เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 798 เผชิญหน้ากับความเจ็บปวด
ตอนที่ 798 เผชิญหน้ากับความเจ็บปวด
กู้ฮอนมองไปที่ผู้ชายเบื้องหน้าเธอ ลุคนี้ยิ่งมองยิ่งรู้สึกเหมือน หัวหน้าแก๊งในหนังฮ่องกงยุคปี80หรือ90
“คุณท่านนี้ ขอถามหน่อยค่ะว่ามาหาฉันมีอะไรเหรอคะ? ทำไมพวกเราถึงไม่ไปในเมืองหาที่นั่งคุยกันดีๆ แต่ต้องมาในสถานที่แบบนี้? ” กู้ฮอนถามอย่างตรงไปตรงมา
ไม่ได้รอให้ผู้ชายคนนั้นพูด ถังเทียนจื๋อก็พูดแนะนำ: “นี่คือเจ้านายของผม”
ขณะที่เขาจะแนะนำต่อ ก็เป็นผู้ชายคนนั้นปัดมือเบาๆ ทันใดนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“สวัสดีครับ คุณคือกู้ฮอนใช่มั้ย? ” ผู้ชายคนนั้นถาม
กู้ฮอนพยักหน้า: “ค่ะ ฉันชื่อกู้ฮอน”
เมื่อผู้ชายคนนั้นได้รับคำยืนยันแล้ว คิ้วก็กระตุกเล็กน้อย “ขอโทษที่ต้องถาม ทำไมคุณถึงแซ่กู้? ”
คำถามนี้ทำเอากู้ฮอนถึงกับงง ไม่เคยมีใครถามคำถามแปลกแบบนี้มาก่อน เธอเริ่มรู้สึกว่าไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามนี้ยังไงดี
เธอจึงทำได้แค่ยิ้มให้ผู้ชายคนนั้น: “คุณท่านค่ะ คำถามของคุณช่างน่าสนใจจริงๆ หรือคุณคิดว่าถ้าฉันไม่ใช่แซ่กู้งั้นควรจะแซ่อะไรคะ?”
พูดพลางเริ่มโมโหเล็กน้อย ที่ผ่านมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้ อะไรก็ไม่พูดจู่ๆ ก็มาถามแบบนี้ แถมยังถามอะไรแปลกๆ อีก
ผู้ชายคนนั้นปัดมือไปมา: “ขอโทษที ฉันไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น ที่ฉันนัดเธอออกมาฉันแค่อยากจะให้เธอดูอะไรหน่อย”
เขาพูดพลางส่งสายตาเป็นนัยๆ ให้ถังเทียนจื๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา ถังเทียนจื๋อหันเข้าไปในรถแล้วหยิบซองจดหมายสีเหลืองออกมาแล้วยื่นให้ผู้ชายคนนั้น
หลังจากที่เขารับมา ก็หยิบรูปออกมาจากในนั้นหนึ่งใบแล้วยื่นให้กู้ฮอน: “ช่วยดูรูปนี้หน่อยว่าเธอรู้จักคนที่อยู่ในรูปนี้หรือเปล่า”
อ้อมไปอ้อมมาที่แท้ ก็แค่อยากให้เธอดูรูปเหนี่ยนะ
เธอคิด พลางรับรูปเอาขึ้นมาดู มันคือรูปขาวดำที่เก่าจนเริ่มเหลืองใบนึง
ขณะเดียวกัน สีหน้าของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอรีบเงยหน้าขึ้น ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อพลางมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหน้า: “คุณ ทำไมคุณถึงได้มีรูปใบนี้ได้?”
ผู้ชายคนนั้นมองไปที่กู้ฮอน แล้วก็หันหลังแล้วเดินไปที่เส้นขอบของจังหวัด ใต้เท้าของเขาคือเมืองAที่เจริญรุ่งเรือง
เขาค่อยๆ พูดขึ้น: “นี่เป็นรูปครอบครัวของฉัน ตั้งแต่ถ่ายรูปนี้ก็ผ่านมาได้ยี่สิบกว่าปีแล้ว”
***
เมื่อกู้ฮอนเห็นภาพใบนั้น ก็จำได้ทันที มันเหมือนภาพที่มีค่าเพียงใบเดียวของตัวเองที่ถ่ายกับพ่อและแม่
ถึงแม้ผู้ชายเบื้องหน้าจะใส่แว่นกันแดดอยู่ แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ว่าเขาต้องมีส่วนในภาพใบนี้ด้วยแน่ๆ
พูดกลับกัน เขาน่าจะเป็นพ่อของเธอ คนที่เคยทอดทิ้งแม่คนนั้น ผู้ชายที่ทำให้แม่ต้องอยู่อย่างอยากลำบากมายี่สิบกว่าปี
“คุณ… คุณคือหลี่เฉียน?” จู่ๆ กู้ฮอนก็นึกถึงเรื่องที่เจียงฮุ่ยซินกับแม่เคยพูดกัน พวกเธอเคยพูดถึงชื่อนี้
หลี่เฉียนค่อยๆ หันกลับมา แล้วพยักหน้าเบาๆ : “ใช่แล้ว ฉันคือหลี่เฉียน คิดไม่ถึงว่าลู่ลู่จะพูดถึงชื่อของฉันให้เธอฟังด้วย”
ทันใดนั้นอารมณ์ของกู้ฮอนก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอเม้มปากแน่น และกัดฟันกรอด
ขณะนั้น ดวงตาของเธอก็เริ่มมีน้ำเอ่อ: “ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมคุณเพิ่งมาตามหาฉันเอาตอนนี้”
หลี่เฉียนขมวดคิ้ว เขาเงียบอยู่ครู่ก่อนจะค่อยๆ พูดขึ้น: “ปีนั้น หลังจากที่ฉันรู้ว่าเธอหายตัวไป ฉันก็ส่งคนไปหาเธอทั่วเมือง แต่หลังจากผ่านไปสามวันสามวันคืน ก็ยังไม่ได้ข่าวเลย เพราะงั้น……”
“เพราะงั้นขณะที่คุณไม่ตามหาฉันแล้ว ก็ทิ้งแม่ไปในเวลาเดียวกัน ให้เธอทนทุกข์ทรมานผ่านวันเวลาที่ต้องสูญเสียทั้งลูก เสียทั้งสามีมานานถึงยี่สิบกว่าปี” กู้ฮอนไม่รอให้หลี่เฉียนพูดจบ ก็พูดเสริมแทนเขา
หลี่เฉียนไม่มีคำจะพูดทำได้แต่ก้มหน้า เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายกับลูกสาวของตัวเองสำหรับเรื่องที่ผ่านมายี่สิบกว่าปียังไงดี
มันก็จริง ไม่ว่าตัวเขาจะมีเหตุผลอะไร และไม่ว่าเหตุผลมันจะฟังขึ้นขนาดไหน
มันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว:มันก็จริงว่าหลังจากที่จากลู่ลู่มา เธอต้องผ่านวันเวลาที่ทุกข์ทรมาน
ตอนนั้นเขาพูดได้แค่: “สำหรับเรื่องนี้ ฉันรู้สึกเสียใจ รู้สึกผิดมากๆ ไม่มีความรับผิดชอบพอที่จะเป็นสามีและพ่อได้”
ทันใดนั้นกู้ฮอนก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่จนมันไหลลงมา: “คุณคิดว่าคำขอโทษคำนึงของคุณ จะเปลี่ยนเรื่องราวที่ผ่านมายี่สิบกว่าปีได้อย่างงั้นเหรอ? สามารถย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนในวันที่คุณทอดทิ้งแม่ไปอย่างไม่ไยดีได้มั้ย!ฉันก็เคยถามแม่ ว่าพ่อของฉันเป็นคนยังไง แต่แม่ก็ไม่ต้องการที่จะตอบคุณรู้มั้ย แม่ไม่อยากที่จะนึกถึงคุณ”
หลี่เฉียนค่อยๆ เดินมาที่ข้างๆ กู้ฮอน แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนึงออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้เธอ: “ที่จริงฉันไม่เคยลืมเธอกับแม่ของเธอเลย นี่คือสิ่งแทนใจที่แม่เธอเคยให้ฉัน ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ฉันพกมันติดตัวไว้ตลอด”
นี่คือผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนนึง มุมทั้งสี่ปักด้ายสีฟ้าอ่อนไว้ที่มุมขอบ มุมของผ้าเช็ดหน้านั้นปักตัวอักษร ‘ลู่’ เอาไว้
ขณะนั้น ถังเทียนจื๋อก็ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาติดตามเจ้านายของเขามาตั้งหลายปี ขณะที่อยู่ด้วยเจ้านายทำอะไรตัวเขานั้นรู้ดี
“กู้ฮอน เธออย่าโทษเจ้านายเลยนะ หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยหยุดส่งคนไปหาเธอสองคนแม่ลูกเลย แต่มันก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรพวกเราไม่ได้ข่าวพวกเธอเลย”
สำหรับสิ่งที่ถังเทียนจื๋ออธิบายมา กู้ฮอนฟังไม่ขึ้น เธอหันไปมองเขา: “ถ้าฉันไม่ได้คิดผิด ที่นายเข้าใกล้ฉันเพราะมีจุดมุ่งหมายอื่นสินะ ในขณะที่ฉันเห็นนายเป็นเพื่อนที่ดีคนนึง ที่แท้ฉันมันก็เหมือนลิงตัวนึงให้พวกนายเล่นตอนนี้เข้าใจแล้ว เหมือนกับได้ลอยขึ้นมาจากน้ำ ฉันไม่รู้ว่าพวกนายจะมีเกมอะไรใหม่มาให้ฉันกับแม่เล่นอีก”
***
หลี่เฉียนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว: “กู้ฮอน หนูฟังก่อนนะ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลยสักนิด เพราะงั้นความผิดเป็นของฉันทั้งหมด ถ้าจะโทษก็โทษฉันเถอะ”
กู้ฮอนมองไปที่ผู้ชายสองคนที่อยู่ตรงหน้า ขณะนั้นเธอก็ไม่มีใจที่จะเถียงอะไรต่อไปแล้ว ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอจะทำก็คืออยู่ให้ห่างจากคนพวกนี้
เพราะเธอรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังเล่นตลก ที่โผล่มาข้างกายเธอ แถมยังจู่ๆ ก็มาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอ
พ่อ คำนี้สำหรับกู้ฮอนแล้ว มีอคติเอามากๆ ตั้งแต่กู้เซิงเทียนไปจนถึงเป่หมิงเจิ้งทียน ตอนนี้ก็มีคนที่ชื่อหลี่เฉียนโผล่มาอีก
สองคนหน้าไม่ใช่พ่อของเธอจริงๆ แต่หนึ่งในนั้นก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ทำตัวเองเป็นหมากอยู่ตลอดเวลา หรือว่าทำกำไรให้กับเป่หมิงโม่
ส่วนอีกคนนึง:เป็นหน้าตาของโลกธุรกิจ ถึงแม้จะไม่มีส่วนเกี่ยวกับเธอแม้แต่น้อย แต่เธอก็ได้ยินข่าวแย่ๆ ของตระกูลเขามาเหมือนกัน
สรุป ทั้งสองคนก็ถือได้ว่า:อยู่ข้างนอกดูเหมือนดี แต่พออยู่กับครอบครัวก็ทำตัวหน้าไม่อาย
หลี่เฉียนสำหรับเธอตอนนี้:คือพ่อแท้ๆ ของเธอ แต่ปฏิบัติกับเธอและแม่อย่างโหดร้าย พูดได้ว่าเป็นคน: “ทิ้งลูกทิ้งเมีย”
ถึงแม้ที่เธอต้องจากแม่ไปไม่ใช่เพราะเขา แต่ที่แม่ต้องทนทุกข์มายี่สิบกว่าปีก็เป็นเขาที่ทำ
เธอมองหลี่เฉียนอย่างโกรธแค้น: “คุณไม่ต้องมาทำแบบนี้ ถ้าคุณรักแม่ฉันตั้งแต่แรก ก็คงปล่อยทำใจทิ้งให้เธออยู่คนเดียวไม่ลงหรอก ถ้าหากคุณมีความรู้สึกที่ดีต่อแม่ฉันละก็ ยิ่งจะไม่เพิกเฉยใส่แม่มาตลอดยี่สิบกว่าปีหรอก”
พูดจบ เธอหันกลับไปหาถังเทียนจื๋ออีกครั้ง: “ละครของนายควรจะจบได้แล้วนะ Noton ฉันขอบคุณที่นายเคยช่วยฉันไว้ตอนที่ฉันแย่ แต่ว่าฉันรับเรื่องที่นายหลอกฉันไม่ได้ มันทำให้ฉันหยุดที่จะสงสัยเรื่องที่นายโผล่มาตอนแรกไม่ได้เลย ว่ามันเริ่มมาจากจุดประสงค์หรือเปล่า ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันก็คงจะทำใจเป็นเพื่อนกับคนแบบนายต่อไปไม่ได้ เพราะว่านายน่ากลัวเกินไป ตอนนี้ฉันเริ่มจะเสียใจแล้วว่าทำไมตอนนั้นไม่ยอมฟังคำของเป่หมิงโม่ ควรจะอยู่ให้ห่างจากนายไว้”
พอพูดจบ เธอก็หันหลังกลับไปขึ้นรถของตัวเอง หลังจากสตาร์ทรถ เธอก็ลดกระจกลง:” ฉันไม่อยากพบกับพวกคุณทั้งสองคนแล้ว คือไม่อยากพบอีกต่อไป! “
หลี่เฉียนมองกู้ฮอนขับรถห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับความรักระหว่างพวกเขา เป็นระยะทางที่ยืดยาวออกไป ไม่มีวันมาบรรจบกัน
อารมณ์ของถังเทียนจื๋อตอนนั้น มันอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เขาโดนกู้ฮอนยิงคำถามใส่จนพูดไม่ออก
มันเป็นแบบที่เธอพูด ที่ตัวเขาเข้าใกล้เธอเพราะมีจุดมุ่งหมาย ตอนแรกเพราะอยากจะแก้แค้นเป่หมิงโม่ จึงได้ใช้กู้ฮอนเป็นเครื่องมือ
แต่พอมาทีหลัง แต่ก็ผิดคาดกู้ฮอนดันเป็นลูกสาวแท้ๆ ที่หายตัวไปหลายปีของเจ้านาย
ไม่ใช่แค่นั้น พอได้รู้จักกับเรื่อยๆ นานๆ เข้า เขาก็เห็นว่าเธอเป็นคนจิตใจดีมากๆ เธอปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ
ตรงจุดนี้ ในสังคมปัจจุบันเป็นสิ่งที่หาได้ยากอยู่แล้ว
ตอนที่เขาได้ยินกู้ฮอนพูดออกมาจากปากของเธอว่าจะไม่เป็นเพื่อนกับเขาแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนถูกกระชากหัวใจอย่างรุนแรง
หลังจากที่เขาออกมาจากขุมนรก ก็ไม่เคยคิดจะคบใครเป็นเพื่อน จนได้มาเจอกู้ฮอน
แต่ตอนนี้เขาได้ทำลายมิตรภาพที่หายากนี้อย่างย่อยยับด้วยมือของเขาเอง
***
ตกกลางคืน จิ่วจิ่วก็ได้นอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างกายของกู้ฮอน
แต่ทำยังไงตัวเธอก็นอนไม่หลับ
ทุกครั้งที่หลับตาลง ก็จะเห็นใบหน้าของหลี่เฉียนลอยขึ้นมา และเสียงของเขาที่ขอโทษเธอรัวๆ
เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง และลุกลงจากเตียงอย่างเบาๆ
ในห้องนอนที่มืดสนิทมีเพียงแสงเพียงเล็กน้อยที่ลอดมาจากหน้าต่าง
หลังจากที่กู้ฮอนห่มผ้าให้จิ่วจิ่ว เธอก็ค่อยๆ เดินออกมาจากห้องนอนของตัวเอง
ตอนนี้มันก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว พวกลั่วเฉียวคงจะหลับกันไปหมดแล้ว
เมื่อเธอลงมาที่ชั้นหนึ่ง ก็ผิดคาดกับไฟในห้องนั่งเล่นที่ยังสว่างอยู่
“แอนนิ ทำไมเธอยังไม่ไปพักผ่อนล่ะ? ” กู้ฮอนเห็นคนที่นั่งอยู่บนโซฟาคือแอนนิ
แอนนิหันมามองกู้ฮอนแล้วยิ้มเบาๆ : “ฉันนอนไม่หลับน่ะ”
“มีเรื่องอะไรในใจเหรอ? ” กู้ฮอนพูดพลางนั่งลงข้างๆ แอนนิ
“ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันพักอยู่ที่นี่มานานแล้ว ตอนนี้นอกจากจะช่วยเธอเตรียมอาหาร กับดูแลเด็กๆ แล้วฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างเช่นทุกวันนี้ชีวิตของพวกเธอเริ่มเข้าที่เข้าทางกันแล้ว ฉันก็ควรจะคิดเรื่องของตัวเองบ้าง”
กู้ฮอนพยักหน้า:” หลังจากที่เธอมาจากเมืองซาบาห์เธอก็มาช่วยฉัน แถมยังช่วยเฉียวเฉียวอีกตั้งเยอะ ในใจพวกฉันรู้สึกขอบคุณเธอตลอดมา ไม่ว่าวันนี้เธอจะทำอะไร ขอแค่เป็นเรื่องที่พวกฉันช่วยได้ พวกฉันก็จะช่วยสนับสนุนเธอเต็มที่”