เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 820 ร้องขอชีวิต
ตอนที่ 820 ร้องขอชีวิต
เธอพูดแล้วก็ผลักกู้ฮอนไปทางถางเทียนจื๋อ “ฉันรู้ว่าคุณโกรธมากที่ฉันหักหลังคุณ ดังนั้นครั้งนี้ที่ฉันมาก็นำบางสิ่งมาขอโทษกับคุณโดยเฉพาะ นี่เป็นแค่สิ่งเล็กๆ หวังว่าคุณจะรับเอาไว้”
ก่อนหน้านี้ถางเทียนจื๋อเคยเจอกู้ฮอนมาก่อน เขาอาศัยเพียงแค่เสื้อผ้าก็สามารถมองออกว่าเป็นเธอแล้ว
เพียงแต่ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าเฟยเอ๋อ กลับแสร้งทำท่าทางเป็นไม่รู้จักเสียอย่างนั้น
เขายิ้มพลางโบกมือ “เฟยเอ๋อ น้ำใจของคุณผมรับเอาไว้แล้ว แต่คนผมไม่สามารถเอาไว้ได้ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์มาทำเรื่องพวกนี้”
“เหอะๆ เทียนจื๋อ ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิดไป ฉันมอบให้คุณไม่ใช่เพื่อให้คุณหาความสำราญ แต่ให้คุณแก้แค้นต่างหาก หรือว่าหน้าตาที่ถูกปิดบังทำให้คุณมองไม่ออกว่าเธอคือใคร ถ้าฉันแก้มัดผ้าปิดตาเธอออกแล้วล่ะก็ คุณน่าจะสามารถจำเธอได้สินะ” เฟยเอ๋อพูดพลางยกมือดึงผ้าปิดตาของกู้ฮอนออก
“คุณกู้” ถางเทียนจื๋อยังคงแสร้งทำท่าทีเป็นตกใจหลังจากที่จู่ๆก็เห็นเธอ
ที่จริงแล้วเฟยเอ๋อนั้นงมโข่งไม่รู้เรื่องมาโดยตลอด สำหรับเรื่องระหว่างกู้ฮอนกับถางเทียนจื๋อนั้นเธอไม่รู้เลยแม้แต่น้อย สมาธิและจิตใจของเธอล้วนทุ่มเทให้กับเป่หมิงโม่
เฟยเอ๋อพยักหน้า “ไม่ผิด เป็นเธอนั่นแหละ”
“คุณพาเธอมาหาผมที่นี่เพื่ออะไร เธอเคยช่วยผมให้ชนะคดีความ ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของผม” ถางเทียนจื๋อยังคงแสดงละครต่อหน้าเฟยเอ๋อต่อไป
นี่ทำให้กู้ฮอนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ทำไมเขาจะต้องแสดงละครให้เฟยเอ๋อดูด้วย
เธอไม่รู้ว่านี่เกิดจากเป้าหมายอะไร ตัวเองในตอนนี้ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปสืบหาความจริง จึงรอดูว่าพวกเขาจะแสดงละครเรื่องอะไรออกมากันแน่ที่นี่
“เทียนจื๋อ ฉันคิดว่าคุณยังไม่รู้สินะ สาเหตุที่ฉันไม่สามารถอยู่ด้วยกันกับเป่หมิงโม่ได้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำ เธอเป็นผู้หญิงที่เป่หมิงโม่แคร์มากที่สุด กระทั่งในภายหลัง เป่หมิงโม่ยังไล่ฉันออกจากบ้านตระกูลเป่หมิงก็เพื่อผู้หญิงคนนี้ ฉันนั้นถือว่าหมดรักในตัวผู้ชายคนนั้นแล้ว ที่ฉันพาเธอมาที่นี่ในวันนี้มีอยู่สองวัตถุประสงค์ด้วยกัน ข้อแรกคือ ฉันเกลียดผู้หญิงคนนี้ และก็เกลียดเป่หมิงโม่ด้วย ข้อสอง ฉันรู้ว่าคุณต้องการจะแก้แค้นเป่หมิงโม่ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่สำคัญสำหรับเขาที่สุด คุณสามารถใช้เธอมาควบคุมเป่หมิงโม่ได้ แบบนี้คุณก็จะสามารถแก้แค้นได้แล้ว ความแค้นของฉันก็ถือว่าหมดไปด้วย”
ถางเทียนจื๋อพยักหน้า “เฟยเอ๋อ ที่จริงแล้วคุณยังมีอีกวัตถุประสงค์หนึ่งที่ยังไม่ได้พูดออกมาสินะ นั่นก็คือนำเธอมาเป็นของขวัญในการพบปะตามมารยาท เพื่อให้ผมปล่อยคุณไป ไม่ตำหนิความผิดที่คุณเป็นพยานชี้ตัวผมตอนอยู่ที่ศาลในอดีตอีกสินะ”
เฟยเอ๋อรีบพยักหน้า “ยังหวังว่าคุณจะเป็นคนใจกว้าง อย่างไรพวกเราก็ถือได้ว่ารู้จักกันมานานมากแล้ว”
ถางเทียนจื๋อขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นมาลูบคางตัวเองไปมา
เฟยเอ๋อมองไปทางเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ขอเพียงแค่เขาพยักหน้า เธอก็จะสามารถหายใจได้ทั่วท้องแล้ว ตัวเองก็ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีก
ที่จริงแล้วเทียบกับการที่เป่หมิงโม่ตามจับตัวเอง เธอกลับหวาดกลัวถางเทียนจื๋อมากกว่า เพราะว่าในใจของเธอชัดเจนถึงจิตใจที่ต้องการแก้แค้นของถางเทียนจื๋อนั้นมีมากกว่าเป่หมิงโม่
***
กู้ฮอนในตอนนี้ก็กำลังมองถางเทียนจื๋อ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
ตอนนี้เธอรู้สึกงุนงงงสับสนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าถางเทียนจื๋ออยู่ฝ่ายใดกันแน่
ถ้าหากว่าเป็นเหมือนอย่างที่เฟยเอ๋อพูดแบบนั้นจริงๆ อย่างนั้นถางเทียนจื๋อจะใช้ประโยชน์จากตัวเองไปควบคุมเป่หมิงโม่อย่างไร สำหรับความเกลียดแค้นที่มีต่อเป่หมิงโม่ที่เฟยเอ๋อพูดนั้นหมายถึงเรื่องอะไรกันแน่นะ
สุดท้ายแล้ว ถางเทียนจื๋อก็พยักหน้าอย่างที่เฟยเอ๋อรอคอย “คุณพูดมาก็มีเหตุผลอยู่บ้าง อย่างนั้นก็ทิ้งเธอไว้ที่นี่เถอะ ใช้เธอมาควบคุมเป่หมิงโม่นั้นเป็นความคิดที่ค่อนข้างดีความคิดหนึ่ง”
เฟยเอ๋อยิ้มน้อยๆ จากที่เธอมองการค้าระหว่างตัวเองกับถางเทียนจื๋อในครั้งนี้ถือว่าสำเร็จอย่างราบรื่น ก็ควรจะพิจารณาถึงเรื่องระหว่างตัวเองกับเขาสักหน่อยแล้ว
เธอดันกู้ฮอนออกไป โน้มกายไปด้านหน้า “เทียนจื๋อ ในเมื่อฉันช่วยคุณหาคนสำคัญมารับมือกับเป่หมิงโม่แล้ว อย่างนั้นคุณยังโกรธฉันอยู่ไหม”
แน่นอนว่าถางเทียนจื๋อเข้าใจความหมายของเธอ เขาหยิบบุหรี่มวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็จุดบุหรี่
ในไม่ช้า ใบหน้าของเขาก็ปกคลุมไปด้วยหมอกควันบางๆชั้นหนึ่ง “คุณคิดอยากจะให้บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเราสองคนหายไปอย่างง่ายดายหรือ อืม นี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ อีกทั้งคุณยังช่วยผมครั้งใหญ่ ที่นี่ไม่มีธุระของคุณแล้ว คุณไปเถอะ ไปยิ่งไกลยิ่งดี หลังจากนี้ผมไม่อยากพบคุณอีกแล้ว”
เขาพูดจบก็โบกมือใส่เธอเบาๆ
เฟยเอ๋อรู้สึกเหมือนได้รับการนิรโทษกรรมไปชั่วขณะ โค้งให้กับถางเทียนจื๋อไม่หยุดอย่างยินดีปรีดา “เทียนจื๋อ ฉันรับประกันได้เลยว่าหลังจากนี้จะไม่มาพบคุณอีกแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
เธอเอ่ยจบก็หมุนตัวเดินไปทางประตูอย่างเริงร่า ตอนที่เดินผ่านกู้ฮอนไปยังหันหน้ามายิ้มให้กับเธออย่างชั่วร้าย
รอยยิ้มแบบนี้ทำให้กู้ฮอนรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาชั่วขณะ เหมือนกับว่าเธอนั้นคาดเดาได้ว่าตัวเองจะได้รับค่าตอบแทนอย่างไร
เฟยเอ๋อเดินออกไปจากประตูอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปิดประตูลงเบาๆอย่างรอบคอบ
เธอก้าวเดินลงบันไดไปที่ด้านล่างอย่างรวดเร็ว ตอนที่ร่างของเธอเพิ่งจะออกมาจากทางเดินนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจแห่งอิสระลึกๆครั้งหนึ่ง
เธอตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปจะไม่กลับมาที่เมืองนี้อีกแล้ว
“ฮ่าๆ……” เธอเงยหน้าหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะของเธอแฝงไปด้วยหยาดน้ำตา
สำหรับเธอแล้ว การรักเป่หมิงโม่นั้นเป็นความเจ็บปวด วันนี้เธอยังคงเกลียดเป่หมิงโม่อย่างเจ็บปวดเช่นเคย
เพียงแต่ความเจ็บปวดนี้เธอรู้สึกว่าไม่สามารถให้ตัวเองแบกรับเอาไว้คนเดียว ดังนั้นจึงดึงกู้ฮอนและเป่หมิงโม่ลงน้ำมาด้วยกันเพื่อแบ่งปันกับตัวเอง
ความรักในครั้งนี้ พวกเขาทั้งสามคนล้วนเป็นผู้พ่ายแพ้
ในตอนนั้นเองที่เสียงนาฬิกาดังบอกเวลายามค่ำคืนครั้งที่สิบสอง ตรอกซอยที่เธอเดินอยู่กับตลาดที่ยังคงมีเสียงอึกทึกครึกโครมนั้นถูกกั้นด้วยตึกแห่งหนึ่ง
แต่ว่าที่นี่กลับมีเธอที่เดินอยู่เพียงแค่คนเดียว
แสงจันทร์ทางด้านหลังทำให้เงาของเธอยาวมากขึ้น
เพียงแต่ว่า ในไม่ช้าด้านซ้ายและขวาของเธอก็มีเงาดำๆโผล่มาเพิ่มอีกสองเงา อีกทั้งดูจากการเคลื่อนไหวของพวกมันนั้น คนสองคนที่อยู่ทางด้านหลังนั้นก้าวเดินรวดเร็วมาก
บางทีคงจะเป็นคนที่เพิ่งจะเลิกงานรอบดึกแล้วกำลังรีบกลับบ้าน
เฟยเอ๋อไม่ได้สนใจ
เพียงแต่ผ่านไปไม่นาน เบื้องหน้าของเธอก็มีคนเดินออกมาจากประตูที่อยู่ในความมืดเพิ่มอีกสองคน
พวกเขาสวมชุดสูทสีดำ ใบหน้าสวมแว่นกันแดด เดินมาทางตัวเองด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ในใจของเฟยเอ๋อตระหนกขึ้นมาทันที เธออยากจะเดินกลับไป แต่หลังจากหันกลับไปแล้ว เธอก็พบว่าเงาดำสองเงาที่เธอพบเมื่อครู่นั้นเป็นเจ้านาย
เสื้อผ้าเหมือนกันกับสองคนที่เพิ่งปรากฏตัวออกมาทั้งหมด!
***
เฟยเอ๋อในตอนนี้นั้นตื่นตระหนกขึ้นมาแล้วจริงๆ เส้นทางด้านหน้าและด้านหลังล้วนถูกปิดกั้น ตัวเองตอนนี้ทำได้เพียงแค่ยอมให้จับแต่โดยดีแล้ว
คนที่ต้องการจัดการกับตัวเองเป็นใครกัน
“คุณ…..” เธอยังไม่ทันจะพูดคำพูดในตอนท้ายออกมา ก็ถูกคนชุดดำที่อยู่ใกล้ตัวเองมากที่สุดสับเข้าที่ด้านหลังจนสลบไปอย่างรวดเร็ว
“แบกเธอขึ้นมาแล้วพาไป” ชายชุดดำอีกคนเอ่ยสั่ง
พวกเขาปิดปากของเฟยเอ๋ออย่างชำนาญ คลุมศีรษะด้วยกระสอบ จากนั้นก็ใช้เชือกมัดมือและเท้าเธอเอาไว้
ทั้งสี่คนแบกเธอเดินออกไปจากตรอก ในตอนนี้ที่แห่งนั้นมีรถตู้คันสีดำจอดอยู่คันหนึ่ง
พวกเขาโยนเฟยเอ๋อขึ้นไปบนรถแล้ว คนเหล่านั้นก็รีบขึ้นรถอย่างรวดเร็ว รถก็หายไปในความมืดในไม่ช้า
*
หลังจากเฟยเอ๋อจากไป ถางเทียนจื๋อก็ดับบุหรี่ในมือ เขามองไปยังกู้ฮอนที่มองตัวเองด้วยสีหน้าที่เหมือนกับมองคนแปลกหน้าอย่างไรอย่างนั้น
“ฮอน นั่ง” เขาชี้ไปที่ม้านั่งที่อยู่ไม่ไกลจากกู้ฮอนตัวหนึ่ง
กู้ฮอนก็ไม่ได้เกรงใจอะไร ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างเกรงใจอะไรแล้ว
เธอหน้าตึง หมุนตัวเดินไปแล้วนั่งลง
“ฮอน ผมรู้ว่าตอนนี้คุณมีคำถามมากมายที่อยากจะถามผมอย่างแน่นอน ผมจะให้โอกาสคุณครั้งหนึ่ง คุณสามารถถามผมได้สามคำถาม” ถางเทียนจื๋อพูดพลางผายมือของตัวเองออกเป็นท่าทาง ‘เชื้อเชิญ’
ตอนนี้สมองของกู้ฮอนนั้นสับสนวุ่นวายเล็กน้อย ชั่วครู่หนึ่งที่ไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรเขาดี
ถางเทียนจื๋อลุกขึ้นยืน หมุนตัวเดินไปหยิบแก้วที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งที่โต๊ะด้านข้างตัวหนึ่งมาสองใบ จากนั้นก็ดึงลิ้นชักแล้วหยิบกาแฟสำเร็จรูปออกมาสองซองเทลงในแก้วทั้งสองใบ
ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ยื่นกาแฟที่มีควันร้อนลอยอยู่ให้กับกู้ฮอน “สมองสับสนวุ่นวายใช่หรือไม่ ไม่เป็นไร ดื่มกาแฟให้เสร็จก่อน จากนั้นก็ค่อยๆคิด”
กู้ฮอนยื่นมือไปรับกาแฟ มือทั้งสองข้างของเธอรับรู้ถึงความอบอุ่นได้ในทันที และก็ทำให้จิตใจที่ตึงเครียดเล็กน้อยของเธอสงบลงในที
เธอมองไปที่ถางเทียนจื๋อ ผู้ชายงดงามน่าดึงดูดที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ ตอนนี้ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่คุ้นเคยกับเขาเลยแม้แต่น้อย
“ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าควรจะเรียกคุณว่า Noton ดี หรือว่าถางเทียนจื๋อจะเหมาะสมกว่า คุณกับเฟยเอ๋อรู้จักกันได้อย่างไร ระหว่างพวกคุณทั้งสองคนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหมือนว่าฉันจะไม่เข้าใจอยู่บ้าง”
ถางเทียนจื๋อดื่มกาแฟไปหนึ่งอึก
จากนั้นร่างกายก็พิงเข้ากับข้างโต๊ะที่เพิ่งจะหยิบแก้วเมื่อครู่แล้วยิ้มเล็กน้อย “นี่นับเป็นกี่คำถามกันแน่นะ หนึ่งข้อ หรือว่าสองข้อ คุณชอบที่จะเรียกผมแบบไหนก็เรียกแบบนั้นเถอะ เดิมชื่อก็เป็นแค่รหัสประจำตัวเท่านั้นเอง สำหรับเรื่องราวระหว่างผมกับเฟยเอ๋อนั้น ให้ผมเล่าให้คุณฟังอย่างคร่าวๆเถอะ ผมกับเธอรู้จักกันตอนเรียน อีกทั้งในตอนนั้น ผมกับเธอ ยังมีเป่หมิงโม่ล้วนเป็นนักเรียนในโรงเรียนเดียวกัน ถือได้ว่ารู้จักซึ่งกันและกัน เพียงแต่ว่าผมกับเขาไม่สนิทกัน อีกทั้งเฟยเอ๋อนั้นก็เริ่มตามจีบเป่หมิงโม่แล้ว เพียงแต่ว่าเป่หมิงโม่ไม่ได้ชอบเธอก็เท่านั้นเอง”
กู้ฮอนตกตะลึงเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาสามคนจะมีความสัมพันธ์กันแบบนี้ ระหว่างถางเทียนจื๋อกับเป่หมิงโม่ ยังมีเฟยเอ๋อ ดูแล้วก็เป็นเพียงแค่เส้นขนานสองเส้นเท่านั้นเอง
นี่ทำให้เธอคาดไม่ถึงยิ่งกว่าเดิม ทำไมความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ถึงได้กลายเป็นแบบนี้กัน
ปัญหานี้ทำให้กู้ฮอนนั้นขมวดคิ้วของเธอเล็กน้อย
ถางเทียนจื๋อพูดถึงตรงนี้แล้วก็ดื่มกาแฟอีกอึกหนึ่ง “สำหรับเรื่องราวในภายหลัง ผมจะบอกกับคุณในตอนนี้แหละ”
***
ถางเทียนจื๋อพูดพลางหันไปวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ “คุณรู้ไหมว่าบาดแผลไฟไหม้ของเฟยเอ๋อมาได้อย่างไร”
กู้ฮอนเห็นเขาเอ่ยถามตัวเอง เรื่องเกี่ยวกับบาดแผลของเฟยเอ๋อนั้นตัวเองก็รู้มาบ้าง “บาดแผลของเธอไม่ใช่เป็นเพราะว่าไฟไหม้ที่เกิดจากความประมาทแล้วเธอก็ได้รับบาดแผลไฟไหม้นี้มาก็จากการช่วยเป่หมิงโม่หรอกหรือ”
“ดูท่าว่าคนที่รู้เรื่องวีรกรรมของเธอจะไม่ได้มีแค่เป่หมิงโม่คนเดียว” ถางเทียนจื๋อฝืนยิ้มเล็กน้อย “ที่จริงแล้วเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้นเป็นเฟยเอ๋อที่กำกับเองแสดงเองเท่านั้นเอง เพียงแต่ว่าตอนนั้นผมบังเอิญอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลังจากที่ไฟลุกโหมขึ้นมาแล้ว เธอก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจตัวเองแล้วเข้าไปช่วยชีวิตเป่หมิงโม่ เดิมเธอคิดไว้ดีมาก แต่เนื่องจากเดิมเธอก็มีใจคิดชั่วร้ายอยู่แล้ว ดังนั้นจึงคำนวณบางสิ่งพลาดไป ถึงได้ทำให้ไฟไหม้ตัวเอง เพียงแต่ว่าเป้าหมายของเธอก็ถือว่าบรรลุแล้ว ‘ช่วยชีวิต’ เป่หมิงโม่ได้ ส่วนผมน่ะก็ถูกเป่หมิงโม่กล่าวหาว่าเป็นผู้วางเพลิง”
“อย่างนั้นทำไมคุณถึงไม่ปฏิเสธ” กู้ฮอนรู้สึกว่าเรื่องนี้นั้นพิลึกพิลั่นเกินไปจริงๆ เหมือนกับเรื่องเล่าในพันหนึ่งราตรี