เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1017 พ่อทูนหัวคนนี้ แม่ทูนหัวคนนั้น
- Home
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1017 พ่อทูนหัวคนนี้ แม่ทูนหัวคนนั้น
บทที่ 1017 พ่อทูนหัวคนนี้ แม่ทูนหัวคนนั้น
เป่หมิงยี่เฟิงโค้งตัวลงไปมองเธอที่อยู่ในรถยิ้มๆ “ โอเค คุณก็กลับบ้านระวังๆหละ ขอบคุณจริงๆที่ยอมให้ผมนั่งกินของในรถด้วย จนทำให้รถของคุณมีกลิ่นโอเด้งไปหมด”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยล้างรถก็พอแล้ว”
ในตอนนั้นเพลงในรถก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “นอกรถในค่ำคืนที่เมฆมาก มีใครบางคนกำลังรออยู่ในอนาคต มองไปข้างซ้ายมองไปทางขวา ความรักต้องหาอีกแค่ไหนถึงจะมา…”
ทั้งคู่ถูกเนื้อเพลงเพลงนี้ดึงดูดอีกครั้ง
เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มอย่างฝืนๆ “มันเหมือนกับพวกเราในตอนนี้เลย ในอนาคตพวกเราจะได้เจอกันอีกมั้ย”
กู้ฮอนพยักหน้าลง “อาจจะได้นะ ตอนนี้ฉันคงไม่พาลูกออกไปจากที่นี่หรอก เราอาจจะเจอกันที่ร้านกาแฟโดยบังเอิญ หรืออาจจะเจอกันที่อื่นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…”
เป่หมิงยี่เฟิงพยักหน้าลง “โอเค งั้นแค่นี้ก่อน ถึงแม้ว่าเธอจะออกไปจากบริษัทเป่หมิงแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอออกไปจากตระกูลเป่หมิง เฉิงเฉิง หยางหยาง อ้อยังมีจิ่วจิ่ว…พวกเขาก็ต่างเป็นพี่น้องของฉัน”
“โอเค ฉันรู้แล้ว”
ในตอนนั้นฝนที่หยุดไปครู่หนึ่ง ก็เริ่มตกมาอีกครั้ง
เป่หมิงยี่เฟิงปิดประตูรถของกู้ฮอน แล้วรีบวิ่งไปที่รถของตัวเอง ในขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูรถขึ้นไปเขาก็หันไปโบกมือให้เธออีกครั้ง
ไม่ว่าตอนนี้เขาจะมองเห็นหรือเปล่า แต่เธอก็ยังโบกมือกลับไปให้เขาเหมือนกัน
พวกเราต่างเคยเจ็บปวดเพราะความรัก ฉันมองไปที่ถนนเส้นทางแห่งความฝันนั้นช่างคับแคบ แต่ฉันก็ได้เจอเธอเป็นเรื่องไม่คาดคิดที่สวยงามที่สุด และสุดท้ายวันหนึ่งความรักของฉันก็ได้ถูกเปิดเผย
เมื่อฝนตกขึ้นมาอีกครั้ง เป่หมิงยี่เฟิง และกู้ฮอนก็ขับรถสวนทางกัน
《ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา》 เป็นการ์ตูนของจิมมี่ เหลียว เป็นเรื่องของชายหญิงคู่หนึ่ง แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ด้วยกันติดต่อกับคนคนเดียวกัน แกล้งเด็กคนเดียวกัน แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็หันหลังให้กัน พวกเขาก็พยายามที่จะตามหากันและกัน แต่สุดท้ายยังไม่ทันถึงตอนจบ ก็มีอยู่วันหนึ่งที่กำแพงระหว่างพวกเขาถูกทำลายลง
แต่สำหรับกู้ฮอนและเป่หมิงยี่เฟิงแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะแยกจากกันในวันที่ฝนตกเหมือนกัน แต่สิ่งที่กั้นพวกเขาไว้นั้นไม่ใช่กำแพง
***
ตลอดทั้งคืนนอกหน้าต่างมีฟ้าแลบ และฟ้าฝนตกห่าใหญ่ตลอด
ลูกสาวที่น่ารักของเธอยังคงหลับสนิทอยู่ข้างๆด้วยการหายใจอย่างสม่ำเสมอ ใบหน้าของเธอยังสงบนิ่ง
ตอนนี้เวลาล่วงเลยเที่ยงคืนไปแล้ว
นั่นก็หมายความว่า อีกสิบชั่วโมงหลังจากนี้ เธอและลูกของเธอรวมทั้งพ่อของพวกเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตครั้งใหญ่
เด็กๆอาจจะไม่ได้เจอพ่อของตัวเองเป็นเวลาหนึ่งปี สองปี สามปีหรืออาจจะห้าปี….
ตอนนี้ยังคงไม่แน่นอน
เธอได้แต่หวังว่าโล่ฮานจะได้รับข่าวดีในช่วงเวลาสุดท้าย แม้ว่าเฉี่ยวเฉินอาจจะไม่สามารถออกมาเป็นพยานได้หลังจากตื่นจากอาการโคม่า แต่ก็ยังทำให้เธอมีความหวังอยู่
แต่ความหวังนี้ของเธอ หลังจากที่รอมาทั้งคืน ก็ไม่เป็นจริง
“กู้ฮอนเมื่อวานเธอเป็นยังไงบ้าง จากขอบตาดำๆของเธอแล้ว เธอคงไม่ได้พักผ่อนใช่มั้ย” แอนนิพูดขึ้นหลังจากที่ได้เห็นเธอ และอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งขึ้นมา
“ไม่มีอะไร เมื่อวานฉันนอนไม่ค่อยหลับ แต่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงนะ” กู้ฮอนเดินเข้าไปในห้องน้ำ และใช้คอนซิลเลอร์ปกปิดรอยคล้ำนั้น
“แล้วอย่างนี้สภาพจิตใจเธอโอเคมั้ย พักผ่อนหน่อยดีกว่ามั้ย” แอนนิพูด
ยังไม่ทันที่กู้ฮอนจะตอบก็ได้ยินเสียงกลิ่งก็ดังขึ้นมา
“ไม่เป็นไร” กู้ฮอนพูดจบก็เดินไปเปิดประตู
“Hi…”
หยินปู้ฝันยืนอยู่หน้าประตูทักทายเธออยู่ หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “เมื่อวานคุณนอนไม่พอหรอ”
กู้ฮอนยกมือขึ้นมาแตะใบหน้าของเธอด้วยความประหลาดใจ เธอใช้คอนซิลเลอร์ปกปิดแล้วยังมองออกอีกหรอ
เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของเธอ หยินปู้ฝันก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ไม่ต้องมาจับเลย ตาเธอแดงขนาดนั้นแสดงว่าอดหลับอดนอนมาใช่มั้ย”
เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา กู้ฮอนก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดอีกต่อไป “คุณคิดว่าฉันจะนอนหลับลงหรือไงใกล้จะพิจารณาคดีแล้ว ยังไม่ได้รับสัญญาณอะไรกลับมาเลย”
“เรื่องนี้มันทำอะไรไม่ได้แล้ว คุณอย่าคิดถึงเขาอีกเลย ถ้าคุณเหนื่อยขึ้นมา แล้วใครจะดูแลเด็กสามคนล่ะ”
“วันนี้คุณจะพูดให้เป็นมงคลหน่อยไม่ได้หรือไง ถึงแม้ว่าพวกเราจะต้องเป็นแบบนั้นจริงๆ เด็กๆก็ต้องถือว่าเป็นหน้าที่ของคุณแล้วที่จะต้องดูแล ใครใช้ให้คุณเป็นพ่อทูนหัวกันล่ะ” กู้ฮอนมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
หยินปู้ฝันโบกมือ และลดเสียงลงเล็กน้อยก่อนจะพูด “อย่าพูดอย่างนั้นสิ ช่วงนี้เธอไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ใช่มั้ยตอนนี้มีข่าวของพ่อทูนหัวสารเลวเต็มไปหมด”
คำพูดนั้นทำให้กู้ฮอนรู้สึกขบขันขึ้นมาเล็กน้อย “คุณก็อยากเป็นพ่อทูนหัวแบบนั้นเหมือนกันหรอ ฝันไปเถอะ หรือไม่ก็รอให้เป็นพ่อคนจริงๆก่อนแล้วกันแล้วค่อยมาว่ากัน”
“พ่อปู้ฝัน…”ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงของหยางหยางเรียกขึ้นมาเสียงดัง
หลังจากนั้นก็ตามด้วยเสียงเฉิงเฉิง และจิ่วจิ่ว
“ตื่นกันหมดแล้วหรอ ไม่น่าเชื่อว่าหยางหยางจะตื่นขึ้นมาได้” หยินปู้ฝันทักทายเด็กทั้งสามคน
หยางหยางหน้างองั้ม “พ่อปู้ฝัน ทำไมพ่อถึงประจานผมต่อหน้าคนอื่นอย่างนี้ล่ะ”
“คนอื่น…” ปู้ฝันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ที่นี่มีแต่คนกันเองทั้งนั้น คนอื่นมีที่ไหนกันพอคิดๆดูแล้วเขาก็กวาดสายตา
มองเข้าไปข้างหลัง ก่อนจะเห็นว่าข้างหลังเด็กสามคนยังมีเงาเล็กๆอีกเงาหนึ่ง
“นี่ใคร”
กู้ฮอนรีบแนะนำ “อ้อ นี่เป็นเพื่อนของเฉิงเฉิง และหยางหยาง ชื่อว่าจ้าวจิงอี้ พ่อแม่ของเธอไปต่างจังหวัดก็เลยให้มาอยู่บ้านของเราชั่วคราว”
หยินปู้ฝันมองไปที่เฉิงเฉิง และหยางหยางด้วยรอยยิ้มแปลกๆ “อ๋อ จ้าวจิงอี้นี่เอง”
***
หยินปู้ฝันมาที่นี่ก็เพื่อจะเตรียมไปศาลกับกู้ฮอน ดังนั้นเขาจึงมากินข้าวกับพวกเขาด้วย
แต่บนโต๊ะอาหารเขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเป่หมิวโม่ เพราะจุดประสงค์ก็คือ ต้องการที่จะปิดบังเด็กๆไว้
พวกเขายังเด็ก ควรได้รับการดูแลจากผู้ใหญ่ และไม่ควรรู้เรื่องของผู้ใหญ่ก่อนเวลาอันควร ซึ่งอาจจะทำให้พวกเขาแบกรับภาระทางจิตใจมากเกินไป
แม้จะบอกว่าพ่อเดินทางไปทำธุรกิจ หรือพ่อติดคุกจะดูเหมือนกัน เพราะยังไงก็ต้องอยู่ห่างกันสักพัก แต่มันก็มีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“พ่อปู้ฝัน ช่วงนี้พ่อไปที่ไหน ทำไมถึงไม่มาเล่นกับพวกเรา หรือว่ากำลังจะไปหาแม่ทูนหัวให้พวกเรา”
“พ่อว่างขนาดนั้นที่ไหนกัน พ่อยุ่งอยู่ทุกวัน สำหรับเรื่องแม่ทูนหัวนั้นจะต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย เด็กพวกนี้นี่ไม่สนใจเรื่องเรียน แต่กลับสนใจเรื่องซุบซิบมันดีหรือไม่ดีเนี่ย”
ขณะที่หยินปู้ฝันพูด เขาก็หยิบตะเกียบของเขาเคาะชามเล็กๆของหยางหยาง “ถ้ายังไม่รีบกิน ก็จะถือว่าทุกคนพูดมากแล้วนะ”
“รู้แล้ว แต่ว่าการเคาะชามแบบนี้ คุณครูบอกว่าเป็นการแสดงออกที่ไม่ดีนะ”
“อู้หู เดี๋ยวนี้หัดสอนหรอ คอยดูซิว่าพ่อจะจัดการกับทุกคนยังไง”
หยางหยางทำท่าแปลกๆกับเขา “ผมไม่กลัวคำขู่นี้หรอก”
เมื่อเห็นเด็กๆลับฝีปากกับผู้ใหญ่ กู้ฮอนก็อดไม่ได้ที่จะกระแอมหนึ่งครั้ง “ทั้งสองคนกินข้าวดีๆไม่เป็นหรือไง เดี๋ยวก็ต้องไปโรงเรียนแล้ว ถ้าไปถึงโรงเรียนแล้วหิวก็สมควรแล้วแหละ”
*
จนถึงวันนี้เรื่องการไปส่งเด็กๆไปโรงเรียนเป็นหน้าที่ที่กู้ฮอนทำต่อจากฉิงฮัวทั้งหมด เพราะว่าตอนนี้เธอไม่ต้องทำงานแล้ว ถ้ายังปล่อยให้ฉิงฮัวจัดการอยู่ มันก็ดูจะน่าละอายเกินไป
“ผมจะนั่งรถของพ่อปู้ฝัน”
แม้ตอนอยู่บนโต๊ะอาหารหยางหยางจะลับฝีปากกับปู้ฝัน แต่ตอนนี้เขากลับตามไปขึ้นรถอย่างแข็งขัน
หยินปู้ฝันมองไปที่เขาและเม้มริมฝีปาก “เมื่อกี๊ทำกับพ่อยังไง ทีตอนนี้กลับอยากขึ้นรถพ่อไม่มีทาง” เขาพูดและยกมือสองข้างขึ้นกอดอก
หยางหยางดึงหน้าลง และเดินไปด้านข้างของเขาพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างน่ารัก จากนั้นจึงค่อยๆดึงกางเกงของเขา “พ่อปู้ฝัน พ่อเป็นผู้ชายตัวโตขนาดนี้ อย่าขี้งกกับเด็กตัวเล็กๆสิ”
“เป่หมิงซีหยาง นี่แกล้งแอ๊บอีกแล้วหรอทำไมดูปลอมจังเลย ทำไมแสดงให้เนียนกว่านี้ก็ไม่ได้”
จ้าวจิงอี้ ยกริมฝีปากแสยะยิ้มใส่เขา
การแสดงของหยางหยางถูกเปิดเผย เขาจึงหันไปถลึงตาใส่เธอ “เธอไม่ยุ่งสักเรื่องไม่ได้หรือไง แถมฉันแสดงตรงไหน ฉันแสดงไม่เนียนที่ไหนกัน”
“หึหึ นายติดกับดักแล้ว” จ้าวจิงอี้ยิ้มแล้วเดินขึ้นรถไป
*
“พ่อปู้ฝันวันนี้พ่อมาหาแม่ของเราเพราะอะไร เท่าที่ผมเดาคงไม่ได้มีแค่เรื่องที่พูดตอนกินข้าวว่า มาหาพวกเราแน่ๆ” หยางหยางนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ แล้วหันหน้าไปมองหยินปู้ฝันที่กำลังขับรถอยู่
หยินปู้ฝันยิ้มออกมาเบาๆ “ถ้าพ่อไม่มาดูพวกลูกๆ แล้วยังจะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ รอบที่แล้วโทรมาบ่นว่าไม่ได้เจอพ่อมานานแล้วไม่ใช่หรอ แถมยังบอกว่าพ่อไม่มาพาไปเที่ยวอีก ดังนั้นพ่อเห็นว่าเช้านี้ยังมีเวลาก็เลยรีบมาหานี่ไง
หยางหยางส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ “พ่อปู้ฝัน พ่อทำพลาดแล้ว”
***
คำพูดของหยางหยางทำให้หยินปู่ฝันแอบตกใจเล็กน้อย หรือว่าเด็กๆจะพบพิรุธจากคำพูดของเขา
“ไหนบอกพ่อมาซิว่าทำพลาดตรงไหน ถ้าพูดอย่างนี้ต้องมีหลักฐานนะ ไม่งั้นพ่อจะหาว่าหมิ่นประมาท” หยินปู้ฝันพูดต่อด้วยรอยยิ้ม อย่างไม่สนใจคำพูดของเขา
“พ่อปู้ฝัน พ่ออย่าเอาข้อกล่าวหามาข่มขู่ผมนะ ผมก็เคยขึ้นศาลมา ผมเคยยืนอยู่ต่อหน้าผู้พิพากษา เปิดเผยความชั่วร้ายของคุณย่าด้วยมือของผมเอง ดังนั้นคุณบอกผมมาซะดีๆ อย่าให้ผมต้องสืบด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นหน้าเดิมของคุณจะถูกเปิดเผย”
หยางหยางพูดถึงตอนที่ขึ้นศาลในครั้งนั้นขึ้นมาอีกครั้ง คำพูดที่ดูจริงจัง และเคร่งเครียดนั้นแสดงให้เห็นว่าเด็กคนนี้สามารถทำร้ายญาติพี่น้องตนเองได้อย่างชอบธรรมจริงๆ
“แต่พ่อไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ พ่อก็เป็นทนายมืออาชีพ เรื่องเทคนิคเล็กๆน้อยอย่างนั้นอย่าเอามาอวดเลย เห็นๆกันอยู่ว่าเรื่องในวันนั้นเป็นการวางแผนของเฉิงเฉิง และหยางหยางก็เป็นแค่คนที่เอาคำพูดมาพูดต่อเท่านั้น แต่ไม่ว่ายังไงผู้พิพากษาก็พิจารณาคำพูดของลูก”
หยินปู้ฝันอดไม่ได้ที่จะพูดถึงสิ่งที่หยางหยางพูดออกมา