เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1036 ความกังวลใจของเป่หมิงยี่เฟิง
- Home
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1036 ความกังวลใจของเป่หมิงยี่เฟิง
บทที่ 1036 ความกังวลใจของเป่หมิงยี่เฟิง
“คุณ ไม่ใช่ว่าพวกคุณมีความสัมพันธ์และร่วมมือกับบริษัทเป่หมิงอยู่หรือ นอกจากนี้……” เธอไม่ได้เอ่ยพูดต่อ
“แน่นอนว่าการร่วมมือกับพวกเขายังคงดำเนินต่อไป เพียงแต่ว่าก็เหมือนกับฉิงฮัว ทางฝ่ายนี้ก็มีพนักงานที่รับผิดชอบติดต่อพูดคุยโดยเฉพาะเช่นกัน ดังนั้นผมไม่มีความจำเป็นต้องถามอะไรมาก นอกจากนี้ ช่วงระยะเวลานี้ หลังจากที่เป่หมิงยี่เฟิง เจ้าเด็กนั่นขึ้นดำรงตำแหน่ง บริษัทก็มั่นคงมากกว่าเดิมเยอะ รวมถึงไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายหรือข่าวอะไรออกมาด้วย เมื่อเทียบกับตอนที่คุณเป็น”
“คุณอย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับเขาได้หรือไม่ ตอนนั้นฉันก็แค่ถูกบีบให้ขึ้นไปทำ ทั้งที่ความสามารถไม่ถึงเท่านั้นเอง ฉันได้ยินมาว่าหลังจากที่ยี่เฟิงขึ้นดำรงตำแหน่งแล้ว ก็ได้จัดการปรับปรุงบุคลากรภายในบริษัทครั้งใหญ่ เพียงแต่คนเดียวที่ไม่ถูกขยับ ก็คือฉิงฮัว”
“อืม” เป่หมิงโม่ที่ขับรถอยู่ก็รับคำง่ายๆประโยคหนึ่ง
จากน้ำเสียงก็ฟังออกว่า เขาไม่มีความสนใจในหัวข้อสนทนานี้
กู้ฮอนเห็นท่าทางการแสดงออกแบบนี้ของเขาแล้ว สุดท้ายก็ปิดปากไม่พูดอะไรอีก
เธอแอบพูดกับตัวเองในใจเงียบๆ “กู้ฮอนนะกู้ฮอน เจ้าของเรื่องไม่ร้อนใจ แต่คนรอบข้างร้อนใจแทนเสียแล้ว ตอนนี้จิตใจของเป่หมิงโม่ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วรู้หรือไม่ สภาพการณ์แบบนี้ในตอนนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ
เรื่องทั้งหมดล้วนกลับสู่ความสงบ ไม่มีความขัดแย้งใดๆเกิดขึ้น…….
ความสงบ เมื่อคิดถึงความสงบ กู้ฮอนก็รู้สึกถึงความไม่สบายใจที่ผุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่รู้สึกเป็นครั้งแรก ดูเหมือนว่ากำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้กับตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
*
“ประธานเป่หมิง อีกไม่กี่วันก็จะถึงการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสแล้ว พวกเราจำเป็นต้องการจัดงานเลี้ยงค็อกเทล เพื่อเป็นการขอบคุณหลายๆบริษัทที่ให้ความร่วมมือกับบริษัทเป่หมิงมาในช่วงระยะเวลาหนึ่งหรือไม่ แบบนี้จะเป็นการรวมอำนาจใหม่ในปีหน้า เพื่อที่จะทำให้พวกเราสามารถยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงไม่มีวันแพ้หรือ”
ถังเทียนจื๋อที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉิงฮัวเอ่ยพูดแล้วลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานของเป่หมิงยี่เฟิง พลางนำเอกสารที่จัดการเสร็จเรียบร้อยวางลงบนโต๊ะ “นี่คือรายชื่อผู้ได้รับเชิญที่ผมร่างเสร็จแล้วฉบับหนึ่ง สำหรับเรื่องที่อยากจะเชิญใคร ไม่อยากเชิญใคร คุณก็ตัดสินใจเองนะ”
หลังจากเป่หมิงยี่เฟิงมองดูแวบหนึ่งแล้วก็พยักหน้า “ได้ ฉันจะหาเวลาว่างมาดู ส่วนเรื่องสถานที่จัดงานก็ให้คุณเป็นคนจัดการแล้วกัน”
“OK ผมจะต้องจัดงานเลี้ยงค็อกเทลที่ทำให้ผู้คนไม่มีทางลืมไปได้ชั่วชีวิตอย่างแน่นอน” ถังเทียนจื๋อยิ้มให้เขา จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปยังที่นั่ง
ฉิงฮัวเงยหน้ามองเขา พลางขมวดคิ้วน้อยๆ เจ้านี่คิดจะทำอะไรอีก
***
แม้ว่าฉิงฮัวจะมีความสงสัยต่อถังเทียนจื๋อมากมาย แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถทำอะไรได้
สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำก็เพียงแค่อยู่นิ่งๆรับมือกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น
ภายในระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เขาทำแบบนี้มาโดยตลอด
ไม่มีความขัดแย้งใดๆกับถังเทียนจื๋อเป็นการชั่วคราว แบบนี้สามารถรักษาอำนาจที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเอาไว้ได้
เป่หมิงยี่เฟิงหยิบรายชื่อฉบับนั้นขึ้นมา กวาดตาอ่านรายชื่อที่อยู่บนนั้นทีละคนทีละคนรอบหนึ่ง จนกระทั่งเขาอ่านเจอชื่อของเป่หมิงโม่ คิ้วก็ขมวดน้อยๆ
คำอธิบายตำแหน่งที่อยู่ด้านหลังชื่อเขาคือ ตัวแทนประธานบริษัทGT
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นชื่อของเป่หมิงโม่อีกครั้งบนเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร
นับตั้งแต่ที่ได้รับรู้ถึงการพิจารณาตัดสินคดีควบคุมความประพฤติเป่หมิงโม่เป็นเวลาหนึ่งปีเป็นการสิ้นสุดแล้ว ก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของเขาอีก กระทั่งเขาเข้ารับตำแหน่งตัวแทนประธานบริษัทGT ก็ล้วนไม่ชัดเจน
แน่นอนว่า นี่ก็เป็นสิ่งที่เป่หมิงโม่ไม่ให้ฉิงฮัวบอกเขา
ส่วนที่ว่าทำไมถังเทียนจื๋อถึงไม่ได้บอกเขาในเรื่องนี้ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแล้ว
วันนั้น นอกจากรู้ว่าเป่หมิงโม่ออกมาแล้ว ก็ยังได้รู้ข่าวที่ผู้อำนวยการโกวเข้าไปอย่างไม่คาดฝันด้วย หลายวันถัดมา ก็ได้รับภาพเป็นการยืนยันเช่นกัน
ผู้อำนวยการโกวถูกกรรมาธิการวินัยปลดให้พ้นจากสภาพการเป็นสมาชิกพรรค เพราะปัญหาเรื่องวิธีการทำงาน ทั้งยังถูกส่งตัวไปที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อดำเนินการตรวจสำนวนและตัดสินในขั้นต่อไป
ข่าวนี้ทำให้เป่หมิงยี่เฟิงเคร่งเครียดไปช่วงเวลาหนึ่ง เพราะในใจของเขาชัดเจนเป็นอย่างมากถึงความสัมพันธ์ด้านผลประโยชน์ระหว่างตัวเอง ผู้อำนวยการโกว และถังเทียนจื๋อ
ในไม่ช้าเป่หมิงยี่เฟิงก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง เพราะตัวเองและถังเทียนจื๋อไม่ได้รับผลกระทบใดๆ และอยู่อย่างสงบสุขไร้ความขัดแย้งเช่นกัน
หลายเดือนถัดมา สุดท้ายแล้วเงามืดที่เก็บอยู่ในใจส่วนใหญ่ก็ถูกกำจัดออกไปแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ช่วงเวลาที่เป่หมิงยี่เฟิงเข้ารับตำแหน่งนี้ ได้ทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทเป่หมิงเป็นอย่างมากหลายเรื่อง
ก่อนอื่นการเปิดประมูลเสนอราคา Modern city ที่เป็นของภาครัฐ เขาก็นำกลุ่มโครงการที่ยอดเยี่ยมที่สุดของบริษัทเป่หมิงเข้าร่วมต่อสู้จนสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและบริษัทเป่หมิงในแวดวงธุรกิจการก่อสร้างมากยิ่งขึ้น
ในเวลาเดียวกัน แม้ว่าจะมีวันหนึ่งที่ผู้อำนวยการโกวดึงตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง อย่างนั้นก็ยังสามารถใช้โครงการก่อสร้างที่ยอดเยี่ยมนี้มาพิสูจน์ตัวเองได้ว่า นี่เป็นการอาศัยความสามารถ ไม่ได้ใช้แผนการอื่นอะไรในการต่อสู้เพื่อให้ได้มา
หลังจากได้รับการสืบทอดบริษัทเป่หมิงจากคุณปู่และอารอง เป่หมิงยี่เฟิงก็อยากจะสร้างความรุ่งโรจน์อีกเป็นครั้งที่สามอย่างจริงใจ ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีความมั่นใจมาก
*
เป่หมิงโม่นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน ตอนนี้เขาไม่ได้นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับหันหน้าไปทางหน้าต่างบานใหญ่ มองเกล็ดหิมะที่ยังคงบินว่อนโปรยปรายอยู่ที่ด้านนอก ไปจนถึงสามารถมองเห็นโครงร่างอาคารใหญ่ของบริษัทเป่หมิงได้อย่างเลือนราง
ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มประดับเล็กน้อย คิดถึงท่าทางเอ๋อๆของกู้ฮอนตอนที่อยู่บนรถ
“กริ๊ง…..” หลังจากโทรศัพท์ภายในบนโต๊ะทำงานดังขึ้นสองครั้ง ก็มีเสียงของเลขาลอยออกมา “ประธานเป่หมิง เมื่อครู่ดิฉันได้รับการ์ดเชิญที่ส่งมาจากบริษัทเป่หมิงค่ะ”
การ์ดเชิญที่ส่งมาจากบริษัทเป่หมิงหรือ
“คุณนำมันเข้ามาเถอะ” เป่หมิงโม่เอ่ยจบ เท้าก็ออกแรงดันบนพื้นเบาๆ หมุนกลับไปยังโต๊ะทำงานอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ประตูห้องทำงานถูกผลักให้เปิดออกจากด้านนอกนั้น เขาก็นั่งตัวตรงอยู่ตรงนั้นแล้ว
หญิงสาววัยรุ่นรูปร่างสูงเพรียว สวมชุดทำงานคอวี สีดำทั้งตัวเดินเข้ามา ในมือขาวเนียนข้างนั้นของเธอมีการ์ดเชิญสีแดงอยู่ใบหนึ่ง
“นี่ค่ะ ประธานเป่หมิง”
เป่หมิงโม่พยักหน้าให้เธอเบาๆ “คุณวางไว้ตรงนั้นเถอะ”
“ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นรับคำ โค้งตัวลง วางการ์ดใบหน้าลงบนโต๊ะทำงานด้านหน้าเขา
***
เสี้ยววินาทีที่เลขาสาวโค้งตัวลงวางการ์ดเชิญนั้น คล้ายกับว่าสามารถมองเห็นส่วนลึกที่อยู่ด้านในจากปกคอเสื้อที่เปิดอยู่ได้
“ประธานเป่หมิง ขอประทานโทษค่ะ ตอนที่ฉันได้รับการ์ดเชิญก็อดไม่ได้ที่จะดูสักหน่อย นี่เป็นการ์ดเชิญที่ทางบริษัทเป่หมิงส่งมาเพื่อเชิญคุณไปเข้าร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลที่พวกเขาจัดในวันคริสต์มาสอีฟ ฉันทราบว่า คุณเคยเป็นประธานบริษัทของพวกเขามากก่อน ไม่ทราบว่างานเลี้ยงค็อกเทลครั้งนี้ คุณจะพาฉันไปหรือไม่คะ”
เธอพูด ขณะที่นิ้วมือขาวเรียวยาวก็ลูบผ่านการ์ดเชิญใบนั้นไปเบาๆ จนทำให้เกิดส่งเสียงกรอบแกรบออกมา
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาอีกครั้งหนึ่ง “เลขาหลัว เรื่องนี้ผมจัดการเองได้ คุณไม่ต้องเป็นกังวล รู้หรือไม่”
เมื่อพบกับสีหน้าเย็นชาของเป่หมิงโม่ ก็ทำให้เลขาหลัวอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกสั่นเทาในใจ
เธออาจจะไม่รู้ว่า ก่อนหน้าตัวเอง มีเลขาสิบกว่าคนที่คิดจะใช้รูปร่างหน้าตาที่สวยงามมายั่วยวนเขาถูกเป่หมิงโม่ไล่ออกไป
หลังจากที่เธอไม่ได้การตอบรับ ก็ทำได้เพียงแค่ยืดตัวตรงขึ้นใหม่อย่างเชื่อฟัง “ประธานเป่หมิง ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
เป่หมิงโม่หยิบการ์ดเชิญขึ้นมาดู แล้วโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “คุณออกไปเถอะ”
ตอนที่เลขาหลัวเดินออกไปแล้วกำลังจะปิดประตูนั้น ก็ได้ยินเป่หมิงโม่เอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ผมหวังว่าหลังจากนี้คุณจะแต่งกายให้สุขุมกว่านี้ มิฉะนั้น ผมก็ทำได้เพียงแค่เชิญคนที่ยอดเยี่ยมกว่านี้มาอีกคนแล้ว”
“ประธานเป่หมิง ดิฉันทราบแล้วค่ะ ดิฉันรับประกันว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก” เธอเอ่ยจบก็ปิดประตูเบาๆอย่างเศร้าหมอง
เป่หมิงโม่ถอนหายใจเสียงเบา จากนั้นก็อ่านการ์ดใบนั้น
โดยเฉพาะจุดที่เป่หมิงยี่เฟิงลงชื่อในตอนท้าย
ตอนนี้ดูท่าจะไม่สามารถหลบเลี่ยงไม่เจอหน้ากันได้อีกแล้ว ถือว่าเพื่อการร่วมมือระหว่างสองบริษัท การประชุมครั้งนี้ก็จำเป็นต้องไปเข้าร่วมแล้ว
ส่วนที่ว่าต้องพาสาวสวยไปด้วยคนหนึ่งนั้น ในใจของเป่หมิงโม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมอยู่แล้ว
*
“หยินปู้ฝัน วันนี้นายไม่ต้องไปทำงานหรือ อยู่ที่นี่มานานแล้วนะ” กู้ฮอนกำลังใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดโต๊ะเก้าอี้ที่ร้านเฟอร์นิเจอร์เพิ่งนำมาส่งเมื่อครู่นี้
ที่จริงแล้วหยินปู้ฝันก็ไม่ได้ว่าง คราวนี้เขากำลังนั่งอยู่บนบันไดสูง ติดตั้งหลอดไฟประหยัดพลังงานอย่างระมัดระวัง
เขาก้มหน้ามองกู้ฮอน “แน่นอนว่าฉันต้องทำงานอยู่แล้ว แต่เธอดูงานพวกนี้สิ เธอกับแอนนิ ใครสามารถทำได้”
“แน่นอนว่าพวกเราสามารถเรียกช่างไฟมาจัดการได้ ให้ทนายความผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเหมือนนายมาติดตั้งหลอดไฟให้พวกเรา พวกเราจ้างไม่ไหวหรอก” กู้ฮอนยิ้ม พลางเอ่ยพูด
“ฉันน่ะเรียกว่าทำงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนสักบาทหนึ่งยังไม่พออีกหรือ”
“พวกเธอคุยอะไรถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้กัน” ตอนนี้เองที่แอนนิอุ้มกล่องเดินเข้ามาจากด้านนอกกล่องหนึ่ง
“ไม่มีอะไร เมื่อตะกี้นี้กำลังตรวจสอบปัญหาการว่าจ้างทนายความใหญ่มาเป็นพนักงานจิปาถะให้กับพวกเราจำเป็นต้องจ่ายเท่าไร” กู้ฮอนพูดพลางยิ้ม
ในตอนนี้ หยินปู้ฝันก็ติดตั้งหลอดไฟประหยัดพลังงานหลอดสุดท้ายเสร็จ เขาลงมาจากบันได เดินไปถึงด้านหน้าแอนนิ และรับกล่องนั้นมา “ด้านในคือของอะไร ทำไมถึงได้หนักอยู่บ้าง”
“ขอบคุณค่ะ ด้านในคือของตกแต่งนิดๆหน่อยๆที่ฉันซื้อไว้ตอนจะเปิดกิจการ และมีอาหารกลางวันของพวกเราสามคน รบกวนคุณช่วยวางไว้ที่ด้านในบาร์หน่อยค่ะ”
“จะพูดอย่างไร พวกเราก็เป็นคนคุ้นเคยกันแล้ว ไม่ต้องเกรงใจอะไร” หยินปู้ฝันพูด พลางหมุนตัวกลับไปอุ้มกล่องเดินเข้าไป
อาศัยตอนที่หยินปู้ฝันจากไปแล้ว กู้ฮอนก็ดึงแอนนิไปอีกด้านหนึ่ง เอ่ยเสียงเบากับเธอว่า “ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่า วันนี้เขาไม่ปกติอยู่บ้างกันนะ”
***
แอนนิหันไปมองหยินปู้ฝันแวบหนึ่ง ก็เห็นเพียงแค่เขากำลังยุ่งอยู่กับการหยิบของแต่ละชิ้นออกมาจากกล่อง
จากนั้นเธอก็พูดกับกู้ฮอนว่า “เขาก็เหมือนกับเมื่อก่อนนะ ไม่มีอะไรผิดปกตินิ”
“เธอน่ะ เก็บตัวอยู่ในบ้านนานเกินไปแล้วจริงๆ กระทั่งสมองก็ยังล่าช้าไม่คล่องแคล่วด้วย อย่างอื่น ฉันมองไม่ออก แต่มากน้อยอย่างไร ฉันก็ยังเข้าใจเขา นี่เห็นได้ชัดเจนว่าทำดีกับเธอเพื่อหวังผล หรือว่าเขาจะสนใจเธอกัน”
กู้ฮอนพูด ยิ้มให้เธออย่างลึกลับ
ประโยคนี้สำหรับแอนนิก็เหมือนกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาในวันที่ฟ้าใส เบื้องลึกในหัวใจของเธอสั่นสะเทือนไม่น้อย
สำหรับเรื่องความรัก หลังจากที่จบสิ้นชีวิตแต่งงานครั้งที่แล้วไป ก็ไม่ได้คิดเพ้อฝันและจินตนาการอีก ดังนั้นเธอจะพบกับผู้ชายคนไหน ก็ไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าของเธอมีสีแดงระเรื่อปรากฏขึ้นมาชั่วครู่ ไม่กล้าหันกลับไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังคนนั้น เธอเอ่ยตะกุกตะกักว่า “ฮอน เธอ เธออย่าล้อเล่นแบบนี้ได้ไหม ระหว่างฉันกับคุณหยินปู้ฝันมีความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกันเท่านั้น ไม่ได้สนิทกับฉันเท่ากับคุณฉิงฮัวเลย……นี่เป็นไปไม่ได้ จะต้องเป็นเธอที่คิดไร้สาระอีกแน่นอน”
เธอพูด พลางคว้าผ้าขี้ริ้วมาผืนหนึ่ง เริ่มเช็ดโต๊ะและม้านั่ง
กู้ฮอนเห็นว่าเธอมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้แล้วก็ยิ้มน้อยๆ เขยิบไปข้างกายแอนนิ “เธอจะตื่นเต้นขนาดนี้ทำไมกัน ฉันก็แค่สมมติเรื่องหนึ่งกับเธอเท่านั้นเอง แต่จะว่าไป ฉันมองออกจริงๆนะว่าเขาสนใจเธออยู่บ้าง ถ้าหากว่าเธอไม่เชื่อล่ะก็ อย่างนั้นฉันจะช่วยเธอพิสูจน์ก็ได้”