เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 831 ทานข้าวกลางวันด้วยกันครั้งแรก
- Home
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ - ตอนที่ 831 ทานข้าวกลางวันด้วยกันครั้งแรก
ตอนที่ 831 ทานข้าวกลางวันด้วยกันครั้งแรก
แต่เขายังคงสงบสติอารมณ์ มองไปยังที่นั่งว่างเปล่าของกู้ฮอนอีกครั้ง
“เช้านี้ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ไปดูสถานการณ์ที่โรงพยาบาลเถอะ ถ้าเจอกู้ฮอนก็บอกเธอด้วยว่าถ้าต้องการอะไรบอกได้ตามสบาย พวกเราทางนี้จะพยายามช่วยเธออย่างเต็มที่”
เป่หมิงโม่พูดจบก็ก้มมองดูนาฬิกา “ฉันกับโม้จิ่งเฉิงนัดคุยธุระกันไว้ แล้วตอนบ่ายฉันจะไปดูสถานการณ์ที่โรงพยาบาล”
ฉิงฮัวพยักหน้า“ครับเจ้านาย ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
โรงแรมแมนดาริน ห้องเพรสซิเดนสูท
“มาแล้วเหรอ”โม้จิ่งเฉิงเปิดประตู เห็นเป่หมิงโม่ยืนอยู่หน้าทางเข้า ใบหน้าพลันยิ้มเรียกให้เขาเข้ามา
เป่หมิงโม่เดินเข้าไป สแกนห้องต่างๆอย่างรวดเร็ว หวีหรูเจี๋ยไม่ได้อยู่ในห้อง
โม้จิ่งเฉิงปิดประตู ตามหลังเขาและเดินตามเขาไปด้วยรอยยิ้ม“แม่ของเธอรู้ว่าพวกเรามีธุระจะคุยกัน เลยลงไปเดินเล่นข้างล่าง เธอนั่งตามสบายเถอะ”
“โถ่ เธอดูเวลาสิ เดินไวจริงๆเลย แป๊บๆจะเที่ยงแล้ว ถ้าเที่ยงแล้วเธออย่าเพิ่งกลับนะอยู่ทานอาหารด้วยกันก่อน”โม้จิ่งเฉิงพูดถึงตรงนี้ หวีหรูเจี๋ยก็เดินเข้ามา
โม้จิ่งเฉิงหันหลังกลับ“เธอกลับมาพอดีเลย เมื่อกี้ฉันเพิ่งชวนโม่ทานอาหารกลางวันกับพวกเรา”
หวีหรูเจี๋ยดีใจเป็นพิเศษที่เห็นลูกชายของเธอมา“โม่ ลูกมาแล้ว”
เป่หมิงโม่เห็นผู้เป็นแม่กลับเข้ามา ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พยักหน้าให้เธอนับว่าเป็นการทักทาย
โม้จิ่งเฉิงโทรศัพท์หาแผนกต้อนรับของโรงแรม ไม่นานอาหารกลางวันมื้อใหญ่ที่พวกเขาก็จัดเตรียมให้แก่โม้จิ่งเฉิงก็มาถึง
“มามามา……พวกเราก็คนกันเองกันทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ”
***
โม้จิ่งเฉิงทักให้เป่หมิงโม่ทานอาหาร นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกหวีหรูเจี๋ยและลูกชายทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกัน
เธอนั่งหน้าโต๊ะอาหาร เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นเล็กน้อย ดวงตามีประกายใสระยิบระยับของน้ำตา
“หรูเจี๋ย เธออยากทานอาหารกับโม่มาตลอดเลยไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เป็นจริงแล้วนะทำไมยังเศร้าอยู่อีกล่ะ”ถึงแม้ว่าโม้จิ่งเฉิงจะพูดออกมาแบบนั้น แต่ในใจเขามีหรือจะไม่รู้
เป่หมิงโม่ไม่ได้พูดอะไร เพียงหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาจากกระเป๋ากางเกง ยื่นให้หวีหรูเจี๋ย
ขาเทียมที่หวีหรูเจี๋ยใช้ตอนนี้คืออันที่ลูกชายเป็นคนให้เธอ เมื่อมีมันเธอก็สามารถทำเรื่องง่ายๆได้เอง
เธอรับผ้าเช็ดหน้าไว้ แม้ว่าเธอจะไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิของมัน แต่ในใจรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ลูกชายทำให้ตัวเองด้วยหัวใจ
อาหารกลางวันมื้อนี้ พวกเขาใช้เวลากินเนิ่นนาน แน่นอนว่าเป็นมื้ออาหารที่อบอุ่นที่สุดสำหรับพวกเขา
“โม่ ต้องขอบใจนะที่เธอไปเยี่ยมลู่ลู่แทนฉันวันนี้ เธอดูเป็นอย่างไรบ้าง”หลังจากมื้อกลางวัน บนโต๊ะอาหารก็เต็มไปด้วยผลไม้
เห็นได้ชัดว่าหวีหรูเจี๋ยอารมณ์ดีมากๆที่ลูกชายของตัวเองทานอาหารสุดแสนอร่อยมื้อนี้ด้วยกัน
เมื่อเป่หมิงโม่ถูกถามถึงเรื่องลู่ลู่ เขาก็เกิดลังเลขึ้นมา
เขาไม่รู้ว่าควรจะบอกกับแม่อย่างไร
แต่เรื่องนี้ ตามความสัมพันธ์ของเธอกับกู้ฮอนแล้ว แน่นอนว่าไม่ช้าก็เร็วก็ต้องรู้อยู่ดี
เขามองไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของหวีหรูเจี๋ยอีกครั้งและในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดมันออกไป
“ตอนที่ผมไป ร่างกายเธอดูจะดีขึ้นมาก เธอยังฝากผมให้มาขอบคุณคุณด้วยครับ ”
เมื่อหวีหรูเจี๋ยได้ยินว่าอาการของลู่ลู่ดีขึ้น เธอก็โล่งใจ“ดีแล้วๆ พวกเราก็เป็นพี่เป็นน้องกันมาตั้งกี่สิบปี ยังจะมาขอบคุณอะไรกันอีก โม่ จากอาการของเธอตอนนี้ คุณหมอได้บอกไหมว่าเมื่อไหร่เธอจะออกจากโรงพยาบาล ”
“ประ……ประมาณ2-3เดือนครับ”เป่หมิงโม่ก้มหัวลง เขาไม่กล้ามองตาคู่นั้นของแม่
เพราะในขณะนี้ สีหน้าของเขาดูแย่ไม่น้อย บางทีเธออาจจะดูออกได้จากสีหน้าว่าคำพูดทั้งหมดที่พูดไปเมื่อครู่กำลังโกหกเธออยู่
“อืม นั้นก็ดีแล้ว อีกไม่กี่เดือน พวกเราพี่น้องจะได้รวมตัวกันสักที ”ใบหน้าของหวีหรูเจี๋ยเผยรอยยิ้ม พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
“หรูเจี๋ย พอแล้วๆ อนาคตยังอีกยาวไกลหน่า ฉันว่าโม่อยู่ที่นี่นานแล้ว เขาออกมานานแบบนี้ เดาว่าที่กรุ๊ปคงมีหลายเรื่องที่ต้องการให้เขากลับไปจัดการนะ เธอไปพักในห้องนอนเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเอง”
หวีหรูเจี๋ยไม่เห็นความผิดปกติของเป่หมิงโม่ แต่ก็ไม่สามารถตบตาโม้จิ่งเฉิงได้
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคำตอบที่เขาตอบหวีหรูเจี๋ยดูเหมือนจะปิดบังอะไรบางอย่าง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ต้องเกี่ยวกับลู่ลู่อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่อยากให้แม่ของเขารู้อีกต่างหาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ ต้องให้หวีหรูเจี๋ยออกไปก่อน บางทีเขาอาจจะพูดอะไรออกมา
หวีหรูเจี๋ยลุกขึ้นยืน เธอไม่พบความผิดปกติใดๆของลูกชายเลยแม้แต่น้อย พูดกับเป่หมิงโม่“โม่ ขอบคุณลูกที่มากินข้าวมื้อนี้เป็นเพื่อนแม่นะ แม่มีความสุขมากๆ หวังว่าวันหลังเราจะมีโอกาสได้มานั่งกินข้าวด้วยกันเหมือนวันนี้นะ”พูดจบเธอหันหลังกลับเดินเข้าไปในห้องนอน
รอให้หวีหรูเจี๋ยเดินห่างไป เป่หมิงโม่เงยหน้าขึ้น พูดกับโม้จิ่งเฉิง:“คุณไม่ต้องไปส่งผมหรอก”
โม้จิ่งเฉิงลุกขึ้นยืน ยื่นมือว่างบนไหล่ของเขา“ตอนนี้พวกเราก็นับว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้”เขาพูดพลางเอาฝ่ามือทิ้งน้ำหนักลงบนไหล่ของเป่หมิงโม่
***
เป่หมิงโม่รู้สึกได้ถึงแรงจากเขา หันหน้าไปเหลือบมองที่ไหล่ของตัวเอง“ครับ”
เขาพูดพลางลุกขึ้นยืนหันหลังเดินไปที่ประตู
โม้จิ่งเฉิงมาส่งเป่หมิงโม่ที่ลิฟต์ เมื่อมาถึงฝีเท้าของทั้งสองก็หยุดลง
“คุณโม้ คุณส่งแค่นี้ก็พอแล้วครับ ผมกลับเองได้”เป่หมิงโม่หันกลับมาพูดพลางกดปุ่มลิฟต์
โม้จิ่งเฉิงยืนมองเป่หมิงโม่อยู่ที่เดิม“เรื่องที่เธอกำลังปิดบังแม่ของเธอเมื่อครู่นี้ ไม่รู้ว่าเธอจะบอกกับฉันได้ไหม?ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าคือเรื่องอะไร แต่มันต้องเกี่ยวกับลู่ลู่แน่นอน อาการของเธอแย่ลงหรือเปล่า”
เป่หมิงโม่คาดไม่ถึงว่าโม้จิ่งเฉิงจะอ่านความคิดของเขาออก ในเมื่อถูกจับได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปิดอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม เขาแค่อยากจะปิดบังแม่ตัวเองก็เท่านั้น
สีหน้าของเขาจริงจังมากอย่างเห็นได้ชัด“แม่ของกู้ฮอนเธอ……เสียชีวิตเมื่อคืนนี้”
ดวงตาของโม้จิ่งเฉิงเบิกกว้างทันที เขายื่นมือไปจับแขนทั้งสองข้างของเป่หมิงโม่ พูดอย่างประหลาดใจ“เธอพูดว่าอะไรนะ ลู่ลู่เสียแล้ว!เป็นไปไม่ได้ เราไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลเมื่อวันก่อน สภาพจิตใจเธอดูดีขึ้นมาก เธอจะเสียชีวิตได้ยังไง”
ความสัมพันธ์ระหว่างลู่ลู่และหวีหรูเจี๋ยคือพี่น้องที่ลึกซึ้งมาก แต่ความเป็นเพื่อนกันระหว่างโม้จิ่งเฉิงก็ไม่ได้ตื้นเขิน
“รายละเอียดเรื่องผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ ผมเตรียมออกจากที่นี่แล้วจะไปดูสถานการณ์ที่โรงพยาบาล แต่ผมต้องขอให้คุณเก็บเรื่องนี้เป็นความลับก่อน อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับแม่ ผมเกรงว่าแม่จะเศร้าจนเกินไป”สีหน้าของเป่หมิงโม่จริงจังมากอย่างเห็นได้ชัด
โม้จิ่งเฉิงหันหน้ากลับไปมองทางห้องเพรสซิเดนท์สูทที่เขาและหวีหรูเจี๋ยอาศัยอยู่ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น“โม่ ไม่ต้องห่วง แต่ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรล่ะก็บอกฉันได้เลย อีกอย่าง ฉันเป็นห่วงกู้ฮอน แม่ของเธอเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เธอคงรับไม่ไหวแน่ๆ ในฐานะที่ฉันเป็นพ่ออุปถัมภ์ ฉันขอให้ดูแลเธอให้ดี ช่างเป็นเด็กที่อาภัพจริงๆ กว่าจะหาแม่เจอก็ช่างยากเย็น ตอนนี้ราวกับหยินหยางได้แยกจากกันอีกครั้ง ”
เพื่อความไว้ใจของโม้จิ่งเฉิง เป่หมิงโม่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลเธอให้ดี”
เป่หมิงโม่ออกมาจากโรงแรมแมนดาริน ขับรถมุ่งหน้าตรงไปที่โรงพยาบาล
เขาโทรหาฉิงฮัว เพื่อถามถึงสถานการณ์ที่โรงพยาบาล รวมไปถึงเห็นกู้ฮอนบ้างหรือเปล่า
คำตอบของฉิงฮัวคือ“ตอนนี้ร่างของลู่ลู่ถูกส่งไปที่ห้องดับจิตแล้วและจะค่อยหาสาเหตุการตายของเธอในภายหลัง ส่วนคุณผู้หญิง ตอนนี้เขายังไม่พบ แต่ได้ยินคุณหมอพูดว่า เธออยู่ที่นี่เมื่อคืนนี้ ยังมีคนอื่นอยู่ด้วยอีกสองคน หนึ่งในนั้นอ้างว่าเป็นสามีของลู่ลู่ นั่นก็คือพ่อผู้ให้กำเนิดคุณผู้หญิง ”
พ่อแท้ๆของกู้ฮอนปรากฏตัวแล้ว!
สิ่งนี้ทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยพูดถึงมาก่อน
“นายได้โทรกลับไปที่บ้านแล้วหรือยัง กู้ฮอนกลับไปหานายที่นั้นแล้วหรือเปล่า”เมื่อเป่หมิงโม่รู้ว่าหลังจากที่กู้ฮอนปรากฏตัวที่โรงพยาบาลเมื่อคืนก็ไม่มีใครเห็นเธออีกเลย มันทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างแปลก
ดูจากอารมณ์ที่อ่อนไหวระหว่างเธอกับแม่แล้ว เธอหายไปในอากาศหลังจากที่เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ได้อย่างไร?
“เจ้านาย ผมได้โทรกลับไปที่บ้านแล้วครับ ลั่วเฉียวเธอบอกว่าไม่เห็นว่าคุณผู้หญิงกลับมา นอกจากนี้ดูเหมือนว่าพวกเธอยังไม่ทราบเรื่องที่ลู่ลู่เสียชีวิตด้วยครับ ”
เป่หมิงโม่ที่กำลังขับรถ คิ้วขมวดขึ้นเป็นปมเล็กน้อย“เข้าใจแล้ว นายไปรอฟังข่าวที่โรงพยาบาลก่อน ฉันจะไปหาเธอที่อื่น ”
***
เป่หมิงโม่ที่กำลังขับรถก็เริ่มค้นหาไปรอบๆเมือง เกือบจะไปในทุกๆที่ที่เธอเคยไป
แต่ไม่มีวี่แววของเธอเลย
ท้ายสุดแล้วเธอไปอยู่ที่ไหนได้กลายเป็นหนึ่งปริศนา
สุดท้าย เข้าขับรถกลับไปที่โรงพยาบาล เพราะเขาคิดว่ากู้ฮอนอาจจะรับเรื่องแม่เสียที่ถาโถมเข้ามาไม่ไหว เลยซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งตามลำพัง
แต่หลังจากที่เธอสงบลง เธอจะกลับมาที่นี่
“เจ้านาย คุณมาแล้ว พบคุณผู้หญิงไหมครับ?”ฉิงฮัวเจอเป่หมิงโม่ที่ทางเข้า รีบถามอย่างรวดเร็ว
เป่หมิงโม่ส่ายหัวแล้วถามกลับ“หมอวิเคราะห์สาเหตุการตายของลู่ลู่แล้วหรือยัง”
“ยังครับ แต่เมื่อครู่มีตำรวจสองนายเข้ามา ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า”ฉิงฮัวตอบกลับอย่างละเอียด
“โอเค นายกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะรอที่นี่สักพัก บางทีกู้ฮอนอาจจะกลับมา”
“เจ้านาย อย่างนั้นผมจะรอที่นี่กับคุณ”ฉิงฮัวคิดว่ากู้ฮอนดีกับเขาเหลือเกิน ตอนนี้เกิดเรื่องกับแม่ของเธอ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะนิ่งเฉย
เป่หมิงโม่มองไปที่ฉิงฮัว“ที่นี่แค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว ที่กรุ๊ปยังมีอีกหลายเรื่องที่นายต้องไปดู”
“ครับ เจ้านาย หากเกิดเรื่องอะไรโทรหาผมได้เลยนะครับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามผมจะรีบมาทันที”เมื่อฉิงฮัวเห็นว่าเป่หมิงโม่ยืนกรานที่จะให้ตัวเองไป ก็ทำได้แค่เพียงทำตามคำสั่ง
เห็นว่าฉิงฮัวขับรถออกไปแล้ว เป่หมิงโม่ก็หันกลับเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
ณ ตอนนี้ แน่นอนว่าร่างของลู่ลู่ก็ไม่เห็นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่รู้ว่ากู้ฮอนไปอยู่ที่ไหน
ตามที่ฉิงฮัวรายงานเหตุการณ์กับเขา ชายสองคนที่อยู่กับกู้ฮอนเมื่อคืน หนึ่งในนั้นคือพ่อของเธอ
เรื่องนี้ เขาคิดจะไปที่ห้องควบคุมทันทีเพื่อเอาวิดีโอของเมื่อวานมาดู บางทีมันอาจจะช่วยเรื่องที่วันนี้กู้ฮอนหายตัวไปได้บ้าง
เป่หมิงโม่มาถึงห้องรักษาการณ์ของโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เมื่อทางโรงพยาบาลเห็นว่าเป่หมิงโม่เข้ามาด้วยตัวเอง จึงไม่กล้าละเลย
ข้อมูลกล้องวงจรปิดตรงทางเข้าห้องฉุกเฉินเมื่อคืนถูกเอาออกมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาเห็นทั้งสามคนในภาพก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที
ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น เขาจำผู้ชายหนึ่งในสองคนนี้ได้ นั่นก็คือถังเทียนจื๋อ