เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1065 ความหมายของเทศกาลคริสต์มาส
- Home
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1065 ความหมายของเทศกาลคริสต์มาส
บทที่ 1065 ความหมายของเทศกาลคริสต์มาส
“แกะกล่องของขวัญ……” เขาทนไม่ไหวแม่เพียงครู่หนึ่ง หลังจากพูดจบก็กระโดดลงจากเก้าอี้ และวิ่งไปยังต้นคริสต์มาสอย่างรีบร้อน
หลังจากนั้นก็คือจิ่วจิ่ว สำหรับเรื่องของขวัญแล้วเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น โดยเฉพาะกล่องแบบนั้น ด้านในนั้นจะมีตุ๊กตาอยู่ด้วยหรือเปล่า
เมื่อเทียบกับพวกเขา คนที่นิ่งเงียบอย่างมั่นคงที่สุดคือเฉิงเฉิง เขามีท่าทีไม่รีบร้อนเร่งรีบ ดูไปแล้วเหมือนจะไม่เหมาะกับวัยของเขา
“หยาง จิ่วจิ่วพวกเธอรออยู่ตรงนั้นนะ อย่าขยับสิ่งของใดๆนะ” ในตอนนี้เป่หมิงโม่ก็พูดขึ้นมา
จากนั้นเขาก็มองไปยังถ้วยชามที่ว่างเปล่าด้านหน้าของกู้ฮอนและเฉิงเฉิง “พวกเราไปด้วยกันเถอะ”
*
ต้นคริสต์มาสสูงใหญ่ ห้อมล้อมด้วยผู้ใหญ่สองคนและเด็กอีกสามคน
“เด็ก ๆ พวกเธอรู้ไหมว่าวันคริสต์มาสหมายถึงอะไร” กู้ฮอนนั่งลงข้างเป่หมิงโม่ ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
จิ่วจิ่วส่ายหน้า เธอยังเด็กเกินไปที่จะคิดอะไรออก
สำหรับหยางหยาง เขากลอกตาไปยังเพดาน จากนั้นก็ดีดนิ้วเสียงดัง “ผมรู้!”
***
กู้ฮอนส่งสายตามองไปยังหยางหยาง เผยให้เห็นสีหน้าของความสงสัยอย่างชัดเจน
แม้ว่าจะปฏิเสธไม่ได้ ว่าเขาเติบโตมาในประเทศสหรัฐอเมริกา แน่นอนว่าต้องผ่านวันคริสต์มาสมาไม่น้อย แต่สำหรับสิ่งนี้ ‘เทศกาลของต่างประเทศ’ กู้ฮอนก็ไม่มีอารมณ์จะไปในตอนนั้น
แน่นอน ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ ในเวลานั้น อารมณ์ของเธอไม่ค่อยดี เมื่อใดก็ตามที่เธอได้เห็นหยางหยางเธอก็จะคิดถึงเรื่องอื่น
แม้จะรู้ว่าเด็กคนนั้นถูกพวกคนมีเงินมาพาไป แต่ก็ยังคงเป็นกังวลว่าเขาจะเป็นอยู่ดีหรือเปล่า จะถูกรังแกบ้างไหม
นี่คือสัญชาตญาณโดยกำเนิดของผู้เป็นแม่ แม้ว่าจะได้พบกับเด็กคนนั้นอย่างเร่งรีบ แต่พบกันครั้งนี้ก็ช่วยให้พวกเขาติดต่อกันแน่นแฟ้นขึ้น
ทุกครั้งที่ฉลองวันคริสต์มาส ก็จะหมายถึงผ่านไปอีกปีหนึ่งแล้ว หยางหยางก็โตขึ้นอีกปี เด็กคนนั้นก็โตขึ้นอีกปีเหมือนกัน
เมื่อมองรูปร่างลักษณะของหยางหยางแล้วก็เหมือนกับเด็กคนนั้นที่อยู่ข้างกายเขา หลายครั้งที่จะแทนที่ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนใดคนหนึ่งหายไป
แต่สำหรับสิ่งเหล่านี้ ในฐานะของหยางหยางก็ไม่สามารถรู้ได้อย่างแน่นอน เขาในเวลานั้น แม้ว่าไม่ค่อยจะรู้ว่าเทศกาลคริสต์มาสคืออะไร แต่ก็รู้ในทุก ๆวัน ล้วนแต่กลายเป็นมีชีวิตชีวา
ความประทับใจแบบนี้อยู่จนกระทั่งกลับประเทศ หลังจากได้ผ่านเทศกาลตรุษจีนครั้งแรก จึงรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งว่าเทศกาลของชาวต่างชาติไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
สำหรับหยางหยางที่ชื่นชอบความครึกครื้น เทศกาลตรุษจีนดูจะเหมาะกับเขามากกว่า
ไม่เพียงแค่นั้น สองเทศกาลนี้ยังมีลักษณะร่วมกัน
ในขณะนี้ หยางหยางก็พูดโพล่งเสียงดังขึ้นมา “ความหมายของเทศกาลคริสต์มาสก็คือการได้รับของขวัญ”
กู้ฮอนย่นหน้าผาก ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ คำพูดที่เด็กน้อยคนนี้พูดออกมาไม่ได้มีอะไรจริงจัง เธอแอบโกรธอยู่ภายใน “แล้วเทศกาลตรุษจีนล่ะคืออะไร”
หยางหยางกล่าวอย่างมั่นใจ “ยังต้องถามอีกหรือ ก็ต้องเป็นการรับเงินสิ”
ประโยคนี้ทำให้เป่หมิงโม่เกือบจะหัวเราะออกมา
แต่เขาก็ยังสามารถควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี สำหรับเด็กคนหนึ่งแล้ว คำตอบแบบนี้ไม่ใช่คำตอบที่จริงจังอะไร
คงพ่ายแพ้หยางหยางอย่างสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ อีกอย่าง การพ่ายแพ้ของหยางหยาง ก็ทำไมไม่ยืนยันความพ่ายแพ้ของตนเอง
แม้ว่าจะรักและเอาใจใส่เด็ก ๆเหมือนกัน แต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าแบบนี้ดีสำหรับเขา ความรักและเอาใจใส่ที่แท้จริงคือการให้เข้าเข้าใจและรู้ให้มากเข้าไว้ และเรียนรู้ความเป็นมนุษย์
สำหรับสิ่งเหล่านี้ กู้ฮอนทำไม่ได้เลยจริง ๆถึงกับทำได้ไม่ดี
จิ่วจิ่วมองดูแม่ที่มีท่าทางแข็งทื่อ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้หม่ามี๊กำลังคิดอะไรอยู่
ไม่ว่าเป็นเทศกาลคริสต์มาสมาสหรือเทศกาลตรุษจีน สำหรับจิ่วจิ่วที่มีอายุน้อยที่สุดในบ้านนี้ เธอยังคงไม่มีแนวความคิดใด ๆ
ในที่สุด กู้ฮอนก็ละทิ้งความคิด และมองไปยังเฉิงเฉิง “ลูก นายลองพูดบ้างสิ”
คำตอบของหยางหยางเมื่อกี้นี้ หลังจากเฉิงเฉิงได้ยินก็ค่อนข้างประหลาดใจ เขารู้สึกว่าปกติแล้วไม่ว่าหยางหยางจะพูดจาอะไรที่ไม่มีแหล่งที่มา อย่างน้อยกับคำถามแบบนี้ ก็ควรจะมีสามัญสำนึกสักหน่อย
แต่ความคิดแบบนี้กลับพังอย่างสิ้นเชิง
แน่นอน สำหรับเด็กคนหนึ่งแล้วของขวัญและแต็ะเอีย ก็เป็นของที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆสำหรับสองเทศกาลนี้
แม้แต่สำหรับพวกเขา ทั้งสองสิ่งที่แสดงถึงความหมายสูงสุดของเทศกาล
แต่ เฉิงเฉิงก็ไม่อาจทำให้ผู้ใหญ่ผิดหวังได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกู้ฮอนที่ให้ความหวังมาที่เขาเป็นอย่างมาก
***
เฉิงเฉิงยืนตัวตรง ในฐานะที่เป็นลูกคนโตของบ้าน เขามีความรับผิดชอบที่จะต้องปลูกฝังความคิดที่ถูกต้องให้กับน้องชายและน้องสาว
“แม่ ผมคิดว่าไม่ว่าจะเป็นเทศกาลคริสต์มาสของต่างชาติ หรือเทศกาลตรุษจีนของประเทศจีน ก็ล้วนแต่มีความหมายสุดท้าย ตั้งแต่ยังเด็ก ก็คือการที่คนในครอบครัวจะได้อยู่ด้วยกัน ส่งมอบคำอวยพรให้แก่กัน อวยพรให้ทุกคนมีความสุขสุขภาพแข็งแรงในอนาคตที่จะมาถึง แต่เมื่อโตขึ้น นั้นก็คือการที่ผู้คนได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและมิตรภาพ ได้รู้จักการให้ความสุขกับคนอื่นมากกว่าการรับมา แบ่งปันความสุขซึ่งกันและกัน นั่นคือสิ่งที่ผมเข้าใจโดยคร่าว ๆ”
หลังจากเป่หมิงโม่และกู้ฮอน ก็พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ สำหรับเฉิงเฉิงที่อายุขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจความหมายระดับนี้ได้
“เฉิง พูดได้ดีจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจความหมายของเทศกาลจริง ๆ แต่ สิ่งที่หยาง พูดก็พูดได้ถูกต้องในด้านหนึ่ง การจะนำความสุขมาสู่ผู้คน เช่นเดียวกัน การได้รับความสุขจากผู้อื่น ก็ไม่ได้มีอะไรผิด ดังนั้น ฉันจะไม่ตัดสินพวกเขาว่าถูกหรือผิด เนื่องจากตอนนี้พวกเรามีของขวัญมากมาย อย่างนั้นพวกเรามารับเอาความสุขที่ของขวัญมอบให้กับพวกเราดีกว่า ตอนนี้เปิดของขวัญกันได้แล้ว!”
“ว้าว! เยี่ยมไปเลย” หลังจากพวกเด็กๆ ส่งเสียงเชียร์ได้สักพัก ก็เริ่มลงมือแกะของขวัญชิ้นใหญ่น้อยทุกขนาด
“หม่ามี๊ อันนี้ฉันให้แม่” จิ่วจิ่วก็อุ้มกล่องของขวัญที่ยังไม่เปิดกล่องหนึ่งเดินมาตรงหน้าของกู้ฮอน
กู้ฮอนนิ่งไปครู่ภายในใจรู้สึกได้ถึงความตื้นตันใจ
คิดไม่ถึง จิ่วจิ่วยังเล็กขนาดนี้ แต่เธอดูเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่เฉิงเฉิงพูด
“หม่ามี๊ขอบใจ ทารกน้อยสำหรับของขวัญ มาหอมหน่อย……” กู้ฮอนรับกล่องของขวัญ และจูบลงบนหน้าผากในเวลาเดียวกัน
“แม่ นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้แม่” ในตอนนี้หยางหยางเดินเข้ามาด้านข้างของกู้ฮอนพร้อมกับกล่องใบหนึ่ง
กู้ฮอนยกมือขึ้นอย่างผ่อนคลายลูบไปบนศีรษะน้อยๆของเขา “ทำไมกัน นายไม่รีบไปรับของขวัญ เอามาให้แม่เพื่ออะไร”
หยางหยางใช้นิ้วก้อยอุดรูจมูก “แม่ ผมรู้ว่าที่พูดเมื่อกี้นี้ทำให้แม่อับอาย อันที่จริงผมก็รู้การแบ่งปันในครอบครัวสำคัญที่สุด แต่ตอนนั้นผมคิดเรื่องอื่นอยู่ ดังนั้นแม่จะแม่โกรธผมไม่ได้”
“เจ้าเด็กน้อยคนนี้ ขอบใจลูกมากนะ มาให้แม่หอมเหมือนกัน แต่คราวหน้าลูกต้องจำไว้ว่า ไม่ว่าจะพูดอะไร หรือพูดเรื่องอะไรก็ไม่ควรจะพูดออกมาทั้งหมดโดยไม่กลั่นกรอง จะต้องคิดให้ดีไว้ในใจตัวเองก่อนที่จะลงมือทำลงไปเข้าใจไหม อย่าทำอะไรไม่ระมัดระวัง แม้ว่าต่อหน้าเฉิงเฉิงลูกจะเป็นน้องชาย แต่ต่อหน้าจิ่วจิ่วลูกก็เป็นพี่ชายแล้ว เป็นพี่ชายก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องสาวเข้าใจไหม”
หยางหยางพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “แม่ แม่วางใจเถอะ ผมจะเป็นตัวอย่างให้น้องสาวแน่นอน”
ถัดไปก็คือเฉิงเฉิงแล้ว ในมือของเขาก็เอากล่องของขวัญมาด้วย “แม่ นี่ผมให้แม่ครับ แม้ว่าไม่รู้ว่าของข้างในจะเหมาะกับแม่หรือเปล่า แต่มันก็แสดงความรู้สึกของผมที่มีต่อแม่ได้”
กู้ฮอนมองไปยังเด็กทั้งสามคน ในสายตาของเธอเริ่มเปล่งประกาย เธอพาตัวเด็กทั้งสามมาไว้ในอ้อมแขนของตนเอง
พวกเขาล้วนแต่เป็นเลือดเนื้อของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นใครในใจของกู้ฮอนก็ไม่ได้แบ่งแยก “ขอบใจพวกเธอมาก ลูกของฉัน พวกเธอคือเทพบุตรนางฟ้าในชีวิตฉัน”
***
ในที่สุดก็มาถึงเป่หมิงโม่ ในมือของเขามีกล่องของขวัญหากเปรียบกับของพวกเด็ก ๆ ไม่ได้เป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุด
“ชิ้นนี้ผมให้คุณ หวังว่าสิ่งนี้จะอยู่กับคุณตลอดเวลาในวัยเวลาจากนี้ไป สุขสันต์วันคริสต์มาส”“ขอบคุณนะ” กู้ฮอนรับเอามา กล่องใบนี้ก็มีน้ำหนักอยู่บ้าง
หลังจากเด็กทั้งสามคนให้ของขวัญกับแม่เสร็จแล้ว ก็หยิบกล่องของขวัญออกมาสามกล่องแล้วส่งให้เป่หมิงโม่
ในความเป็นจริงสิ่งของเหล่านี้เป่หมิงโม่เป็นคนซื้อมา ในตอนแรกคิดเพียงว่าขอแค่ให้เด็กๆและกู้ฮอนได้มีความสุขในเทศกาลคริสต์มาสก็เพียงพอแล้ว
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ ตนเองก็ได้รับคำอวยพรของพวกเด็กๆเช่นกัน
สำหรับเป่หมิงโม่แล้วนี่เป็นเทศกาลคริสต์มาสที่มีความหมายมากเลยจริงๆ
“พ่อแม่ พวกเราอยากจะเอาอีกสักหน่อยไปให้ คุณย่าและคุณปู่โม่ และยังมีพวกลุงสามอีกได้ไหม”
สิ่งนี้ทำให้หยางหยางได้เรียนรู้จากชีวิตจริง เนื่องจากได้ถูกเฉิงเฉิงช่วงชิงความสนใจไปตั้งแต่ต้นแล้ว อย่างนั้นต่อไปก็คงจะไม่ยินยอมที่จะเป็นเบี้ยล่างอีกแล้ว
“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดีจริง ๆ แต่ดูเหมือนของขวัญพวกนี้จะไม่ค่อยเหมาะสมกับพวกเขา พวกเราออกไปซื้อให้พวกเขากันตอนนี้เลยดีไหม”
เป่หมิงโม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของหยางหยาง อันที่จริงตอนที่เขาเตรียมของขวัญก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน แต่หากจะพูดตามตรงถ้าให้เขาเอาไปให้ละก็ ยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
คำพูดของหยางหยางถูกใจเขามาก เป็นเรื่องที่ดีที่จะส่งคำอวยพรให้กับพวกเขาในนามของพวกเด็กๆ
ไปกันเลยในทันที เป่หมิงโม่ขับรถออกไป พากกู้ฮอนและพวกเด็กๆออกจากวิลล่าบนเนินเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากช้อปปิ้งเกือบสามชั่วโมง พวกเด็กๆก็ได้ของขวัญที่ตนเองต้องการจะเตรียมไว้ แน่นอนว่ารวมถึงกู้ฮอนและเป่หมิงโม่ด้วย
ในรายชื่อที่พวกเขาต้องไปเยี่ยมเยียน มีหรูเจี๋ยกับโม้จิ่งเฉิง แอนนิกับหยินปู้ฝัน ครอบครัวของฉิงฮัว แน่นอนว่ายังมีสมาชิกของบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง
พวกเขาขับรถที่เต็มไปด้วยของขวัญอย่างช้าๆไปทิศทางของโรงแรมแมนดาริน
“พ่อเหมือนซานตาคลอสเลย ลากของขวัญมาตั้งเยอะแยะ”
“ใช่แล้ว เคยเห็นอยู่ในการ์ตูน ซานตาคลอสจะไปกับรถลากโดยกวางเรนเดียร์ ในรถก็มีของขวัญเยอะแยะ” จิ่วจิ่วก็ว่าตาม
กู้ฮอนนั่งอยู่ด้านข้างของเป่หมิงโม่ มองไปยังเขาและยิ้ม “พ่อของพวกเธอวันนี้นอกจากจะเป็นซานตาคลอสแล้วก็ยังเป็นกวางเรนเดียร์ด้วย จะเป็นการซื้อของขวัญหรือลากของขวัญก็อยู่ที่เขาคนเดียว”
“ฮ่า ๆ ๆ …”
ทันใดนั้นทั้งรถก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
เป่หมิงโม่สร้างเรื่องตลกให้กับพวกเขาเช่นนี้ ในใจก็มีเพียงความรู้สึกเดียว นั่นก็คือดีใจมาก
*
“คุณย่า คุณปู่โม่ พวกเรามาหาพวกคุณแล้ว สุขสันต์วันคริสต์มาส!”
เมื่อโม้จิ่งเฉิงเปิดประตูออก พวกเด็กๆก็ส่งเสียงร้องอย่างพร้อมเพรียงกัน
สิ่งเหล่านี้ทำให้โม้จิ่งเฉิงล้วนแต่คิดไม่ถึง บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “สุขสันต์วันคริสต์มาสนะเด็กๆ รีบเข้ามา รีบเข้ามา”