เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1025 ช่วงเวลาที่ยากลำบาก
บทที่ 1025 ช่วงเวลาที่ยากลำบาก
พอมาถึงจุดจุดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นที่น่าพูดแล้ว และถ้าหากยังจะต่อล้อต่อเถียงกันต่อไปอีกจริง ๆ แล้วละก็ เขาก็รับประกันได้ยาก ว่าพอถึงสุดท้ายแล้วผู้พิพากษาจะตัดสิบแบบปล่อยเป่หมิงโม่ไปโดยพ้นข้อกล่าวหาหรือไม่
ผู้พิพากษาหลิวพยักหน้า “คำร้องของทนายทั้งสองท่านผมก็ได้ฟังไปหมดแล้ว สำหรับหลักการที่พวกคุณยืนกรานมานั้น ผมก็ได้ครุ่นคิดอยู่ในใจมาแล้ว ทั้งสองคนต่างก็พูดได้ไม่ผิด แต่ว่า ศาลก็คือที่แห่งหนึ่งที่จะต้องตัดสินแบ่งแยกผิดถูกให้ได้ ก่อนที่ผมจะประกาศคำพิจารณาคดีนั้น เชิญทนายทั้งสองกลับไปนั่งที่ที่เดิมของตัวเอง และขอเชิญพยานออกจากคอกพยานด้วยครับ”
ช่ายซินซินก็เหมือนอย่างกับกู้ฮอน เดินออกจากคอกพยาน แล้วเดินไปทางที่นั่งฟัง ไปนั่งด้วยกันกับเธอ
ในศาลกลับสู่สภาพความเงียบสงบอีกครั้ง
“หลังจากผ่านการคิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนของผมแล้ว ตอนนี้ได้ทำการตัดสินดังต่อไปนี้ : ข้อหนึ่ง โจทก์ผู้อำนวยการโกว คุณในฐานะที่เป็นข้าราชของประเทศ แต่กลับมาทำเรื่องที่กระทบร้ายแรงต่อเจ้าหน้าที่ข้าราชการ แต่ว่าเนื่องจากสถานการณ์ของคุณนั้นค่อนข้างพิเศษ เพราะฉะนั้นผมได้เตรียมการไว้ว่าหลังจากเสร็จสิ้นการพิจารณาคดีนี้แล้ว ค่อยจะส่งเรื่องของคุณให้ตุลาการเดินหน้าตรวจสอบอีกขั้นหนึ่ง”
พอผู้อำนวยการโกวได้ยิน ก็เหมือนกับลูกโป่งที่ลมออกหมดแล้วทันที ตัวทั้งตัวนั่งตัวอ่อนอยู่บนเก้าอี้ ถึงแม้เขาจะเป็นแบบนี้ แต่ในใจกลับยังมีความหวังอยู่บ้างเล็กน้อย เขาคาดหวังจะได้พบกับถังเทียนจื๋ออีกสักครั้ง ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ยังถือได้ว่าเป็นที่พึ่งของตัวเอง พวกเขาคงจะไม่ใช่เห็นคนจะตายแล้วยังไม่ช่วยหรอกนะ
พอหยินปู้ฝันและกู้ฮอนได้ยินผลการตัดสินของผู้อำนวยการโกวแล้ว ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันทีเลย “คุณช่าย ต้องขอบคุณคุณมากจริง ๆ ถ้าหากไม่ได้คุณแล้วละก็ คาดว่าพวกเราคงจะได้แต่มองคนชั่วลอยนวลอย่างอิสระอยู่ข้างนอกแน่นอน”
พอช่ายซินซินเห็นจุดจบของผู้อำนวยการโกวแล้ว ก็มีรอยยิ้มขมขื่นเผยออกมา “ขอโทษด้วยนะ ที่จริงตอนแรกฉันไม่ได้กะว่าจะช่วยพวกคุณเลย ถึงแม้จะมาปรากฏตัวที่นี่แล้ว แต่นั่นก็เป็นเพราะแค่เพียงเพื่อช่วยตัวเองเท่านั้น และลวดช่วยพวกคุณด้วยครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นพวกคุณไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก”
พูดจบแล้ว เธอก็ไม่อยากอยู่รอดูการพิจารณาคดีต่อไปอีก “คุณกู้ ได้รู้จักกับพวกคุณครั้งหนึ่งมันทำให้ฉันดีใจมากจริง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะความรู้สึกที่คุณมีต่อเขา มันทำให้ฉันคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องความรักมาก่อน ได้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของมันอีกครั้ง ฉันก็ไม่อยู่ที่นี่นานอีกแล้ว”
พูดแล้ว เธอก็มองไปที่หยินปู้ฝันที่นั่งอยู่ตรงที่ที่นั่งทนายตรงหน้าเหมือนกับว่ามีอะไรอยากพูดแต่ก็ไม่พูด จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางทางออกศาล
ท่าทางของเธอเมื่อกี้ กู้ฮอนได้เห็นกับตาแล้ว หลังจากที่เธอจากไปแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาสักครั้งไม่ได้ พวกเธอต่างก็เป็นผู้หญิง และจากบนตัวช่ายซินซิน เธอก็เหมือนจะเห็นเงาตัวเองเมื่อก่อนอยู่ในตัวเธอบ้าง
ความรู้สึกที่มีชีวิตที่น่าสงสารเหมือนกันได้ถาโถมเข้าสู่จิตใจทันที ผู้หญิงสองคนที่เคยโดนชะตาชีวิตเล่นตลกมาก่อน แต่กลับเลือกทางเดินสองทางที่ไม่เหมือนกัน ในเวลาเดียวกันก็ได้กำหนดชีวิตที่ไม่เหมือนกันของพวกเธอแล้ว
เธอยังจะกลับไปที่ เมืองCอีกไหม? หรือว่าจะหาที่ใหม่ที่ที่ไม่มีใครรู้จักเธอ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง?
สำหรับกู้ฮอนแล้ว เธอหวังมากว่าจะเห็นช่ายซินซินเลือกหนทางที่สอง ถ้าเป็นแบบนั้น อย่างน้อยเธออาจจะยังมีหวังที่จะมีอนาคตที่สดใสได้อีกครั้ง
***
ช่ายซินซินจากไปแล้ว ก็เหมือนอย่างตอนที่เธอมาไม่ผูกติดตัวเองไว้กับสิ่งใด ในสายตาของเธอนั้น กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ทั้งหมดนั้น ก็เป็นเพียงแค่ห่วงที่ผูกมัดเท่านั้น
นี่อาจจะเป็นไปได้สูง เพราะว่าเธอค่อนข้างคุ้นเคยแล้วกับการที่โดนคนอื่นตัดสินว่าเป็นพวกใช้วิธี‘วิชามาร’หรือพวก‘ไม่รักษากฎเกณฑ์’พวกนั้น เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองอยากได้ หรือเป้าหมายที่ตัวเองต้องการทำให้สำเร็จ
เธอเป็นเงาสะท้อนของคนส่วนหนึ่งในสังคมนี้ การกระทำโดยรวมของพวกเขาคือ : ไม่จำเป็นต้องออกไพ่ตามกฎตามเกณฑ์ และมักจะเลือกเดินทางเสี่ยงอันตราย หรือเลือกใช้อุบาย‘สีเทา’บางอย่าง
แน่นอนคนจำพวกนี้ก็แบ่งออกได้เป็นสองประเภท : ประเภทที่หนึ่งคือโดนบีบบังคับ เพราะว่าถ้าหากไม่ทำแบบนี้แล้วละก็ โอกาสที่ตัวเองจะได้เชิดหน้าชูตานั้นก็ยากมาก
เพราะว่าในสังคมนี้ทรัพยากรมากมายนั้นมักจะอยู่ในมือของคนที่มีสิทธิ์ มีเงิน และมีอำนาจ แล้วเอาคนที่อยู่ในตำแหน่งเพียงแค่‘ประชาชนคนรากหญ้า’มาพูดแล้วนั้น ถ้าอยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองแล้วมันช่างมีความยากลำบากอยู่มากมายจริง ๆ
ประเภทที่สอง : พวกเขามีสิ่งที่ทำให้คนอื่นต่างก็อิจฉาอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว อย่างเช่นเงินทอง ตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นต้น แต่ว่าพวกเขาก็ยังคงโลภมากไม่รู้จักพออีก
แต่ช่ายซินซินนั้น เธอก็เป็นแค่คนหนึ่งในคนประเภทที่หนึ่ง และในเวลาเดียวกันเธอก็เป็น‘เครื่องมือ’ของคนประเภทที่สองอีกด้วย
กู้ฮอนนั่งคิดอยู่ที่ที่นั่งฟังไปเยอะแยะมากมาย สำหรับคนที่เหมือนกับช่ายซินซินนั้น ควรจะเกลียดพวกเธอดี? หรือว่าจะต้องเห็นใจดีล่ะ?
นี่เป็นความคิดที่ค่อนข้างสับสนอยู่แต่แรกแล้ว
นี่ก็เป็นอย่างที่เขาว่ากันว่า : คนที่น่าสงสารมักจะต้องมีสิ่งที่ให้เกลียดละมั้ง
การพิจารณาคดีของศาลยังคงดำเนินต่อไป ไม่มีทางเป็นเพราะคนคนหนึ่งหรือว่าเรื่องเรื่องหนึ่งจะมาทำให้ติดขัดได้
ผู้พิพากษาหลิวเดินหน้าคิดวิเคราะห์และกลั่นกรองอย่างละเอียดอีกครั้งสำหรับคำพูดที่ทนายทั้งสองคนพูดมา รวมทั้งคำให้การของพยานด้วย
และในเวลาเดียวกัน ตลอดช่วงเวลาที่เขาพิจารณาคดีอยู่นั้นก็ยังคอยชำเลืองมองเป่หมิงโม่อยู่เป็นพัก ๆ
ท่าทางสงบนิ่งของเขานั้นทำให้ผู้พิพากษามีความรู้สึกตกใจเล็กน้อย โดยเฉพาะตอนที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สู้ดีมาก ๆ ต่อเขานั้น
สิ่งเหล่านี่ทำให้ผู้พิพากษามีความรู้จักใหม่ต่อคนรวยแบบพวกเขาเลยจริง ๆ เพราะว่าจากประสบการณ์ที่เขาเคยผ่านมานั้น คนรวยอย่างพวกเขานี้ถ้าหากว่าสถานการณ์มีผลประโยชน์ต่อพวกเขาก็ยังดี แต่ถ้าหากเกิดสถานการณ์ที่ไม่เป็นผลดีขึ้นมาแล้วละก็ คงจะกระโดดขึ้นมาตะคอกโวยวายไปนานแล้ว ถ้าหากไม่ดีทั้งศาลอาจจะโดนทำให้กลายเป็นที่ที่โกลาหลอลหม่านไปแล้ว
ทนายทั้งสองอยู่ในช่วงเวลาที่ผู้พิพากษากำลังเดินหน้าวิเคราะห์คดีนี้อยู่นั้น จิตใจของทนายทั้งสองคนต่างก็กำลังกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุขอย่างถึงที่สุด
แน่นอนว่าคนที่อยู่ไม่สุขที่สุดก็ต้องเป็นฝ่ายโจทก์อยู่แล้ว ในระหว่างการพิจารณาคดีครั้งนี้นั้นถือได้ว่าพวกเขาเป็นเหมือนกับนั่งรถไฟเหาะยังไงอย่างงั้น เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง โดยเฉพาะพอถึงช่วงครึ่งหลังนั้น สถานการณ์ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างใหญ่หลวง
แน่นอน หยินปู้ฝันเองก็รู้สึกไม่ได้ผ่อนคลายเลยเหมือนกัน คดีนี้สู้กันจนรู้สึกว่าทั้งเปลืองแรงกายและแรงใจ โดยเฉพาะขั้นตอนการเตรียมตัวในช่วงแรกนั้น
เขาไม่เคยต้องใส่ใจกับคดีไหนมากเท่านี้มาก่อนเลยจริง ๆ และที่สำคัญความลำบากนี้นอกจากจะต้องพยายามตามหาพยานและหลักฐานอย่างอื่นแล้ว เขายังต้องคิดหาทุกวิถีทางเพื่อปกปิดแม่ตัวเองด้วย
เรื่องของเป่หมิงโม่ต้องเป็นความลับต่อโลกภายนอก แม่ของเขาถึงจะดูแล้วไม่ค่อยได้ใส่ใจต่อหลานชายคนนี้นัก แต่ว่าในใจของหยินปู้ฝันนั้นชัดเจนดีว่า ที่จริงแล้วแม่ของเขายังคงค่อนข้างใส่ใจความเป็นอยู่ของเขาอยู่มากเช่นกัน
พอช่วงนี้ไม่ค่อยมีข่าวของเป่หมิงโม่แล้ว บางครั้งแม่ของเขาก็จะคอยถามมาเป็นพัก ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเขา
ตอนนี้มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดแล้ว ตกลงตัวเองจะสามารถปกป้องเป่หมิงโม่ได้ถึงขั้นไหนกันนั้น ตอนนี้ก็ต้องมาดูที่การตัดสินของท่านผู้พิพากษาแล้ว
***
หลังจากผ่านช่วงเวลาห้านาทีที่แสนสั้นและทำให้ทุกคนจิตใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไปแล้วนั้น
ในที่สุดผู้พิพากษาก็ได้ทำการตัดสินใจแล้ว “ตอนนี้ กระผมจะขอประกาศผลสรุปของการพิจารณาคดีนี้แล้ว”
ทนายทั้งสองฝ่ายรวมทั้งลูกความ ยังมีคนที่นั่งอยู่ในที่นั่งฟังอย่างกู้ฮอนล้วนเอาสายตามองไปทางเขา
ตอนนี้มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดแล้ว
“สำหรับผลการพิจารณาคดีที่จำเลยเป่หมิงโม่ได้กระทำการอุกอาจทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานของรัฐ รวมทั้งฝ่าฝืนบุกรุกเข้าไปในเขตสถานที่ราชการนั้นสรุปได้ดังนี้ : สำหรับเรื่องที่จำเลยเป่หมิงโม่ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานของรัฐนั้น หลังจากที่ผ่านการถกเถียงของทนายทั้งสองรวมทั้งพยานมาขึ้นศาลให้การแล้ว ถึงแม้จำเลยเป่หมิงโม่ได้กระทำการทำร้ายร่างกายจริง แต่เป็นเพราะกระทำไปโดยมีเหตุผล เพราะฉะนั้นศาลจึงขอตัดสินว่าจำเลยเป่หมิงโม่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย”
ตอนที่หยินปู้ฝันฟังมาถึงตอนนี้นั้น รู้สึกมีความปลื้มปีติอย่างล้นหลามขึ้นมาจริง ๆ เขากำหมัดของตัวเองเข้าไว้ด้วยกันอย่างแน่น
บนใบหน้าของกู้ฮอนก็มีรอยยิ้มโผล่ออกมา และในเวลาเดียวกันก็หันสายตามองไปที่เป่หมิงโม่
แต่ว่า ปฏิกิริยาของเขาตอนนี้กับตอนระหว่างพิจารณาคดีไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลย
เจ้าหมอนี่ นี่ตกลงมันเรื่องอะไรกัน หรือว่ามีใบหน้าที่ไร้อารมณ์ตลอดเวลามันเท่นักหนาเหรอ?
สำหรับทางด้านฝ่ายโจทก์นั้น ทนายก็อย่าให้พูดถึงเลย แพ้จนเจ็บใจมากพอแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตัวเองได้อยู่เหนือลมแล้วเชียว แต่พอหลังจากที่มีผู้หญิงที่ชื่อช่ายซินซินปรากฏขึ้นมา สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลย
ในตอนแรกที่ตัวเองรับคดีมานั้น ไม่เคยมีใครบอกตัวเองมาก่อนว่า ผู้อำนวยการโกวท่านนี้ที่ดูแล้วน่าสงสารนี้จะยังมีข่าวซุบซิบนินทาแบบนี้โผล่ออกมาได้ นี่มันเกือบโดนเขาทำให้ซวยตายอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ทำได้แค่เอาความหวังทั้งหมดมาไว้ที่การตัดสินคดีที่เหลือแล้ว
สำหรับผู้อำนวยการโกวแล้วนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง โดนต่อยยกนี้ถือว่าโดนฟรีแล้วไม่ว่า ส่วนประโยชน์อะไรนั้นตัวเองก็ไม่ได้สักอย่าง ทั้งหมดนี้ต้องโทษเจ้าหมอนั่นที่ส่งไปจัดการช่ายซินซิน ตอนนั้นมันยังรับประกันกับตัวเองว่าสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน แต่วันนี้เขาถือได้ว่าเห็นผีตอนมีชีวิตอยู่แล้ว จัดการเธอไม่ได้ไม่พอ แต่กลับยังโดนเธอย้อนกลับมากัดอีกคำด้วย
เมื่อกี้เขาก็ได้ยินชัดเจนแล้วว่า เรื่องของตัวเองยังไม่ถือว่าจบ คิดว่าหลังจากที่ตัวเองออกจากศาลนี้ไปแล้ว ก็คงต้องเข้าห้องสอบสวนต่อแน่ ๆ
ในเวลานี้ เขาเริ่มเกลียดถังเทียนจื๋อขึ้นมาบ้างแล้ว เขาเป็นคนหาทนายมาให้ และเรื่องที่จัดการช่ายซินซินก็เพราะเขาเป็นคนบอกให้ตัวเองทำแบบนั้น
แล้วดูซิว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น สู้คดีมาจนถึงตอนนี้ สรุปตัวเองโดนตัดสินว่าโดนต่อยฟรี และช่ายซินซินก็ยังมีชีวิตอยู่ทนโท่และยังมายืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง ยังขุดเอาเรื่องเก่าของตัวเองออกมาพูดอีก……
แน่นอนว่า ที่ผลมันเป็นแบบนี้ก็เพราะว่ากรรมที่เขาก่อไว้
ไม่ว่ายังไง ในใจลึก ๆ ของคนเหล่านี้ ต่างก็มีความคิดที่ไม่เหมือนกันอยู่
ผู้พิพากษาประกาศคำตัดสินการพิจารณาที่เหลือต่อ “สำหรับคำตัดสินเรื่องที่จำเลยขับรถฝ่าด่านโดยไม่สนใจการสกัดกั้นและบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการนั้นมีดังต่อไปนี้ : หลังจากผ่านการให้การของพยานแล้ว จำเลยเป่หมิงโม่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้รับการอนุญาต แล้วขับรถฝ่าฝืนเข้าไปในสถานที่ราชการ ทำให้ทรัพย์สินสาธารณะเสียหายอย่างหนัก และรบกวนระเบียบการทำงานตามปกติ และในขณะเดียวกันก็ยังทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อสังคมอีกด้วย……”
พอฟังมาถึงตรงนี้ ความรู้สึกปลื้มปีติของหยินปู้ฝันเมื่อกี้ ก็ลดฮวบลงไปทันที นี่ฟังดูแล้วสถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ได้ดีไปซะขนาดนั้น
แต่ว่ามันก็ถูก ที่เป่หมิงโม่ทำไปนั้นมันก็เกินไปหน่อยจริง ๆ ตอนนี้ก็มารอดูต่อไปว่าจะตัดสินกันยังไงดีกว่า
ผู้พิพากษาพูดต่อ “ แต่ถึงอย่างนั้น เพราะว่าสถานการณ์ค่อนข้างพิเศษ รวมทั้งไม่ได้ทำให้เกิดการเสียหายถึงแก่ชีวิตแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น กระผมขอตัดสินโทษจำเลยเป่หมิงโม่ด้วยโทษสถานเบาดังนี้ : ตัดสินให้จำเลยเป่หมิงโม่รับโทษจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปี และรอลงอาญาเป็นเวลาหนึ่งปี”
หลังจากที่กล่าวจบแล้ว ค้อนแกเฟิลก็ถูกเคาะลง……
***
ตามหลังค้อนแกเฟิลที่เคาะลงไปนั้น ผู้คนทั้งหมดในที่นี้ก็ถือได้ว่าโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง
มีระยะเวลาหนึ่งปี รอลงอาญาเป็นเวลาหนึ่งปี……
สำหรับผลนี้หยินปู้ฝันและกู้ฮอนต่างก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก แบบนี้ก็หมายความว่าเกือบจะเทียบเท่ากับว่าเป่หมิงโม่โดนปล่อยตัวอย่างไร้ความผิดแล้ว
เพราะว่าขอแค่ในช่วงระยะเวลารอลงอาญาประพฤติตัวเป็นคนดี ก็จะสามารถได้รับการลดโทษหรือไม่ต้องได้รับโทษแล้ว
มีคนดีใจและก็มีคนโศกเศร้า คนที่สภาพจิตใจย่ำแย่ที่สุดก็น่าจะเป็นทนายฝ่ายโจทก์รวมทั้งผู้อำนวยการโกวด้วย
หลังจากที่ค้อนเคาะลงได้ไม่นาน ผู้อำนวยการโกวท่านนี้ก็โดนตำรวจที่เฝ้าอยู่หน้าประตูศาลมาพาตัวไปแล้ว
ส่วนทนายที่ยังอยู่ต่อ คนทั้งคนก็เหมือนกับมะเขือที่โดนน้ำค้างแข็งเกาะยังไงอย่างงั้น ไม่มีความมั่นใจแล้ว ก้มหน้าท้อใจและเอามือขยำเอกสารบนโต๊ะอย่างแรงจนเป็นก้อนกระดาษเล็ก ๆ แล้วโยนลงไปบนพื้นอย่างแรง