เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 813 น้ำตานอง
ตอนที่ 813 น้ำตานอง
“คุณแม่” เฉิงเฉิงตะโกนเรียกในทันที พร้อมกันนั้นก็ดึงมือหยางหยางเล็กน้อย พลางส่งสายตาให้กับเขา
ความหมายก็คือ ผู้ช่วยชีวิตนายมาแล้ว ยังไม่รีบแสดงท่าทางให้ดีอีก
แต่ว่าหยางหยางยังคงโกรธเฉิงเฉิงอยู่ เขาจึงไม่ได้รับความหวังดีนั้นเอาไว้
กู้ฮอนยิ้มบางๆ โบกมือให้กับเฉิงเฉิงและหยางหยาง “Hi ลูกรัก การสอบวันนี้เป็นอย่างไรบ้างเอ่ย”
เธอเอ่ย เดินมาจนถึงเบื้องหน้าลูกทั้งสองคน มองไปที่เฉิงเฉิงแล้วพูดว่า “เฉิงเฉิง ลูกฉลาดขนาดนี้จะต้องสอบได้ไม่เลวอย่างแน่นอน”
จากนั้นก็หันไปมองหยางหยาง เห็นเพียงแต่ท่าทางเซื่องซึม ไม่กระตือรือร้นของเขา ดูท่าคงจะสอบได้ไม่ดี
ถ้าหากว่าเป็นแต่ก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะสอบได้ไม่ดีก็ยังคงหัวเราะเอิ๊กอ๊าก แต่ว่าท่าทางในวันนี้……
เธอคิดขึ้นมาได้ในทันทีว่าตอนที่เป่หมิงโม่พาพวกเขาไปที่สวนสนุกในวันนั้น การเดิมพันระหว่างเขาและหยางหยาง ดูท่าว่าความหวังจะพังทลายเสียแล้ว
แต่คิดอีกที แบบนี้ไม่ใช่ว่าดีกว่าเดิมหรือ หลังจากนี้ก็สามารถลดความกังวลใจเกี่ยวกับการเล่นรถของเขาได้
“เอาน่ะ เอาน่ะ ครั้งนี้สอบไม่ดี รอครั้งหน้า สอบให้ดีก็พอแล้ว ไป พวกเราเข้าไปในบ้านกันเถอะ” สุดท้ายแล้วกู้ฮอนก็ยังสงสารหยางหยางมากกว่าเล็กน้อย เธอยกมือไปลูบผมนุ่มเป็นเงาของเขาเบาๆ จากนั้นมือหนึ่งก็จูงลูกคนหนึ่ง เดินเข้าไปในบ้าน
เป่หมิงโม่เห็นกู้ฮอนแล้ว อารมณ์ก็ดีกว่าเมื่อครู่ไม่น้อย
“โม่ ฮอน เด็กๆ พวกเธอมากลับมากันแล้ว อย่างนั้นก็รีบทานข้าวกันเถอะ อาหารเตรียมเสร็จหมดแล้ว ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเธอชอบทานทั้งนั้นเลย” เจียงฮุ่ยซินที่ยืนอยู่ในห้องโถงเอ่ยเรียกอย่างอารมณ์ดี
*
บนโต๊ะอาหารมีอาหารมากมายวางอยู่ กลิ่นหอมของอาหารลอยเข้ามาสู่โพรงจมูกของหยางหยางไม่หยุด
แต่เขาในตอนนี้ไม่ได้เหมือนกับเมื่อก่อนที่ใช้ตะเกียบคีบอาหารใส่ชามข้าวตัวเองไม่หยุดเหมือนหมาป่าตัวน้อยอีกแล้ว
แต่กลับนั่งอยู่บนที่นั่งไม่ขยับเขยื้อนใดๆเหมือนกับว่ามีเรื่องในใจอย่างไรอย่างนั้น
นี่ทำให้กู้ฮอนรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง “เป็นอะไรไปหรือลูกรัก แม่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าคราวนี้สอบได้ไม่ดี รอคราวหน้าสอบให้ดีก็พอแล้ว”
จากนั้นก็มองไปทางเฉิงเฉิง “ลูกรู้หรือไม่ว่าหยางหยางเป็นอะไรไป เขาสอบเป็นอย่างไรกันแน่”
ที่จริงแล้วในเวลานี้ กู้ฮอนนั้นเตรียมรับมือกับความคิดที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว มากสุดก็แค่ย้อนกลับไปอยู่ในระดับเดิม ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ตัวเองก็ยังสามารถฝืนใจรับได้
ใครใช้ให้หยางหยางเป็นลูกที่ตัวเองเลี้ยงมาจนโตกับมือกันล่ะ ล้วนโทษตัวเองที่ตอนนั้นไม่ได้ทำหน้าที่รับผิดชอบในฐานะมารดา ละเลยการศึกษาสำหรับวัยเด็กไป
เฉิงเฉิงที่ถูกคุณแม่ถามแบบนี้ พูดตามจริงเลยว่าเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไร
***
สุดท้ายแล้ว เฉิงเฉิงก็พูดออกมาอย่างอึกๆอักๆว่า “เขาสอบได้ 295 คะแนน เป็นลำดับที่สามของทั้งชั้นปีครับ”
กู้ฮอนและเจียงฮุ่ยซินที่ได้ยินล้วนตะลึงค้างไปแล้ว เจียงฮุ่ยซินนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าหยางหยางจะสอบได้คะแนนสูงขนาดนี้ออกมาได้
“ลูกรัก สอบได้คะแนนดีขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงยังดูไม่มีความสุขอีกล่ะ หรือว่าพ่อของลูกผิดคำพูดกัน” กู้ฮอนนึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าเป็นเพราะสาเหตุนี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้หยางหยางมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้
เป่หมิงโม่กำลังทานข้าว เหลือบมองกู้ฮอนครั้งหนึ่ง เป็นความหมายว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย
เฉิงเฉิงส่ายหน้าเบาๆ “คุณแม่ เรื่องนี้ไม่โทษคุณพ่อครับ ถ้าจะโทษล่ะก็ อย่างนั้นหยางหยางก็ไม่ควรจะเขียนโพยข้อสอบบนมือ”
กู้ฮอนที่ได้ยินก็มองไปที่หยางหยาง “จดโพยข้อสอบหรือ นั่นไม่ใช่การโกงหรอกหรือ หยางหยาง ก่อนหน้านี้ลูกเรียนไม่ดี แม่ก็ไม่เคยโทษลูก นั่นเป็นเพราะแม่รู้ว่า เรียนไม่ดีก็สามารถกวดวิชาได้ ก็เหมือนกับครึ่งปีมานี้ คะแนนของลูกค่อยๆดีขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เพื่อที่จะชนะการเดิมพัน ลูกกลับทำเรื่องน่าไม่อายเช่นนี้ออกมา นี่ทำให้แม่รู้สึกผิดหวังในตัวลูกจริงๆ”
“ใช่แล้วๆ หยางหยาง ครั้งนี้หลานทำเกินไปหน่อยจริงๆนะ เพียงแต่ถือว่าพบเรื่องนี้เร็วอยู่ หลังจากนี้หยางหยางของพวกเราแก้ไขให้ดีก็ได้แล้ว” คำพูดของเจียงฮุ่ยซินแม้ฟังแล้วจะรู้สึกเหมือนว่ากำลังแนะนำหยางหยาง แต่กลับทำให้ฟังแล้วเรื่องดูแย่ไปกันใหญ่
“ผมไม่ได้โกง แต่ว่าพวกคุณล้วนไม่มีใครเชื่อผม ผมไม่อยากเจอพวกคุณอีกแล้ว!”
หยางหยางในตอนนี้นั้นโกรธจนใบหน้าขาวซีด เขาลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ โยนชามข้าวที่อยู่ด้านหน้าตัวเองโยนลงไปที่พื้น
“เพล้ง……” ชามกระเบื้องสีขาวถูกโยนจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ข้าวที่อยู่ด้านในก็กระจัดกระจายอยู่บนพื้น
จากนั้นเขาก็หมุนตัววิ่งออกไปจากห้องอาหาร แล้วก็วิ่งออกไปจากบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง
“หยางหยาง หยางหยาง…..” กู้ฮอนเห็นว่าหยางหยางโกรธแล้วจริงๆในครั้งนี้
เธอรีบลุกขึ้นตามออกไป แต่เมื่อเธอตามออกไปแล้วกลับไม่พบแม้แต่เงาของหยางหยาง
ตอนนี้ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว ถ้าหากว่ารอจนฟ้ามืดทั้งหมดแล้วยังหาเขาไม่พบล่ะก็ เช่นนั้นก็จะกลายเป็นหายากขึ้นไปอีก
กู้ฮอนมองไปยังถนนที่ว่างเปล่า ในใจก็ร้อนเป็นไฟ กระทั่งเธอเริ่มสงสัยว่าตัวเองเข้าใจผิดหยางหยางจริงๆหรือไม่
โดยเฉพาะเมื่อเห็นสีหน้าตอนที่เขาจากไป ตอนนี้คิดขึ้นมาได้นั้นก็ได้รับความไม่เป็นธรรมเป็นอย่างมากจริงๆ
“คุณแม่ หยางหยาง เขาคงจะไม่ได้วิ่งไปหาคุณยายหรือคุณยายแท้ๆใช่ไหมครับ” ในตอนนี้เฉิงเฉิงก็วิ่งมาถึงข้างกายกู้ฮอน
กู้ฮอนส่ายหน้าอย่างไม่มั่นใจ
“คุณแม่ เรื่องวันนี้ควรจะโทษผม ถ้าหากว่าผมไม่บอกเรื่องหยางหยางจดโพยข้อสอบกับคุณพ่อ ก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ในตอนนี้ ที่จริงแล้วผมเชื่อว่าหยางหยางนั้นมีความสามารถ ช่วงเวลาก่อนสอบ เขาพยายามมากจริงๆ อีกทั้งแบบฝึกหัดก็ล้วนตอบได้ถูกต้อง” เฉิงเฉิงก็เริ่มโทษตัวเองขึ้นมา
กู้ฮอนน้ำตารินไหล ย่อตัวลงมาคว้าเฉิงเฉิงเข้าสู่อ้อมกอด “ลูกรัก นี่ไม่ใช่ความผิดของลูก ลูกเป็นพี่ชาย เป็นห่วงเขาก็เป็นหน้าที่ของลูก ลูกกลัวว่าเขาจะทำเรื่องผิดพลาดถึงได้บอกเรื่องนี้กับคุณพ่อ แม่เข้าใจความคิดของลูก ไป พวกเขาไปหาหยางหยางกันเถอะ”
เธอเอ่ยแล้วก็ลุกขึ้น จูงมือเล็กๆของหยางหยางกลับไปขับรถ
*
หลังจากหยางหยางวิ่งออกมาจากบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงแล้ว ตอนนี้น้ำตาของเขาก็รินไหลลงมาอย่างควบคุมไม่อยู่
คุณพ่อไม่เชื่อตัวเองก็ช่างเถอะ เฉิงเฉิงไม่เชื่อตัวเองก็ช่างมัน แต่แม้กระทั่งคุณแม่ก็ไม่เชื่อตัวเองด้วย นี่ทำให้เขารับไม่ได้เล็กน้อย
***
หยางหยางเดินผ่านทางหลวง วิ่งไปก็ยกมือเช็ดน้ำตาเป็นระยะ
เนื่องจากขาของเขายังไม่คล่องแคล่วดี ดังนั้นวิ่งได้ไม่นานก็วิ่งไม่ไหวแล้ว
ในเวลานั้นเองก็มีรถออดี้สีขาวคันหนึ่งขับมาถึงข้างกายเขา ทั้งยังบีบแตรครั้งหนึ่งด้วย
หยางหยางยกมือปาดน้ำตา จากนั้นก็หันหน้าไปมอง
บานกระจกรถค่อยๆเลื่อนลงต่ำ เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาใบหน้าหนึ่งในรถ
ในเวลาเดียวกันนั้นคนขับรถก็หันมายิ้มน้อยๆให้หยางหยาง
“คุณอาบิวตี้ คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกันครับ นานมากแล้วที่ไม่ได้พบคุณ” ในที่สุดใบหน้าทะมึนของหยางหยางก็ปรากฏแววสดใสขึ้นมา
“ฉันขับรถผ่านที่นี่พอดี เธอจะไปไหน จะให้ฉันพาเธอไปสักช่วงหนึ่งไหม” ถางเทียนจื๋อพูดพลางจอดรถไว้ริมทาง จากนั้นก็ช่วยหยางหยางเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับ
รอจนหยางหยางขึ้นรถแล้ว เขาก็ขับรถไปบนทางหลวงอีกครั้ง
หยางหยางที่ขึ้นรถแล้วก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง เพียงแต่อดไม่ได้ที่จะยกมือปาดน้ำตา
ถางเทียนจื๋อมองเขาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็หยิบกระดาษทิชชู่แผ่นหนึ่งจากแผงหน้าปัดรถยื่นให้เขา “เธอเป็นอะไรไป ถึงได้ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ใครรังแกเธอกัน หรือว่าทะเลาะกับเฉิงเฉิงหรือคุณแม่ของเธอกัน”
หยางหยางรับกระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำตาตัวเองให้แห้ง จากนั้นก็หันหน้าไปพูดว่า “คุณอาบิวตี้ พาผมนั่งรถไปเรื่อยๆได้ไหมครับ ผมอยากอยู่เงียบๆสักหน่อย”
ถางเทียนจื๋อมองหยางหยาง มุมปากยกขึ้นน้อยๆ เขายื่นมือออกไปขยี้ผมหยางหยาง “ได้ ฉันจะพานายไปขับรถรับลมเล่นก็แล้วกัน เป็นลูกผู้ชายแล้ว ยังจะร้องไห้แงๆอีก ถ้าหากว่าถูกใครเห็นจะต้องหัวเราะเธอแน่นอน”
*
กู้ฮอนขับรถโดยมีเฉิงเฉิงนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ เขามองออกไปตามถนนด้านนอกบานหน้าต่างรถ หวังว่าหยางหยางจะยังไปได้ไม่ไกล จะได้หาเจอ
กู้ฮอนก็ขับรถช้าลง แบบนี้ตัวเองจะสามารถสังเกตสภาพการณ์บนถนนได้
ที่จริงแล้วสถานที่ตั้งของบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงนั้น ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครมาเดินที่นี่กัน
แต่ที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจก็คือ ขับรถมาห้านาทีแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของหยางหยางเลยแม้แต่น้อย
ว่ากันตามเหตุผล เขาที่เดินก็ไม่น่าจะเดินได้เร็วขนาดนี้ แม้ว่าจะวิ่งก็ไม่น่าจะวิ่งมาไกลขนาดนี้เช่นกัน
“คุณแม่ พวกเรามาหาผิดทางหรือเปล่าครับ หยางหยางจะไปคนละทิศกับที่พวกเรามาหาหรือไม่ครับ” หยางหยางครุ่นคิดพลางเอ่ย
กู้ฮอนขับรถเข้าไปชิดริมทาง หยุดรถแล้วหันมามองเฉิงเฉิง “ลูกพูดมาก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ได้ พวกเราวนกลับไปหาดูกัน”
กู้ฮอนพูดพลางหักรถกลับไป จากนั้นก็เริ่มต้นตามหาอย่างรอบคอบขึ้นมา
*
บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง ห้องอาหาร
เจียงฮุ่ยซินมองอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะเบื้องหน้า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ทำให้เธอในตอนนี้ไม่มีความอยากอาหารใดๆอีก
แต่เธอมองไปที่เป่หมิงโม่ที่ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ควรจะกินก็กิน ควรจะดื่มก็ดื่ม
*
“โม่ หยางหยางวิ่งออกไป ฮอนก็พาเฉิงเฉิงออกไปตามแล้ว ป้าว่าพวกเราเข้าใจผิดหยางหยางไปหรือไม่ ที่จริงแล้วเขาไม่ได้โกง ไม่อย่างนั้นเธอก็ส่งคนไปตามหาหน่อยเถอะ ตอนนี้ฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว หยางหยางที่เป็นเด็กเล็กๆอยู่ข้างนอกคนเดียว ป้าที่มีฐานะเป็นคุณย่าก็รู้สึกใจไม่สงบเลย”
เจียงฮุ่ยซินพูดไปก็มองเป่หมิงโม่ไปพลาง
แต่เป่หมิงโม่ยังคงมีท่าทางไม่แยแสเช่นเคย เพียงแต่ว่าเขาหยุดตะเกียบในมือ “ป้าซิน คุณไม่ต้องกังวลเพื่อเรื่องนี้หรอกครับ ทานข้าวก่อนเถอะ ตอนนี้ไม่พูดเรื่องว่าเขาโกงข้อสอบหรือไม่ อาศัยท่าทางแบบนั้นของเขาเมื่อครู่ที่ทนไม่ได้ต่อเสียงพูดไม่กี่คำของคนรอบข้างก็วิ่งออกไปจากบ้าน นี่ต้องให้เขาได้รับการสั่งสอนเสียหน่อย”
***
ถางเทียนจื๋อขับรถพาหยางหยางไปยังทิศทางเบื้องหน้าโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง
เขาพูดว่าพบกันโดยบังเอิญ ที่จริงแล้วเขาแอบปกป้องกู้ฮอนอยู่เงียบๆมาโดยตลอด
เมื่อเขาแอบตามกู้ฮอนมาถึงบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงอย่างเงียบๆแล้ว แม้จะไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร แต่แน่นอนว่าที่เธอมาที่นี่จะต้องเกี่ยวข้องกับลูกๆอย่างแน่นอน
เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ หลังจากที่เธอเข้าไปไม่นานก็เห็นหยางหยางวิ่งออกมาจากข้างในคนเดียว อีกทั้งดูแล้วอารมณ์ของเขาก็ไม่ค่อยจะดีด้วย
ดังนั้นเขาจึงตามไป ที่จริงแล้วก็เพราะว่า แม้ว่าหยางหยางจะเป็นลูกของเป่หมิงโม่ แต่ก็เป็นลูกกู้ฮอนด้วยเช่นกัน หลานชายของอาจารย์ตัวเอง
หลังจากขับรถมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ถางเทียนจื๋อก็ยังรู้สึกว่าต้องถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เพียงแต่ถ้าตัวเองขับรถไปพลาง ถามไปพลางแล้วล่ะก็ ยากจะที่เลี่ยงภัยเงียบเกี่ยวกับความปลอดภัยได้
ถ้าพูดถึงเทคนิคในการขับรถ ถางเทียนจื๋อนั้นมั่นใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าคนที่นั่งในรถตอนนี้คือหยางหยาง เมื่อคำนึงถึงความปลอดภัย เขาก็จำเป็นต้องหาสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อจอดรถแล้วนั่งฟังเขาเล่าอย่างช้าๆ
ในตอนนี้เองเขาก็คิดถึงสถานที่แห่งหนึ่งขึ้นมาได้ พูดคุยกับเขาที่นั่นน่าจะดี
“หยางหยางนั่งดีๆ ฉันจะพาเธอไปสถานที่แห่งหนึ่ง” เขาเอ่ยพลางเหยียบคันเร่ง รถยนต์ก็เพิ่มความเร็วมากขึ้น
ที่จริงแล้วหยางหยางก็รู้สึกว่าแค่นั่งรถลมรับเล่นล่ะก็ น่าเบื่ออยู่บ้าง เพียงแต่เขาก็คิดไม่ออกว่าไปที่ไหนถึงจะดี