เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1064 ให้คุณได้เกินครึ่ง
บทที่ 1064 ให้คุณได้เกินครึ่ง
เห็นว่าไม่มีร่างของเป่หมิงโม่อยู่ในห้องนี้ แต่ยังสามารถได้ยินเสียง
มองไปที่ประตูบานนั้นของห้องนอนอีกครั้ง มันยังคงถูกดันอยู่ และไม่มีร่องรอยของการขยับ
หรือเป่หมิงโม่จะรู้วิธีการทะลุกำแพง แต่เสียงนั่นช่างอยู่ใกล้กับตนเองมากจริงๆ
ในที่สุด ประตูเสื้อผ้าตู้หนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงได้ถูกผลักออกมาจากข้างใน
เป่หมิงโม่เดินออกมาจากข้างใน เขาโยนเสื้อผ้าในมือบางส่วนให้กู้ฮอนที่ยังคงมองตัวเองอย่างงุนงง “ใส่เสื้อผ้าพวกนี้ก่อน ของพวกนี้ยังคงอยู่ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ก็พอที่จะเตรียมพร้อมจากตรงนี้ได้บ้าง ไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็มีเสมอ”
ไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็มีเสมอ……
ความหมายของเขาในตอนนี้นั้นชัดเจนมากจริงๆ การกระทำเช่นนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการอยากให้ตนเองอยู่กับลูกที่นี่
สิ่งนี้อดไม่ได้ที่ทำให้เธอคิดถึงตอนแรก เขาเคยให้กุญแจไว้กับตนเอง เพียงแต่ว่าในตอนนั้นยังไม่ได้รับเอาไว้
ด้วยเหตุนี้ แน่นอนว่าเขาตอนนั้นเมื่อเทียบกับเขาตอนนี้ รู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป
แม้ว่าตอนนี้รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป แต่มันกลับเปลี่ยนไปมากแล้วจริงๆ
*
หยางหยางและจิ่วจิ่วทั้งสองที่ไม่มีอะไรทำ กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะอาหารกินลูกเกด และพูดคุยหัวเราะดูผ่อนคลายจริงๆ
แต่เมื่อเป็นอย่างนี้ กลับทำให้เฉิงเฉิงต้องเหนื่อย
แต่ใครให้เขาทำงานหนักกว่าคนอื่นล่ะ
ถึงแม้ว่าจะเป็นครั้งแรกของเฉิงเฉิง แต่กลับดูเข้าท่า ดูแล้วคนที่มีไอคิวสูง เรียนรู้อะไรก็ทำได้อย่างนั้น
อันที่จริง ไม่ใช่ว่าไอคิวของหยางหยางจะเทียบเฉิงเฉิงไม่ได้ แต่ศักยภาพของเขายังไม่ได้แสดงออกมามากนัก แต่เฉิงเฉิงได้ถูก ‘การพัฒนา’ แล้ว
***
จากนั้นไม่นาน ในห้องครัวก็มีกลิ่นลอยออกมา มันเป็นกลิ่นหอมของแป้งแต่ผสมกับกลิ่นหอมของสิ่งอื่นๆด้วย
“กลิ่นนี้ดมดูแล้วก็ไม่เลวจริงๆ เฉิงเฉิง นายเอามาให้ฉันชิมหน่อย” หยางหยางไม่อยากจะพลาดโอกาสใดๆที่จะได้เอาอะไรเข้าปาก
“ให้นายชิมหรือ ขืนให้นายชิม สิ่งที่ฉันทำไปเท่าไหร่ก็ต้องถูกนายกินจนหมดแน่” เฉิงเฉิงใช้ไม้พายแซะขนมที่อบเสร็จแล้ววางไว้บนจานเซรามิกสีขาวที่เพิ่งจะล้างเสร็จ แต่เขาไม่ได้เอาไปวางไว้ที่โต๊ะอาหาร
แน่นอนว่าที่ทำแบบนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้หยางหยางแอบกิน
วางเอาไว้ข้างเตา ตนเองจะได้มองเห็น
หยางหยางได้ยินประโยคนี้ ที่ดูเหมือนว่าตนเองกำลังถูกดูหมิ่น เขาขมวดคิ้ว “ฉันพูดอะไรไม่มีเหตุผลหรือ นายอย่าลืมว่า ฉันเป็นนักชิมตัวน้อยในบ้านของพวกเรา นายลองดูสิว่าครั้งไหนที่ฉันพูดว่าของอร่อย พวกเขาก็มักจะกินแล้วเห็นด้วยกับความคิดของฉัน”
“หลังจากพี่หยางหยางชิมแล้ว มันก็จะเหลืออยู่ไม่มากจริงๆ ครั้งก่อนป้าแอนนิทำหมี่ผัดยี่หร่า เดิมทีก็มีอยู่ไม่มาก หลังจากนายชิมก็เหลือไม่มากแล้ว พวกเราแต่ละคนก็ได้กันคนละนิด กินก็กินไม่อิ่ม สุดท้ายยังดีที่ป้าแอนนิยังทำอาหารชนิดอื่นอยู่บ้าง นี่แหละพวกเราถึงได้กินจนอิ่ม”
หยางหยางไม่คิดเลยว่าจิ่วจิ่วจะมาพูดตัดตอนตัวเองในตอนนี้ ใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นทันที
ตอนนี้เฉิงเฉิงไม่มีเวลามาโต้เถียงกับพวกเขา หลังจากที่ชิมไปชิ้นเล็กๆ ก็รู้สึกว่ารสชาติแย่ลงไปหน่อย
แต่เขาก็ได้รีบปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว และทำจานที่สองจนเสร็จด้วยความคุ้นเคยและคล่องแคล่ว
ต่อมา ยิ่งทำก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆจริงๆ จากนั้นไม่นานก็ได้ออกมาสิบจาน
“จ๊อก……” ในที่สุดท้องของหยางหยางก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมา
*
หลังจากที่เป่หมิงโม่โยนเสื้อผ้าไปให้กู้ฮอน แล้วได้หายเข้าไปข้างในบานประตูของตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ ดูเหมือนว่าจะเพราะเป็นการ ‘ให้อภัย’ เมื่อกี้ กู้ฮอนเลยรู้สึกได้ถึงความหดหู่เล็กน้อย
สิ่งที่คิดว่าจะได้รับลอยหายไปแล้ว
ถ้าจะพูดให้ถูกก็ต้องบอกว่าตนเองเป็นคนปล่อยให้สิ่งที่จะได้รับลอยหายไปเอง
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หลังจากความหดหู่นี้กลับรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายที่หาอะไรเปรียบไม่ได้ของตนเอง เขาสามารถขอร้องปีศาจตัวน้อยที่อยู่ลึกภายในใจของตนเองได้จริงๆ
เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว แน่นอนว่าร่างกายนี้ก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปกับร่างกายของคนปกติ
กู้ฮอนอาศัยจังหวะนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเอง
ไม่ต้องพูดถึง เสื้อผ้าพวกนี้ที่หมิงโม่ได้เตรียมไว้อย่างพอดีกับตัวเธอ การค้นพบนี้ทำให้เธอต้องรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
เขารู้ขนาดสัดส่วนของตนเองได้อย่างไร ข้อมูลเหล่านี้ไม่เคยบอกกับเขามาก่อน หรือว่าเขาจะรู้จักตนเองอยู่ในระดับนี้แล้วหรือ
ทำให้เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอจึงไปที่หลังบางประตูตู้เสื้อผ้า
สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “คุณใส่เสื้อผ้าชุดเดิมทุกวันแบบนี้ ทำไมถึงได้มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใหญ่โตขนาดนี้ อีกอย่างเสื้อผ้าที่อยู่ข้างในก็ไม่รู้สึกว่าจะต้องใช้พื้นที่เปลืองขนาดนี้”
เป่หมิงโม่สวมเนกไทหน้ากระจกราวกับว่าแต่งตัวกำลังจะออกไปข้างนอก เขาหันไปมองเธอ “ถ้าคุณชอบห้องแต่งตัวนี้ล่ะก็ สามารถให้คุณได้เกินครึ่ง
ให้ฉันได้เกินครึ่ง……หลังจากกู้ฮอนได้ยิน ใบหน้าค่อยๆแดงอีกครั้ง นี่เป็นการเชื้อเชิญที่ตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว
***
ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาในวันนี้ ทุกๆเรื่องก็ดูน่าเหลือเชื่อมาก ยังทำให้กู้ฮอนปรับตัวได้ยากจริงๆ
“ฉัน ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามคุณอย่างไรดี” จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าตนเองพูดไม่ออก ไม่มีข้อแก้ตัวหรือเหตุผลใดๆกับเป่หมิงโม่ที่ดูปกติธรรมดาแบบนี้ พูดคุยอย่างใจเย็น
ทุกๆคำพูดของเขาดูเหมือนจะเป็นการเชื้อเชิญตนเอง แต่จริงๆแล้วตนเองก็ไม่ได้เตรียมตัวใดๆ
มองไปที่ท่าทางของเธอ เป่หมิงโม่ก็คาดเดาอะไรบางอย่างได้ เขายิ้มเล็กน้อย “อันที่จริงผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนจากคุณ ผมแค่อยากจะบอกคุณ คุณมาที่นี่ตอนไหนก็ได้ และจะไปตลอดไหนก็ได้ ผมไม่ได้จำกัดอิสระใดๆของคุณ”
“ขอบคุณ” กู้ฮอนในขณะนี้ ก็พูดได้เพียงคำขอบคุณที่ดูห่อเหี่ยว
“พวกเรารีบลงไปกันเถอะ ตอนนี้ก็สายแล้ว เดาว่าหลังจากที่เด็กน้อยสามคนตื่นแล้วก็คงจะเรียกหาของกินแล้วล่ะ” เป่หมิงโม่ยื่นมือไปจับมือของกู้ฮอน จากนั้นผลักประตูอีกบานของห้องเสื้อผ้าที่ออกไปยังด้านนอก
“อ๊ะ คุณนี่มันจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ยังจะมาเป็นกระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามโพรงแบบนี้อีก ยังคิดว่าคุณก็คงจะเป็นวิชาทะลุกำแพงของนักพรตเต๋าเหลาซาน กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ ดูแล้วครั้งต่อไปฉันจะต้องปิดประตูทั้งสองบานให้แน่นถึงจะเป็นการดี” หลังจากกู้ฮอนเดินไปถึงทางเดิน ในที่สุดก็นึกขึ้นได้
“เยี่ยม ผมก็รออยู่” ใบหน้าของเป่หมิงโม่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของการรอคอย
กู้ฮอนก้มหน้าลงและไม่ได้พูดอะไร
หลังจากพวกเขาลงไปถึงชั้นล่างแล้ว อันดับแรกก็ได้กลิ่นหอมที่ลอยมาจากในห้องครัว
ที่นี่มีแต่เพียงกู้ฮอนและพวกเด็กๆอยู่หนิ นอกจากกู้ฮอนแล้ว จะมีใครที่สามารถตื่นแต่เช้ามาทำอาหารได้อีกล่ะ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเร็วมาก ตอนที่ยังไม่เห็นตัวจริงก็ได้ยินเสียงของเด็กๆทั้งสามคนดังออกมาจากในห้องครัว
“เฉิงเฉิง นายทำเสร็จหรือยัง ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว……”
เมื่อฟังก็รู้ว่าเป็นเสียงของหยางหยาง
ต่อมา ก็เป็นเสียงงุ้งงิ้งของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง “พี่เฉิงเฉิง ไม่ให้พี่หยางหยางกินนะ พวกเราต้องรอพ่อและหม่ามี๊มากินด้วยกัน”
หลังจากเป่หมิงโม่ได้ยิน บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มของความสุข
เขารู้สึกปลื้มใจเล็กน้อยและสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของเด็กๆ พวกเขายังเล็กมาก แต่ก็รู้จักที่จะใส่ใจคนอื่น
กู้ฮอนไม่ต้องพูด ก็ยิ่งทำให้ภายในใจก็รู้สึกถึงความหอมหวาน
“ลูกรัก พวกลูกทำอะไรกันอยู่ เอามาให้แม่ดูหน่อยเร็ว” กู้ฮอนปรากฏตัวในห้องอาหารด้วยความยิ้มแย้ม
“แม่ ในที่สุดพวกคุณก็มาแล้ว ถ้าพวกคุณมาช้ากว่านี้ล่ะก็ เดาว่าทั้งชีวิตนี้ผมคงจะไม่ได้เจอกับพวกคุณแล้ว……” ในที่สุดหยางหยางก็มองเห็นถึงผู้ช่วยชีวิต
“หม่ามี๊ คุณมาแล้ว ไม่งั้นอาหารเช้าที่พี่เฉิงเฉิงทำก็จะต้องพี่หยางหยางกินจนหมด……”
“พวกเราก็มาแล้วนี่ไง สรุปว่าพวกเธอเตรียมอะไรไว้กินกันเอ่ย” กู้ฮอนมองไปรอบๆอีกครั้ง นอกจากตะแกรงไม่กี่อันแล้วก็ไม่มีอะไรอื่นแล้ว
แน่นอนว่า แม้ว่าจะมีแต่เธอก็ดูไม่ออก เป็นเวลาสักพักแล้วที่ได้มาที่นี่เมื่อครั้งก่อน
“ดูเหมือนว่าเช้าวันนี้พวกเด็กๆทั้งสามคนจะได้เตรียมอาหารอร่อยไว้ให้พวกเราแล้ว สิ่งนี้เป็นความเคยชินแล้ว การนอนเร็วและตื่นเช้า ต่อไปพวกเธอก็ต้องพยายามามทำให้ได้ต่อเนื่อง เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว อย่างนั้นพวกเรากินข้าวกันเถอะ”
คำพูดเหล่านี้ของเป่หมิงโม่จบลง เขายังไม่ได้เริ่มขยับตะเกียบ หยางหยางก็รีบยื่นมือไปยังตะแกรงเหล่านั้นทันที
***
ตะแกรงเปิดออก เห็นแต่เพียงจานใบหนึ่งอยู่บนโต๊ะ ข้างในมีขนมแป้งทอดที่ยังคงร้อนอยู่ นอกจากนี้ มีน้ำเต้าหู้ที่ร้อนอยู่ด้วย
“ขนมแป้งทอดกับน้ำเต้าหู้เนี่ยนะ นี่เป็นวิธีการกินที่แปลกใหม่มาก” เป่หมิงโม่พูดจบ หยิบตะเกียบคีบชิ้นเล็กๆขึ้นมากิน
“อืม เป็นรสชาติที่พิเศษมากจริงๆ อร่อยมาก ฉันให้สิบคะแนนเลย” เป่หมิงโม่พยักหน้าซ้ำ ๆ
กู้ฮอนซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างก็เหลือบมองมาที่เขา
ตอนนี้ผู้ชายคนนี้เต็มไปด้วยความรักที่ท่วมท้นแล้วล่ะ ไม่เคยเห็นเขาชื่นชมใครขนาดนี้มาก่อน แต่ในเมื่อเขาได้พูดมาขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นตนเองก็ต้องชิมสักคำแล้ว
เธอก็ได้คีบขนมชิ้นเล็กเข้ามาในปากอย่างระมัดระวัง
รสชาติไม่เลวจริงๆ
สามารถมีฝีมือได้แบบนี้ สำหรับเด็กเล็กแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“เป็นขนมที่อร่อยมาก มาให้ฉันทายซิว่าใครเป็นคนทำ……” นิ้วของกู้ฮอนชี้ไปยังพวกเขาทั้งสามคน ในที่สุดก็ไปหยุดอยู่ตรงร่างของเฉิงเฉิง
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ น่าจะเป็นฝีมือของเฉิงเฉิงสินะ”
ในตอนนี้เฉิงเฉิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ทำครั้งแรก แม่ พ่อไม่จำเป็นต้องมายอผมขนาดนี้หรอก”
ท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตนในการกระทำของเขาในครั้งนี้ ไม่ว่าเป่หมิงโม่หรือกู้ฮอนก็ต่างเห็นด้วยอย่างมาก
แต่ หยางหยางก็ได้หยุดอีกครั้ง “พ่อ แม่พวกคุณลำเอียง”
“พวกเราลำเอียงงั้นหรือ” สิ่งนี้ทำให้เป่หมิงโม่และกู้ฮอนรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก
หยางหยางพูดต่ออีกว่า “ขนมอันนี้นอกจากเฉิงเฉิงแล้ว ก็ต้องอาศัยผมกับน้องสาวด้วยนะ”
“จริงหรือ” กู้ฮอนยื่นมือออกไปลูบหัวน้อยๆของจิ่วจิ่ว “จริงหรือ ทารกน้อยของบ้านเราก็ทำกับข้าวเป็นแล้ว”
“เปล่า ฉันกับพี่หยางหยางแค่ล้างลูกเกดและนวดแป้ง อย่างอื่นพี่เฉิงเฉิงเป็นคนทำเองทั้งหมด”
“ในตอนนี้พวกเธอถ่อมตัวแบบนี้ อย่างนั้นฉันกับแม่ของพวกเธอจะไม่ทำอะไรเพื่อขอบคุณพวกเธอก็คงไม่ได้” พูดจบ เป่หมิงโม่ก็มองออกไปนอกห้องอาหาร “ฉันอนุญาตให้พวกเธอไปเปิดของขวัญใต้ต้นคริสต์มาสได้ พวกเธอคิดว่าอย่างไร”
มีของขวัญให้เปิด! เมื่อเด็กสามคนได้ยินก็มีความตื่นเต้น โดยเฉพาะหยางหยาง ถือได้ว่ามีความกระตือรือร้นที่จะลอง ถ้าก่อนหน้านี้รสชาติไม่อร่อย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะค่อนข้างหิว และก็ต้องเปิดของขวัญ
*
อาหารมื้อนี้กินแล้วอิ่มจริงๆเลย โดยเฉพาะหยางหยางคนที่เห็นการกินแล้วไม่สนใจอะไรอีก หน้าท้องน้อยๆดูแล้วก็ป่องขึ้นม