เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1022 ลาก่อนช่ายซินซิน
บทที่ 1022 ลาก่อนช่ายซินซิน
ในเวลาแบบนี้ หยินปู้ฝันก็ทำได้แค่เพียงส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายเท่านั้น “ผมไม่ต้องการถามอะไรพยานครับ”
ผู้พิพากษาหลิวพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่ทนายของทั้งสองฝ่าย “การพิจารณาคดีนี้มาถึงตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็เบิกพยานของตัวเองออกมาแล้ว และในเวลาเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้ถามคำถามของตัวเองกับพยานของอีกฝ่ายไปแล้ว ถ้าอย่างงั้นตอนนี้ไม่ทราบว่าทนายของทั้งสองฝ่ายยังมีพยานคนอื่นอีกไหม โดยเฉพาะฝ่ายจำเลยครับ”
หยินปู้ฝันรู้ว่าความหมายที่แอบแฝงของคำพูดนี้คือ : เห็นได้ชัดว่าพวกคุณกำลังลำบากแล้ว ยังจะมีโอกาสพลิกตัวไหม
***
หยินปู้ฝันอยากจะพูดมาก ๆ เลยว่าตัวเองยังมีพยานอีก แต่ว่าสิ่งที่อยู่ต่อหน้าต่อตากลับเป็น‘ไม่มีแม้แต่ต้นทุน’แล้ว และในตอนที่เขากำลังเตรียมจะแสดงออกกับผู้พิพากษาว่าตัวเองนั้นไม่มีพยานอะไรอีกแล้ว และเตรียมจะยอมแพ้การพิจารณาคดีนี้ไปแบบนี้แล้วนั้น
อยู่ ๆ ประตูศาลก็ถูกคนผลักออกจากข้างนอกเข้ามา
ทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างก็เกิดความแปลกใจขึ้นมา
นี่เป็นการพิจารณาคดีแบบปกปิด โดยที่โลกภายนอกไม่มีใครรู้ทั้งนั้น และถึงแม้โลกภายนอกจะรู้เข้า พวกเขาก็ไม่สามารถฝ่าเข้ามาได้เช่นกัน
แต่คนคนนี้กลับเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยจากข้างนอกได้ มันทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจอยู่บ้างจริง ๆ
คนเป็นยังไงยังไม่ทันได้มองเห็นชัดเจน แต่กลับโดนเกล็ดที่มีแสง ‘วิบ ๆ วับ ๆ’ทั้งตัวของเธอสะท้อนแสงจนตามัวแล้ว
นี่มันช่างสะดุดตาจริง ๆ สะดุดจนทำให้คนเกือบทั้งหมดต้องมองไปที่ตัวเธอ และทุกคนที่มองไปที่เธอก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมากันน้อย ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นมาบังแสงที่กะพริบเข้าตาด้วย
นอกจากแสงที่สะดุดตาแล้ว สิ่งต่อมาที่มาทำให้สะดุดกับประสาทสัมผัสเป็นอย่างที่สองนั่นก็คือกลิ่นหอมกลิ่นนั้น
จะพูดยังไงดีละ มันเป็นแบบที่ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่มีปฏิกิริยาอะไร แต่ว่าถ้าเอาผู้ชายมาพูด ก็คือจะสามารถเกิดปฏิกิริยาที่หอมยั่วยวนอย่างบอกไม่ถูก
กลิ่นหอมแบบนี้ทำให้กู้ฮอนซึ่งอยู่ในที่นั่งฟังรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก
คุ้นเคยจนกระทั่งแม้แต่หลับตาอยู่เธอยังเลยรู้ว่าผู้หญิงที่คนนี้มาคือใคร
“ต๊อก ต๊อก ต๊อก……”
สิ่งที่ตามมากับเกล็ดส่องแสงที่สะดุดตาและกลิ่นหอมที่ราวกับดูดวิญญาณนั้น ยังมีเสียงอีกชุดหนึ่งที่สามารถทำให้สั่นไหวในใจผู้ชายได้ และหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาในศาลแล้ว เธอยืนอยู่ตรงด้านหน้าผู้พิพากษา และตรงกลางระหว่างจำเลยกับโจทก์
“ดูแล้วยังดี ฉันไม่ได้มาช้าไปนะ” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์ เหมือนกับว่ากำลังคุยกับใครอยู่ยังไงอย่างงั้น
ช่ายซินซิน…… เธอใส่ชุดที่เจอกับพวกหยินปู้ฝันเมื่อคราวที่แล้ว เพียงแต่ว่าคราวนี้ ผมของเธอบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ทำให้ดูมีความลึกลับ และมีแปลกประหลาดอยู่นิด ๆ
หยินปู้ฝันเห็นเธอมาถึงที่นี่ ก็อดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกประหลาดใจ ภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นเขายังจำได้แม่นดี เธอได้ปฏิเสธคำขอที่ตัวเองขอให้เธอช่วยมาเป็นพยานอย่างอ้อมค้อมแล้ว
แต่ว่าตอนนี้ เธอกลับมายืนอยู่ที่นี่อย่างสง่าผ่าเผย วันนี้ที่เธอมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเพื่อช่วยเหลือตัวเองแล้วละก็ งั้นก็คือจะมายืนอยู่ข้างผู้อำนวยโกว
มาดูเรื่องตลกเหรอ? หรือมาเพื่อเป้าหมายอื่น? เธออยากมาดูว่าสถานการณ์ตอนนี้มีประโยชน์กับฝ่ายไหนมากกว่ากันงั้นเหรอ?
ตอนนั้นตอนที่อยู่ที่บ้านเธอ สามารถฟังออกจากคำพูดเพียงไม่กี่คำของเธอได้ว่า ความรู้สึกที่เธอมีให้กับผู้อำนวยการโกวนั้นดูค่อนข้างซับซ้อน
น่าจะเป็นทั้งกลัวและเกลียดปะปนกันอยู่มั้ง
ระหว่างที่หยินปู้ฝันและกู้ฮอนกำลังเดาจุดประสงค์ที่เธอมาอยู่นั้น ผู้อำนวยการโกวที่นั่งอยู่ตรงแท่นโจทก์กลับดูเหมือนอย่างกับเจอกับผีเข้ายังไงอย่างงั้น ตาทั้งสองข้างจ้องเธอเขม็ง ปฏิกิริยานั้นนิ่งค้าง และอึ้งทึ่ง……
ช่ายซินซินยกมือขึ้นมาโบกมือทักทายหยินปู้ฝันและกู้ฮอน “ไม่เจอกันหลายวันเลย ดูแล้วสีหน้าของพวกคุณดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ”
พูดจบ เธอก็มองไปทางผู้อำนวยการโกว และพูดราวกับออดอ้อนกับเขาว่า “ผู้อำนวยการโกวคุณช่างร้ายกาจจังเลยนะคะ ทำไมถึงทำกับเขาแบบนี้……”
พอประโยคนี้ถูกพูดออกไป ก็มากพอที่จะทำให้คนทั้งหมดที่อยู่ในนี้จินตนาการไปต่าง ๆ นานา แต่ละคนต่างก็ใช้สายตาแปลก ๆ มองไปที่ผู้อำนวยการโกวที่กำลังทำตัวไม่ถูกแล้ว
เขาพยายามเค้นรอยยิ้มออกมาได้บ้าง “ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ ผมนี่ก็ไม่มีทางเลือกแล้วเหมือนกัน…..”
ดีเลย……ประโยคนี้พอคนรอบข้างฟังแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่าระหว่างสองคนนี้จะต้องมีความลับอะไรที่บอกคนอื่นไม่ได้แอบซ่อนไว้แน่ ๆ เลย หรือพูดอีกอย่างอาจจะเป็นข่าวซุบซิบนินทาก็ได้?
ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นอะไรกันแน่? พ่อบุญธรรม และ ลูกบุญธรรมเหรอ?
***
การปรากฏตัวของช่ายซินซินรวมถึงประโยคสั้น ๆ เพียงไม่กี่ประโยคของผู้อำนวยการโกวนั้น ก็ทำให้บรรยากาศของศาลทั้งศาลเปลี่ยนเป็นแปลก ๆ ขึ้นมา หรือพูดอีกอย่างคือมีความคลุมเครือแบบที่ทำให้คนพูดไม่ออก
สำหรับปฏิกิริยาของผู้อำนวยการโกวที่ใกล้เคียงกับ ‘การเสียการควบคุม’แบบนี้นั้น ก็ทำให้ทนายของเขาต้องเตะขาเขาเบา ๆ ที่ใต้โต๊ะขึ้น
แน่นอนผู้พิพากษาหลิวเองก็ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
ในเมื่อที่นี่เป็นศาล เป็นที่ที่ต้องรักษากฎหมายอย่างเข้มงวด จะมาอนุญาตให้มีภาพเกี้ยวพาราสีกันเกิดขึ้นได้ยังไง และที่สำคัญที่พวกเขาทำแบบนี้ โดยเฉพาะผู้อำนวยการโกวนั้น ช่างขายหน้าเจ้าพนักงานของรัฐอย่างพวกเขาจริง ๆ เลย
เขากระแอมเบา ๆ ขึ้นคำหนึ่ง “ผู้อำนวยการโกว ถ้าหากพวกคุณมีธุระอะไรกันแล้วละก็ ตอนนี้ผมอนุญาตให้พวกคุณออกไปจัดการกันก่อนได้ พวกเรารอคุณจัดการให้เรียบร้อยอยู่ที่นี่ แล้วค่อยพิจารณาคดีต่อก็ยังไม่สายครับ”
นี่ผู้พิพากษาหลิวคือกำลังพูดคำพูดกลับด้านเพื่อกระตุ้นผู้อำนวยการโกวแล้ว
แน่นอนว่าความหมายแอบแฝงแบบนี้ผู้อำนวยการโกวจะต้องเข้าใจอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้เขาไม่รู้จริง ๆ ว่า ที่ช่ายซินซินปรากฏตัวขึ้นที่นี่เพื่อต้องการอะไรกันแน่
แต่ว่า เขาเหมือนจะรู้สึกถึงบางอย่าง และสำหรับตัวเองมาพูดแล้วจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่
เขาเดินอ้อมโต๊ะมาถึงข้างกายเธอ และพูดกับเธอขึ้นอย่างระมัดระวังด้วยเสียงที่เบาว่า “เธอมาที่นี่ทำไม ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังมีธุระอยู่ที่นี่ รอธุระในมือฉันจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยมาคุยเรื่องอื่นกับเธอไม่ได้เหรอ เธอไปจากที่นี่ก่อนดีไหม แม่ทูนหัวของฉัน……”
ช่ายซินซินมองดูท่าทางร้อนรนเป็นไฟแบบนั้นของเขา แต่เธอกลับมีท่าทีแบบว่าไม่ได้สนใจอะไรเลย และที่สำคัญเธอยังตั้งใจพูดให้เสียงดังขึ้นอีกด้วยว่า “ผู้อำนวยการโกว คุณว่าฉันมาที่นี่ทำไมเหรอคะ แน่นอนก็ต้องมาหาคุณอยู่แล้ว ฉันรู้ว่าที่นี่เป็นศาล ในเมื่อฉันก็มาถึงที่นี่แล้ว ไม่ว่ายังไงว่างอยู่เฉย ๆ ก็คือว่าง ฉันเห็นว่าตรงนั้นมีที่นั่งว่างอยู่ ฉันว่าฉันก็ไปนั่งซะตรงนั้นเลยดีกว่า
พูดแล้ว เธอก็ยื่นมือชี้ไป ชี้ตรงกับคอกพยานที่เพิ่งว่างลงมาพอดี”
ผู้อำนวยการโกวเห็นแล้วก็ตกใจจนวิญญาณก็เกือบจะบินหนีไป “เธอกลับไปก่อนดีไหม อย่ามาก่อเรื่องวุ่นวายที่นี่ดีกว่า รอฉันจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธออยากเอ่ยข้อเรียกร้องอะไรฉันก็จะตอบตกลงกับเธอทั้งหมดเลยยังไม่พออีกเหรอ”
ผู้อำนวยการโกวร้อนรนจนเกินไปแล้วจริง ๆ เสียงที่พูดออกมาจึงดังจนทำให้คนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ได้ยินกันหมดทุกคน
ทนายที่เขาพามาได้ยินแล้ว ก็โดนเขาทำให้โกรธจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว จนอยากจะจับเขาและผู้หญิงคนนั้นโยนออกไปนอกศาลพร้อมกันเลย
ไม่ดูซะบ้างว่านี่มันสถานที่อะไร แล้วยังมาคุยข้อตกลงกันอย่างเปิดเผยแบบนี้ที่นี่อีก
ดูท่าไม่ดีน้ำเน่าเสียนี้อาจจะโดนตัวเองมาเจอเข้าแล้ว
“บัง บัง……” เสียงดังกังวานสองเสียงของค้อนแกเฟิลดังขึ้น
จนทำให้ผู้อำนวยการโกวที่ลืมดูความเหมาะสมถึงกับรีบรู้สึกตัวขึ้นมาทันที เหมือนว่าตัวเองจะพูดคำพูดผิดไปแล้ว หรือพูดอีกอย่างคือมีอะไรอย่างอื่นที่ไม่เหมาะสม
เขาค่อย ๆ สงบสติลงมา หลังจากนั้นก็ยิ้มแหยะ ๆ ให้ผู้พิพากษาหลิวทีหนึ่ง “ผมมีธุระส่วนตัวบางอย่าง ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ ผมจะพาเธอออกไปเดี๋ยวนี้แหละครับ ส่วนเรื่องในศาล เดี๋ยวผมจะให้ทนายช่วยจัดการแทนผมเองครับ”
พูดแล้ว เขาก็จับมือของช่ายซินซินไว้ แล้วก็จะพาเธอออกจากศาล
แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือ ช่ายซินซินในเวลานี้กลับยิ่งอยู่ยิ่งมีแรงมากยิ่งขึ้น เธอใช้แรงสะบัดมือของผู้อำนวยการโกวทิ้งไป “คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ! เมื่อกี้ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ที่ฉันมาที่นี่จะไม่รบกวนการพิจารณาคดีของพวกคุณเลย ฉันก็แค่จะนั่งอยู่ตรงนั้นออกจะดี และยิ่งไปกว่านั้นฉันว่าที่ตรงนั้นเหมาะสมกับฉันมากกว่านะ”
หยินปู้ฝันเฝ้ามองการแสดงของพวกเขาที่อยู่หน้าตัวเองด้วยสายตาเย็นอยู่ด้านข้าง พอมาถึงตรงนี้เขาเหมือนจะมองเห็นความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว
ดูเหมือนระหว่างช่ายซินซินและผู้อำนวยการโกวจะกำลังเกี้ยวพาราสีกันอยู่ แต่ว่าความจริงแล้วเธอมาที่นี่เพื่อขึ้นศาลเป็นพยานต่างหาก
***
การปรากฏตัวของช่ายซินซินนั้น สำหรับพวกหยินปู้ฝันที่กำลังเสมือนเสียเปรียบอยู่ใต้ลมมาพูดแล้ว ก็กลายเป็นเหมือนกับฟางที่มาช่วยชีวิตไปโดยปริยาย
บางทีเธออาจจะไม่ได้มีผลมากขนาดนั้น แต่ว่าไม่ว่ายังไงก็จะต้องให้พวกเขามีโอกาสเปลี่ยนแปลงบ้าง
ดู‘ละคร’ฉากที่อยู่ตรงหน้านี้แล้ว ผู้พิพากษาหลิวนั้นสามารถแสดงออกต่อพวกเขาได้แค่ความเบื่อหน่ายแล้ว
“ขอให้ทั้งสองท่านช่วยเงียบก่อนดีไหม ตอนนี้ผมมีเรื่องจะถามคุณผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามานี้สักหน่อย ไม่ทราบว่าคุณเข้ามาได้ยังไงครับ?”
พอเห็นผู้พิพากษาเริ่มถามคำถามแล้ว ผู้อำนวยการโกวก็ทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลย
ในเวลานี้ ทนายของเขาก็ถือโอกาสพาเขากลับมานั่งที่แท่นโจทก์เช่นเดิม และพูดเสียงเบาว่า “ในเวลาแบบนี้แล้ว ยังจะทำเรื่องอย่างนี้ออกมาอีก”
ผู้อำนวยการโกวก้มหน้าลง ทั้งหน้าดูทำอะไรไม่ถูกและตื่นกลัว แล้วเขาก็พูดเสียงเบาขึ้นว่า “ฉันก็ไม่รู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ผู้หญิงคนนี้ฉันจัดการจนสะอาดไปแล้วชัด ๆ ทำไมถึงกลับมาได้นะ……”
ดูท่าการปรากฏตัวของเธอ สำหรับฝ่ายโจทก์มาพูดแล้วคงไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่ดีจริง ๆ ล่ะ……
และเป็นอย่างที่คาดไว้ หลังจากที่ผู้พิพากษาถามจบแล้ว เธอก็เริ่มพูดขึ้นว่า “ฉันชื่อช่ายซินซินค่ะ เป็นคนของหย่วนหยางกรุ๊ปที่เมืองCค่ะ ที่มาในครั้งนี้เพราะว่า ฉันจะมาหาคนเพื่อคิดบัญชีค่ะ สำหรับการเข้ามาได้ยังไงนั้น ฉันก็ต้องบอกว่าฉันมาเป็นพยานอยู่แล้วนะซิ” พูดแล้ว เธอก็เก็บรอยยิ้มกลับคืน และหันหน้าไปสายตามองไปทางแท่นฝ่ายโจทก์ ที่ผู้อำนวยการโกวที่เพิ่งจะสงบลงมาได้นิดหนึ่ง
อย่างมองว่าเธอถึงแม้จะหน้าตาสะสวยจริง ๆ แต่ว่าตอนที่เธอโกรธหน้าตาขึงขังขึ้นมานั้น มันทำให้คนรู้สึกตกใจกลัวได้จริง ๆ และโดยเฉพาะผู้อำนวยการโกวที่เป็นโจรแล้วจิตใจไม่ปกติมาพูดแล้วนั้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น ดวงตาของเธอนั้นถลึงตาขึ้นจนเหมือนอย่างกับมีดสองเล่ม แล้วเหมือนกับอยากจะหั่นเขาให้เป็นพันเป็นหมื่นชิ้นยังไงอย่างงั้น
เป็นพยานเหรอ……
พอคำศัพท์สำคัญนี้พูดออกมา ในใจของหยินปู้ฝันและกู้ฮอนก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมา พวกเขาดูออกว่า ในวันนี้ที่ช่ายซินซินมานั้นได้มุ่งเป้าไปที่ผู้อำนวยการโกวแล้ว และปฏิกิริยาแบบนั้น กับแววตาแบบนั้น……
ดูท่าระหว่างพวกเขาเหมือนจะเกิดความขัดแย้งอย่างใหญ่หลวงขึ้นมาแล้ว ปฏิกิริยานี้กับตอนแรกที่พวกเขาเจอเธอที่เมืองC และหลังจากที่พวกเขาแสดงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของพวกเขากับเธอแล้วมันช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีมากจริง ๆ
“คุณช่าย การเป็นมาพยานไม่เหมือนการเล่นละครของเด็กนะ คุณเข้ามาแบบนี้ ถ้าพูดจามั่วซั่วก็จะต้องได้รับโทษตามกฎหมายนะ” เวลานี้ผู้พิพากษาหลิวก็มีความโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว เขาไม่อนุญาตให้ใครวิ่งเข้ามาทำกิริยาแบบนี้ไปเรื่อยในศาลหรอก
ดีนี่ จะมาตามหาคนที่นี่แล้วมาบอกว่าตัวเองมาเป็นพยาน พอมีคนมาเริ่มต้นเป็นตัวอย่างแบบนี้แล้ว กลัวว่าต่อไปที่นี่คงได้กลายเป็นตลาดสดแห่งหนึ่งแล้วมั้ง
นี่มันไม่ใช่การดูหมิ่นองค์กรของประเทศหรอกเหรอ และก็ยังเป็นการเหยียบย่ำความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายแบบหนึ่งอีกด้วย
ช่ายซินซินฟังความหมายของผู้พิพากษาออก เธอยิ้มอย่างไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้นต่อเขาทีหนึ่ง “ในเมื่อฉันพูดไปแล้วว่าจะมาเป็นพยานที่นี่ งั้นฉันก็เป็นพยานดีกว่า คุณวางใจได้ จะต้องไม่ให้คุณต้องเสียหน้าต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้แน่ ๆ”
……
ผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้จะว่าอะไรเธอดีแล้วจริง ๆ รู้สึกว่าทำไมเรื่องการเป็นพยานเหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ เรื่องหนึ่งยังไงอย่างงั้น
ผู้พิพากษาหลิวรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้างแล้วจริง ๆ ในเมื่อผู้หญิงคนนี้พูดอย่างนี้แล้ว งั้นก็ให้เธอมาเป็นพยานเถอะ รออีกเดี๋ยวถ้าตอนที่เธอพูดอะไรไปเรื่อยแล้วละก็ ค่อยมาลงโทษเธอ
แบบนี้ก็ดี คนที่อยากจะเลียนแบบเธอ จะได้รู้สึกตัว
พอผู้พิพากษาหลิวตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ก็เตรียมจะใช้วิธี ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’กับช่ายซินซิน
“ถ้าอย่างงั้นก็เชิญคุณช่ายไปตรงที่คอกพยานเลย แล้วรอการสอบถามจากทนายทั้งสองฝ่ายได้เลยครับ”