิงโม่ซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าก็ยังได้ยิน
เขามองไปที่กู้ฮอนในกระจกมองหลังด้วยความเหยียดหยาม และในขณะเดียวกันเฉิงเฉิงก็ส่ายหัวเบาๆ
“แม่ ระหว่างผมกับพ่อไม่ได้มีข้อตกลงอะไร ผมเรียนไปก็เพราะว่าผมชอบ”
“ชอบเหรอ” กู้ฮอนรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อ อายุของเฉิงเฉิงไม่ได้มาก จะมีความคิดแบบนี้ได้อย่างไรกัน เด็กที่อายุเท่าเขา ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ดูอย่างหยางหยาง เอาแต่คิดถึงเรื่องที่จะเล่น
เฉิงเฉิงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ผมรู้สึกว่าเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้น่าสนใจมาก ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นการเรียน แต่เหมือนกับการเล่นเกมมากกว่า”
เป่หมิงโม่มองไปที่หยางหยางซึ่งยังคงนั่งเงียบอยู่ด้านข้างอีกครั้ง “ว่าไงล่ะ กล้าที่จะทำข้อตกลงกับฉันรึเปล่า ฉันจะเพิ่มข้อต่อรองนิดหน่อย เมื่อจบชั้นประถม ถ้าได้ไม่ต่ำกว่าลำดับที่สาม ฉันจะซื้อรถโกคาร์ทระดับเบสิคให้หนู เมื่อจบมัธยมต้นฉันจะซื้อรถออฟโรดให้หนู เมื่อจบมัธยมปลาย นอกจากจะสอนหนูขับรถแล้ว ยังจะมีรถออฟโรดที่มีสมรรถนะดีให้ด้วย และฉันจะไปพาหนูไปร่วมแข่งขับสักครั้ง เป็นไง”
เมื่อกู้ฮอนได้ยินดังนั้น ในใจก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เป่หมิงเอ้อไม่ลังเลที่จะมีความพยายามหาเงินเพื่อลูกชายของเขา
หยางหยางขมวดคิ้วแน่น ในใจของเขากำลังลนลานอย่างรุนแรง สรุปว่าจะยินยอมทำตามข้อตกลงกับพ่อหรือไม่
***
หากไม่ตกลง เขาก็จะไม่สามารถที่จะได้มีโอกาสพบกับรถอีกแล้ว หากตกลง ตั้งแต่นี้ไปอีกหลายปีก็คงจะต้องจมอยู่กับหนังสือ
สำหรับหยางหยางแล้ว นี่เป็นคำถามที่ตอบได้ยากมากจริงๆ และในตอนนี้เขาก็ให้คำตอบไม่ได้
เป่หมิงโม่กำลังขับรถอยู่ เมื่อเห็นหยางหยางเงียบไป เขาก็ไม่เร่งรัดที่จะบังคับรีบเอาคำตอบจากหยางหยาง “หนูยังไม่ต้องตอบในตอนนี้ก็ได้ ฉันให้เวลาหนูสองวันไปลองคิดดูให้ดี”
หลังจากนั้น ระหว่างการเดินทาง หยางหยางก็เงียบลงมาก
ในที่สุดเขาก็เริ่มคิดที่จะเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ในรถไม่มีเสียงร้องใดๆของหยางหยาง ทุกอย่างกลายเป็นความเงียบสงัด
กู้ฮอนและเฉิงเฉิง ต่างไปมองไปที่หยางหยางเป็นครั้งคราว แม้ว่าจะมองไม่เห็นท่าทีของเขา แต่ก็รู้ว่าในใจของหยางหยางตอนนี้ค่อนข้างสับสนและมีความขัดแย้ง
*
“พวกเรามาถึงที่หมายแล้ว” เมื่อเป่หมิงโม่พูดจบ รถก็หยุดลง
“หยางหยาง ถึงสวนสนุกแล้ว นายยังไม่ลงอีก ฉันและพ่อกับแม่จะไม่สนใจนายแล้ว” เฉิงเฉิงพูดพลางเคาะหน้าต่างด้านของหยางหยาง
ในใจของหยางหยางยังคงรู้สึกสับสนวุ่นวายไม่หยุด เขาเป็นคนสุดท้ายที่เปิดประตูลงจากรถ
กู้ฮอนมองไปยังท่าทางที่เหม่อลอยของหยางหยาง และรู้สึกปวดใจเล็กน้อย เดิมทีวันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องมีความสุขที่สุด คิดไม่ถึงว่าจะโดนคำพูดประโยคหนึ่ง มาทำให้กลายเป็นแบบนี้
ในสวนสนุกที่อยู่ไม่ไกลนัก เสียงกรีดร้องและเสียงหัวเราะดังอยู่ไม่ไกล ยังคงดังไปถึงหูของหยางหยาง
ในที่สุด เขาไม่สามารถทนต่อสิ่งเร้าที่อยู่ตรงหน้าได้ สภาพจิตใจกลับมามีชีวิตชีวา ดูเหมือนจะตื่นเต้นดีใจกว่าตอนที่อยู่ที่บ้าน
“วันนี้ฉันจะเล่นให้คุ้มเลย” พูดจบ เขาก็เร่งฝีเท้าเดินไปยังประตูของสวนสนุก
“ดูเหมือนว่าเขาจะเลือกได้แล้ว” เป่หมิงโม่พูดกับกู้ฮอนพร้อมรอยยิ้มตรงมุมปาก
จากนั้นเขาก็นำรถเข็นขนาดเล็กออกมาจากรถ นำเสื่อปิกนิก เต็นท์และขนมขบเคี้ยว นำใส่เข้าไป
เขามีท่าทีสบายอกสบายใจ ลากรถเข็นขนาดเล็กที่อยู่ด้านหลัง และเดินเข้าไปยังทางเข้าสวนสนุกอย่างช้าๆ
“แม่ หยางหยางจะยอมทำตามเงื่อนไขของพ่อเพื่อที่จะได้เล่นรถออฟโรดจริงเหรอ” เฉิงเฉิงพูดถึงสภาพท่าทีของหยางหยางในตอนนี้ แตกต่างกับเมื่อตอนอยู่บนรถอย่างสิ้นเชิง
กู้ฮอนยักไหล่ “ฉันคิดว่าถึงเขาจะเห็นด้วย แต่ฉันคิดว่าเขาคงจะรับมันไม่ไหว ช่างเถอะ ในเมื่อหยางหยางอยากจะลองดู ก็ให้เขาไปเถอะ พวกเรารีบตามพวกเขาไป”
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในสวนสนุก แววตาของหยางหยางปลื้มปริ่ม เห็นอะไรก็อยากเล่นไปหมด “แม่ เฉิงเฉิงพวกคุณรีบมาสิ!”
หยางหยางส่งเสียงร้องเรียกอย่างตื่นเต้นอยู่ตรงด้านหน้าสุด ราวกับไม่เคยมาสวนสนุกมาก่อน
“คุณไปเล่นเป็นเพื่อนเด็กเถอะๆ” เป่หมิงโม่พูดกับกู้ฮอน
กู้ฮอนมองไปยังเป่หมิงโม่ “แล้วคุณทำอะไรล่ะ แล้วคุณไม่ไปเล่นด้วยกันกับพวกเด็กๆหรือไง”
“นี่ก็เป็นหน้าที่ของผมในวันนี้” เป่หมิงโม่พูดจบ ก็ส่งสายตามองไปยังรถเข็นขนาดเล็กที่อยู่ด้านหลังของตัวเอง
“คุณนี่ หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ ไม่ใช่ว่าพาพวกเด็กๆมาเล่นสวนสนุกเหรอ ยังจำเป็นที่จะต้องพาของพวกนี้มาด้วยเหรอ ดูเหมือนราวกับจะไปตั้งแคมป์”
กู้ฮอนพูดถึงเรื่องตั้งแคมป์ เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงกิจกรรมแม่ลูกที่ได้เข้าร่วมในครั้งก่อน
ประสบการณ์ในคืนนั้น มันทำให้เธอลืมไม่ได้ไปตลอดชีวิต
“เธอมัวแต่ทำอะไรอยู่ พวกเด็กๆกำลังรอเธออยู่นะ” เป่หมิงโม่ชี้ไปยังหยางหยางที่อยู่ไม่ไกล
***
หยางหยางดูมีความสุขอยู่ข้างหน้า เฉิงเฉิงกลับยังคงอยู่ข้างกายกู้ฮอน
“ลูก หนูไปเล่นกับหยางหยางสิ” กู้ฮอนไม่ได้มาเพียงเพื่อจะเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ
“แม่ แม่ไม่ไปเล่นกับพวกเราเหรอ” เฉิงเฉิงอยู่ข้างกายของกู้ฮอน มายังสนามเด็กเล่น ในความเป็นจริงสำหรับเขาแล้ว ไม่ได้สนใจมากเท่ากับหยางหยาง
กู้ฮอนยิ้มให้กับเขา “ฉันแค่ไปเดินเล่นรอบๆก็ได้แล้ว เธอรีบไปเถอะ”
“เฉิง ลูกไปเล่นเถอะ แม่ของลูกอยู่กับฉันไม่หายไปไหนหรอก พวกเธอเล่นเบื่อแล้ว ก็ไปหาพวกเราที่สนามหญ้าด้านข้างชิงช้าสวรรค์ จำไว้นะ อย่าไปเล่นอะไรที่อันตรายเกินไป พวกเธอยังเด็กเกินไปที่ร่างกายจะรับไหว แต่หากไปเล่น ลูกก็ไปพูดกับเขาว่าวันหลังก็ไม่ต้องมาพูดกับเกี่ยวกับเรื่องรถอีกแล้ว” เป่หมิงโม่ลากรถเข็นคันเล็ก พลางกำชับ
เฉิงเฉิงพยักหน้า จากนั้นก็หันหลังกลับวิ่งเหยาะไปตามทางเพื่อไล่ตามหยางหยาง
เมื่อเห็นเด็กทั้งสองไปวิ่งเล่นด้วยกัน จิตใจของกู้ฮอนในตอนนี้ก็เบนความสนใจจากพวกเขาไปยังด้านของแม่ที่นั่น
กู้ฮอนเดินไปบนถนนอย่างครุ่นคิด เป่หมิงโม่เดินตามหลังเธอไปพร้อมลากรถเข็นคันเล็ก
ดูเหมือนว่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอคนหนึ่ง
พวกเขาเดินผ่านเสียงกรีดร้อง ที่ดังมาจากรถไฟเหาะ อีกทั้งยังเดินผ่านม้าหมุนที่ส่งเสียงเพลงไพเราะอีกด้วย
สิ่งที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้าพวกเขา ก็คือชิงช้าสวรรค์ ที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางของสวนสนุกทั้งหมดอีกด้วย
“พวกเราไปพักผ่อนที่สนามหญ้าตรงนั้นกันเถอะ” เป่หมิงโม่พูดจบ พร้อมชี้นิ้วไปยังพื้นที่สีเขียวตรงข้างชิงช้าสวรรค์
มันเป็นสนามหญ้าสีคราม ที่มีเต็นท์หลากสีสองสามเต็นท์
กู้ฮอนพยักหน้า และเดินไปที่พื้นหญ้าพร้อมกับเป่หมิงโม่
“อืม ที่นี่แหละ มีทำเลดี”
เป่หมิงโม่พูดจบ และหยุดรถเข็นคันเล็ก นำเสื่อปิกนิกออกมาจากด้านในเพื่อปูลงบนพื้นหญ้า
จากนั้นก็หยิบกระเป๋าเต็นท์ออกมา และเริ่มประกอบเข้าด้วยกัน
กู้ฮอนมองไปรอบๆ เต็นท์ของคนอื่นๆได้ตั้งอยู่ที่โล่ง มีแต่สถานที่ของเป่หมิงโม่ที่มีต้นไม้โดดเดี่ยวอยู่สองต้น และดูเหมือนจะหยุดชะงักลงทันที
เธอเม้มริมฝีปากให้กับเป่หมิงโม่ที่กำลังยุ่งอยู่กับการตั้งเต็นท์ “นี่คุณเลือกที่นี่เหรอ นึกว่าคุณจะเลือกอะไรที่ ‘ที่เป็นสถานที่ที่เป็นฮวงจุ้ยที่ดี’ สรุปก็กลายเป็นสถานที่นี้”
เป่หมิงโม่มองไปที่กู้ฮอน เขายิ้มเพียงเล็กน้อย “แม้ว่าที่ตรงนั้นที่ดูมีค่าเหมือนอัญมณี คุณก็ถือซะว่ามันเป็นแค่ก้อนหิน”
“หึ คุณก็แค่โอ้อวดตัวเองอีกแล้วสินะ ฉันก็ไม่เห็นว่าตัวคุณจะมีส่วนไหนที่เหมือนอัญมณีล้ำค่า วันทั้งวันก็เอาแต่ฉุนเฉียว…..”
เป่หมิงโม่กลับไม่ได้รู้สึกรำคาญ และเขาก็ยืนขึ้นพร้อมชี้ยังต้นไม้ทั้งสองต้นแล้วพูดว่า “หากบอกว่าคุณโง่ คุณก็จะต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งทันที ในเวลานี้แสงแดดสบายที่สุดแล้ว ต้นไม้ทั้งสองต้นนี้อยู่ข้างหลังเต็นท์และไม่ได้บดบังแสงอาทิตย์ เมื่อถึงตอนบ่าย เมื่อแสงแดดส่องไปทางทิศตะวันตกต้นไม้ทั้งสองก็จะบังแดดจากทิศตะวันตกให้พอดี ไม่รู้สึกร้อนแน่นอน และเมื่อมีลมพัดก็รู้สึกเย็นสบาย และต้นไม้ทั้งสองต้นก็มีระยะห่างกันพอดี เอาเปลญวนผูกไว้ด้านบน ตอนเที่ยงก็พักผ่อนอยู่ด้านบนได้ตามสบาย”
เป่หมิงโม่กลายเป็นเหมือนกับพนักงานขายมืออาชีพ กล่าวชมเชยสถานที่แห่งนี้ราวกับว่าไม่อาจมีที่ใดในโลกมาเปรียบได้
กู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจ เธอเคยไม่สนใจคำพูดของเป่หมิงโม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้สนใจตัวเองเลยแม้แต่น้อย ดูวันนี้แล้วคำพูดแบบนั้นของเขา ตนเองก็คงได้แต่พูดได้เพียงอย่างเดียว
***
ในไม่ช้า เป่หมิงโม่ก็ตั้งเต็นท์เสร็จ เต็นท์นี้เหมือนกันกับเต็นท์ในมือของพวกเขาตอนที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมแคมป์แม่และเด็ก
เป่หมิงโม่มัดปลายทั้งสองข้างของเปลญวนเข้ากับต้นไม้ทั้งสองต้น
จากนั้นเขาก็ยืนมองผลงานชิ้นเอกของตัวเองด้วยความพึงพอใจ
“เสร็จแล้ว หลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของคุณแล้ว”
หลังจากเป่หมิงโม่พูดกับกู้ฮอนไปหนึ่งประโยค เขาก็เดินไปที่เปลญวน และเอนร่างนอนลงอย่างปราดเปรียว
และดูเหมือนเขายังแกว่งไปมาเบาๆ ไม่ต้องพูดว่าสบายแค่ไหน
กู้ฮอนมองไปที่ในรถ พบว่าของชิ้นใหญ่ตั้งอยู่ สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือขวดและกระป๋อง
เมื่อเป่หมิงโม่มาที่นี่ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังต้องเตรียม นอกจากผลไม้ต่างๆที่ล้างสะอาดและของว่างเล็กๆน้อยๆแล้ว ยังมีกล่องอาหารกลางวันที่สามารถแก้หิวอีกด้วย
นอกจากสิ่งนี้แล้ว ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ คือยังมีกล่องประดับประมาณสิบกล่อง วางซ้อนกันเป็นกล่องๆ และจัดเรียงอย่างเรียบร้อย
เธอสงสัยจึงลองเปิดดู เนื้อไก่ เป็ด ปลา และยังมีผักกาดขาว ล้วนแต่เป็นของดิบและของมักดอง
“เฮ้ คุณจะเอาผักสดกับเนื้อสดมาทำอะไรเยอะแยะแบบนี้ คุณจะเลี้ยงลูกให้กลายเป็นลูกหมาป่ารึไง” กู้ฮอนพูดกับเขาอย่างไม่เกรงใจ
เป่หมิงโม่หลับตา และแกว่งเปลอย่างสบายใจ “เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่ง ผมจะเอามาทำอาหารให้พวกคุณกินอยู่แล้ว ผมก็ไม่อยากที่จะอยู่กับหมาป่าหรอก”
กู้ฮอนเหลือบมองเขาอย่างรำคาญใจ จริงๆก็อยากจะด่าเขา แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้เขาโต้กลับอย่างมีชั้นเชิง
เธอนำผลไม้และอาหารว่างเล็กๆน้อยๆลงบนผ้าปิกนิก เธอนั่งลงบนพื้นหญ้า พลางอาบแสงแดดอ่อนๆไม่ต้องบอกเลยว่าสบายแค่ไหน
ในตอนนี้เธอก็อดคิดไม่ได้ ถ้าหากพวกเด็กๆสามารถมากได้ก็ดีแล้ว ทั้งหมดต้องโทษเป่หมิงเอ้อคนนี้ หากไม่ใช่ว่าเขาเคยสู้ทางคดีกับเธอ ก็คงไม่เหมือนตอนนี้ที่ตนเองยังไม่อยากให้จิ่วจิ่วรู้จักเขาเป็นพ่อ และนับถือเขาเพียงแค่ปีศาจในห้องน้ำ
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นความผิดที่เขาเลือกเอง